Home / โรแมนติก / ข้างห้องคือคนข้างใจ / บทที่ 8 ภารกิจจ่ายตลาด (2)

Share

บทที่ 8 ภารกิจจ่ายตลาด (2)

last update Last Updated: 2025-11-06 18:19:58

          ขณะกำลังทดลองความถนัดไม้พายในอากาศ โตโตะก็คว่ำตัวในรถตาข่ายแล้วพยายามเอาหัวลอดออกมาอีกครั้งเพื่อจะ “ช่วยเลือก” ยิ่งฉันเล่นไม้อยู่ มันยิ่งตื่นเต้น หางส่ายจนรถตาข่ายขยับภีมเลยเอื้อมมือแตะเบา ๆ “ใจเย็นครับผู้ช่วย”

          พนักงานคนหนึ่งที่ยืนเรียงของอยู่ข้าง ๆ เห็นเข้าก็หัวเราะ “พี่คะ น้องหมาน่ารักจัง แบบนี้เรียกว่า ‘หมอความ’ เพราะพร้อมจะช่วยทุกเรื่อง” เราหัวเราะกันทั้งสามคน สถานการณ์เล็ก ๆ ที่ทำให้จ่ายตลาดวันนี้ไม่เหมือนทุกครั้งก่อนในชีวิตฉัน

          ได้ของครบพอประมาณแล้ว เราแยกคิวแคชเชียร์คนละสายด้วยความตั้งใจของฉันว่าจะจ่ายของตัวเอง (อย่างภาคภูมิ)

          คิวฉันขยับไปช้า ๆ ฉันหยิบของขึ้นสายพานเรียงสวยงาม กระดาษทิชชู่ เนย ผักโขม พาสต้า นม ไข่ คนข้างหลังยกนิ้วให้กับฝีมือเรียงของ (หรือฉันคิดไปเองก็ได้) และถึงคราวรูดบัตร…ฉันควานในกระเป๋า “บัตรสมาชิก…ฉันมีไหมนะ” ควานไปควานมาสักพักไม่เจอ จึงยกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ใส่เบอร์โทรก็ได้ใช่ไหมคะ” พนักงานยิ้ม “ได้ค่ะ” ฉันพิมพ์เบอร์ตัวเองระบบบอก “ไม่พบ” …อ่า อาจไม่เคยสมัคร

          ฉันกำลังจะแซวตัวเองว่าทำไมถึงเป็นประชาชนไร้บัตรสมาชิกในปีนี้ ก็มีมือหนึ่งวางบัตรสีน้ำเงินเข้มลงบนเครื่องสแกน “ใช้ของผมก่อนครับ” เสียงภีมดังจากด้านข้างโดยที่ฉันไม่ทันเห็นว่าเขายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

          “เฮ้ย ไม่เป็นไร” ฉันจะปฏิเสธ เขาส่ายหน้านิดเดียว “บัตรผมมีโปรลดเนยกับนมพอดีครับ” น้ำเสียงเรียบ ๆ แบบไม่ยัดเยียด พนักงานมองหน้าเราแล้วยิ้ม ยิ้มแบบเข้าใจในภาษากายมนุษย์สองคนที่ยังทำเป็น “เพื่อนบ้าน” อยู่ ฉันจึงยอมให้สแกนโดยดี

          จ่ายเสร็จ ฉันบอก “เดี๋ยวฉันชดเชยด้วยการซื้อกาแฟให้นะคะ” เขาส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่ต้องครับ คุณช่วยชิมให้บ่อย ๆ ก็พอ”

          “จ้า…” ฉันยิ้มแห้ง ๆ แต่หัวใจอบอุ่นแปลก ๆ

          ขณะฉันเก็บของลงถุงผ้า ภีมก้มลงหยิบของจากสายพานของเขาอย่างเร็ว เก็บลงถุงเรียบร้อย และ…แวะไปจ่ายอะไรที่เคาน์เตอร์เล็ก ๆ ข้าง ๆ หนึ่งรายการ ฉันไม่ได้ทันสังเกต (หรือคิดว่าไม่ควรสอดรู้สอดเห็นมากนัก) เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็กลับมาพร้อมรถเข็นโตโตะ

          “กลับเลยไหมครับ” เขาถาม “ถุงคุณหนักไหม”

          “พอได้ค่ะ แต่ถ้าขึ้นทางลาดยางอาจต้องใช้แรงอีกนิด” ฉันหัวเราะ

          ทางเดินกลับคอนโดอากาศยังดี โตโตะโน้มหน้ามองโลกจากรถตาข่ายอย่างภูมิใจ บางคนเดินสวนมาเห็นก็ยิ้มให้เด็กดีสี่ขา ภีมรับถุงของฉันมาถุงหนึ่งโดยไม่ถามเยอะ

          ถุงที่มีของหนักอย่างนมกับพาสต้า ฉันถืออีกถุงที่เบากว่า เราก้าวข้างกันโดยไม่พูดอะไรมากก็มีความสุขแบบแปลก ๆ คล้ายเหมือนเดินกลับบ้านหลังจากซื้อของเข้าบ้านกันมานานแล้ว

          “ขอบคุณนะคะที่ช่วยเรื่องบัตร” ฉันเริ่มบทสนทนาเบา ๆ

          “ยินดีครับ” เขาตอบง่าย ๆ เสยปอยผมที่ปลิวตามลมของฉันให้พ้นแก้มอย่างเผลอตัวแล้วเหมือนเพิ่งรู้ตัวจึงถอนมือช้า ๆ ฉันหัวใจเต้นโครมครามสองวินาที ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วชี้ไปที่ถุงของเขา “ได้อะไรบ้างคะ”

          “ของร้านกับของที่ห้องผสมกันครับ” เขาตอบ “และ…ของนิดหน่อย”

          “ของนิดหน่อย?” ฉันทวน เขาเพียงยิ้ม ไม่เฉลย

          ขึ้นลิฟต์ถึงชั้น 18 เราแยกไปที่หน้าห้องของฉันก่อนเพราะจะวางของและสลับถุง ฉันเปิดประตูโมจิเดินออกมาต้อนรับเหมือนผู้ใหญ่บ้าน “เหมียววว” เสียงยืด ๆ ตามสไตล์มัน โตโตะดูกระดิกหาง ชัดเจนว่าอยากพูดว่า “รายงานตัวครับ!” ฉันหัวเราะ “เข้ามาได้ แต่คนละบทบาทนะคะ คุณหมาอย่าเดินทั่ว” ภีมพยักหน้า “ขอวางของหน้าประตูก็พอ เดี๋ยวผมไม่กวน”

          เราช่วยกันวางของบนโต๊ะโอ๊คใหม่ ฉันจัดผักในตะกร้า ตากผ้าเช็ดให้แห้ง หยิบเนย นม และไข่เข้าตู้เย็นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ระหว่างนั้นภีมวางถุงใบเล็กไว้ข้างกองของฉันแล้วทำเป็นคุยเรื่องเมนู “เย็นนี้ถ้าคุณไม่เหนื่อย ลองผัดกระเทียมเห็ดกับพาสต้าง่าย ๆ ไหมครับ ผมเขียนสัดส่วนให้” เขาดึงกระดาษโพสต์อิทออกมา จดอย่างเร็ว “น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 2 กลีบ พริกแห้งครึ่งเม็ด ผัดพอหอม ใส่เส้นที่ต้มแล้วกับน้ำเส้นนิดหน่อย เกลือปลายช้อน ชิมก่อน ถ้าจืดค่อยเติม”

          “โอ้โห ขอบคุณมากค่ะ” ฉันรับโพสต์อิทไว้เหมือนรับแผนที่ขุมทรัพย์

          พอเขาขยับ ฉันเห็นถุงเล็กที่วางไว้ “อันนี้ของคุณเหรอคะ” เขาส่ายหน้า “ของคุณครับ เผื่อมีคนมาบ้านบ่อยขึ้น” เขายิ้ม

          ฉันงงนิด ๆ แล้วเปิดดู…เป็นแพ็กเล็กที่ฉันแอบชอบตอนอยู่ในโซนของใช้ ที่รองแก้วลายแมว–หมา ฉันเงยหน้าขึ้น “คุณ…เมื่อกี้—”

          “จ่ายตอนคุณกำลังจัดของบนสายพานครับ” เขาตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ “ถือว่าเป็นของฝากจากทีมชั้น 18”

          ฉันหัวเราะออกมาแบบไม่กลบเกลื่อน “ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” คำว่าขอบคุณจากปากฉันวันนี้เหมือนมีหลายระดับ อันนี้อยู่ระดับที่ทำให้ตาฉันยิ้มด้วย

          “งั้นผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพาโตโตะไปเดินอีกรอบแล้วลงร้าน” เขาจับสายจูง สบตาฉันครู่หนึ่ง ครู่เดียวที่พอให้หัวใจฉันแวะมาเอาแรง แล้วหันไปพูดกับโตโตะ “บอกคุณมะปรางก่อนครับ”

          โตโตะ “บู้” อย่างตั้งใจหนึ่งที ก่อนจะถูกพาออกไป ผมตลกของมันกระดกนิด ๆ เหมือนยิ้ม ฉันยืนส่งหน้าประตู รู้สึกเหมือนบ้านทั้งห้องสว่างขึ้น โดยที่ฉันยังไม่ได้เปิดไฟเพิ่ม

          หลังประตูปิด ฉันยังยืนยิ้มอยู่สักพัก แล้วหันกลับมาที่โต๊ะ หยิบที่รองแก้วขึ้นมาวางลอง หนึ่งแผ่นใต้แก้วน้ำ ฉันเลือกแผ่นแมวให้ตัวเอง แผ่นหมาวางฝั่งตรงข้าม “สำหรับแขกประจำ” ฉันบอกตัวเองเบา ๆ โมจิเดินมาดมแล้วนั่งทับอย่างรู้งาน “อ้าว เธอเลือกหมาเหรอ” ฉันหัวเราะ

          เปิดตู้เย็นดูของ ขยับจัดไว้เป็นแถว ฉันหยิบสมุด “สิ่งดี ๆ ของวันนี้” ขึ้นมาเขียนเพิ่ม

          ไปซูเปอร์มาร์เก็ตแบบมีคู่หู

          รอดจากพื้นลื่นด้วยมือใครบางคน

ได้โพสต์อิทสูตรพาสต้า + ที่รองแก้วแมว–หมา

เริ่มอยากลองทำครัวจริงจัง

          ฉันวางสมุดลงแล้วหยิบมือถือส่งข้อความให้มิ้นท์ “ถึงบ้านแล้ว ได้ที่รองแก้วแมว–หมามาด้วย กรี๊ดเบา ๆ”  เธอตอบแทบจะทันที “ฉันว่าแล้วววววว พ่อเทวดาชั้น 18 = พ่อบ้านใจกล้าอันดับ 1!!!! ส่งรูป!”  ฉันถ่ายรูปบนโต๊ะส่งไป พร้อมรูปโพสต์อิทสูตรอาหาร เธอใส่อีโมจิหัวใจระรัว “เย็นนี้เชฟมะปรางเข้าสู่จักรวาลครัว!” ฉันตอบ “หวังว่าจะไม่ไหม้”

          ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างช้า ๆ ฉันล้างผัก แช่ไว้อย่างที่ภีมบอก ตากบนกระชอนให้สะเด็ดน้ำ เตรียมพาสต้าและกระเทียม พอเย็นหน่อย ฉันเปิดเพลงเบา ๆ จัดครัวให้เรียบร้อย เอาที่รองแก้ววางประจำตำแหน่งอย่างภูมิใจ จัดโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับทดสอบเมนูแรกในชีวิตใหม่

          ก่อนลงมือ ฉันชะโงกดูระเบียง แสงเอนของเย็นวันอาทิตย์พาดลงโต๊ะโอ๊คเป็นเส้นสีทอง ฉันนึกถึงตอนเดินข้างกันผ่านทางเท้ากลับคอนโดพร้อมถุงใส่ของ และเผลอคิดคำๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ…แฟมิลี่เดย์

          มันไม่ใช่แฟมิลี่แบบที่ต้องมีพิธีการ หรือบอกสถานะ เป็นแค่ความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าวันนี้เราสองคนอยู่ในกิจกรรมเดียวกัน มีหมามาร่วมแจม มีแมวรอหน้าประตู และมีเสียงหัวเราะที่ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตดูเป็นสนามเด็กเล่นมากกว่าสนามรบ ภาพนั้นติดอยู่ในหัวใจเหมือนสติ๊กเกอร์หมาที่ภีมแจกเด็ก ๆ เมื่อวาน เล็ก ๆ แต่ยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง

          ฉันเปิดเตา เทน้ำมันมะกอกตามโพสต์อิทของเขา กลิ่นกระเทียมสับเจียวช้า ๆ ลอยขึ้น แล้วฉันก็หัวเราะกับตัวเองเบา ๆ “เชฟมือใหม่ รายงานตัวค่ะ” ใส่พริกแห้งครึ่งเม็ด ตักเส้นลงกระทะ เติมน้ำเส้นนิด หรี่ไฟ คลุก…รสและกลิ่นผสมกันเป็นความเรียบง่าย แบบที่อยู่ได้บนโต๊ะเล็ก ๆ ของใครสักคนที่กำลังเริ่มชีวิตใหม่

          ฉันตักใส่จาน วางบนที่รองแก้วหน้าแมว ยกน้ำขึ้นวางบนที่รองแก้วหน้าหมา (ไว้ให้จินตนาการว่าอีกคนหนึ่งจะนั่งตรงนี้) แล้วส่งข้อความไปหาภีม ไม่ได้ยาว แค่สั้น ๆ ว่า

ฉัน: “ทดสอบสำเร็จค่ะ เชฟโพสต์อิท :) ขอบคุณสำหรับวันนี้ ทั้งซูเปอร์และที่รองแก้ว”

          ไม่ถึงนาที

         ภีม: “ยินดีครับ คุณทำได้อยู่แล้ว เดี๋ยวครั้งหน้าลองเพิ่มเห็ดกับไก่ดู” ต่อด้วยอีกบรรทัด “พรุ่งนี้เช้า 7:50 ลองดริปเมล็ดที่ให้ไว้ไหมครับ ผมจะขึ้นไปดูที่ระเบียง 5 นาที”

          ฉันพิมพ์ตอบโดยไม่ต้องคิด

         ฉัน: “ตกลงค่ะ ผู้ช่วยชิมประจำชั้น 18 พร้อม :)”

          ฉันเอนหลัง มองจานพาสต้าของตัวเองที่ยังคงร้อน ๆ อยู่บนโต๊ะ ข้าง ๆ มีโมจิม้วนตัวนอนพาดขอบ—เหมือนผู้ชมรายการอาหารที่พอใจ ฉันยิ้มบอกตัวเองเบา ๆ ว่า “ภารกิจจ่ายตลาดสำเร็จอย่างเป็นทางการ”

          และใช่…มันอาจแค่เป็นการซื้อไข่ เนย ผักโขม พาสต้า และที่รองแก้ว แต่สำหรับฉัน มันคือการได้รู้ว่า การตื่นเช้าเริ่มมีเหตุผลใหม่…และวันหยุดก็เริ่มมีความหมายที่เรียบง่ายแต่เต็มอิ่ม มากขึ้นทุกที ด้วยคนที่เดินข้างกันโดยยังไม่เรียกชื่อความสัมพันธ์ แค่ช่วยกันเข็นรถ แบกถุงหนัก ๆ และซ่อนของน่ารัก ๆ ไว้ในถุง เพื่อให้ใครสักคนยิ้มตอนเปิดดู

          วันอาทิตย์จบลงด้วยเสียงช้อนกระทบจานเบา ๆ และความเงียบที่ไม่ว่างเปล่า ความเงียบที่มีหมาหนึ่ง แมวหนึ่ง และโพสต์อิทสีเหลืองหนึ่งใบเป็นพยานว่า “ชั้น 18” กำลังกลายเป็นบ้านทีละนิดอย่างนุ่มนวล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 16 พื้นที่ที่ไม่เหมือนเดิม

    “บางความเงียบอบอุ่นกว่าคำขอโอกาส” เสียงกาน้ำเดือดดังแผ่วในห้องครัวเล็ก ๆ ของคอนโด มะปรางเทกาแฟลงแก้ว กลิ่นหอมลอยปะทะจมูกพร้อมความรู้สึกที่ทั้งคุ้นและสั่นเบา ๆ ที่หน้าอก โมจิเดินมาคลอเคลียขา ส่งเสียง “เมี้ยว—” เหมือนรู้ว่าเจ้าของกำลังมีเรื่องกังวล “วันนี้แม่ต้องเจอคนเก่านะ” เธอก้มลงลูบหัวมันเบา ๆ “อย่าให้แม่ใจสั่นมากเลยนะโมจิ” เจ้าแมวตัวกลมตอบกลับด้วยเสียงเบา ๆ แล้วเดินไปนอนบนกระเป๋าผ้า เหมือนจะกันไม่ให้เธอออกจากห้อง โทรศัพท์สั่นเตือนบนโต๊ะภีม: วันนี้ทีมคุณมากี่คนครับ จะได้เตรียมโต๊ะ โตโตะจะได้ไม่เห่าใส่มะปรางเผลอยิ้ม ก่อนพิมพ์ตอบมะปราง: ห้าคนค่ะ รวมลูกค้าด้วย ขอบคุณมากนะคะ ยังไม่ทันวางโทรศัพท์ เสียงโทรเข้าดังขึ้น “มิ้นท์” โผล่มาเต็มจอ “ตื่นยัง ยัยโมจิใหญ่” น้ำเสียงคุ้นเคยดังสดใสแต่แฝงความห่วง “ตื่นแล้วสิ แต่ใจยังไม่พร้อมเจออดีตเท่าไร” “อย่าบอกนะว่ายังใจเต้นอยู่” “เต้นค่ะ...แต่เต้นเพราะกลัวจะทำหน้าตาไม่ถูก” “ดีแล้ว อย่างน้อยเธอก็ยังมีความรู้สึก แปลว่ายังไม่ด้าน” มะ

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 15 คุยงาน…หรือคุยเรา

    เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังสลับกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่เป่าลมเบา ๆ ทั่วออฟฟิศ มะปรางนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม ข้าง ๆ มีกองแฟ้มเอกสารและถ้วยกาแฟเย็นที่ละลายไปครึ่งแก้ว เธอจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ แต่สายตากลับพร่าเพราะใจลอยไปถึงวันปิดกอง ภาพคนที่ยื่นแก้วกาแฟให้เธอด้วยรอยยิ้มเรียบง่ายยังคงวนเวียนในหัวไม่จาง เสียงแจ้งเตือนเมลเด้งขึ้นมาในจังหวะเดียวกับที่เธอถอนหายใจFrom: Natee S.Subject: Debrief Meeting – ขอเวลาคุยงานเพิ่มเติมครับ เธอมองชื่อผู้ส่งอยู่นาน มือที่จับเมาส์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกดเปิดอย่างระมัดระวัง “ปรางครับ มีไอเดียอยากต่อยอดจากแคมเปญนี้นิดหน่อย พอมีเวลาคุยไหมครับ?” ถ้อยคำดูสุภาพ แต่ในใจของเธอกลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยในแบบเดียวกับเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาใช้เสียงเดียวกันพูดว่า “ไว้ค่อยคุยกันนะ” ก่อนหายไปจากชีวิตเธอ มะปรางพิมพ์ตอบในโทนที่เป็นทางการที่สุด “ได้ค่ะ ถ้าเป็นเรื่องงาน รบกวนแจ้งเวลาล่วงหน้า จะได้จัดตารางประชุมให้ค่ะ” ส่งเสร็จเธอรีบปิดเมล แล้วพยายามฝืนทำงานต่อ แต่สมาธิกลับหล่นหายไป

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 14 ทำงานด้วยกัน (2)

    เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่ เหตุการณ์ทดสอบเล็ก ๆ ก็โผล่มาอีกครั้ง ขณะตั้งไฟสองดวงไขว้กันเพื่อให้เงาแก้วดูมีมิติ อยู่ ๆ ไฟในโซนบาร์ก็กะพริบ “แป๊ะ” แล้วดับเงียบทั้งแถบ “อ่าว เบรกเกอร์ไปแล้วเหรอ” พีทร้อง ฉันหันขวับมองนาฬิกา เวลาเริ่มบีบ เพราะเรายังต้องเก็บช็อตสุดท้ายช่วงแสงเย็น ภีมถือไฟฉายเล็กออกมาทันทีเหมือนเตรียมไว้สำหรับเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว “ตรงนี้คงรับกำลังไฟของเครื่องชงกับไฟชุดหนึ่งตัวไม่ไหวครับ เดี๋ยวผมย้ายปลั๊กชุดไฟไปที่อื่นแทน แล้วใช้รีเฟล็กซ์แทนไฟหนึ่งดวง จะได้ไม่ดึงกระแสเกิน” เขาพูดจบก็ลงมือทันที จัดปลั๊กพ่วง เสียบ–ดึง–ลองสวิตช์อย่างใจเย็น ทีมงานที่เหลือช่วยจับรีเฟล็กซ์ขนาดกลาง ภายในห้านาทีไฟกลับมาสว่างแต่ไม่จ้าเกิน ได้ภาพในจออย่างที่อยากได้ “โห…เจ้าของร้านนี่แหละแก้ปัญหาเก่งกว่าช่างไฟอีก” พีทยกนิ้วให้ ฉันยืนมองภาพในจอแล้วหันไปมองเจ้าของร้านตัวจริง คนนั้นยืนเช็ดมือกับผ้าเช็ดบาร์เหมือนเดิม สีหน้าสงบเหมือนตอนชงกาแฟ นาทีนั้นหัวใจฉันนิ่งแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในกองถ่าย เร่งแค่ไหนก็มักจะมีความลนอยู่ในอากาศ แต่เขากลับทำให้ห้องนี้ห

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 14 ทำงานด้วยกัน (1)

    เช้าวันถัดจากทริปเล็ก ๆ ฉันตื่นก่อนนาฬิกาอีกครั้ง เหมือนร่างกายจำสัญญาเงียบ ๆ ระหว่างฉันกับเช้าว่าเราจะเริ่มวันด้วยความอุ่น ไม่ใช่ความรีบ ฉันชงดริปด้วยเมล็ด “ทุ่งหญ้ารุ่นพิเศษ ทริปเล็ก ๆ” ที่ภีมยื่นให้เมื่อคืนก่อน กลิ่นดอกไม้จาง ๆ ลอยขึ้น ปลายรสหวานเหมือนเสียงหัวเราะที่ยังค้างอยู่ในคอจากเมื่อวาน ฉันยกแก้วไปยืนที่ระเบียง เห็นประตูฝั่งตรงข้ามเลื่อนเปิดในเวลาแทบจะตรงกัน ภีมยกแก้วของเขาขึ้นนิด ๆ เราสองคนยิ้มให้กันอย่างไม่ต้องพูดอะไรมาก “วันนี้สู้ ๆ นะครับ” เขาพูดเบา ๆ แต่ได้ยินชัด “คุณด้วยค่ะ” ฉันตอบ ทั้งที่ในหัวเริ่มเรียงงานแบบผู้จัดการกองถ่ายฉบับเร่งด่วน เพราะวันนี้คือวันสำคัญ ทีมฉันต้องถ่ายทำคอนเทนต์ชุด “Warm is a Place” สำหรับลูกค้า และโลเกชันที่เลือกคือร้านของภีม…ที่เดิม หลังอาบน้ำแต่งตัว ฉันเปิดงานในโทรศัพท์ ไลน์กรุ๊ป “กองอุ่นจริง” (ตั้งชื่อตามคีย์เวิร์ด) เด้งข้อความจากพี่นนท์: “คอนเฟิร์ม 10:00 เริ่มเซ็ต ซีนแรกเปิดหน้าร้าน ซีนสองบาร์ ซีนสามโต๊ะไม้ ใครถึงก่อนช่วยแจ้ง” ฉันพิมพ์ตอบ “ฉันถึงก่อน 9:30 ไปเช็กลิสต์พร็อพกับเจ้าของร้านค่ะ” แล้

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 13 ทริปเล็ก ๆ (2)

    เขาเงียบไปเล็กน้อยเหมือนเช็กหัวใจตัวเองก่อนพูด “เคยครับ แต่ภาพนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ รู้แค่ว่าถ้ามีมันคงเหมือนโต๊ะหนึ่งตัวที่คนในบ้านชอบกลับไปนั่งด้วยกัน มีเสียงหัวเราะของสัตว์เลี้ยง มีแก้วน้ำสองใบวางอยู่เสมอ” ฉันยิ้มกว้างกว่าคำถามที่ตั้งใจ “แก้วสองใบ…บนที่รองแก้วสองแผ่น” เขายิ้มกลับ “ครับ” เราลุกขึ้นไปเดินรอบบึงช้า ๆ หลังทานของว่าง ดอกหญ้าสีน้ำนมไหวตามลมเหมือนคนโบกมือทักทายจากสองฟากทาง ฉันเดินถือสายจูงโตโตะ ภีมสะพายตะกร้า ส่วนโมจิอย่างที่คาดขึ้นคานอนบนไหล่ภีมเหมือนราชินีบนราชรถ คนเดินสวนมาหลายคนอดทักไม่ได้ “น้องแมวเก่งจังเลยค่ะ” ภีมยิ้ม “จริง ๆ แล้วเก่งที่ยอมให้ผมแบกมากกว่าครับ” ฉันหัวเราะจนลืมว่าครู่หนึ่งก่อนหน้านี้ฉันเคยล้มกลิ้ง ความเขินจากเหตุการณ์เช้าแปรสภาพเป็นความจำที่น่ารักอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินครบรอบ เรากลับมาที่ผ้าปิกนิก ฉันวางโมจิลง มันเดินตรงไปตรวจคุณภาพอาหารบนจานภีมแล้วนั่งทับรายการกินเหมือนจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง โตโตะหมดแรงนิด ๆ นอนแผ่พุงเหยียดขาตรง ทำหน้าฟินราวกับเพิ่งชนะ

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 13 ทริปเล็ก ๆ (1)

    เช้าวันหยุดหลังคืนดาดฟ้าที่ใจเราเหมือนตกลงสัญญาเงียบ ๆ ฉันตื่นเร็วกว่าปกติทั้งที่ไม่มีนาฬิกาปลุก ลมเช้าจากระเบียงพัดกลิ่นกาแฟที่บดไว้เมื่อคืนโชยเข้ามา โมจิเดินมาวนรอบขาเหมือนนาฬิกาปลุกมีขน ฉันลูบหัวมันแล้วพูดกับตัวเองว่า วันนี้อยากทำอะไรช้า ๆ แบบไม่ต้องชนะเวลา พอเปิดประตูระเบียงก็เจอภีมยืนพาโตโตะออกมารับแดดจาง ๆ เขาส่งยิ้มแบบที่เคยทำ ยิ้มที่ไม่รีบให้คำตอบ แต่บอกว่าอยู่ข้าง ๆ “อรุณสวัสดิ์ครับ” “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันตอบพร้อมยกแก้วน้ำให้โมจิดมเล่น แดดเช้าตีกับราวระเบียงเป็นริ้ว ๆ จนฉันเผลอหยุดมอง ภีมเอ่ยขึ้นเหมือนคิดไปพร้อมกับลม “วันนี้อากาศดี อยากลองพาโตโตะไปสวนสาธารณะนอกเมือง…คุณกับโมจิสนใจไปด้วยไหมครับ” คำชวนฟังดูง่าย แต่หัวใจฉันกลับทำงานซับซ้อนขึ้นมาทันที มันไม่ใช่แค่ไปสวน มันคือการออกนอกพื้นที่ปลอดภัยที่เราเคยอยู่ร่วมกัน จากโถงชั้น 18 ระเบียง โต๊ะโอ๊ค ไปสู่โลกกว้างที่เราไม่เคยใช้เวลาเป็น “พวกเรา” จริง ๆ มาก่อน ฉันลังเลเพียงเสี้ยววินาที ก่อนพยักหน้า “ไปค่ะ” โมจิตอบแทนด้วยการตดเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status