วันที่สองของการค้าขายก็ยังดีเหมือนเมื่อวาน เพราะมีลูกค้ามายืนรอบริเวณหน้าร้านหลายคนแล้ว และวันนี้ก่อนออกจากบ้านพวกเราทานข้าวผัดหมูเป็นมื้อเช้ามาเรียบร้อย ตอนนี้กำลังช่วยกันตั้งร้านใกล้จะเสร็จ หน้าที่ทอดหมูและไก่ ก็ยังคงเป็นท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองเช่นเดิม เข้าสู่ปลายยามเหม่าอาหารก็พร้อมขาย ลูกค้าหน้าคุ้น ๆ ที่ยืนรออยู่ก็รีบสั่งทันที
“แม่นางน้อย ข้าเอาเนื้อหมูกับสามชั้นอย่างละสองห่อ และน่องไก่หนึ่งห่อนะ ข้าจะเอาไปฝากเมียกับลูกที่บ้านด้วย”
“ได้เจ้าค่ะข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” ลู่ชิงไม่รอช้ารีบห่อข้าวให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว ท่านแม่ก็ช่วยนางห่อเช่นกัน
“แม่หนู ป้าก็เอาทุกอย่างเลยนะขออย่างละสองห่อเหมือนกัน”
“เจ้าค่ะ ท่านป้ารอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ลูกค้าท่านอื่น ๆ ต่อแถวกันด้วยเจ้าค่ะ รับรองได้กินของอร่อยทุกคนเจ้าค่ะ” ลู่ชิงรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าคนต่อไป และแจ้งคนอื่นเพื่อความเป็นระเบียบ
“นี่ของท่านอาเจ้าค่ะ ทั้งหมดห้าสิบห้าอีแปะ รบกวนท่านอาจ่ายเงินให้ท่านแม่ของข้าได้เลยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงให้มารดาเป็นคนรับเงินจากลูกค้าแทน เพราะนางทั้งพูดทั้งห่อข้าวไปด้วย เกรงว่าจะไม่ได้ตรวจให้ถี่ถ้วน
ลูกค้ามาเข้าแถว เพื่อซื้ออาหารร้านของลู่ชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นางก็ใช้วิธีลงชื่อจองและจ่ายมัดจำไว้ เหมือนเมื่อวานเพื่อลดจำนวนคนในแถว ไม่ให้ไปบังหน้าร้านของคนอื่น แต่ร้านขายของที่อยู่ใกล้กับลู่ชิงก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย เพราะคนที่ซื้อหมูทอดเสร็จ ก็แวะซื้อของร้านข้าง ๆ ติดไม้ติดมือกันทุกคน
“นี่แม่หนู ร้านเจ้าขายดีแบบนี้ ไม่คิดเปิดร้านที่นั่งกินได้บ้างหรือ ข้าอยากจะซื้อแล้วนั่งกินที่ร้านมากกว่า เพราะเอาไปกินที่ทำงานเพื่อนของข้าชอบมอง จนข้าต้องไปแอบกินที่อื่นน่ะ” ลูกค้าคนหนึ่งแนะนำลู่ชิง เขาอยากให้นางมีหน้าร้านที่สามารถนั่งกินได้เลย
“ท่านน้า!! ขอบคุณมากเจ้าค่ะที่แนะนำเรื่องนี้ พวกเรามัวแต่ยุ่งจนลืมจริง ๆ ไว้หลังจากเดือนนี้ ข้าจะหาร้านเช่าสักร้านแน่นอนเจ้าค่ะ” ลู่ชิงนึกขอบคุณท่านน้าคนนี้ที่แนะนำเรื่องนี้กับนาง
“นี่เด็กน้อย เจ้ากลายเป็นแม่ค้าไปแล้วรึ” ลู่ชิงหันไปตามเสียงที่คุ้นหู ครั้นเห็นหน้าผู้พูดแล้วก็ยกยิ้มอย่างดีใจ
“เถ้าแก่หง!!! ไม่พบกันนานเลยเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคย ที่ตนเองนำเครื่องประดับไปขายที่ร้านของเถ้าแก่หง ถึงมีเงินทุนสำรองในมือมาทำอาหารขาย
“ข้าเอง ๆ เจ้านี่เปิดร้านขายของอร่อย ๆ ทำไมไม่เชิญข้ามาชิมบ้างเล่า”
“โธ่ เถ้าแก่หงเจ้าคะ แค่เปิดเป็นแผงขายอาหารเล็ก ๆ จะมีพิธีเปิดงานได้อย่างไรกัน และข้าก็เพิ่งเปิดขายของได้เพียงสองวันเองนะเจ้าคะ” ลู่ชิงรีบอธิบาย
“อ่า ช่างเถอะ ๆ แล้วเจ้าขายอะไรบ้างเล่า เหตุใดคนจึงต่อแถวซื้อกันมากมายเช่นนี้” หงฮุ่ยหมิ่นกำลังจะเดินไปดูถาด ที่วางเนื้อหมูและไก่ตรงโต๊ะด้านหน้า
“ร้านของข้าขายเนื้อหมู หมูสามชั้นและน่องไก่ทอดเจ้าค่ะ เถ้าแก่อยากจะลองชิมดูสักหน่อยไหมเจ้าคะ” ลู่ชิงแนะนำรายการอาหารที่ทำขายแก่เถ้าแก่หง
“อืม กลิ่นมันหอมมากเลยนะ ทอดออกมาได้น่ากินทีเดียว งั้นข้าขอชิมอย่างละนิดก่อนก็แล้วกัน ถ้าอร่อยอย่างที่เจ้าป่าวประกาศข้าจะอุดหนุนเจ้าเยอะ ๆ ดีหรือไม่ ฮ่า ๆ ๆ” แม่หนูคนนี้ทำอาหารได้น่ากินจริง ๆ ดูจากคนที่ต่อแถวซื้อความอร่อยคงไม่เกินราคาคุยแน่
“ได้สิเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะใส่จานใบเล็กมาให้เถ้าแก่ได้ชิมก่อน เถ้าแก่หงรอตรงนี้สักครู่เจ้าค่ะ” ลู่ชิงยกเก้าอี้ตัวเล็กให้เถ้าแก่หงนั่งรอข้าง ๆ ร้าน จากนั้นมาคีบเนื้อหมูและไก่ใส่จานมาให้เถ้าแก่ได้ชิม
“อื้ม รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร น้ำซอสที่ใช้หมักคงซึมเข้าไปในเนื้อด้วยมันถึงได้นุ่มไม่แข็ง ทำให้ทานได้เพลินไม่น้อย เจ้าขายอย่างไรกับอาหารรายการนี้” เถ้าแก่หงถือว่าเป็นนักชิมของอร่อยคนหนึ่งก็ว่าได้
“ขอบคุณเถ้าแก่ที่ชม เรามีขายแบบเป็นห่อพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือจะซื้ออย่างละหนึ่งเหลียงแยกกับข้าวเหนียวก็ได้เจ้าค่ะ แต่ถ้าอยากได้เยอะก็ซื้อเป็นจินทีเดียวก็ได้ ส่วนข้าวเหนียวสามารถซื้อแยกได้เช่นกัน ท่านจะรับแบบไหนดีเจ้าคะ” ลูกค้ากระเป๋าหนักมาอีกคนแล้ว
“งั้นข้าเอาอย่างละหนึ่งจินก็แล้วกันนะ จะได้เอาไปฝากคนในจวนข้าด้วย อ้อ เจ้าเอาข้าวเหนียวมาให้ข้าด้วยห้าห่อนะนางหนู” ของอร่อยจะกินคนเดียวได้อย่างไร หากคนที่จวนรู้มีหวังโดนบ่นจนหูชาอีกเป็นแน่
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่หงนั่งชิมอาหารตรงนี้รอไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะไปจัดการเรื่องอาหารให้เอง ไม่นานก็เรียบร้อยเจ้าค่ะ” ลู่ชิงรับคำสั่งซื้อจากเถ้าแก่หงเสร็จ ก็รีบวิ่งมาจัดการชั่งเนื้อหมูและไก่ทันที ข้าวเหนียวก็ตักใส่ห่อให้แบบจัดจุก ๆ ไปเลย
“แม่ค้า ข้ามาต่อแถวแต่เช้านะวันนี้ เมื่อวานเจ้านายของข้าแย่งเนื้อหมูทอดของเจ้า จนเกือบทะเลาะกันเลยล่ะ ยังดีที่ข้าบอกว่าวันนี้เจ้ายังมาเปิดร้านขายเช่นเดิม มิเช่นนั้นคงมีคนเจ็บตัวเพราะเนื้อหมูทอดของเจ้าแน่ ๆ” พ่อบ้านจวนเศรษฐีคนเมื่อวาน เล่าเรื่องราวกับลู่ชิง
“อ้าว ท่านลุงที่มาซื้อคนสุดท้ายนี่เจ้าคะ วันนี้มาต่อแถวได้ทันที่ร้านยังมีเนื้อทอดให้ท่านได้ซื้อกลับไปเยอะกว่าเดิมเจ้าค่ะ ท่านลุงต่อแถวรอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าขอเอาอาหารไปส่งให้เถ้าแก่หงที่นั่งรอก่อน” ลู่ชิงทักทายท่านลุงพ่อบ้านคนนี้เสร็จ ก็รีบเอาอาหารไปส่งให้เถ้าแก่หง
“มาแล้ว ๆ เถ้าแก่หงระวังร้อนนะเจ้าคะ หมูทอดรอบนี้เพิ่งขึ้นจากกระทะ ค่าอาหารทั้งหมดห้าร้อยสิบอีแปะเจ้าค่ะ” ลู่ชิงเตือนเถ้าแก่หงให้ระวังความร้อนของเนื้อหมูที่เพิ่งขึ้นมาจากกระทะเมื่อสักครู่นี่เอง
“ขอบใจเจ้ามาก เอานี่หนึ่งตำลึงเงินไม่ต้องทอน ถือเสียว่าเป็นเงินขวัญถุงสำหรับเปิดกิจการก็แล้วกันนะ ข้าขอตัวกลับจวนก่อนนะไว้จะมาอุดหนุนเจ้าใหม่” ได้ของอร่อยแล้วต้องรีบเอากลับไปให้ฮูหยินรักได้ทานเป็นคนแรก ไม่เช่นนั้นเขาอาจต้องนอนนอกห้องหากนางรู้เข้า
“ขอบคุณเถ้าแก่หงมากเจ้าค่ะ” ลู่ชิงยิ้มหน้าบานไปแล้วตอนนี้
“ถึงตาของท่านลุงแล้ว วันนี้จะรับหมูทอดเป็นแบบไหนดีเจ้าคะ รับข้าวเหนียวไปด้วยหรือไม่” ตอนนี้ต้องรับลูกค้ากระเป๋าหนักอีกคนก่อน
“วันนี้ข้าเอาหมูทอดอย่างละสามเหลียง ส่วนน่องไก่เอาสี่เหลียงและข้าวเหนียวห้าห่อนะแม่หนู” เขาต้องสั่งเพิ่มอีกหน่อยไม่เช่นนั้นคงมีศึกแย่งชิงหมูทอดและน่องไก่ทอดเป็นแน่
“ได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะรีบทำให้เดี๋ยวนี้เลย รอไม่นานนะเจ้าคะท่านลุง” จากนั้นก็รีบทำให้ท่านลุงพ่อบ้านทันที เดี๋ยวเจ้านายของเขาจะรอนานจนโมโหหิวได้
“อันนี้ของท่านลุง ทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ” ลู่ชิงยื่นอาหารให้กับท่านลุงพ่อบ้านไป
“เจ้าลองนับดูก่อนนะว่าครบหรือไม่” เขายื่นเงินตามที่ลู่ชิงบอก
“ครบถ้วนพอดีไม่ขาดไม่เกิน ขอบคุณท่านลุงที่มาอุดหนุนเจ้าค่ะ”
“ยินดี ๆ ข้าขอตัวก่อนละนะ”
ลู่ชิงก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ ตอนนี้ลูกค้าบางเบาลงไปบ้างแล้ว นางหันไปมองท่านพ่อกับพี่ชายทั้งสองด้านหลังก็ส่งยิ้มไปให้ ในกระทะตอนนี้เป็นการทอดรอบสุดท้ายแล้ว ท่าทางคงจะขายหมดก่อนยามเฉิน เพราะมีลูกค้าที่ซื้อเนื้อหมูกับน่องไก่อย่างเดียวหลายคน ท่านแม่ก็นั่งพักขาอยู่ข้าง ๆ เพราะยืนต่อเนื่องเกือบหนึ่งชั่วยามคงเมื่อยขาไม่น้อย
“ท่านแม่เมื่อยหรือไม่เจ้าคะ ยืนขายของนาน ๆ แบบนี้ เอาไว้กลับถึงบ้านข้าจะช่วยนวดให้นะเจ้าคะ” ลู่ชิงเอ่ยบอกกับฟางซินไป และจะช่วยนวดคลายเมื่อยให้กับนางแน่นอนเมื่อกลับถึงบ้าน
“ไม่มากเท่าไหร่หรอกชิงเอ๋อร์เจ้าอย่าได้กังวล แม่กลับรู้สึกสนุกมากกว่าที่ได้ขายของแบบนี้ และดีใจด้วยที่ลูกค้าเข้ามาซื้อต่อเนื่องไม่ขาดสาย” ฟางซินรู้สึกอย่างที่บอกบุตรสาวจริง ๆ ถึงจะเหนื่อยแต่เป็นกิจการของครอบครัว จะมัวนั่งเกียจคร้านได้อย่างไร
ลู่ชิงที่ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อยและลุกไปหาบรรดาบุรุษของบ้านด้านหลังสักหน่อย
“ท่านพ่อพี่ใหญ่พี่รองเหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ ยืนทอดหมูทอดไก่แต่เช้าแล้ว” นางถามไถ่ทุกคนอย่างเป็นห่วง
“พวกเราไม่เหนื่อยหรอกชิงเอ๋อร์ แค่นี้ถือว่าสบายกว่าการเดินขึ้นเขาเสียอีกนะลูก” ลู่เวินบอกกับบุตรสาวด้วยท่าทีดูสบาย ๆ
“น้องเล็กอย่าได้ห่วงเลย เจ้าอย่าลืมว่าพวกเรานั้นพกน้ำจากบ้านมาดื่มด้วย ย่อมช่วยได้มากอยู่แล้วล่ะ” ลู่เสียนหันมาบอกกับน้องสาวอีกเสียงแค่พอได้ยินกันสี่คน
“ไว้พวกเรากลับถึงบ้านแล้ว น้องเล็กก็ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ทาน ก็จะทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งได้เหมือนกันนะ” ลู่จื้อเสนอความคิดของตนให้กับน้องสาว
“ตกลงเจ้าค่ะ ยามอู่ข้าจะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้พวกท่านได้ทานอีก งั้นขอไปขายของต่อก่อนนะเจ้าคะ” ลู่ชิงรับปากทั้งสามคนแล้วก็เดินกลับไปด้านหน้าร้านทันที
บุรุษทั้งสามคนต่างมองไปยังเด็กสาว ที่เป็นสตรีคนที่สองของบ้านด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข และเฝ้ารอมื้อเที่ยงอย่างใจจดใจจ่อว่าวันนี้ลู่ชิงจะทำอาหารแบบไหน มาให้พวกเขาได้ลองชิมอีกบ้าง เพราะอาหารแต่ละอย่างที่ลู่ชิงรังสรรค์ออกมานั้น ช่างอร่อยถูกปากจนไม่มีใครในครอบครัว คิดจะไปทานตามเหลาอาหารอีกเลย