เซี่ยงเสินตงเดินมาด้วยความโกรธที่มีคนกล้าบุกจวนของตน ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทำมาก่อน ไว้ตนจะสั่งสอนคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ หลังจากเดินมาถึงห้องรับรองแขก ก็กล่าววาจาเสียงดังอย่างไม่ให้เกียรติ“พวกเจ้าใช่ไหมที่บุกเข้ามาในจวนของข้า ใจกล้าไม่เบาแต่ข้าคงต้องแจ้งทางการให้มานำตัวพวกเจ้าไปลงโทษ”ลู่เสียนตอบเป็นคำ
บนที่นอนเก่า ๆ มีร่างของเด็กสาวอายุสิบสองหนาวที่นอนป่วยติดต่อกันมาห้าวันแล้วกำลังขยับตัว ร่างผอมบางแทบจะปลิวหากถูกลมแรง ๆ พัดมา จนลืมตาขึ้นมาได้ก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวไปหมด เมื่อปรับสายตาได้จึงมองสำรวจรอบ ๆ ก็แปลกใจว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เข็มขาวจำได้ว่าเธอถูกรถชนอย่างแรง และตายไปแล้วแต่ตอนนี้ทำไ
ลู่ชิงนอนหลับสนิทอยู่สักพัก แต่กลับถูกรบกวนด้วยเสียงใครบางคน ที่พยายามเรียกตนเองให้ตื่น ทั้งที่กำลังนอนหลับสบาย จากอาการป่วยจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงมานาน เมื่อทนการรบเร้านี้ไม่ไหว จึงได้ลืมตาตื่นมองไปรอบ ๆ ที่ยามนี้ไม่ใช่เตียงนอนเก่า ๆ อีกแล้ว แต่เป็นสถานที่หนึ่งกับชายชราผมขาว ที่ยืนถือไม้เท้าลักษณะแปล
เมื่อถึงปลายยามโหย่ว หลังจากที่ทุกคนทานมื้อเย็นเสร็จ และเก็บจานชามไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะทานข้าวอีกครั้ง และเป็นท่านพ่อที่เอ่ยถาม เรื่องที่ลู่ชิงอยากจะพูดคุยกับพวกเขาขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ สำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างมาก เพราะเมื่อก่อนลู่ชิงจะพูดน้อยและทำต
ลู่ชิงตื่นขึ้นมายามเหม่าของอีกวัน จึงรีบเข้าไปในมิติเพื่อหยิบพวกเนื้อสัตว์และผักที่จะใช้ทำเป็นมื้อเช้าวันนี้ โดยไม่ลืมที่เดินไปหยิบเอาพวกแปรงสีฟันและยาสีฟัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทำความสะอาดช่องปากลู่ชิงกลัวว่าแค่บ้วนปากด้วยเกลือมัน จะไม่สะอาดในเมื่อมีของให้ใช้ เราก็ต้องใช้จะปล่อยให้เสียของได้อย่างไร
สามวันที่ผ่านมาท่านพ่อและพี่ชาย ก็ขึ้นเขาไปวางกับดักสัตว์และหาของป่าอย่างอื่นตามปกติ พอจะเอาไปขายที่ตำบลลู่ชิงก็จะขอตามไปด้วยทุกครั้ง ไปถึงตำบลก็ให้ท่านพ่อไปขายเนื้อสัตว์ ที่วางกับดักมาได้ที่เหลาอาหาร ซึ่งเมื่อก่อนท่านพ่อมักจะนำมาขายเป็นประจำ รวมสามวันได้เงินมาสามร้อยเก้าสิบอีแปะ ส่วนตัวลู่ชิงเดินไ
สองวันต่อมาก็ถึงเวลาไปขายของวันแรกแล้ว ทุกคนตื่นพร้อมกันลู่ชิงกับฟางซินช่วยกันหมักเนื้อหมูและน่องไก่ ส่วนลู่เวินกับบุตรชายก็ช่วยกันยกเตาและอุปกรณ์ที่ใช้ทอดทุกอย่าง ขึ้นบนรถเข็นรออยู่นอกบ้านลู่ชิงได้ตั้งกฎกับครอบครัวเอาไว้ว่า จะขายของหกวันและหยุดพักหนึ่งวัน เพราะไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่คิดเรื่องทำงานหา
กลับมาถึงบ้านก็เกือบถึงยามซื่อแล้ว มื้อเช้าทุกคนก็อาศัยกินข้าวเหนียวกับหมูทอดกัน เพราะตื่นเต้นกับการขายของวันแรก จึงลืมเตรียมมื้อเช้าไปกินด้วย ลู่ชิงจึงคิดว่าคืนนี้จะทำกับข้าวง่าย ๆ ใส่กล่องไว้ในมิติตอนเช้าจะได้ไม่ลืมอีก เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลู่ชิงก็ชวนทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อทำการนับเ
เซี่ยงเสินตงเดินมาด้วยความโกรธที่มีคนกล้าบุกจวนของตน ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทำมาก่อน ไว้ตนจะสั่งสอนคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ หลังจากเดินมาถึงห้องรับรองแขก ก็กล่าววาจาเสียงดังอย่างไม่ให้เกียรติ“พวกเจ้าใช่ไหมที่บุกเข้ามาในจวนของข้า ใจกล้าไม่เบาแต่ข้าคงต้องแจ้งทางการให้มานำตัวพวกเจ้าไปลงโทษ”ลู่เสียนตอบเป็นคำ
เซวียเหวินหันกลับมามองหลังเสียงพลุส่งสัญญาณดังขึ้น ก็พบว่าลูกน้องของตนค่อย ๆ ล้มตาย ทั้งที่ยังไม่ทันได้ชักดาบ หรือร้องครวญครางเพราะความเจ็บ อาวุธที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสังหารลูกน้องตนอย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำเกินบรรยาย เมื่อหายตะลึงเต๋อหลินก็มาประจันหน้าเขาแล้วพรึบ! พรึบ! “สวัสดีพวกกบฏตัวร้ายเลือกน
“ถูกต้องแล้ว แต่พวกมันไม่มีทางทำได้สำเร็จ เอาล่ะพวกเจ้ารีบไปบอกกับทหารเถิดทุกคนจะได้เริ่มเตรียมตัว วันเดินทางจะได้ไม่ฉุกละหุกเกินไป”“ขอรับท่านแม่ทัพ”ผู้เป็นฝ่ายบุกเริ่มเตรียมตัวเพื่อออกเดินทางกันแล้ว แต่ผู้ที่เป็นฝ่ายตั้งรับกลับนิ่งนอนใจคิดเข้าข้างตนเอง ว่าทุกอย่าง คงจะได้มาอยู่ในกำมืออย่างง่ายดา
เมื่อทุกคนได้รู้แล้วว่ายามนี้เรื่องที่มีผักสีเขียว เริ่มจะเป็นที่พูดถึงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อจากนี้ต้องหาทางป้องกันไม่ให้คนพวกนี้คิดเอาเปรียบ และทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องอีก รัชทายาทต้องใช้เวลาในสองวันนี้ ตรวจดูการทำงานของช่างหลวงให้ละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด และสั่งงานไว้ที่หัวหน้าโจวให้คอยกำกับดูแลแทน
“ข้าพูด ๆ ถ้าข้าบอกพวกท่านต้องรับปากว่าจะไว้ชีวิตข้า”“นี่เจ้า!!!…”“แม่ทัพเหนียนใจเย็น ๆ เราควรให้โอกาสคนบ้าง”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออภัยที่วู่วาม”“เอาล่ะเปิ่นไท่จื่อรับปากว่าจะไว้ชีวิตเจ้าหากพูดความจริง เปิ่นไท่จื่อเป็นผู้ตัดสินใจไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งแน่นอน”“ที่ข้าเดินทางมาเมืองหย่งชุน เนื่องจา
“ขอรับคุณหนู”“เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”เจียวมิ่งที่เตรียมทุกอย่างไว้รอ เมื่อเห็นก้งคุนกับเต๋อหลินนำตัวคนเข้ามา ก็เข้าไปช่วยจับตัวจี๋อันมัดติดกับหลักไม้ ทั้งแขนขาและคอถูกเชือกมัดไว้แน่นหนา หลังจากผู้ร่วมกระบวนการไต่สวนเข้ามานั่งจนครบแล้ว น้ำเย็น ๆ ก็ถูกสาดไปที่หน้าของจี๋อัน เพื่อปลุกให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาต
และมันก็ทำให้จี๋อันเข้าใจความต้องการของเซี่ยงเสินตงทันที จึงคิดเอาไว้ว่าคืนนี้จะต้องจับตัวชาวบ้าน มาเค้นเอาคำตอบ ถึงวิธีการปลูกผักเช่นนี้ เพื่อนำมันไปมอบให้กับเซี่ยงเสินตง คิดได้ดังนั้นจึงกระโดดกลับออกมาแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกำลังจะไปหาที่ซ่อนตัวระหว่างรอให้ถึงตอนค่ำ ก็พบว่าด้านหน้าของตนมีบุรุษถือดาบ
“ขอรับ”เซี่ยงเสินตงกำลังวาดภาพในความคิด ว่าสวนผักของตนนั้นเต็มไปด้วยพืชผักที่มีสีเขียวสด และผักพวกนั้นก็กลายเป็นตำลึงทองมากมาย จนตนเองตามเก็บแทบไม่ไหว ส่วนจี๋อันหลังจากรับคำสั่งก็เร่งควบม้าเข้าเมืองหย่งชุน เพื่อตามสืบเรื่องผักที่เจ้านายของตนต้องการ ซึ่งตัวเขาต้องนำมันกลับไปให้ได้ การทรมานและฆ่าคนใช
คังเฉิงนำเกวียนที่มีผักมาหยุดอยู่หน้าเหลาอาหารเฝิงคานชิง เพื่อรอส่งผักจากสวนของเจ้านาย ซึ่งหลงจู๊เหมาจะเป็นผู้รับทุกครั้ง ระหว่างที่รออยู่นั้นก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องผักที่วางขายในตลาด หากที่สวนของเจ้านายมีผักเช่นนี้ คงตั้งราคาขายที่แพงกว่าหลายเท่า ค่าแรงของตนก็คงจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ความคิดนั้นต้องหยุดลง