หว่านหนิงนางรู้มาจากประวัติศาสตร์ที่เคยได้เรียนมา สัญลักษณ์ของฮองเฮาเป็นรูปหงส์ และสีแดงมีเพียงพระองค์ผู้เดียวที่จะสวมใส่ได้ชุดสีแดงเพลิงที่มีรูปหงส์สยายปีกบินเต็มตัวที่อยู่ด้านหลัง หางของตัวหงส์ยาวไปจนถึงพื้นที่ลากดินด้านล่าง ส่วนด้านหน้าเป็นรูปใบหน้าของหงส์ที่ดูหน้าแกร่งข้าม ผู้ใดที่ได้สบดวงตาของหงส์จะต้องหวาดกลัวจนต้องก้มหน้าลงต่ำ“งะ งามนัก” พระองค์เดินเข้ามาอย่างเลื่อนลอย ลูบคลำชุดด้วยความหลงใหล“พระองค์ลองสวมดีหรือไม่เพคะ” หว่านหนิงยิ้มอย่างภูมิใจ นางยังมีลูกเล่นที่ยังมิได้เปิดเผยอีก แต่ต้องรอให้ฮองเฮาได้สวมใส่เสียก่อนองค์หญิงสี่มองชุดของเสด็จแม่ด้วยความตกตะลึงจนตอนนี้พระองค์ยังไม่อาจจะเรียกสติกลับมาได้นางกำนัลที่เปลี่ยนฉลองพระองค์ให้ฮองเฮาล้วนแต่มือไม้สั่นไปตามๆ กัน ทุกคนล้วนแต่ได้ยินเสียงหงส์ร้องคำรามออกมาเบาๆ จนมิอาจจะสวมได้เสร็จในเวลาอันรวดเร็วเช่นเคยยามที่พระองค์เยื้องย่างออกมาจากห้องเปลี่ยนฉลองพระองค์ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถงก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อปีกหงส์ที่อยู่ด้านหลังราวกับจะขยับสยายบินไปตามจังหวะก้าวเดิน ทั้งยังหางที่สะบัดไปมาช่างน่าตื่นใจยิ่งนัก“เสด็จแม่ งามยิ
ตอนนี้ซูหยวนกับพ่อบ้านซูก็จัดการเรื่องซื้อขายสุรากับฟู่หวงอวี้เข้าที่เข้าทางแล้ว พ่อค้าจากหัวเมืองทางตอนใต้และตะวันตกของแคว้นก็เดินทางมาติดต่อขอซื้อสุราจากพวกเขาเรื่องนี้ทางฟู่หวงอวี้มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะการค้าของเขาที่ติดต่อไว้กับหลี่เฉียงทำสัญญาค้าขายที่เมืองหลวง ทางตอนเหนือและตะวันออกทั้งหมดซูหย่งที่กลับเข้าไปเรียนที่สำนักศึกษาตัวเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการค้าของผู้เป็นบิดา จึงทำให้ความสนใจทั้งหมดของเขาในยามนี้อยู่ที่ตำราเพียงเท่านั้น ยิ่งมีน้ำผึ้งของเหมยลี่ที่เขาผสมน้ำอุ่นดื่มอยู่เป็นประจำ ก็ทำให้ความจำของเขาดีมากกว่าเดิม ทั้งยังมิมีอาการเหนื่อยล้าจากการที่ตรากตรำอ่านตำราเพื่อให้ท่านสหายคนอื่นในสำนักศึกษาอีกด้วยหลี่เฉียงเขาทำตามที่เคยบอกกับพ่อบ้านหานไว้ เมื่อเสร็จเรื่องการค้าของท่านพ่อตา ตัวเขาก็เดินทางไปหาผู้เป็นบิดาที่ร้านค้าทันทีกิจการของตระกูลหานมีหลากหลายอย่าง ด้วยนายท่านหานเป็นคหบดีที่มีความสามารถมากนัก นับเป็นผู้ที่ร่ำรวยคนหนึ่งในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้“อาเฉียง พ่อคิดว่าเจ้าจะไม่ยอมมาพบพ่อเสียแล้ว” เขาบอกบุตรชายด้วยสายตาที่รักใคร่เช่นเดิมยิ่งได้รู้จากพ่อบ้านหานว
ระหว่างที่ทั้งสามพระองค์กำลังดื่มชาและพูดคุยกันอยู่นั้น ขันทีก็เข้ามาแจ้งเรื่องที่หลี่เฉียงเดินทางมาถึงตำหนักแล้ว“รีบพาตัวเข้ามาเร็ว” องค์ชายสามร้องสั่งหลี่เฉียงเมื่อเดินเข้ามาด้านใน ฝ่าเท้าของเขาก็ชะงักเล็กน้อย นอกจากในห้องโถงจะมีองค์ชายสามที่นั่งอยู่แล้ว ด้านหลังยังมีสตรีอีกสองคนที่ใช้ผ้าโปร่งกางกั้นไว้อยู่ด้วย“กระหม่อมหลี่เฉียงถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”“ลุกขึ้นเถิด เจ้ารีบนำออกมาให้เปิ่นหวางได้ชื่นชมเร็วเข้า” องค์ชายสามแทบจะอดใจรอชมไม่ไหวขันทีรับผ้าปักที่ยังมิได้จัดใส่ฉากกั้นไปจากมือของหลี่เฉียง เพียงแค่กางออกให้องค์ชายสามได้ชม สตรีที่อยู่หลังฉากกั้นทั้งสองก็แทบจะลุกออกมาจากที่นั้งของตนทันที“สวรรค์” องค์ชายสามร้องออกมาได้เพียงเท่านั้นตัวพระองค์เคยเดินทางไปที่เมืองเจียงหนานมาแล้ว ภาพปักตรงหน้าจะเรียกว่าเหมือนทะเลที่พระองค์เคยเห็นเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ยามนั้นไม่ได้มีเรือที่ลอยอยู่กลางทะเลเช่นในภาพองค์ชายสามราวกับตกอยู่ในภวังค์ทั้งเสียงคลื่นลม เสียงนกที่กำลังบินกลับรังร้องขึ้น กลิ่นเค็มที่ออกมาจากท้องทะเล พระองค์ล้วนรับรู้ได้ทั้งหมด“อาหรง ส่งมาให้แม่ดูเสียก่อนเร็วเข้า” ฮองเฮาพระองค์เห
หลี่เฉียงเมื่อมาถึงร้านจื้อฝูที่เมืองหลวง ตัวเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี พอรู้ว่าเขาจะนำผ้าปักมามอบให้องค์ชายสาม คนงานของร้านก็รีบไปแจ้งองค์สามที่ตำหนักของพระองค์ทันทีเพียงไม่นานขันทีขององค์ชายสามก็มาเชิญหลี่เฉียงให้เข้าไปพบองค์ชายสามที่ตำหนักของพระองค์“วันนี้ข้ามิได้นำผ้าปักมาด้วย เพียงแค่ต้องการมาส่งข่าวให้องค์ชายสามเท่านั้น”“มิเป็นอันใดขอรับ องค์ชายสามต้องการจะสนทนากับท่านเล็กน้อย” ขันทีมิกล้าดูแคลนหลี่เฉียง เพราะดูจากท่าทางขององค์ชายสามที่รู้ว่านายท่านหลี่ติดต่อมาแล้ว ก็รีบร้อนส่งตนมาพบเขาในทันที“เช่นนั้นก็รบกวนท่านกงกงแล้ว” หลี่เฉียงติดตามขันทีไปที่ตำหนักภายในตำหนักใหญ่โตงดงามสมกับเป็นที่พักของเชื้อพระวงศ์ หลี่เฉียงถูกพาตัวไปที่ศาลาริมน้ำ ที่ล้อมรอบไปด้วยสวนดอกไม้ทั้งภูเขาจำลองที่สมจริงจนต้องเผลอจ้องมองอยู่หลายหน“อาเฉียง เจ้ามาได้อย่างไร” ฟู่หวงอวี้ที่ถูกเรียกตัวมาพบเอ่ยถามหลี่เฉียงอย่างแปลกใจ“ข้ามีเรื่องที่ต้องกราบทูลองค์ชายสาม แล้วเจ้าเล่ามาได้อย่างไร”“จะเรื่องใดเล่า ก็สุราของเจ้าอย่างไร ข้าว่าเสร็จจากที่ตำหนักขององค์ชายสามจะไปหาตัวเจ้าอยู่พอดี”ฟู่หวงอวี้เล่าเรื่องที่
หลี่เฉียงกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่อยากจะพาก้างขวางคอเช่นเสี่ยวหู่ไปด้วยเลย“ดะ ได้”หว่านหนิงลอบหันไปยิ้มมุมปาก นางเพียงต้องการจะแกล้งเขาเท่านั้น “ข้าล้อเล่น ท่านไปเถิด”“แต่ข้าอยากไป” เสี่ยวหู่งอแงขอติดตามหลี่เฉียงไปด้วย “หรือท่านจะไปหอพนัน” มันเอ่ยถามเมื่อหลี่เฉียงไม่ยอมรับปากเสียที“เจ้าก็ช่างหาเรื่องให้ข้าถูกตีเสียจริง” หลี่เฉียงถลึงตามองมันอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องหนีบเจ้าเสี่ยวหู่ไปที่เหลาสุราด้วยกันหว่านหนิงเลิกสนใจทั้งสอง นางพาฮวาเตี๋ย เซียงเซียงและเหมยลี่ไปจัดการเรื่องที่เรือนด้านหลังต่อ ส่วนหน้ามีมารดาของนางร้องสั่งให้ทาสที่ซื้อมาใหม่ช่วยจัดของเข้าที่อยู่แล้วหลี่เฉียงที่มาดื่มสุรากับสหายที่เหลาสุรา ย่อมต้องมีหญิงคณิกามาช่วยรินเหล้าเอาใจเขาด้วย แต่พอสตรีจะเข้าใกล้เขา เสี่ยวหู่ก็เอ่ยเตือนขึ้นมาทันที“กลับไป ข้าจะบอกนายหญิง” มันก้มลงกินเนื้อที่สั่งมาให้อย่างเอร็ดอร่อย“ออกไปห่างๆ ข้า” เขายกจอกเหล้าหนี พร้อมทั้งโบกมือไล่ให้พวกนางออกไปไกลๆ“อาเฉียง เจ้าเปลี่ยนไปมากนัก” สหายของเขามองหลี่เฉียงสลับกับแมวที่นั่งอยู่ข้างเขาอย่างแปลกใจ“ลองไม่เปลี่ยน ข้าคงไม่เหลือชีวิตรอด” เขาขนลุ
รุ่งเช้า หลี่เฉียงทำตามเช่นที่เขาพูดไว้เมื่อคืนทันที พอฟ้าเริ่มจะสว่างเขาก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลงมาถึงด้านล่างของโรงเตี๊ยมก็พบคนตระกูลซูทั้งสามมารอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว“ท่านพ่อ ท่านแม่ เหตุใดพวกท่านมาเร็วยิ่งนัก กินอาหารเช้ามาแล้วหรือยังเจ้าคะ” หว่านหนิงนางรีบเดินมาหาพวกเขาทันที“เรียบร้อยมาแล้ว” นางจินซื่อยิ้มมองบุตรสาวอย่างพอใจ“เช่นนั้นก็ไปที่ว่าการกันเถิด” หลี่เฉียงเดินนำพวกเขาไปที่ว่าการที่ว่าการกับโรงเตี๊ยมอยู่ไม่ห่างกันมากนัก พอเขาบอกความต้องการกับเจ้าหน้าที่ ก็พาพวกเขาทั้งหมดมาเลือกเรือนที่ต้องการทันทีเรือนที่ยังว่างอยู่ในเมืองหลวงมีหลายแห่ง มีทั้งขนาดเล็กกลางใหญ่ ต่อไปซูหยวนจะต้องทำการค้า หว่านหนิงนางจึงเลือกเรือนที่มีขนาดกลางให้กับพวกเขาแม้จะบอกว่าเป็นเรือนขนาดกลาง แต่ก็มีพื้นที่ว่างที่ไม่เกี่ยวกับตัวเรือนพักมากถึงห้าหมู่ เรือนหลักเป็นเรือนสี่ประสานที่มีห้องมากถึงหกห้อง เรือนด้านข้างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกมีห้องอย่างละสามห้อง“ไม่ใหญ่ไปหรือหนิงหนิง” นางจินซื่อมองเรือนที่หว่านหนิงนางเลือกอย่างปวดใจไม่รู้ว่าต้องใช้เงินมากเพียงไหน พวกนางอยู่กันเพียงสามคนพ่อแม่ลูก เ