เรือนของท่านยายหลี่เฉียงนับว่ามีพื้นที่อยู่ไม่น้อย ตัวเรือนเป็นเรือนสี่ประสาน เรือนหลักมีสามห้องนอน เรือนด้านข้างมีฝั่งละสองห้องนอน
แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็มีอยู่ไม่น้อย ทั้งยังพื้นที่ด้านข้าง ด้านหลังที่กว้างขวางเพียงพอให้ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย หากทำดีๆ เรือนนี้ก็คงจะน่าอยู่มากทีเดียว
หลี่เฉียงเดินเยื้องย่างออกมาจากห้องครัวอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าหว่านหนิงนางกำลังเก็บข้าวของเข้าที่อยู่ เท้าของเขาก็หยุดชะงักจะหมุนกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง
“หยุด!!! แล้วมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้” หว่านหนิงนางหันไปเห็นเขาเข้าพอดี
“ข้าเหนื่อยแล้ว” เขาบ่นออกมา
“ท่านทำสิ่งใดถึงมาพูดว่าตนเองเหนื่อย มาเดี๋ยวนี้”
เขาจำต้องเดินเข้าไปทำงานตามคำสั่งของหว่านหนิงอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะเกรงกลัวไม้ที่อยู่ในมือของนางต่างหาก
เพียงครึ่งชั่วที่ทั้งสองช่วยกันเก็บข้าวของ เรี่ยวแรงในร่างกายก็ดูเหมือนจะถูกสูบออกไปจนหมดเสียแล้ว
“ยะ หยุด พัก ก่อนเถิด” หลี่เฉียงนั่งลงไปที่พื้นอย่างหมดท่า เขามิอาจจะขยับตัวทำงานต่อได้อีกแล้ว
“อืม” หว่านหนิงก็เห็นด้วยกับเขาเช่นกัน นางใช้ไม้พยุงช่วยเดินกลับไปที่ห้องครัว แล้วตักข้าวที่หุงสุกได้ที่แล้วมาสองชาม
“ท่านมาช่วยข้ายกหน่อย” หลี่เฉียงที่หิวไม่ต่างกับหว่านหนิงก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วไปรับชามข้าวมาจากนาง
นางมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ เพราะหลี่เฉียงยกไปของเขาเพียงผู้เดียว ไม่มีน้ำใจที่จะช่วยนางยกสักนิด
หว่านหนิงที่ขี้เกียจเดินกลับเข้าไปกินในห้องโถง นางจึงได้ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเตี้ยที่อยู่ในครัว แล้วลงมือกินข้าวทันที
“อืม ก็ไม่ได้แย่” นางไม่คิดว่าเพียงข้าวกับมันหุงรวมกันจะมีรสชาติหวานอร่อยได้มากเพียงนี้ หรือจะเป็นที่นางหิวจัด
นางต้มน้ำไว้ เพื่อที่จะเอาไว้อาบน้ำ นางไม่รู้ว่าร่างนี้นอนสลบอยู่บนที่นอนมากี่วันแล้ว ตอนนี้นางอยากจะอาบน้ำมากที่สุด รองมาจากกินข้าวให้อิ่มท้อง
หลี่เฉียงไม่เห็นว่าหว่านหนิงนางเดินตามมา เขาเพียงแค่ชะเง้อคอมองหานางก่อนจะพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว เมื่อหมดแล้วจึงเดินไปที่ครัวเพื่อจะตักเพิ่ม จึงได้เห็นว่าหว่านหนิงนางนั่งลงกินอยู่ที่พื้นห้องครัวอย่างน่าสงสาร
“จะเอาเพิ่มรึ ตักเอาเองอยู่ในหม้อ” นางหันไปเห็นว่าหลี่เฉียงเดินถือชามเข้ามา
“เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปนั่งกินที่ห้องโถงให้ดี”
“ไม่ ข้าเดินไม่ไหว” นางกินข้าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เฉียงเดินไปตักข้าว แล้วมานั่งลงที่ตรงหน้าของหว่านหนิง “เฮ้ยย ท่านจะนั่งที่พื้นทำไม กลับไปกินที่ห้องโถงเลย”
“กินเหอะ” เขาก้มหน้าลงกินข้าว โดยไม่ฟังเสียงไล่ของนาง
เมื่อหว่านหนิงนางกินหมดแล้ว หลี่เฉียงดึงชามข้าวในมือของนางเดินไปล้างให้
“ขอบคุณมาก” ทำดีก็ทำได้ แต่ทำไม่ไม่ยอมทำ
เพียงไม่นานรอยยิ้มของหว่านหนิงก็ชะงักไป เพราะหลี่เฉียงเพียงแค่เดินนำไปวางไว้มิได้ล้างให้อย่างที่นางคิด
“หืมมม แล้วจะแย่งไปทำไม!!!” นางโวยวายออกมาอย่างเหลืออด หลงคิดว่าจะช่วยเหลือนาง เห็นว่านางเดินไม่ไหว
“ประเดี๋ยวค่อยล้างก็ได้ เจ้าจะเสียงดังไปเพื่ออันใด” เขาอุดหูทันที เพื่อหว่านหนิงนางตะโกนเสียงดังออกมา
“พอ ๆ ๆ หากไปทำก็หลีกไป” หว่านหนิงพยุงตัวขึ้น แต่ข้อเท้าเจ้ากรรมไม่ยอมทำตามใจของนาง
นางเสียหลักล้มลงทันที หลี่เฉียงเขาจะรีบก็มัวแต่ตกใจที่เห็นนางลุกพรวดขึ้นมา คิดว่านางจะเข้ามาทุบตีอีกแล้ว จึงได้เบี่ยงตัวหลบไม่ได้รับตัวของนางไว้ หว่านหนิงจึงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นแทน
“โอ๊ยยย” นางล้มแรงไม่ใช่น้อยจึงได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอันใดมากหรือไม่” หลี่เฉียงรีบเข้ามาดูนาง
“หลีกไปเลย” นางดันตัวเขาออก หากไม่ใช่เพราะเขาทำให้นางโมโหจนต้องลุกขึ้นไปล้างเอง นางจะเจ็บตัวเพิ่มเช่นนี้หรือ
หว่านหนิงค่อยๆ หาที่เกาะแล้วดันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆ เดินไปล้างชามที่กินเสร็จแล้ว
“ข้าล้างให้เอง” เขาแย่งชามที่อยู่ในมือของนางไปล้าง
“แล้วเมื่อครู่ ทำไมไม่ล้างเล่า” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“ก็ข้าค่อยกลับมาล้าง แต่เจ้าจะต้องล้างให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”
“กินเสร็จก็สมควรล้างเลย ท่านจะทิ้งไว้ทำไม”
“เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นจะเป็นเช่นนี้” เขามองนางอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนกินเสร็จก็ล้วนแต่วางกองทิ้งไว้ หากอยากกินเมื่อใดก็ล้างมาใช้เมื่อนั้น
“เหอะ ที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้ฟังเลยใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่ซูหว่านหนิง”
“หากเจ้ามิใช่นาง แล้วเจ้าเป็นใคร” เขามองนางอย่างมองคนโง่ ก็เห็นๆ กันอยู่ ที่ยืนตรงหน้าของเขาเป็นซูหว่านหนิงไม่ผิดแน่
“ล้างให้เสร็จก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง” นางบังคับให้เขาล้างชาม หากเขาอยากจะรู้เรื่องของนาง
“เจ้าเดินไหวหรือไม่” เขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นหว่านหนิงพยุงตัวเองจะเดินกลับเข้าเรือน
“ได้” นางโบกมือไม่ให้เขาใส่ใจ ให้ล้างชามต่อไป
นางตักน้ำที่ต้มไว้ เพื่อจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านหลัง หลี่เฉียงที่เห็นเช่นนั้นก็ไล่ให้นางไปเตรียมของเขาจะช่วยยกน้ำเข้าไปให้ด้านในห้องน้ำไว้ก่อน
หว่านหนิงนางเดินกลับเข้าไปที่ห้อง เพื่อจะนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยน แต่พอเห็นสภาพห้องแล้ว นางสมควรที่จะต้องนำสิ่งที่อยู่ด้านในไปซักใหม่ทั้งหมดเลย
ยังดีที่ภายในหีบกับตู้ยังมีผ้าห่มอยู่อีกหนึ่งผืน และมีผ้าที่ใช้สำหรับปูรองนอนอยู่ด้วย นางจึงนำมาเปลี่ยนทั้งหมดเสียใหม่
“เจ้าทำสิ่งใด” หลี่เฉียงที่เห็นนางหายเงียบไปนานก็เดินมาดู เพราะน้ำที่เขานำไปไว้ให้เริ่มจะเย็นเสียแล้ว
“ท่านมาก็ดี ช่วยข้าเปลี่ยนหน่อย” เพราะขาข้างที่เจ็บ ทำให้หว่านหนิงเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกนัก
หลี่เฉียงก็ดูเหมือนไม่อาจจะช่วยเหลือสิ่งใดนางได้มาก เขาคงไม่ค่อยทำ ไม่ว่านางจะสั่งให้ทำเช่นไรก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไปเสียทุกอย่าง
หว่านหนิงเหมือนจะคิดผิดที่เรียกเขามาช่วย นางเหมือนจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“ท่านไปล้างตัวก่อน ข้าจะได้ซักเสื้อผ้าของท่านด้วยเลย” นางมองเสื้อผ้าของเขาอย่างนึกรังเกียจ
“ได้” ครั้งนี้เขาพูดง่ายเสียจนหว่านหนิงเองยังตกตะลึง
หลี่เฉียงจะไม่รีบรับปากได้อย่างไร ตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านไฉชงได้ห้าวัน ซูหว่านหนิงนางแทบไม่เคยซักเสื้อผ้าให้เขาเลย ในเมื่อมีคนเสนอตัวมาให้เขาก็ต้องรีบคว้าไว้ทันที
แม้เขาจะล้างตัวไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเร่งฝีเท้าไปทางด้านหลังเรือน เพื่ออาบน้ำอีกรอบ ด้วยกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจไม่ซักเสื้อผ้าให้เขา
หลี่เฉียงภายในอกของเขาสั่นสะท้านขึ้นมา เมื่อรู้ว่าครั้งนี้เขาต้องเสียนางไปอย่างแน่นอน เขาพุ่งตัวเขาไปกอดหว่านหนิงจากด้านหลังไว้แน่น“ทะ ท่าน ท่านปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้นะ” นางดิ้นอย่างไม่ยินยอม“หนิงหนิง ข้ายอมแล้ว ยอมทุกอย่าง แต่เจ้าอย่าได้ทิ้งข้าไว้ลำพังได้หรือไม่”“เหอะ ท่านก็ไปหาสตรีอื่นมาอยู่ด้วยสิ ในหมู่บ้านย่อมต้องมีสักคนที่หลงรูปของท่าน” นางยังคงดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา“ไม่ หนิงหนิง ข้าต้องการเพียงแค่เจ้า” เขากอดนางไว้แน่นกว่าเดิม“ปล่อย ข้าหายใจไม่ออก หากท่านต้องการข้า ท่านคงไม่ทิ้งข้าไว้ผู้เดียวทั้งคืน ทั้งยังนำเงินที่ข้าหามาอยากยากลำบากไปเล่นพนัน” นางเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจยิ่งคิดว่าต้องจับปลาเมื่อวานมากเพียงใด นางก็ปวดใจมากขึ้น ความหวังที่จะได้มีเงินมาลงทุนซื้อผ้ามาปักขาย แต่เขากลับซื้อมาให้นางเพียงเล็กน้อย แล้วนำเงินที่เหลือไปเป็นทุนเล่นพนัน“หนิงหนิง ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ให้โอกาสข้าได้หรือไม่” เขาซุกหน้าลงกับซอกคอของนาง“หลี่เฉียง ข้าเคยให้โอกาสท่านไปแล้ว คนเราไม่มีโอกาสแก้ตัวบ่อยครั้งนักหรอกนะ”หากมีโอกาสแก้ตัวจริง วันนั้นนางคงไม่ต่อว่าเทพชะตาเช่นนั้น และคงไม่ดื่
หว่านหนิงมาหาท่านย่าที่เรือนของเขาตั้งแต่เช้า นางต้องการนำปลาเข้าไปขายในหมู่บ้าน แต่ไม่รู้จะต้องไปขายที่ตรงใด จึงได้มาถามกับป้าตู้ ตอนนั้นเขาเพิ่งออกมาจากห้องนอนพอดีจึงได้เห็นนางเข้า“ท่านป้าตู้ ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าควรจะไปขายที่ใดของหมู่บ้านเจ้าคะ” หว่านหนิงแบกถังน้ำมาด้วยสองถังตัวของนางบอบบางจนแทบมิอาจจะยกถังน้ำทั้งสองมาด้วยตนเองได้“อาเฉียงไปที่ใดเล่า เหตุใดปล่อยให้เจ้ายกของหนักเช่นนี้” ป้าตู้อดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้“อย่าไปพูดถึงบุรุษสารเลวเช่นนั้นเลย ตั้งแต่เมื่อวานเขายังมิได้กลับเรือน” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“อาหนิงเอ๋ยยยย” ป้าตู้อดที่จะเห็นใจนางไม่ได้“ช่างเถิดเจ้าค่ะ ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่”“ไป ไปข้าจะพาไป” ป้าตู้จะเข้ามาช่วยหว่านหนิงนางยก แต่นางกลับปฏิเสธจะให้ป้าตู้พาไปแล้วยังจะขอให้นางช่วยยกอีกรึ“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้ายกเองได้ ท่านเพียงเดินนำทางก็พอ” หว่านหนิงกำลังจะยกถังน้ำที่มีปลาอยู่เต็มขึ้นแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาของตู้ลู่จื้อที่ไม่รู้ว่าเดินมาที่พวกนางตั้งแต่เมื่อใด แย่งยกตัดหน้านางก่อน“ทะ ท่าน ข้ายกเองเจ้าค่ะ” นางที่กำลังจะแย่งมา แต่ถูกเขาเบี่ยงตัวหลบ“ท่านย่านำทางเถ
หลงจู๊รู้ข่าวจากเสี่ยวเอ้อว่ามีชาวบ้านนำปลาเป็นๆ มาขายก็รีบเร่งมาตรวจดูของด้วยตนเองทันที“สวรรค์ ยังไม่ตายจริงด้วย” เขามองปลาที่ยังมีชีวิตอย่างพอใจ ปลาเช่นนี้หากขายในวันแรกไม่หมดก็ยังสามารถเก็บไว้ได้ เหลาอาหารย่อมต้องการเป็นอย่างมาก“ท่านรับซื้อหรือไม่” หลี่เฉียงเร่งถามทันที เขายังต้องไปซื้อของที่หว่านหนิงนางสั่งอีกมาก“ซื้อๆ อาต๋า เจ้ารีบนำปลาไปชั่งเร็วเข้า”หลี่เฉียงขวางทางไว้ไม่ให้เสี่ยวเอ้อเข้าไปยกของลงจากเกวียนวัว“ประเดี๋ยว ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะซื้อเท่าใด”“อ้อ ใช่ ๆ จินละแปดสิบอิแปะ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร” หลี่เฉียงยกยิ้มอย่างพอใจ“ได้” เขาเดินหลบไปอยู่ด้านข้าง เพื่อเปิดทางให้เสี่ยวเอ้อยกปลาไปชั่งปลาหลายสิบตัวที่หว่านหนิงนางจับมาได้ แต่ละตัวมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งจิน บางตัวเกือบสามจินเลยทีเดียว“ท่านหลงจู๊ ทั้งหมดหกสิบจินขอรับ”หลี่เฉียงรีบคำนวณอย่างไว ว่าเขาจะต้องได้เงินเป็นจำนวนเท่าใด เขาต้องได้เงินทั้งหมด ห้าตำลึงเงินกับอีกสองร้อยอิแปะ นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าจะได้ไม่เกินสามตำลึงเสียอีกหลงจู๊ยื่นเงินส่งให้หลี่เฉียง พร้อมทั้งบอกเขาว่าหากจับมาได้อีกให้นำมาขายท
หลี่เฉียงออกไปจัดการเรื่องเช่าเกวียนวัวที่จะเข้าเมือง หว่านหนิงนางส่งเงินให้เขาไปก่อนสิบอิแปะ เพื่อนำไปจ่ายค่าเกวียนวัว ส่วนที่เหลือจะให้ในวันพรุ่งนี้“ท่านแวะซื้อข้าวสารในหมู่บ้านมาให้ข้าก่อนสักหนึ่งจิน พรุ่งนี้เช้าข้าจะได้ทำอาหารให้ท่านก่อนออกไปขายปลา”“ได้” หลี่เฉียงแบมือขอเงินเพิ่ม“เท่าใด”“ข้าก็ไม่รู้” เขาเคยซื้อของพวกนี้เสียที่ไหน“เช่นนั้นเอาไป แล้วเอากลับมาคืนด้วย” นางส่งถุงเงินที่เหลืออีกสามสิบตำลึงให้เขา“รู้แล้ว เงินเจ้าข้าไม่เอาหรอก” หลี่เฉียงเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เงินไม่กี่สิบอิแปะเขาจะเอาไปทำไม“แล้วรีบกลับมาด้วย อย่าได้แวะที่ใดเด็ดขาด” นางเอ่ยเตือนเขาก่อนที่จะออกจากเรือนไปอาหารที่หว่านหนิงนางทำไว้เพียงพอให้กินได้ถึงมื้อเย็นนางจึงไม่ต้องเหนื่อยทำเพิ่ม เมื่อเก็บกวาดเรือนในส่วนที่เหลือต่อจากเมื่อวานแล้วพอหลี่เฉียงกลับมาที่เรือนพร้อมกับข้าวสารหนึ่งจิน แล้วนำถุงเงินที่ว่างเปล่ากลับมาคืน นางจึงได้รู้ว่าข้าวสารมีราคาจินละสามสิบอิแปะ“เห้อ สามสิบอิแปะ ได้มาหนึ่งจิน จะกินได้กี่วัน” นางมองข้าวสารในถุงที่หลี่เฉียงส่งมาให้นาง“เอาเถิด พรุ่งนี้ข้าจะซื้อในเมืองมาให้มากเสียหน่อย ของใน
หว่านหนิงเห็นหลี่เฉียงออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้วของเขา นางก็อดที่จะนิ่งอึ้งไม่ได้ ถึงขนาดไม่ทิ้งเสื้อผ้าให้นางซักเอง คงจะโกรธนางไม่น้อยเลยทีเดียว“อาหารเสร็จแล้ว มาช่วยข้ายกเร็วเข้า” นางร้องเรียกเขาหลี่เฉียงก็เดินเข้ามาช่วยนางยกอาหารด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้ตื่นเต้นที่เห็นอาหารตรงหน้า“ท่านโกรธข้ามากเลยรึ” นางเอ่ยถามออกมาเมื่อเขาเอาแต่นั่งก้มหน้ากินไม่เอ่ยพูดกับนาง“อืม” เขาตอบรับเบาๆ“ข้าก็ขอโทษแล้วอย่างไร”“อืม”“เหอะ อยากจะงอนก็งอนไป” นางหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจหลี่เฉียงจะเข้าใจคำว่างอนของนางได้อย่างไร เพียงแต่พอจะรู้ว่านางคงจะถากถางเขาอยู่แน่“ข้าถูกเปรียบเทียบกับอาเจิ้งตั้งแต่เล็ก เพราะข้าหัวไม่ดีสู้เขาไม่ได้ อยู่ในสำนักศึกษาก็ถูกเยาะเย้ย ข้าจึงหันไปติดพนันกับสุรา คนพวกนั้นจริงใจกว่าพวกบัณฑิตในสำนักศึกษาเสียอีก”หว่านหนิงมองเขาอย่างเห็นใจ หลี่เฉียงยังคงก้มหน้าก้มตากินอาหารของเขาต่อไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองนาง“ข้าว่าไม่ใช่เพราะท่านหัวไม่ดี เพียงแต่ท่านถูกเลี้ยงดูมาไม่ดีเสียมากกว่า อาเฉียงหากท่านเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ก็จะไม่มีผู้ใดมาดูถูกท่านได้”หลี่เฉี
ป้าตู้นางกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนหน้าเรือน“อาหนิงเจ้ามาเร็วเสียจริง” นางอดจะเย้าออกมาไม่ได้“ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเปลี่ยนใจ” นางยิ้มจนตาหยี สองบุรุษที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองรอยยิ้มของนางอย่างตกตะลึงเหมือนตู้ลู่จื้อจะรู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไม่สมควร เพราะนางเป็นภรรยาของผู้อื่น สามีของนางก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย“ฮ่า ฮ่า ข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร เจ้ารอประเดี๋ยวข้าจะรีบไปหยิบเงินมาให้” ป้าตู้รับปลาจากตะกร้าของหว่านหนิงแล้วเดินเข้าเรือนไป“เจ้าจับปลาได้อย่างไร” หลี่เฉียงเดินเข้ามากระซิบถามนางด้วยความอยากรู้“ท่านถอยไปหน่อย” นางยกมือขึ้นบีบจมูก พร้อมทั้งดันตัวเขาให้ออกห่าง“ข้าเหม็นมากเช่นนั้นรึ” หลี่เฉียงก้มลงดมเสื้อผ้าของตนเอง ก็ไม่เห็นจะเหม็นเหมือนที่นางรังเกียจ เพียงแค่สกปรกไปสักหน่อยก็เท่านั้น“ยังมีหน้ามาถาม” หว่านหนิงถลึงตาใส่เขา“หึหึ” ตู้ลู่จื้อหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหว่านหนิงที่กระทำกับหลี่เฉียง“เจ้าหัวเราะอันใด แล้วเหตุใดยังไม่เข้าเรือนไปอีก” เขาเดินมาบังตัวของหว่านหนิงไว้ให้พ้นจากสายตาของตู้ลู่จื้อ“ข้ารอปิดเรือน” เขาหยักไหล่อย่างไม