ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน
"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว"
"ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"
ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ
("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")
ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงหน้าแต่กลับกลายเป็นว่าทันทีที่เขาตักอาหารคำแรกเข้าปากถึงกับติดใจ แม่สาวน้อยของเขามีฝีมือจริงๆ แบบนี้เอาไปเป็นแม่ครัวที่บ้านน่าจะดี
ทั้งสามคนได้แต่นั่งกินอาหารไปเงียบๆอย่างมีมารยาท มีบางครั้งจ้าวหย่งเฉิงสนทนากับไป๋จิ้งเล็กน้อย ไป๋เจินเจินนั่งฟังทั้งคู่ นางไม่อยากไปกับเขานางอยากขึ้นเขามากกว่า ต้องหาอาหารให้เจ้าตัวน้อยสองตัวนั่น โดยเฉพาะตัวแม่เพราะมันกำลังให้นมลูก ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ๆเสี่ยวจงก็เดินเข้ามาพร้อมกับรายงาน
"คุณหนูไป๋....ด้านนอกคุณชายจอมเสเพลทั้งสามมาพบท่านน่ะขอรับ"
"คุณชายจอมเสเพลหรือ...อ้อ..พวกพี่ข่ายเหยียนแน่ๆเลย ท่านพ่อเดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะ"
ไป๋เจินเจินที่วางตะเกียบแล้วกำลังจะลุกขึ้นก็ถูกดุด้วยน้ำเสียงที่เข้ม
"นั่งลง....เสี่ยวจงไปเชิญสามคนเข้ามา ไป๋เจินเจินอาจารย์คงต้องสอนมารยาทให้เจ้าด้วย พี่ใหญ่จิ้งวันหยุดให้นางไปพักที่เรือนข้า บุตรสาวท่านต้องอบรมจริงๆ"
ไป่เจินเจินส่ายหน้าเอ่ยคัดค้านทันที
"ท่านพ่อ...ขาท่านยังต้องรักษาข้าไปไหนไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ กลางคืนจะทำเช่นไรกัน"
"พ่อไม่เป็นไร อาจารย์จ้าวเมตตายอมสั่งสอนเจ้าส่วนตัวอีกทั้งยังให้ไปพักอยู่ด้วยเจ้ายังไม่ขอบคุณอีก"
"ขอบคุณกับผีบรรพบุรุษเจ้าสิ" คนตัวเล็กเอ่ยอุบอิบๆแต่ทั้งคู่ด้วยฝึกวรยุทธมีหรือจะไม่ได้ยิน ไป๋จิ้งถอนหายใจเหตุใดบุตรสาวถึงดื้อกว่าเมื่อก่อนนัก ส่วนจ้าวหย่งเฉิงก็คีบหมูเส้นใส่ชามนางก่อนจะเอ่ย
"ศิษย์รักของข้ารีบกินเถอะ เดี๋ยวจะสายเรียนช้าก็กลับบ้านช้านะ"
"ไอ้โรคจิต" ไป๋เจินเจินด่าเขาเบาๆไป่จิ้งกำลังจะสั่งสอนบุตรสาวแต่สามคุณชายแห่งเมืองหลวงก็เข้ามาเสียก่อน จากนั้นก็ทักทายคนตรงหน้า
"ศิษย์คารวะอาจารย์จ้าวขอรับ"
"อืม..."
"เอ่อ.....คารวะท่านอาไป๋พวกเราเป็นเพื่อนอาเจินขอรับข้าแซ่สวี....สวีข่ายเหยียน"
"ข้าแซ่ฝาง.....ฝางอี้หลุน"
"ส่วนข้าแซ่จิน...จินเสี่ยวฟงขอรับท่านอาไป๋พวกเราเป็นเพื่อนนักเรียนอาเจินขอรับ"
"อ่อๆๆ..วันนี้มาหาอาเจินถึงเรือนเอาล่ะๆ มีธุระก็รีบคุยอย่าให้อาจารย์จ้าวรอนาน"
บิดาเอ่ยแก่บุตรสาว ไป๋เจินเจินกำลังจะพาทั้งสามเข้าไปในห้องแต่ถูกบิดาเอ่ยห้าม
"อาเจินลูกเป็นสตรีพาบุรุษเข้าห้องได้อย่างไรกัน......นี่มัน"
"ห๊ะ..อ่อพวกพี่รอตรงนี้เดี๋ยวข้ามานะ"
แล้วนางก็เข้าห้องไปเพื่อเอาเจ้าก้อนขนสีขาวมาอวดสหายกลุ่มแรกที่นางเจอที่นี่ แต่มีบางคนหน้าดำเป็นก้นหม้อ เขาอยากไปอุ้มนางออกมาแล้วพากลับเรือนเพื่ออบรมสั่งสอนนักเด็กอะไรโลดโผนเหลือทน
หยางมู่เฉินกับหยางเทียนกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งหยวนคอยดูแลความสงบของวังหลวงจึงต้องกลับไป ก่อนหน้าเขาไม่ปรากฏตัวเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยามนี้องค์ชายห้าผู้สันโดษก็เปิดหน้าออกมาแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะบุตรสาวเขาเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตบุตรชายและพระชายาองค์รัชทายาท และทั้งสองพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นมารัชทายาทจะต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก เช่นนั้นก็อาจเข้าทางพวกเขา คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งก็เหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายสี่และองค์ชายหก ได้ยินว่าเมื่อเจ็ดวันนก่อนองค์ชายสิบสองทรงพลัดตกจากหลังม้าที่ทรงขี่ประจำ ดูเหมือนว่าการตกจากหลังม้าครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ขนาดสายเลือดเดียวกันยังลงมือ หยางตงชิงนั้นล้ำลึกเสียจริงๆ จ้าวหย่งเฉิงไม่อยากให้ไป๋เจินเจินต้องมาพัวพันเขามองหน้าว่าที่พ่อตา ไป๋จิงหยวนรู้ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ลูกดูแลท่านราชครูให้ดี พ่อต้องกลับวังหลวงก่อน ต้องดูแลความสงบในวัง ทางนี้ก็ฝากลูกแล้ว""ท่านพ่ออย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งรถม้าแล้วพวกเราจะกลับบ้านท่านอาที่ป่าไผ่วันรุ่งขึ้น ที่นั่นมีน้ำพุร้อนสามารถช่วยรักษาแผลได้เจ้าค่ะ"ไป๋จิ้งหยวนพยั
จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาร่างบางที่กำลังมองไปยังคุณหนูสกุลหนานและสกุลหยุนด้วยสายตาอำมหิต นางโกรธเกลียดเด็กสาวสองคนนี้เพียงใดกันนะ เขารู้มาว่าวันที่เจอกับนางครั้งแรกตอนที่ถูกบังคับให้แช่น้ำในสระเด็กสองคนนี้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้น แต่จากสายตาของนางเหมือนกับว่าหนานซวงซวงกับหยุนเสี่ยวหว่านนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ร่างสูงเดินไปหานางมือหนาโอบรอบเอวรั้งนางเข้ามาหาไม่สนใจสายตาของอาจารย์และลูกศิษย์รวมถึงคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยถามไถ่"ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ"ไป๋เจินเจินที่เห็นหน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะกอดเขาแน่นไม่สนใจสายตาของใคร"ท่านอา..ท่านมาทำไมท่านยังบาดเจ็บอยู่เลยฮือๆๆ""อาไม่เป็นไร เด็กดีไม่ร้องนะอาอยู่ตรงนี้แล้ว"ฮูหยินหรือ งั้นข่าวลือที่ว่าราชครูจ้าจะแต่งงานกับไป๋เจินเจินก็เป็นยเรื่องจริงน่ะสิ สายตาทุกคู่มองมายังทั้งสองคนพร้อมกับอ้าปากค้าง จ้าวหย่งเฉิงค่อยๆประคองร่างบางที่กำลังร้องไห้เอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง เมื่อสามวันก่อนเกิดไปไหม้อารามที่พระชายารัชทายาททรงไปพักผ่อนกับองค์ชาย นางเข้าช่วยสุดท้ายกลับติดอยู่ในนั้น จ้าวหย่งเฉิงเข้าไปพานางกับองค์ชายออกมาก่อนที่จะถูกคา
ทันทีที่ไป๋เจินเจินเอ่ยจบ หนานเฉาเหว่ยก็หน้าซีด นางเด็กนี้รู้อะไรมาหรือ เขาจึงเอ่ยกลับไปไม่ยอมรับ"เงินทองจวนข้ามีมากพอ อาหารเหล่านั้นไม่ได้แพงมากมาย เจ้าจะไปรู้อะไร"ไป๋จิ้งหยวนมองหน้าหนานเฉาเหว่ยทันที ดูเหมือนบุตรสาวของตนจะรู้อะไรมา ไม่นานชายที่สวมชุดสีม่วงใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็เอ่ยขึ้นมา"เงินเดือนเจ้ากรมหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง มีเมียรองสองคน อนุสี่คน ไปร่ำรวยมาจากไหนกัน"หนานเฉวเหว่ยหันไปทางเสียงที่เอ่ยมาก่อนจะชี้หน้า"เจ้า ไอ้บัณฑิตกระจอก เรื่องของบ้านข้าเจ้าจะไปรู้อะไร"ไป่เจินเจินปรบมือให้กับหนานเฉาเหว่ยก่อนที่นางจะเอ่ย" เมียรองก็มีสินเดิม อนุก็มีสินเดิม อาหารมื้อละสองร้อยตำลึง ใต้เท้าหนานเจ้าแต่งภรรยากับอนุมาเลี้ยงดูตนเองเช่นนั้นหรือ"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะดังลั่นสำนักศึกษา หนานเฉาเหว่ยโบกมือเพื่อให้คนของตนสั่งสอนไป๋เจินเจิน แต่ไป๋จิ้งหยวนกดเขาลงกับพื้นนก่อนจะเอ่ย"อยากแตะต้องบุตรสาวข้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"หนานเฉาเหว่ยพยายาที่จะลุกไม่นานองครักษ์หลวงก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ วั่นกงกงถือม้วนผ้าสีทองมาด้วยก่อนจะเอื้อนเอ่
ไป๋เจินเจินกลับมาจากบ้านป่าไผ่ได้สิบวันแล้ว ที่ยามนี้นั่งเรียนอยู่กับอาจารย์เฟิ่งที่ศาลารับลม พวกนางไม่ต้องเข้าเรียนในชั้น จ้าวลู่ซินเองก็ตั้งใจเรียน ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องพวกนางอีก โดยเฉพาะไป๋เจินเจินนางคือภรรยาที่ยังไม่แต่งของท่านราชครูเจ้าของสำนักศึกษาเชียวนะยามนี้อาจารย์เฟิ่งไม่อยู่ พวกนางจึงนั่งทบทวนตำรา ไป๋เจินเจินนั่งอ่านตำราเป็นเพื่อนจ้าวลู่ซิน เดิมก็เรียนจนจบปริญญาโทรจากนั้นก็มาเป็นอาสากู้ภัยของหน่วยดับเพลิง เรื่องเรียนไม่ใช่ว่านางขี้เกียจแต่ชาติที่แล้วเรียนมาหลายปีเบื่อแล้ว ส่วนที่นี่สอนแต่หลักสูตรพื้นฐานอะไรก็ไม่รู้ เหมือนเรียนอนุบาลอีกครั้งเลยมันน่าเบื่อ จ้าวลู่ซินเกาศีรษะเพราะที่ไป๋เจินเจินเขียนโจทย์ให้นางนั้นยากเกินไป ก่อนจะวางพู่กันแล้วเอ่ยกับนาง"อาสะใภ้...วิชาคำนวนนั้นยากไปแล้ว ข้าเรียนไม่ไหวหรอก""คุณธรรมอะไรนั่นเรียนไม่ยากที่ยากคือปฏิบัติให้ได้ คุณหนูจ้าวท่านพยายามสักหน่อยเถอะนะ เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจแต่อาเจินอธิบายจนในที่สุดข้าก็เรียนรู้จนได้"จินเสียวฟงเอ่ยกับนาง จ้าวลู่ซินทำหน้าหงอยๆก่อนจะพยักหน้าให้เขา ไป๋เจินเจินที่เห็นนางหน้าเศร้าก็เ
ไป่เจินเจินมองหน้าบิดาทันที ทำไมต้องให้ฮ่องเต้ด้วย นางจับมาลำบากแทบตายอีกอย่างนางเอ่ยปากให้พี่ๆ ทั้งสามคนไปแล้วด้วย กระทั่งสวีข่ายเหยียนเอ่ยขึ้น"อาเจิน ถวายฝ่าบาทก่อนนั้นดีแล้ว จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตนเอง""ถูกของข่ายเหยียนนะ อาเจินที่ท่านลุงไป๋ทำก็เพราะไม่อยากให้พวกเราถูกกล่าวหาน่ะ""พี่ข่ายเหยียนพี่เสียวฟงข้าไม่เข้าใจ พวกท่านหมายความว่าเช่นไร"ฝางอี้หลุนเดินมาหานางจับมือบางก่อนจะเอ่ย"เพียงพอนเป็นสัตว์มงคลของแคว้น ยากที่จะจับมาได้ หากแม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่สามารถมีครอบครอง แต่เราที่เป็นเพียงบุตรขุนนางกับบุตรพ่อค้าวาณิชย์กลับมีครอบครองหมายความว่าเช่นไร นั่นไม่เท่ากับว่าพวกเราคิดกบฏหรอกหรือ""ห๊า..พี่อี้หลุนไม่มั้ง ท่านอาร้ายแรงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ"จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาพร้อมกับจับมือของฝางอี้หลุนออกจากมือบางแล้วเอามากุมไว้เองเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ฝ่าบาทมิใช่พระทัยคับแคบแต่ที่น่ากลัวคือคำกล่าวหา คำครหาเหล่านั้นสามารถทำให้ตระกูลล่มสลายได้ เอาเช่นนี้เด็กดีของอามีคู่ผัวเมียอยู่ ถึงเวลาก็ค่อยให้มันถือกำเนิดลูกออกมาใหม่ สหายของเจ้าพวกเขารอได้ ดีกว่าครอบครัวมีภัย อาเจินของอาว่าเช่นนี้ด
หลังจากที่จ้าวหย่งเฉิงพูดคุยกับไป๋เจินเจินเรียบร้อยแล้วก็อิดออดไม่ยอมไปง่ายๆ คนตัวเล็กพยายามให้เขาไปนอนที่ห้องของตนเอง ในที่สุดจ้าวก็เฉิงก็ยอมกลับ เขาออดอ้อนนางหวังว่าคนตัวเล็กจะใจอ่อน"อาเจินคนดี อาอยากนอนกอดเจ้าจริงๆนะ เราแต่งงานกันพรุ่งนี้เลยดีหรือไม่""ท่านอา ท่านใจร้อนอะไรกัน ข้าจะหนีท่านไปไหนได้อีก แก่แล้วทำตัวเหมือนเด็กขนเพิ่งขึ้น"จ้าวหย่งเฉิงสะอึกกับวาจาของคึู่หมั้นเด็ก คำว่าขนเพิ่งขึ้นนางกล้าพูดออกมาโต้งๆได้เช่นไร ที่สำคัญนางบอกว่าเขาแก่ แม่ตัวแสบรอก่อนเถอะ "ว่าอาแก่ รอเข้าหอเถอะจะได้รู้ว่าที่จริงอาแก่หรือไม่""หึ..ใครกลัวท่านกัน นี่ก็ดึกแล้วท่านอาเหตุใดท่านมิไปพักผ่อนดีๆเล่าเจ้าคะ ข้าง่วงแล้วนะ""ได้อาไปก็ได้ แต่ก่อนไปเจ้าจูบอาสักทีได้หรือไม่""ท่านนี่นะ เรียกร้องอะไรก็ไม่รู้"ไป๋เจินเจินมองค้อนเขา ก่อนจะหอมแก้มสากคนตัวโต จ้าวหย่งเฉิงรวบร่างบางมากอดแล้วจุมพิตนาง เมื่อสมใจก็ถอนริมฝีปากออกมาพร้อมกับเอ่ยกำชับเรื่องที่นางอยากรู้"อาเจินคนดี เรื่องบิดาเจ้าอย่าไปหาคำตอบ ใต้เท้าไป๋ทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าได้ปลอดภัย เขาอดทนเป็นเพียงตาแก่พิการมานานหลายปี