LOGINรถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก
"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว"
"ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"
ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม
"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่
"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก"
"พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"
ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป
หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว ไป๋จิ้งก็เดินเขยกๆไปยังห้องบุตรสาว เขาตรวจดูความเรียบร้อยเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวดีจะไม่หนีเรียนอีก ไม่เห็นอาจารย์จ้าวบอกว่าพรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุด เขาคงต้องลากสังขารเป๋ๆไปส่งเจ้าตัวดีที่สำนักศึกษาเองกระมัง
ยามเหมาไป๋เจินเจินตื่นแล้ว นางลุกมาหุงข้าวไว้ให้บิดาวันนี้นางจะไปตลาดสักหน่อยเพื่อจ้างช่างไม้มาทำกรงพังพอนของนาง ห้าตัวล้วนขาวราวกับหิมะ ไป๋เจินเจินหุงข้าวขาว ผัดหมูเส้นกับผักกาดขาว ยำแตงกวา เมื่อวานได้เห็ดมานิดหน่อยตอนขึ้นเขาเอามาผัดไข่ใส่พริกสักหน่อยกินไล่ลมดีกว่า เมื่อหุงข้าวใกล้เสร็จก็รินน้ำข้าวใส่น้ำตาลทรายแดง ตอกไข่หนึ่งฟองจากนั้นก็ยกไปให้บิดาที่ในห้อง
"ท่านพ่อ ทานน้ำข้าวอุ่นๆรองท้องก่อนนะเจ้าคะ ข้าทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้วจะเรียกท่านอีกที"
"ลำบากเจ้าแล้วอาเจิน ยามเฉินแล้วเดี๋ยวสาย ลูกบอกว่าหยุดเหตุใดอาจารย์จ้าวไม่กล่าวเมื่อวาน ให้พ่อไปส่งดีหรือไม่"
"อย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ อาจารย์จ้าวคงลืมแจ้งท่าน เอ่อข้าอยากปรึกษาเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าจะไปหาท่านหมอมารักษาขาให้ท่าน ข้าไม่ได้คัดอักษรแต่ข้าสามารถหาสมุนไพรไปขายได้ สำนักศึกษาอยู่ติดภูเขา เมื่อก่อนอาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้าๆจึงไปเดินเล่นบ่อยๆ พบผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาเป็นคนหามสมุนไพรเจ้าค่ะ แม้ว่าเขาจะสอนไม่กี่ชนิดแต่ข้าก็ยังพอหาเงินมาซื้ออาหารกับชุดใหม่ได้"
"พ่อแก่แล้ว เงินทองที่ลูกเป็นคนหามาได้ก็เก็บไว้เป็นสินเดิมตอนออกเรือนเถอะ"
"ลูกไม่ออกเรือนเจ้าค่ะ...ท่านพ่อนอกจากท่านแล้วบุรุษทุกคนล้วนน่ารังเกียจ อยู่ใกล้แล้วผื่นขึ้นเหมือนเป็นโรคระบาด อี๋ข้าไม่เอาหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อ"
"เด็กคนนี้วาจาเจ้าเช่นนี้อย่าให้ผู้ใดมาได้ยินเชียว"
"ข้ารู้แล้วๆ...ท่านพ่อเดี๋ยวข้าไปตั้งโต๊ะก่อนนะเจ้าค่ะ ท่านพ่อไปนั่งรอเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปยกอาหารมา"
ไป๋จิ้งอมยิ้มก่อนจะเขยกๆร่างสูงของตนไปยังโต๊ะกลางห้องโถง บุตรสาวเข้าไปในครัวเพื่อยกอาหารจึงไม่รู้ว่าบิดามีแขก คนมาใหม่เดินเข้ามาก่อนจะทักทายเขา จ้าวหย่งเฉิงที่ได้ยินนางกล่าววาจาติเตียนบุรุษเช่นนั้นก็ถึงกับถอนหายใจ ช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดเดียว จากนั้นก็เอ่ยทักทายเจ้าของบ้าน
"พี่ใหญ่จิ้ง..อรุณสวัสดิ์ขอรับ"
"อะ..เอ่อ..อาจารย์จ้าวอรุณสวัสดิ์"
"ท่านทานข้าวมาหรือยังขอรับ อาเจินๆอาจารย์จ้าวมาลูกออกมาทักทายก่อนสิ"
ไป๋เจินเจินที่อยู่ในครัวได้แต่กลอกตามองบน มาทำไมวะวันนี้เจ๊จะไปสั่งทำกรงพังพอนของเจ๊นะเว้ย ไป๋เจินเจินจำต้องเดินออกมาทักทายเขาก่อน
"ศิษย์ไป๋เจินเจินคารวะอาจารย์จ้าวเจ้าค่ะ มิทราบว่าอาจารย์มาบ้านศิษย์แต่เช้าด้วยเรื่องอันใดเจ้าคะ"
"อาเจินเหตุใดกว่าววาจาไร้มารยาทเช่นนี้ ต้องขออภัยอาจารย์จ้าวด้วยนะขอรับ มารดานางเสียไปตอนนางยังเด็ก ข้าน้อยก็ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพจึงไม่มีเวลาสั่งสอนนางจึงได้ก้าวร้าวไปหน่อย"
ไป๋จิ้งดุบุตรสาวพร้อมกับขอโทษจ้าวหย่งเฉิงไปด้วยทีเดียวกัน ไป๋เจินเจินสะบัดหน้ายืนกอดอก ไอ้คนประสาทนี่วันนี้วันหยุดของสำนักเจ้ามาทำไม่แต่เช้า อยากให้ท่านพ่อตำหนิข้าหรือไงกัน ก่อนจะได้ยินเสียงเขาเอ่ยกับบิดานาง
"เดิมทีสำนักศึกษาหยุดสามวันน่ะท่านพี่ใหญ่จิ้ง แต่อาเจินเรียนช้าจนป่านนี้ยังไม่ได้อักษรสักตัวข้าเลยจะมารับนางไปสอนพิเศษ แต่ว่าต้องไปที่เรือนของข้าที่นอกเมืองน่ะ ค่ำๆถึงจะมาส่ง ที่เรือนบ่าวไพร่มากมายมิได้มีเพียงนางกับข้าหรอกท่านอย่าได้กังวล"
"อ้อ...เป็นเช่นนี้ข้าน้อยจะรังเกียจได้อย่างไรต้องขอบคุณท่านด้วยซ้ำ ถ้าอาจารย์จ้าวไม่รังเกียจอาหารคนจนทานมื้อเช้าด้วยกันเถอะขอรับ"
จินเสี่ยวฟงเขินอาย ทุกคนต่างก็หัวเราะ จ้าวหย่งเฉิงลุกไปช่วยคู่หมั้นจัดการอาหารสามอย่างสุดท้าย วันนี้นางทำของโปรดของเขาแทบจะทุกอย่าง ไป๋เจินเจินคีบเนื้อปลาเปรี้ยวหวานใส่ชามบิดา จากนั้นถึงคีบให้เขา จ้าวหย่งเฉิงมองหน้านาง ไป๋เจินเจินส่งสายตาดุกลับไป คนเยอะแยะเขาช่างหน้าด้าน"ดูก้างให้อาด้วย เดี๋ยวอาติดคอนะ""ท่านอา...คนอื่นยังกินได้เลย"สวีข่ายเหยียนคีบก้างปลาออกทีละเส้นๆจากนั้นก็คีบมาใส่ในชามของเขา ยิ้มประจบประแจงแล้วเอ่ย"อาจารย์ขอรับ ศิษย์เอาก้างปลาออกหมดแล้วรับรองไม่มีก้างแน่นอน อาจารย์ทานให้สบายใจเถอะขอรับ"จ้าวหย่งเฉิงแค่นยิ้มให้ลูกศิษย์ที่หวังดีผิดที่ก่อนจะเอ่ยลอดไรฟัน"ขอบใจ ขอบใจมากแต่วันหน้าวันหลังเจ้าไม่ต้อง""อ้อ..ยินดีขอรับท่านอาจารย์ เอะ!! ห๊ะ ห๊า ศิษย์ทำอะไรผิดไปหรือขอรับ"จ้าวหย่งเฉิงหลับตาก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกให้กินข้าน"กินข้าวของเจ้าไป สู่รู้นัก"สิ้นคำของเขาสามสหายก็เงียบทันที สวีข่ายเหยียนไม่เข้าใจแต่อีกสองคนเข้าใจจึงกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ ไป๋เจินเจินส่ายหน้าให้กับความงอแงก่อนจะคีบก้างปลาออกแล้วเอาเนื้อปลาที่ไร้ก้างใส่ในชามบิดาก่อน จากนั้นจึงคีบ
ร่างบางเดินกลับไปยังรถม้าซึ่งเป็นรถม้าของจวนราชครู สามจอมเสเพลรู้สึกว่าสหายตัวน้อยไม่ชอบหน้าองค์ชายห้าพวกเขาจึงตามนางไปและพาลไม่ชอบตามไปด้วย ใครที่อาเจินเกลียดพวกเขาก็เกลียดด้วยเช่นกัน องครักษ์ของจ้าวหย่งเฉิงไปรายงานที่สำนักศึกษาแล้ว เขาจึงตรงไปจวนสกุลไป่ทันที หยางตงชิงอยากยุ่งกับนางเจ้าก็ลองดูสิ เมื่อมาถึงจวนไป๋จิ้งหยวนที่กำลังนั่งเช็ดกระบี่อยู่เห็นรถม้าของจวนราชครูเข้ามาก็เก็บกระบี่เขาฝัก มีรถม้าอีกสามคันตามมาพอจอดสนิทก็เป็นจ้าวลู่ซิน องค์หญิงแปดและองค์ชายห้า เขามาได้อย่างไรกัน เห็นทีต้องเพิ่มคนอารักขาบุตรสาวเสียแล้ว นางฉลาดเฉลียวหากองค์ชายห้ารู้ว่านางมีความสามารถอาเจินอาจตกอยู่ในอันตราย ร่างอรชรเดินมาหาบิดาเอ่ยทักทาย"ท่านพ่อ..ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ""คารวะท่านอาไป๋ขอรับ"สามจอมเสเพลคำนับไป๋จิ้งหยวน จ้าวลู่ซินกับเหอฉู่หรานก็ทำความเคารพเขา ไป๋จิ้งหยวนคำนับอีกสองคนที่เดินตามมา"ถวายพระพรองค์ชายห้า ถวายพระพรองค์หญิงแปดพ่ะย่ะค่ะ""องครักษ์ไป๋ตามสบายเถอะ วันนี้เราแค่อยากมากินข้าวกับอาเจินและลู่ซินน่ะ"ไป๋จิ้งหยวนเข้าใจดี ไทเฮาคือย่าทวดของจ้าวลู่ซินและเป็นเสด็จย่
หลังจากที่ไป๋เจินเจินจัดการหนานซวงซวงและหยุนเสี่ยวหว่านเรียบร้อยแล้วก็จะกลับจวน อีกสิบวันเป็นงานแต่งงานของนางกับจ้าวหย่งเฉิง หลังจากงานแต่งสามวันนางกลับบ้านเดิมเยี่ยมบิดาเรียบร้อย ท่านพ่อจะไปต้อนรับคณะทูตที่เดินทางมาเพื่อถวายเครื่องบรรณาการ ร่างอรชรเดินซื้อข้าวของเพื่อวันนี้คู่หมั้นรูปงามของนางจะมากินมื้อค่ำที่จวน จ้าวหย่งเฉิงชอบกินอาหารฝีมือนางโดยเฉพาะปลาเปรี้ยวหวานและบะหมี่ตุ๋นสามชั้น ไป๋เจินเจินไปร้านขายยาเพื่อซื้อเครื่องเทศ เถ้าแก่ร้านออกมาต้อนรับนางด้วยตนเอง ยามนี้จากเด็กสาวมือปราบไร้ชื่อที่หนีหน้าที่ กลับกลายเป็นคุณหนูไป๋บุตรสาวหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร คนที่เคยเหยียดหยามต่างก้มหน้าเมื่อเจอนางองครักษ์พิทักษ์หญิงงามเดินตามหลัง ไม่มีใครกล้ามาต่อกรหรือหาเรื่อง สกุลของจอมเสเพลทั้งสามคนนั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่ละตระกูลล้วนแต่มีคุโณปการต่อราชสำนัก สวีข่ายเหยียนเอ่ยถามเมื่อเห็นนางเดินมาหน้าร้านโอสถ"อาเจิน...เจ้าป่วยเป็นอันใดหรือถึงมาซื้อยา"จินเสี่ยวฟงถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสหาย"อาเจินจะมาซื้อเครื่องเทศไปทำอาหารอร่อยให้พวกเรากิน นางไม่ได้ป่วยเจ้าทึ่ม"ใบหน้าหวานยิ้มน้
หยางตงชิงที่รอรายงานก็ร้อนใจ ได้ยินว่ามีการทูลเกล้าฯถวายฎีกาเรื่องไฟไหม้ครั้งนั้นเป็นการวางเพลิง คนทำต้องการเอาชีวิตของไท่จื่อเฟยและองค์ชาย องค์ชายห้ากำมือแน่นคนสนิทหลับตาก่อนจะเอ่ยอย่างหวาดหวั่น"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าคนที่รู้ว่านี่คือการวางเพลิงคือคุณหนูไป๋ นางพบหลักฐานที่เกิดเหตุอีกด้วย""นางพบอะไร ห้องนั้นไฟไหมจนไม่เหลือซาก นางก็แค่เด็กน้อยเพิ่งปักปิ่นจะมีความสามารถอะไรได้กัน"หยางตงชิงไม่เชื่อว่าเด็กสกุลไป๋คนนั้นจะมีหลักฐาน คงต้องการล่อเขาออกมามากกว่า หากเขาทำไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่มีใครเอาผิดเขาได้ ร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันเตานั่นเข้าก็ให้คนของเขาไปจัดการคนที่ขายของให้คนของตนเรียบร้อยแล้ว นางเด็กนั่นฉลาดนักหรือ เจ้าเล่ห์เหมือนบิดาของนางไม่มีผิด หากมิใช่เพราะไป๋จิ้งหยวนมาขัดขวางเขาคงจัดการรัชทายาทไปนานแล้ว ยังแอบซ่อนตัวทำเป็นคนพิการขาเป๋ รัชทายาทคนที่อยู่ตำหนักบูรพาคนนั้นน่าจะตัวปลอม เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนกระทั่งตัวจริงกลับมา หยางตงชิงสั่งให้คนของตนไปพบกับคนของโจรภูเขา กองกำลังที่เขาแอบซ่องสุมมานานไม่ช้าก็จะเข้าเมืองหลวงได้ทั้งหมด "ไปหาเฉินฮุ่ย....บอกให้เ
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา







