“ข้าบอกให้เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น!!”ชิงเยี่ยนหยุดเดินแต่ก็ไม่ได้หันมาหาเขา ท่านอ๋องเดินมาดึงแขนนาง“กลับไปนอน”“ไม่เพคะ หม่อมฉันจะกลับไปที่เรือนหลังของหม่อมฉัน”“พระชายา ข้าสั่งให้เจ้ากลับไปนอน”“ไม่ พระองค์กลับไปเถิดเพคะคืนนี้หม่อมฉัน…”ท่านอ๋องก้มลงอุ้มนางขึ้นมาและไปวางที่เตียง นางจะลุกขึ้นแต่ถูกเขากดเอาไว้“ปล่อยนะเพคะ หากพระองค์ไม่อยากทำเช่นนี้ก็อย่าได้ฝืนพระทัย”“นี่เจ้า..ความทรงจำเจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่”“จะกลับหรือไม่กลับต่างกันอย่างไรในเมื่อความรู้สึกของพระองค์ก็มิได้เปลี่ยนไป ยังเย็นชาเช่นเดิมปล่อยข้านะ”“เฮ้อ ชิงเยี่ยนเจ้าฟังข้าก่อนเจ้ามาอยู่ที่นี่ร่วมเดือนหากจู่ๆกลับไปคนจะสงสัยเอาได้”“เช่นนั้นคืนนี้หม่อมฉันจะนอนที่นี่ก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้หม่อมฉันจะกลับไปเรือนหลังตามพระบัญชาของท่านอ๋อง”“เหตุใดเจ้าจึงไม่มีเหตุผลถึงเพียงนี้”“ก็เพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่แสดงความรักกับหม่อมฉันบ้างเล่าเพคะ!!”ท่านอ๋องถึงกับตกใจ นี่นางยังใช่ฟ่างชิงเยี่ยนอยู่หรือไม่ นางกำลังกล่าวต่อว่าเขา ที่เขา…ไม่..“เจ้า…ว่าอย่างไรนะ”“ป้าเจากับคนอื่นๆบอกข้าว่า สามีภรรยาก็ต้องนอนด้วยกัน จูบกันแล้วก็ทำลูกกันแต่ท่าน
ป้าเจาและสาวใช้แม้จะอยากช่วยพระชายาแต่ก็หาได้มีผู้ใดกล้าไม่เพราะตอนนี้อารมณ์ท่านอ๋องแม้จะขุ่นเคืองแต่ใบหน้าของชิงเยี่ยนกลับไม่รู้สึกถึงความโหดร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ ทำไมตื่นไม่รอข้า”“อยากลุกก็ลุก จะตื่นก่อนตื่นหลังมันต่างกันตรงไหนเล่าเพคะ อย่างไรแล้ว…”“นี่เจ้ากำลังยั่วโมโหข้าอยู่ ข้าถามเจ้าดีๆ”“หม่อมฉันก็กำลังจะตอบดีๆเช่นกัน”“ชิงเยี่ยน เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อคืน....”“อ๋อ ขอนไม้แข็งกระด้างไร้ชีวิตหรือเพคะ”“ชิงเยี่ยน!!”“รีบกินข้าวเถอะเพคะ หม่อมฉันจะรีบไป..ว๊าย ท่านพี่จะทำอะไร ไปไหนเพคะ ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันนะ”“ตามข้ามานี่!!”ในเมื่อกล้ายั่วโมโหเขาเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่ปรานีนางเช่นกัน มีวิธีเดียวที่จะปราบคนเช่นนางได้ เขาเปิดห้องบรรทมและลงกลอนแน่นก่อนจะลากนางมาที่เตียงและโยนลงไป“ท่านพี่นี่ท่านทำสิ่งใด”“เจ้าอยากให้ข้าทำมิใช่หรือ อยากให้กอดเจ้า จูบเจ้า และร่วมหลับนอนมิใช่หรือ”“นี่ท่าน..อย่าเข้ามานะ ข้ามิได้ต้องการเช่นนี้ไม่เอานะ ออกไปนะคนบ้า”“แควก!!”“ท่านอ๋องอย่านะอย่าทำบ้าๆนะ”เขาฉีกชุดที่นางสวมอยู่จนขาด บัดนี้เหลือเพียงชุดชั้นในอีกเพียงชั้นเดีย
“วะ …ว่าอย่างไรนะ”เขาไม่ตอบนางแต่หันตัวนางลงไปที่เตียงแทนเพื่อให้รับจูบที่เขาส่งไปอีกครั้ง คราวนี้นางยอมหลับตาลงและค่อยๆดันลิ้นออกไปชนกับลิ้นของเขา ไม่นึกว่าท่านอ๋องจะช่ำชองเรื่องเช่นนี้ ใช่สิ ก่อนหน้านี้เขามีพระสนมตั้งเจ็ดคน…“อื้อ ท่านพี่ ปล่อยก่อน”“ชิงเยี่ยน เจ้ากลัวแล้วงั้นหรือ”“ข้า…ท่าน…เหตุใดท่านจูบเก่งปานนี้ ก่อนหน้านี้กับพระสนมทั้งเจ็ดคนนั่น!!”“นี่เจ้าพูดอะไร นี่…เชิงเยี่ยนหรือว่าเจ้า!! พวกเจ้าพูดคุยกันแต่งเรื่องอันใดกันแน่ในตำหนักนี้!!”“ข้า…เปล่านะเพคะ คือว่า ข้าเดาเอา ท่านเก่งถึงเพียงนี้ แสดงว่าพระสนมที่ผ่านมานั่นก็….”“ข้าไม่เคยแตะต้องพวกนาง เอาล่ะ แต่งตัวเถอะ อีกไม่กี่ชั่วยามต้องเตรียมตัวออกไปงานเทศกาลแล้ว”“แล้วท่านจะไปที่ใด”“ข้าจะไปจัดการเรื่องบางอย่าง”“ท่านคงไม่หาเรื่องลงโทษคนในตำหนักหรอกนะเจ้าคะ”“เจ้าเองก็คลุกคลีกับพวกนางให้มันน้อยๆหน่อย เหตุใดชอบฟังแต่เรื่องเหลวไหลที่ไม่มีมูลเช่นนี้อยู่เรื่อย”“ท่านพี่โกรธหรือเจ้าคะ”“ข้า!!….ข้าก็แค่ หากไม่จำเป็นก็อย่าไปฟังมาก หากสงสัยหรืออยากรู้สิ่งใดก็แค่มาถามข้าตรงๆ มันไม่ได้ตอบยากขนาดนั้น”“เช่นนั้น ขอจูบอีกทีได้หรือไม่เจ้
“นางมีสิทธิ์อะไรไปนั่งลอยหน้าอยู่ตรงนั้น นางก็แค่ลูกอนุของท่านพ่อ”“น้องรอง หุบปากเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”“พี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดความจริง”“ความจริงก็คือ ท่านหนีราชโองการสมรสและหนีออกจากซูโจว ปล่อยให้น้องห้าแต่งงานแทนท่านบัดนี้พี่รองมีสิทธิ์อันใดมาเรียกร้องเช่นนี้”“น้องสาม!! ข้าเป็นพี่เจ้านะ”“นางก็เป็นน้องพวกข้าเช่นกัน น้องรอง เจ้ามันเอาแต่ใจเห็นว่าท่านแม่ตามใจเจ้ามาตั้งแต่เด็กเลยทำสิ่งใดไม่รู้จักคิด”“พี่ใหญ่!! ท่านแม่ พี่ใหญ่เขา…”“หุบปากให้หมด หลิงเทียนพอที เจ้ากลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินเรื่องที่เจ้าพูดหรืออย่างไร ฝูเยว่เจ้าก็หยุดประจานความน่าละอายของตัวเองเสียที นั่งนิ่งๆ หากกล้าพูดเรื่องนี้อีกข้าจะสั่งให้คนพาเจ้ากลับบ้าน”ฟ่างฝูเยว่หันไปกอดมารดาของนาง และหันไปมองที่นั่งด้านบน ฟ่างชิงเยี่ยนนั่งกอดแขนท่านอ๋องอยู่ และเขากำลังลูบหัวนางเบาๆเป็นเชิงปลอบเพราะนางตกใจเสียงไฟที่พ่นออกมาจากการแสดง“หมดหรือยัง ตกใจหมดเลย”“หมดแล้ว ดูเจ้าสิแค่นี้ก็ตื่นตระหนก”“ก็มัน….”“นั่น!! ดูนั่น ท่านอ๋องโลหิตผู้นั้น!!”“หอมแก้มพระชายาต่อหน้าธารกำนัลงั้นหรือ”ครอบครัวสกุลฟ่างเองก็เห็นเช่นกัน ฟ่างหลิงเทียนหันมามอ
“เจ้าคนชั่ว ท่านทำสิ่งใดกับนาง ชิงเยี่ยนถึงได้เป็นเช่นนี้”“ปล่อยข้านะ!!”ชิงเยี่ยนสะบัดมือจากลู่หยวนจนได้ นางวิ่งไปหาลั่วหมิงจ้านในทันทีพร้อมกับกอดเขาเอาไว้แน่น“ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้ากลัว”ท่านอ๋องในวันนี้ตกใจแต่ดีใจจนหัวใจแทบกระโดดออกมา นางเลือกเขา นางเลือกที่จะวิ่งกลับมาหาเขาให้เขาปกป้องนาง เช่นนี้เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บคนตรงหน้าเอาไว้“ชิงเยี่ยน เจ้าปลอดภัยหรือไม่”“ท่านพี่ ข้าอยากกลับบ้าน ข้าอยากกลับแล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาจะ…จะพาข้าไป ข้ากลัว ท่านพี่”“ไม่ต้องกลัว ข้ามาแล้ว”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าจางลู่หยวน และจะเดินเข้าไปหาเขาแต่ชิงเยี่ยนดึงเขาไว้ เหมือนครั้งที่แล้ว นางก็ทำเช่นนี้ หรือว่านางจะ….“ท่านพี่ อย่าฆ่าคนเจ้าค่ะ ท่านเป็นอ๋องหากคำร่ำลือนั้นออกไป คนจะกล่าวโทษท่านข้าไม่อยากมีเรื่อง พาข้ากลับเถอะเจ้าค่ะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”“ชิงเยี่ยน ที่เจ้าไม่อยากให้ข้าทำร้ายเข้า เพราะ…”“ข้าไม่อยากให้ท่านเจ็บตัว กลับบ้านเถอะเจ้าค่ะข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา”“ได้ เช่นนั้นเราก็กลับบ้านกัน”“ชิงเยี่ยน!! เขากำลังหลอกเจ้า เขาทำสิ่งใดกับเจ้าเหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ ชิงเยี่ยนลืมตามองข้
“เรื่องนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”“แล้วเหตุใดต้องมากล่าวหาว่าท่านอ๋อง…ทำบางอย่างกับหม่อมฉันเพื่อให้จำเขาไม่ได้”“เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าความจำเสื่อม ที่จริงเรื่องที่เจ้าป่วย ข้าเองก็มิได้บอกผู้ใดมากนัก มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สามเจ้าเท่านั้นที่ข้าบอก”“พี่ใหญ่และพี่สาม”“เจ้าอย่าบอกว่าเจ้าก็ลืมพวกเขา”“ไม่ลืมหรอกเพคะ พวกพี่ๆทั้งสองคนดีกับหม่อมฉันมาตั้งแต่เด็ก จะลืมได้เช่นไร”“แต่เจ้าจำจางลู่หยวนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กไม่ได้งั้นหรือ”“เพื่อนในวัยเด็ก…โอ๊ะ…โอ๊ยย”“ชิงเยี่ยน!! เจ้าปวดหัวอีกแล้วงั้นหรือ”“เพคะ หม่อมฉัน…รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เจอเขา หากว่าเป็นดังที่เขาพูดเหตุใดเมื่อพบหน้าเขาหม่อมฉันจึงไม่ได้มีความรู้สึกใดๆเลย ไม่เหมือน…”“ไม่เหมือน…เจ้ากำลังจะพูดสิ่งใด”“ไม่เหมือนตอนพบพระองค์ ข้าก็..หลงรักพระองค์ทันที แต่กับชายคนนั้นข้าทั้งกลัวและก็รู้สึกว่า…มีบางอย่างที่…”“ช่างเถอะนะ เจ้าไม่ต้องนึกได้ทุกเรื่องในตอนนี้ก็ได้ เรามีเวลาอีกทั้งชีวิต หรือหากว่าเจ้าไม่อยากจะนึกออกก็ไม่เห็นเป็นไร คนบางคนหลงลืมไปก็ใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องดีเจ้าว่าจริงหรือไม่”“นั่นสิเพคะ ท่านพี่ ข้าง่วงแล้ว ไม่เล่นบทพระชายาแล้ว
แรงกระแทกจากต้นขาที่แข็งแรงและริมฝีปากหน้าที่กำลังพรมจูบไปที่เรียวขาขาวเนียนทำเอาชิงเยี่ยนแทบจะล่องลอยไปอีกรอบ มันทั้งรู้สึกดี และจั๊กจี้ไปพร้อมๆกัน แม้ว่าจะยังอายอยู่บ้าง แต่คนตรงหน้าก็พยายามทำให้นางรู้สึกว่านางไม่สมควรอายกับเรื่องที่มีความสุขเช่นนี้“ท่าน…ท่านพี่….”“ข้ารู้ ข้าจะเปลี่ยนท่าให้นะ”เขาจับนางหันหลังและค่อยๆสอดใส่เข้าไปอีกครั้งพร้อมเสียงร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เสียงของเขาทำเอานางรู้สึกสยิวไปด้วยไม่น้อยเพราะมันทั้งเร้าอารมณ์ และเพิ่มต้องการให้มากขึ้น“ชิง…ชิงเยี่ยน อ๊าา!!”เสียงครางของเขาดังคำรามขึ้นเป็นครั้งคราวจนบางครั้งชิงเยี่ยนก็ตกใจ โดยปกติท่านอ๋องจะสุขุมและเป็นคนค่อนข้างนิ่งมาก ไม่นึกว่าเมื่ออยู่บนเตียงเขาจะดุดันและมีพลังมากจนชิงเยี่ยนแทบจะรับมือไม่ไหวเช้าวันถัดมา“วันนี้ท่านพี่ไม่ไปที่ใดหรือเจ้าคะ”“ไม่รีบร้อน เจ้าหิวหรือไม่”“ก่อนหน้านั้นไม่รู้สึกเจ้าค่ะ แต่พอท่านถามขึ้นมาตอนนี้ก็เลยรู้สึกหิวแล้ว”“เช่นนั้นก็รีบไปแต่งตัวแล้วไปกินข้าวกัน วันนี้ข้าจะพาเจ้าออกไปซื้อของข้างนอกอยากได้อะไรหรือไม่”“จริงหรือเจ้าคะ ข้าจะได้ออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะ”“ทำไม ดูเจ้าดี
เขาไม่ได้เพียงแค่พูดแต่หยิบถ้วยยางเปล่านั้นวางบนโต๊ะและดึงตัวนางมากอดทันที ชิงเยี่ยนที่พึ่งจำความได้ถึงกับตกใจและหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง“อ๋องโลหิตผู้นี้น่ะหรือจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้” นางเพียงแค่นึกในใจ แต่สัมผัสอบอุ่นที่เขาทำในตอนนี้กลับมิใช่เรื่องโกหก“เจ้ายังเจ็บตรงที่ใดอีกหรือไม่ เหตุใดจึงได้เป็นลมไป ข้าเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าให้นอนพักผ่อน เหตุใดยังเที่ยววิ่งเล่นราวเด็กน้อยอีก”“หมะ….ข้า…เพียงแค่อยากทำถุงหอมให้..ท่านพี่เท่านั้นเจ้าค่ะ ก็เลย”“เจ้ากลับไปที่เรือนหลังมางั้นหรือ”“…เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องพลันนิ่งไปพร้อมกับคิดบางอย่าง เหมือนว่าเขาเองก็จะรู้ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นนาง และทำให้นางเป็นลม แต่เขาจะควบคุมสิ่งใดได้ หากว่านางเป็นฟ่างชิงเยี่ยนคนเดิม มีหรือจะยอมให้เขากอดเช่นนี้โดยไม่ผลักเขาออก“เจ้า….เจ้าบอกว่าจะทำสิ่งใดนะ”เขาทราบเรื่องเพราะป้าเจาส่งคนมาแจ้งที่ตำหนักทรงงานในวังว่าพระชายาทรงรื้อของที่เรือนหลังและจะหยิบผ้ามาเย็บเขาจึงได้รีบกลับมา แต่เมื่อเข้าประตูตำหนักมาถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่านางกำลังล้มลงตรงหน้าเพราะเป็นลม“หม่อมฉันจะตัดเย็บถุงหอมเพคะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าร่างกา
“เรื่องของข้างั้นหรือ เรื่องใดกัน”“เหตุใดสามในสี่ของยอดบุรุษหนุ่มแห่งต้าเฉิน จึงไม่มีสมญานาม มีเพียงท่านที่ผู้คนเรียกว่าท่านอ๋องโลหิตเพคะ”“เรื่องนี้…น่าจะมาจากประวัติการแต่งงานที่ล้มเหลวของข้า ไม่สิ ต้องบอกว่าเพียงเพราะครั้งที่เจ็ด ที่ข้าลงมือฆ่านางเอง”“มีคนรู้เรื่องนี้มากหรือเพคะ”“ใช่ ข้า…ฆ่านางตายที่หน้าตำหนัก ผู้คนพบเห็นมากมายแต่ในตอนนั้นข้าสวมหน้ากากน่ะ”“หน้ากากอันนั้น!!”“ใช่ เพราะนางข้าเลยสั่งทำหน้ากากมาเพื่อป้องกันตัว เพราะรู้แน่ว่านางมิใช่สตรีธรรมดาและเมื่อสืบรู้ว่านางเป็นกบฏของซุนหวง จวินอ๋องจึงเสด็จมาที่นี่เพื่อช่วยข้าจับนาง แต่ผู้คนที่นี่มิได้้มีผู้ใดรู้จักจวินอ๋อง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าข้าฆ่าสตรีผู้นั้น พวกเขาจึงได้เรียกข้าว่าอ๋องโลหิต ฆ่าคนหน้าตายไร้ความรู้สึก”“แต่พวกเขามิได้รู้เลยว่าหากพระองค์ไม่ฆ่านางในวันนั้น นางจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านและแผ่นดินมากเพียงใด ผู้คนต่างชอบตัดสินคนจากสิ่งที่เห็นในครั้งแรกเสมอโดยมิได้ไตร่ตรอง”“แล้วเจ้าเล่าชิงเยี่ยน เจ้าเองก็กลัวข้ามิใช่หรือ”“เมื่อเทียบกับนรกบนดินที่สกุลฟ่าง หม่อมฉันในตอนนั้นตัดสินใจมาตายเอาดาบหน้าเพคะ หม่อมฉันเลยล
“ท่านอ๋องเพคะ ไม่คิดว่านี่จะ…”“ไม่ดึกเกินไปหรอก ข้าจะไม่รบกวนเจ้านานและจะนิ่มนวลที่สุด อย่าห่วงเลยนะ”ท่านอ๋องพรมจูบไปทั่วจนมาหยุดที่ริมฝีปากของชิงเยี่ยน เขาเริ่มยั่วยวนเบาๆและเร่งจังหวะจูบมากขึ้นเป็นเร่าร้อน ชิงเยี่ยนบีบแขนเขาแน่นเพื่อเตือนไม่ให้เขารุกเร็วเกินไป ท่านอ๋องตั้งสติได้จึงค่อยๆปลดชุดนางออกทีละชิ้น ลิ้นของเขายังคงละเมียดอย่างช้าๆบนเรือนร่างที่น่าเย้ายวนตรงหน้า “ดูเหมือนว่า หน้าอกของเจ้ามันจะ….”ใช่ มันใหญ่ขึ้นและเต่งตึงมากขึ้นทุกครั้งที่เขาเห็น มิใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตแต่เขาพยายามหักห้ามใจเพราะเห็นว่านางตั้งครรภ์อยู่ แต่เมื่อถอดออกจนหมดเช่นนี้ มันยากจะหักห้ามใจเสียยิ่งนัก“อาาา ชิงเยี่ยน เหตุใดเจ้าช่าง….”“อื้ออ ท่านพี่…อ๊าาา หม่อมฉันร้อนมากเพคะ ช่วยด้วย”“ข้ามาแล้ว รอเดี๋ยวนะ…”ลิ้นและนิ้วของเขาทำงานประสานกันอย่างดีโดยที่นางไม่ต้องบอก เขารู้ว่านางชอบให้เขาทำสิ่งใดและสัมผัสนางตรงไหนถึงจะเรียกเสียงครางที่ร้องขอสัมผัสจากเขามากขึ้น ร่างนางเอนแอ่นขึ้นตามสัมผัสจากลิ้นหนานั้นเมื่อมันเริ่มล้วงเข้าไปจนสุดด้านในร่องชื้นจนเกิดเสียง“อ๊าา ไม่ไหวแล้วเพคะ อ๊าา…”น้ำบางอย่างไหลออกมาสมทบ
สี่เดือนผ่านไป / ตำหนักท่านอ๋อง“ชิงเยี่ยน!! ข้าบอกว่าให้เจ้าหยุดปักผ้าเสียที”“แต่หม่อมฉันยังปักชุดลูกยังไม่เสร็จนี่เพคะ”“ข้าบอกให้เก็บเดี๋ยวนี้ เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อนักหากยังไม่หยุดมือ…”“โอ๊ย!!”“นั่นอย่างไร เร็วเข้า ส่งผ้ามามาให้ข้า!!”ท่านอ๋องรีบคว้าผ้าและพุ่งเข้าไปหาพระชายาที่ถูกเข็มปักนิ้วมืออีกครั้ง“ข้าบอกแล้วเห็นหรือไม่ นิ้วเจ้าแทบจะไม่มีที่เหลือแล้ว พอเถอะนะชิงเยี่ยนถือว่าข้าขอร้อง เจ้าเจ็บถึงเพียงนี้…ข้าปวดใจนะ”“ท่านพี่เพคะ หม่อมฉันสัญญาว่า…ผืนนี้จะเป็นชุดสุดท้าย…”“เจ้าบอกข้ามากี่ครั้งแล้ว เจ้าว่าลูกเราจะสวมหมดนั่นจริงๆน่ะหรือ เจ้าไม่เผื่อให้เขาได้โตบ้างเลยหรือ”ท่านอ๋องตรัสพลางให้นางหันไปดูชุดที่นางปักเสร็จและถูกพับเก็บเอาไว้เกือบสี่ตะกร้าใหญ่ๆ ด้านในนั้นมีทั้งชุดสวม หมวก ถุงมือถุงเท้าและรองเท้าสำหรับเด็กอีกหนึ่งตะกร้า ทั้งสี่ตะกร้านั้นล้วนเป็นฝีมือการตัดเย็บของนางทั้งสิ้น“แต่ว่า…”“หากเจ้ายังดื้อเช่นนี้ ข้าคงต้องให้คนนำสิ่งพวกนี้ทิ้งไปเสีย หากเจ้ายังมิฟังต่อไปผ้า เข็มและด้ายจะเป็นสิ่งต้องห้ามในตำหนักของพวกเรา”“ท่านพี่เพคะ ทำเช่นนั้นออกจะเกินไปเพคะ หม่อมฉันหยุดก็ได้เพ
“ท่านพี่เพคะ แต่นี่มัน….”“อย่าร้องไห้สิ จะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะ”“แต่ว่า…”“ข้าไหวน่า อาการเช่นนี้เป็นกันแค่ชั่วคราวเท่านั้น ใช่ว่าข้าจะเป็นตลอดจนเจ้าคลอดเสียเมื่อไหร่กันเล่า”“เช่นนั้นตอนนี้พระองค์…”“อืมม พอได้กอดแล้วก็หอมเจ้าเช่นนี้ เหมือนกับว่าอาการเหล่านั้นจะเบาบางลงเลย”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้น….”“เจ้าก็กอดแล้วเข้ามาคลอเคลียข้าบ่อยๆ หรือทุกครั้งที่มีโอกาส เช่นนี้ข้าก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”“เพคะ”วันถัดมา“เอ่อ…ป้าเจา พวกเราบอกให้ท่านอ๋องเพลาๆลงบ้างดีหรือไม่ มิเช่นนั้นจะเสาะท้องเอานะเจ้าคะ”“อาการคนแพ้ท้องก็เป็นเช่นนี้ เจ้ากล้าเข้าไปทูลหรือไม่เล่าอู่ผิง”“ไม่เจ้าค่ะ แต่พระชายา…”“ท่านพี่เพคะ เอาแต่เสวยของหมักของดองกับผลไม้เชื่อมเช่นนี้มิได้นะเพคะ ดื่มน้ำแกงนี่หน่อยเพคะ”“ข้า…หยุดไม่ได้น่ะ เจ้าลองหน่อยหรือไม่”“ไม่เอาละเพคะ แค่เห็นก็เข็ดฟันแล้วเพคะ”“แต่ว่าข้าไม่นึกเลยนะว่ามันจะอร่อยมากถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยลิ้มลองเลย”“อย่ากินมากเพคะ เอาแต่พอดี”“แต่พอกินของพวกนี้แล้วข้าก็ไม่คลื่นไส้อาเจียนอีกเลยนะ”“เฮ้อ…..อ้าวจางจื่อ มีสิ่งใดงั้นหรือ….เอ่อ เช่นนั้นข้า…”นางทำท่าจะลุกเมื่อเห็นว่าม
ความตกใจและความโกลาหลเริ่มต้นขึ้นนับบัดนั้น ท่านอ๋องเอาแต่อาเจียนไม่หยุด จางจื่อสรุปได้ว่าท่านอ๋องคงเร่งขี่ม้าจากเฉินตูเพื่อกลับมาที่ซูโจวจึงทำให้พักผ่อนน้อย ส่วนชิงเยี่ยนเอาแต่โทษตัวเองเพราะคิดว่าท่านอ๋องคงใช้แรงหนักเพราะเรื่องเมื่อตอนบ่ายจนถึงช่วงเย็น ป้าเจาเองก็คิดว่าอาหารที่ทำมามีปัญหาจนจงลี่ต้องเป็นผู้ให้คนไปตามหมอหลวงเข้ามาดูอาการท่านอ๋อง“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”“ทูลพระชายา…กระหม่อมคิดว่า….เอ่อชีพจรเต้นหนักแน่นมั่นคง ลมหายใจมิได้มีสิ่งผิดปกติ ร่างกายมิได้ถูกพิษ ทุกอย่างปกติดีแต่ว่าเพราะเหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้….”แม้แต่ท่านหมอก็มิอาจวินิจฉัยอาการแปลกประหลาดนี้ได้ ทั้งตำหนักพากันวุ่นวาย ท่านหมอทำได้เพียงระบุอาการว่าท่านอ๋องอาจจะเพลียสะสมจากการเดินทางและพักผ่อนน้อยจึงทำให้ปรับสภาพร่างกายยังไม่ดีพอจึงให้ต้มยาบำรุงให้ดื่ม แต่เมื่อสาวใช้นำยานั้นมาให้ ท่านอ๋องกลับเริ่มอาเจียนอีกครั้ง จนคราวนี้ท่านหมอถึงกับกุมขมับเพราะไม่สามารถวินิจฉัยได้“ท่านหมอเจ้าคะ…”“ท่านป้าแม่นม ข้าเป็นหมอมายี่สิบกว่าปียังไม่เคยพบเห็นอาการเช่นนี้มาก่อน สุขภาพภายนอกมิได้มีอันใดผิดปกติเลย เช่นนี้ข้าจะ..”“มิใช่เ
ท่านอ๋องคว้าร่างของพระชายาขึ้นมาอุ้มและพาเดินขึ้นไปที่ห้องบรรทมทันที เมื่อเขาวางร่างของพระชายาลงถึงเตียงทั้งคู่ก็แทบจะไม่ห่างกันแต่ละคนเริ่มสาละวนกับการดึงทึ้งชุดเสื้อผ้าที่เกะกะออก ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันจนถึงตอนนี้ เมื่อสองร่างไร้ซึ่งสิ่งปิดบังท่านอ๋องเองก็ไม่รั้งรอที่จะเข้าครอบครองนางด้วยลิ้นทันที“อื้ออ ท่านพี่….เบาหน่อยเพคะ”“เบางั้นหรือ เจ้าทำให้ข้าแทบบ้าเมื่อคืนผู้ใดปล่อยให้ข้านอนคนเดียว”“อ๊าา เดี๋ยวก่อน อ๊าา …”ไม่ทันที่นางจะห้ามแต่เขากลับสอดลิ้นเข้ามาในร่องกลีบชื้นของนางและเริ่มใช้มือบดขยี้ปลายยอดปทุมสีสดนั้นอย่างมันมือ ทั้งเร่งเร้าและร้อนเร่าดุจพยัคฆ์ที่หิวโหยมาแสนนาน ร่างของพระชายาสั่นเกร็งไปชั่วขณะเมื่อเขาเริ่มเร่งกระตุ้น เสียงครางที่ดังขึ้นทำเอาพระทัยท่านอ๋องแตกกระเจิง“อ๊าา…จุก อื้อ…อย่าเร็วนักเพคะ หม่อมฉัน อ๊าา …”เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ฟังคำร้องขอใดๆ อย่างที่เตือนนางเอาไว้เมื่อครู่ เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆของทั้งคู่และเสียงกล้ามเนื้อที่กระทบกันและเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อทั้งสองจะถึงปลายทาง…..“พระองค์จะเกินไปแล้วนะเพคะ”“เจ้ายังมีแรงต่อว่าข้าอย
“เช่นนั้น….เป็นเช่นนั้นจริงๆ…”“แต่ข้ากับเหล่าท่านอ๋องมิได้แตะต้องพวกนาง”ชิงเยี่ยนชะงักลงเมื่อกำลังจะเดินออกจากประตู ท่านอ๋องดึงแขนนางไว้ แต่ไม่ได้ดึงแรงหรือกระชากเช่นก่อนหน้านี้“หมายความว่าอย่างไรเพคะ”ท่านอ๋องดูท่าทีของนางและน้ำเสียงที่สับสนเล็กน้อยเขาจึงตัดสินใจค่อยๆเดินเข้าไปหานางและดึงนางให้หันมาพร้อมกับจับมือนางเอาไว้ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของนางด้วยความน้อยใจเขาก่อนหน้านี้เมื่อเขาเอื้อมมือไปเช็ดให้นาง“เป็นปกติธรรมเนียมปฏิบัติที่ฝ่าบาทจะทรงประทานสตรีมาปรนนิบัติพวกเราเวลาที่เข้าเฝ้าเพื่อดูแลและเพื่อให้สกุลอ๋องแต่ละเมืองได้มีทายาทสืบทอด ข้าซึ่งเป็นท่านอ๋องเพียงคนเดียว หนึ่งในสี่ของอ๋องที่เข้าเฝ้าฝ่าบาทที่มีเพียงพระชายาแต่ยังไม่มีบุตร ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงประทานสตรีมาให้ถึงสามคนด้วยกัน”เขารู้ว่าชิงเยี่ยนกำลังจะถอยหนีเพราะคำกล่าวนี้ สตรีถึงสามคนที่ร่วมกันปรนนิบัติพระสวามีในยามที่นางไม่อยู่ แค่ได้ฟังก็คงเจ็บใจแล้วแต่เขาไม่ยอมให้นางมีโอกาสหนี วันนี้นางต้องฟังเขาให้จบ“แต่ข้า….ท่านอ๋องทั้งสามเองก็ทราบดี แม้ว่าชิงอ๋องและเฟิ่งอ๋องจะมีบุตรแล้ว จวินอ๋องแม้จะยังไม่มีบุตรแต่พระชาย
จางลู่หยวนเดินเข้าไปหานางพร้อมกับมือที่สั่นเทาเมื่อค่อยๆเดินเข้ามาสวมกอดนาง กลิ่นกายนางช่างหอมนัก แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้สัมผัสเลยก็ตาม ครั้งนี้จะเป็นเพียงครั้งเดียวที่เขาจะมีโอกาสได้ทำเช่นนี้ เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดนั้นออกอย่างมีมารยาทพร้อมกับส่งยิ้มให้นางอย่างรู้สึกขอบคุณ“ขอบใจเจ้ามากชิงเยี่ยน จากนี้ขอให้เจ้าโชคดีเช่นกัน”“วันเดินทาง ข้าจะไปส่งท่านนะ”“ไม่ต้องหรอก เกรงว่า…ท่านอ๋องคงไม่ปล่อยให้เจ้าไป”“แต่พวกท่านก็เป็นกองทัพของเขาเช่นกัน”“ชิงเยี่ยน เจ้าคงไม่รู้ว่าในตอนนี้ทั่วทั้งซูโจวต่างกล่าวขานเรื่องท่านอ๋องที่ทรงหวงพระชายาราวจงอางหวงไข่ อย่าได้ทำให้พระองค์ระคายพระทัยเลย ท่านอ๋องเป็นคนดี พระองค์จะปกป้องเจ้าและรักเจ้าไปทั้งชีวิต สายพระเนตรของพระองค์ที่มองเจ้าข้าเข้าใจได้ดี”"ขอบคุณพี่ลู่หยวนเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอลาก่อน”“เจ้าค่ะ แล้วพบกันใหม่”“แล้วพบกันใหม่”ชิงเยี่ยนยืนส่งเขาที่หน้าห้องโถง จางลู่หยวนเดินออกมา เขาเงยหน้าและกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่บางอย่างออกไป พระอาทิตย์เคลื่อนตัวขึ้นมากกว่าตอนที่เขามาถึง “แสบตายิ่งนัก”มือของเขาปาดไปที่ดวงตาที่มีน้ำรื้นผุดออกมา ครั้งนี้เขาจะไม่ได้พบเจอช
ท่านอ๋องมีท่าทีโมโหทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่เพียงแค่ยกผ้ามาเช็ดปากและวางลงไป ชิงเยี่ยนเองก็ตกใจแต่นางรักษาท่าทีได้ดีกว่าท่านอ๋อง แต่ในใจนางนั้นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ใคร่รู้ว่าเหตุใดจางลู่หยวนจึงเลือกมาพบนางในวันนี้“พระชายาเพคะ…ให้หม่อมฉัน…”“ไปบอกเขาให้รอข้าสักครู่ อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบเขา”ท่านอ๋องตกใจและหันมามองหน้านาง เขาไม่คิดว่านางจะกล้าไปพบจางลู่หยวนอีกในเมื่อนางรับปากกับเขามั่นเหมาะแล้วก่อนหน้านี้“พระชายา นี่เจ้าจะ….”“หม่อมฉันอิ่มแล้วเชิญท่านอ๋องเสวยเถิดต่อเพคะ”มีหรือที่เขาจะกินลงได้อีก ท่านอ๋องลุกขึ้นและดึงแขนนางเอาไว้ จนชิงเยี่ยนทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บแต่นางก็มิได้ร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็พอจะรู้ตัวว่าทำรุนแรงเกินไปจึงรีบคลายออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย“เจ้าจะไปพบเขาเช่นนั้นหรือ”ชิงเยี่ยนหันมามองพระพักตร์ท่านอ๋องสายตาของนางในตอนนี้เขาไม่อาจเดาได้เลยว่านางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เขาทั้งไม่แน่ใจ หวาดระแวง และกลัวไปหมดเรื่องเมื่อคืนที่เขากับนางทะเลาะกันก็ยังมิได้ปรับความเข้าใจ นี่นางยังไปพบกับศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งที่เป็นดั่งหนามยอกอกเขาและยิ่งกว่านั้นคือเขากล้า