ท่านอ๋องไม่เคยถูกจู่โจมเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ทันระวัง ตอนนี้ชิงเยี่ยนเริ่มลงมือบางอย่างกับร่างเปลือยของเขาแล้ว
มังกรของเขาจากที่หลับใหลอยู่เริ่มผงาดขึ้นมาเพราะถูกถูไถไปมาจนมันเริ่มตื่น เจ้าสาวของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าเขาจะแข็งแรงกว่านาง แต่ดูเหมือนจะไม่อยากจะต่อต้านนางสักเท่าใด
“ฟ่างชิงเยี่ยน ข้า….จะทนไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไหว…ก็อย่าทน…สัมผัสข้าสิเพคะ ท่านอ๋อง….อย่ากลั้นสิ อ๊าาา”
“ฟ่างชิงเยี่ยน!! ตั้งสติหน่อย นี่เรากำลังถูกวางยานะ!!”
“วางยา แล้วอย่างไร ข้าแต่งมาท่านก็ต้องทำเช่นนี้ ไม่ต่างกับพระสนมก่อนหน้านี้ทุกคน และอีกไม่นานก็จะฆ่าข้า จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน จริงสิ ก่อนที่ท่านจะฆ่าข้า ก็ขอล้างแค้นก่อนก็แล้วกัน อยู่เฉย ๆ!!”
“พระชายา ข้า..ขอเตือนเจ้า นั่นเจ้าจะทำอะไร!!”
ชิงเยี่ยนดึงสายรัดผ้าม่านลงและดึงแขนของเขาตรึงขึ้นด้านบนพร้อมกับมัดเอาไว้
“เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ!! ข้าเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…ฟ่างชิงเยี่ยน!!”
นางไม่ฟังสิ่งใดจากเขาอีก ชิงเยี่ยนเริ่มล้วงลงไปเรื่อยๆลุกลามไปทั้งร่างของบุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่น่าหลงใหลนี้ นางเผลอกัดเขาไปที่ไหล่ข้างหนึ่งอย่างนึกหมั่นเขี้ยวและเริ่มจูบเขาอีกครั้ง
ท่านอ๋องเริ่มต้านนางไม่ไหว หากเรื่องนี้เขามิได้เป็นคนเริ่มก่อน หากจะโทษก็ต้องโทษที่นางขาดสติเอง
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อุ๊บ….อาา…ชะ…ชิงเยี่ยน อย่า..อาา!! ตรงนั้นไม่ได้นะ ข้าเตือนเจ้า…อาา..”
ชิงเยี่ยนดึงมังกรยักษ์นั้นด้วยมือนุ่มของนางพร้อมกับพรมจูบไปทั่วหน้าอกของเขา นางกัดไปที่ยอดอกสีเข้มที่พุ่งขึ้นมาชนปากของนางทำเอาอ๋องหนุ่มร้องครางเสียงหลงออกมาเพราะเริ่มทนไม่ไหว มือเขาถูกมัดเอาไว้แน่นและตอนนี้นางกำลังเลื่อนตัวลงไป
“อย่านะฟ่างชิงเยี่ยน เจ้า…อย่านะ อาา…ไม่นะ ข้า…”
ฟ่างชิงเยี่ยนเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร นางรู้เพียงว่านางอยากจะทำสิ่งใดก็จะทำเลย ตอนนี้ปากนางครอบครองมังกรยักษ์ของเขาเอาไว้จนเต็มปาก
นางดูดเอาน้ำหวานนั้นเข้าไปพร้อมกับรูดขึ้นลงและใช้ปลายลิ้นสัมผัสปลายยอดมังกรที่เริ่มบานนั้น นางอยากรู้ว่าหากสิ่งนี้เข้ามาในกายนางจะเป็นเช่นไร
“ชิงเยี่ยน นี่เป็นครั้งแรกของเจ้า คิดให้ดีก่อนจะทำอะไรโง่ๆ พระชายา!! ตั้งสติหน่อย”
ชิงเยี่ยนไม่สนคำที่เขาพูด นางยังคงครอบครองมังกรยักษ์นั้นต่อ คนใต้ร่างเริ่มทนไม่ไหว สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้นางครอบครองเขาจนเริ่มทนไม่ไหว
เชือกที่มือนั้นเริ่มเลื่อนหลุดทีละนิดเพราะเขาดึงออก แต่ไม่รู้ว่าแขนหรือมังกรยักษ์นั่น จะหลุดก่อนกัน
“อาา…ชิงเยี่ยน ข้าไม่ไหวแล้ว ปล่อยข้านะ ปล่อยก่อน อาา….ไม่นะ อาา!!!”
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งออกมาด้วยความเสียวซ่านสุดชีวิตที่เขาเคยพบ แม้ว่าจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มา แต่ประสบการณ์เช่นนี้พึ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก
ชิงเยี่ยนจับมังกรยักษ์ของเขาเอาไว้แน่นพร้อมดูดกลืนทุกอย่างลงไปจนหมดสิ้น นางกำลังทำบางอย่างเมื่อเห็นว่าท่านอ๋องนอนหอบอยู่บนเตียง
“ช้าก่อน!! หยุดนะ!!”
เขาดึงสายรัดผ้าม่านนั้นออกพร้อมกับจับตัวพระชายาหมาดๆของเขาเข้ามา ร่างเปลือยเปล่าตรงหน้ายังไม่หยุดยั่วยวนเขาเมื่อหันมาจูบเขาต่อ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเช่นไรดี
“ชิงเยี่ยน เช่นนั้น ครั้งแรกของเจ้า….”
“เร็วเข้าเพคะ ท่านอ๋อง ได้โปรด มอบความสุขให้หม่อมฉัน…อ๊าา…ท่านอ๋อง ดีเพคะ เลียแรงๆเพคะ ครอบครองหม่อมฉัน อ๊าา…เช่นนั้นแหละเพคะ อื้ออ…อ๊าาาา ”
เขารู้ว่านางพูดด้วยอารมณ์ของฤทธิ์ยานั้น เขาต้องทำให้นางตายใจก่อน ลิ้นของเขากำลังก้มจัดการกับยอดอกคู่งามที่น่าหลงใหลยิ่งนัก มืออีกข้างประคองยอดอกพร้อมกับบีบตามมือเรียวบางที่เอื้อมมาบอกให้เขาจัดการมัน
“ชิงเยี่ยน อาา…”
“ท่านอ๋อง….”
มือหนาเลื่อนลงไปยังกลีบดอกไม้ด้านล่าง ใจกลางสตรีของนางตอนนี้เปียกจนลามไปข้างล่าง ฤทธิ์ยานี้มีผลกับนางมาก เขาคิดว่านางคงทนอีกไม่นานแล้วเมื่อนิ้วของเขาเริ่มสอดใส่เข้าไปด้านในนั้นจนนางร้องออกมา
“ท่านอ๋องเพคะ อ๊าา…..”
ลิ้นที่กัดเล็มที่หน้าอกพร้อมกับนิ้วมือที่ทำงานประสานกันด้านล่าง กระดิกไปมาด้านในกลีบงามนั้นไม่นานก็มีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงร้อง
“อ๊าา…ทนไม่ไหวแล้ว อ๊าาา….”
ชิงเยี่ยนร้องดังจนไม่เป็นภาษา ร่างของนางเกร็งกระตุกถี่อย่างรุนแรงไม่นานก็ร่วงลงไปที่เตียงพร้อมกับท่านอ๋องที่ใช้แขนมารับนางเอาไว้ได้ ฟ่างชิงเยี่ยนหมดสติไปในอ้อมกอดของเขา
“อีกนิดเดียว…..เกือบไปแล้ว….เฮ้อ…”
เขาเผลอล้มตัวลงนอนข้างๆร่างเปลือยนั้นด้วยความหมดแรง พร้อมกับนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาค่อยๆลุกขึ้นมองสตรีที่นอนอยู่ข้างๆ ใบหน้างดงามนี้เขาจำได้ว่าไม่เคยพบเจอนางมาก่อนที่ซูโจวนี้เป็นแน่ บุตรแม่ทัพฟ่างเขาเคยเห็นหน้านางมาก่อน แต่ไม่ใช่นางผู้นี้
“จางจื่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ห้ามออกจากห้อง…”
“ข้ารู้แล้ว!! ข้ามีเรื่องจะไหว้วานเจ้า”
“ท่านอ๋องโปรดบัญชา”
“เจ้า…ไปสืบเรื่องของพระชายาให้ข้าที”
“พระชายา นางมิใช่…”
“ข้ารู้ แต่บุตรใต้เท้าฟ่างที่ข้าเคยพบ ไม่ใช่นาง เจ้าไปสืบมาให้แน่ว่าผู้ที่แต่งมานี้ คือบุตรของเขาแน่หรือไม่”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ลั่วอ๋องเดินกลับเข้าไปยังเตียงที่มีพระชายานอนเปลือยเปล่าอยู่ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มนางไว้ พร้อมกับยืนมองใบหน้านางตอนหลับในตอนนี้
“หากว่าอีกสามเดือนข้างหน้าข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ชีวิตพวกเราจะต่างไปจากเดิมหรือไม่กันนะ”
เขาเดินไปช้อนตัวร่างเปลือยนั้นขึ้นมาเพื่อพาไปล้างตัวห้องด้านหลัง ร่างบางนั้นเมื่อโดนน้ำก็รู้สึกตัวขึ้นเล็กน้อยแต่คงเพราะฤทธิ์ยาที่ยังไม่หมดไปทำให้นางรู้สึกตัวขึ้นมาอีก
“อืมม หนาวจังเลย….ท่านแม่..ช่วยลูกด้วย”
“แม่งั้นหรือ”
“ท่านแม่ ไม่นานลูกจะตามไปอยู่กับท่านแล้ว ลูกจะไม่เหงาและโดดเดี่ยวอีกแล้ว ท่านแม่รอลูกด้วย……”
“ตามไปอยู่ด้วย นี่นาง…..มิได้เป็นบุตรของฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพหรอกหรือ ฟ่างชิงเยี่ยน หึ น่าสนใจดีนี่ สกุลฟ่างพวกเจ้าช่างกล้าเหลือเกินนะ”
เขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่าท่านแม่ทัพจะมีบุตรสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนที่พบเจอในตอนนั้นในงานต้อนรับเขาที่พึ่งมาจากเมืองหลวงเขาพบเห็นเพียงบุตรชายสามคน
หนึ่งในนั้นคือฟ่างจื่อหนานสหายคนสนิทของเขาและบุตรสาวคนเดียวที่มาในงานนั้นหากว่าเขาจำไม่ผิด นางชื่อว่าฟ่างฝูเยว่
เมื่อเขาสวมชุดคลุมให้นางแล้วจึงได้วางร่างของชิงเยี่ยนลงที่เตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้นาง แม้ว่าตามธรรมเนียมแล้วคืนนี้เขาจะออกจากห้องไม่ได้ แต่คงไม่ดีแน่หากนางตื่นมาแล้วพบหน้าเขา
“จางจื่อ ไปกับข้า”
“ท่านอ๋อง ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้ …อุ่ย…”
“นางนอนไปแล้ว อย่าเสียงดัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้นำสุรามงคลนี่มา”
“เอ่อ…สุรานี่นำมาจากที่ไปรับเจ้าสาว เช่นนั้นก็เป็นที่จวนสกุลฟ่างพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ มีคนวางยาในเหล้านี่”
“เช่นนั้น…ท่านอ๋องกับพระชายา…เอ่อ…”
“เจ้าคิดอะไร นางเป็นพระชายาของข้า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะ…”
ลั่วอ๋องมองหน้าคนสนิทของตนเองที่ยืนอมยิ้มให้เขาที่ยืนหน้าแดงอยู่ แม้ว่าจะมืดแต่อาการของผู้เป็นนายในยามนี้กลับปิดบังไม่มิด
“ท่านอ๋อง คิดจะทำสิ่งใดกับสุรานี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าส่งคนไปสืบดู ว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นคนวางยาในสุรานี่ หากว่ามิได้สั่งการมาจากในวัง เช่นนั้น เป้าหมายที่ต้องการทำลาย อาจจะเป็นนาง”
“ท่านอ๋อง…ทรงหมายความว่ามีคนในสกุลฟ่างคิดร้ายกับพระชายางั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องของข้างั้นหรือ เรื่องใดกัน”“เหตุใดสามในสี่ของยอดบุรุษหนุ่มแห่งต้าเฉิน จึงไม่มีสมญานาม มีเพียงท่านที่ผู้คนเรียกว่าท่านอ๋องโลหิตเพคะ”“เรื่องนี้…น่าจะมาจากประวัติการแต่งงานที่ล้มเหลวของข้า ไม่สิ ต้องบอกว่าเพียงเพราะครั้งที่เจ็ด ที่ข้าลงมือฆ่านางเอง”“มีคนรู้เรื่องนี้มากหรือเพคะ”“ใช่ ข้า…ฆ่านางตายที่หน้าตำหนัก ผู้คนพบเห็นมากมายแต่ในตอนนั้นข้าสวมหน้ากากน่ะ”“หน้ากากอันนั้น!!”“ใช่ เพราะนางข้าเลยสั่งทำหน้ากากมาเพื่อป้องกันตัว เพราะรู้แน่ว่านางมิใช่สตรีธรรมดาและเมื่อสืบรู้ว่านางเป็นกบฏของซุนหวง จวินอ๋องจึงเสด็จมาที่นี่เพื่อช่วยข้าจับนาง แต่ผู้คนที่นี่มิได้้มีผู้ใดรู้จักจวินอ๋อง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าข้าฆ่าสตรีผู้นั้น พวกเขาจึงได้เรียกข้าว่าอ๋องโลหิต ฆ่าคนหน้าตายไร้ความรู้สึก”“แต่พวกเขามิได้รู้เลยว่าหากพระองค์ไม่ฆ่านางในวันนั้น นางจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านและแผ่นดินมากเพียงใด ผู้คนต่างชอบตัดสินคนจากสิ่งที่เห็นในครั้งแรกเสมอโดยมิได้ไตร่ตรอง”“แล้วเจ้าเล่าชิงเยี่ยน เจ้าเองก็กลัวข้ามิใช่หรือ”“เมื่อเทียบกับนรกบนดินที่สกุลฟ่าง หม่อมฉันในตอนนั้นตัดสินใจมาตายเอาดาบหน้าเพคะ หม่อมฉันเลยล
“ท่านอ๋องเพคะ ไม่คิดว่านี่จะ…”“ไม่ดึกเกินไปหรอก ข้าจะไม่รบกวนเจ้านานและจะนิ่มนวลที่สุด อย่าห่วงเลยนะ”ท่านอ๋องพรมจูบไปทั่วจนมาหยุดที่ริมฝีปากของชิงเยี่ยน เขาเริ่มยั่วยวนเบาๆและเร่งจังหวะจูบมากขึ้นเป็นเร่าร้อน ชิงเยี่ยนบีบแขนเขาแน่นเพื่อเตือนไม่ให้เขารุกเร็วเกินไป ท่านอ๋องตั้งสติได้จึงค่อยๆปลดชุดนางออกทีละชิ้น ลิ้นของเขายังคงละเมียดอย่างช้าๆบนเรือนร่างที่น่าเย้ายวนตรงหน้า “ดูเหมือนว่า หน้าอกของเจ้ามันจะ….”ใช่ มันใหญ่ขึ้นและเต่งตึงมากขึ้นทุกครั้งที่เขาเห็น มิใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตแต่เขาพยายามหักห้ามใจเพราะเห็นว่านางตั้งครรภ์อยู่ แต่เมื่อถอดออกจนหมดเช่นนี้ มันยากจะหักห้ามใจเสียยิ่งนัก“อาาา ชิงเยี่ยน เหตุใดเจ้าช่าง….”“อื้ออ ท่านพี่…อ๊าาา หม่อมฉันร้อนมากเพคะ ช่วยด้วย”“ข้ามาแล้ว รอเดี๋ยวนะ…”ลิ้นและนิ้วของเขาทำงานประสานกันอย่างดีโดยที่นางไม่ต้องบอก เขารู้ว่านางชอบให้เขาทำสิ่งใดและสัมผัสนางตรงไหนถึงจะเรียกเสียงครางที่ร้องขอสัมผัสจากเขามากขึ้น ร่างนางเอนแอ่นขึ้นตามสัมผัสจากลิ้นหนานั้นเมื่อมันเริ่มล้วงเข้าไปจนสุดด้านในร่องชื้นจนเกิดเสียง“อ๊าา ไม่ไหวแล้วเพคะ อ๊าา…”น้ำบางอย่างไหลออกมาสมทบ
สี่เดือนผ่านไป / ตำหนักท่านอ๋อง“ชิงเยี่ยน!! ข้าบอกว่าให้เจ้าหยุดปักผ้าเสียที”“แต่หม่อมฉันยังปักชุดลูกยังไม่เสร็จนี่เพคะ”“ข้าบอกให้เก็บเดี๋ยวนี้ เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อนักหากยังไม่หยุดมือ…”“โอ๊ย!!”“นั่นอย่างไร เร็วเข้า ส่งผ้ามามาให้ข้า!!”ท่านอ๋องรีบคว้าผ้าและพุ่งเข้าไปหาพระชายาที่ถูกเข็มปักนิ้วมืออีกครั้ง“ข้าบอกแล้วเห็นหรือไม่ นิ้วเจ้าแทบจะไม่มีที่เหลือแล้ว พอเถอะนะชิงเยี่ยนถือว่าข้าขอร้อง เจ้าเจ็บถึงเพียงนี้…ข้าปวดใจนะ”“ท่านพี่เพคะ หม่อมฉันสัญญาว่า…ผืนนี้จะเป็นชุดสุดท้าย…”“เจ้าบอกข้ามากี่ครั้งแล้ว เจ้าว่าลูกเราจะสวมหมดนั่นจริงๆน่ะหรือ เจ้าไม่เผื่อให้เขาได้โตบ้างเลยหรือ”ท่านอ๋องตรัสพลางให้นางหันไปดูชุดที่นางปักเสร็จและถูกพับเก็บเอาไว้เกือบสี่ตะกร้าใหญ่ๆ ด้านในนั้นมีทั้งชุดสวม หมวก ถุงมือถุงเท้าและรองเท้าสำหรับเด็กอีกหนึ่งตะกร้า ทั้งสี่ตะกร้านั้นล้วนเป็นฝีมือการตัดเย็บของนางทั้งสิ้น“แต่ว่า…”“หากเจ้ายังดื้อเช่นนี้ ข้าคงต้องให้คนนำสิ่งพวกนี้ทิ้งไปเสีย หากเจ้ายังมิฟังต่อไปผ้า เข็มและด้ายจะเป็นสิ่งต้องห้ามในตำหนักของพวกเรา”“ท่านพี่เพคะ ทำเช่นนั้นออกจะเกินไปเพคะ หม่อมฉันหยุดก็ได้เพ
“ท่านพี่เพคะ แต่นี่มัน….”“อย่าร้องไห้สิ จะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะ”“แต่ว่า…”“ข้าไหวน่า อาการเช่นนี้เป็นกันแค่ชั่วคราวเท่านั้น ใช่ว่าข้าจะเป็นตลอดจนเจ้าคลอดเสียเมื่อไหร่กันเล่า”“เช่นนั้นตอนนี้พระองค์…”“อืมม พอได้กอดแล้วก็หอมเจ้าเช่นนี้ เหมือนกับว่าอาการเหล่านั้นจะเบาบางลงเลย”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้น….”“เจ้าก็กอดแล้วเข้ามาคลอเคลียข้าบ่อยๆ หรือทุกครั้งที่มีโอกาส เช่นนี้ข้าก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”“เพคะ”วันถัดมา“เอ่อ…ป้าเจา พวกเราบอกให้ท่านอ๋องเพลาๆลงบ้างดีหรือไม่ มิเช่นนั้นจะเสาะท้องเอานะเจ้าคะ”“อาการคนแพ้ท้องก็เป็นเช่นนี้ เจ้ากล้าเข้าไปทูลหรือไม่เล่าอู่ผิง”“ไม่เจ้าค่ะ แต่พระชายา…”“ท่านพี่เพคะ เอาแต่เสวยของหมักของดองกับผลไม้เชื่อมเช่นนี้มิได้นะเพคะ ดื่มน้ำแกงนี่หน่อยเพคะ”“ข้า…หยุดไม่ได้น่ะ เจ้าลองหน่อยหรือไม่”“ไม่เอาละเพคะ แค่เห็นก็เข็ดฟันแล้วเพคะ”“แต่ว่าข้าไม่นึกเลยนะว่ามันจะอร่อยมากถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยลิ้มลองเลย”“อย่ากินมากเพคะ เอาแต่พอดี”“แต่พอกินของพวกนี้แล้วข้าก็ไม่คลื่นไส้อาเจียนอีกเลยนะ”“เฮ้อ…..อ้าวจางจื่อ มีสิ่งใดงั้นหรือ….เอ่อ เช่นนั้นข้า…”นางทำท่าจะลุกเมื่อเห็นว่าม
ความตกใจและความโกลาหลเริ่มต้นขึ้นนับบัดนั้น ท่านอ๋องเอาแต่อาเจียนไม่หยุด จางจื่อสรุปได้ว่าท่านอ๋องคงเร่งขี่ม้าจากเฉินตูเพื่อกลับมาที่ซูโจวจึงทำให้พักผ่อนน้อย ส่วนชิงเยี่ยนเอาแต่โทษตัวเองเพราะคิดว่าท่านอ๋องคงใช้แรงหนักเพราะเรื่องเมื่อตอนบ่ายจนถึงช่วงเย็น ป้าเจาเองก็คิดว่าอาหารที่ทำมามีปัญหาจนจงลี่ต้องเป็นผู้ให้คนไปตามหมอหลวงเข้ามาดูอาการท่านอ๋อง“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”“ทูลพระชายา…กระหม่อมคิดว่า….เอ่อชีพจรเต้นหนักแน่นมั่นคง ลมหายใจมิได้มีสิ่งผิดปกติ ร่างกายมิได้ถูกพิษ ทุกอย่างปกติดีแต่ว่าเพราะเหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้….”แม้แต่ท่านหมอก็มิอาจวินิจฉัยอาการแปลกประหลาดนี้ได้ ทั้งตำหนักพากันวุ่นวาย ท่านหมอทำได้เพียงระบุอาการว่าท่านอ๋องอาจจะเพลียสะสมจากการเดินทางและพักผ่อนน้อยจึงทำให้ปรับสภาพร่างกายยังไม่ดีพอจึงให้ต้มยาบำรุงให้ดื่ม แต่เมื่อสาวใช้นำยานั้นมาให้ ท่านอ๋องกลับเริ่มอาเจียนอีกครั้ง จนคราวนี้ท่านหมอถึงกับกุมขมับเพราะไม่สามารถวินิจฉัยได้“ท่านหมอเจ้าคะ…”“ท่านป้าแม่นม ข้าเป็นหมอมายี่สิบกว่าปียังไม่เคยพบเห็นอาการเช่นนี้มาก่อน สุขภาพภายนอกมิได้มีอันใดผิดปกติเลย เช่นนี้ข้าจะ..”“มิใช่เ
ท่านอ๋องคว้าร่างของพระชายาขึ้นมาอุ้มและพาเดินขึ้นไปที่ห้องบรรทมทันที เมื่อเขาวางร่างของพระชายาลงถึงเตียงทั้งคู่ก็แทบจะไม่ห่างกันแต่ละคนเริ่มสาละวนกับการดึงทึ้งชุดเสื้อผ้าที่เกะกะออก ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันจนถึงตอนนี้ เมื่อสองร่างไร้ซึ่งสิ่งปิดบังท่านอ๋องเองก็ไม่รั้งรอที่จะเข้าครอบครองนางด้วยลิ้นทันที“อื้ออ ท่านพี่….เบาหน่อยเพคะ”“เบางั้นหรือ เจ้าทำให้ข้าแทบบ้าเมื่อคืนผู้ใดปล่อยให้ข้านอนคนเดียว”“อ๊าา เดี๋ยวก่อน อ๊าา …”ไม่ทันที่นางจะห้ามแต่เขากลับสอดลิ้นเข้ามาในร่องกลีบชื้นของนางและเริ่มใช้มือบดขยี้ปลายยอดปทุมสีสดนั้นอย่างมันมือ ทั้งเร่งเร้าและร้อนเร่าดุจพยัคฆ์ที่หิวโหยมาแสนนาน ร่างของพระชายาสั่นเกร็งไปชั่วขณะเมื่อเขาเริ่มเร่งกระตุ้น เสียงครางที่ดังขึ้นทำเอาพระทัยท่านอ๋องแตกกระเจิง“อ๊าา…จุก อื้อ…อย่าเร็วนักเพคะ หม่อมฉัน อ๊าา …”เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ฟังคำร้องขอใดๆ อย่างที่เตือนนางเอาไว้เมื่อครู่ เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆของทั้งคู่และเสียงกล้ามเนื้อที่กระทบกันและเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อทั้งสองจะถึงปลายทาง…..“พระองค์จะเกินไปแล้วนะเพคะ”“เจ้ายังมีแรงต่อว่าข้าอย