ลั่วเอ๋อร์ไม่สำนึก
ในยามวิกาลที่คุกใต้ดินลมหนาวเย็นยะเยือกพลัดเข้ามาเรื่อย ๆ จนรุนแรงขึ้นทำให้ทหารที่ยืนเฝ้ามันต้องใส่เสื้อผ้า 2 ชั้น ลั่วเอ๋อร์ " เหตุใดวันนี้ถึงได้เย็นยะเยือกเช่นนี้ " นางนั่งกอดเข่าจนตัวสั่นเสื้อผ้ากันหนาวก็ไม่มีใส่ให้ปกคลุม ในขณะนั้นเหล่าทหารที่ยืนเฝ้าประตู จู่ ๆ ก็สลบลงไปอย่างไร้สาเหตุ เหลือเพียงความเงียบพร้อมกับความมืดมิดที่วังเวงอยู่รอบกาย ลั่วเอ๋อร์ " หนาวมาก ข้าจะหนาวตายหรือไม่ " หลังพูดบ่นพึมพำอยู่คนเดียวท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นานความหนาวก็คลายตัวลง อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่มีลมพัดที่รุนแรงขึ้นเข้ามาแทนที่อย่างกระทันหัน ลั่วเอ๋อร์ " คุกใต้ดินเหตุใดถึงลมแรงเช่นนี้ " เมื่อสิ้นสุดประโยคกระดาษแสงสีส้มก็ได้ล่องลอยมาอยู่ที่หน้ากรงขัง นางจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วอ่านดูอย่างช้าๆ (จดหมาย จาก มู่เฉิน ) ข้าเอง มู่เฉิน ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินวันนี้ข้าเลยอยากให้โอกาสท่านนั้นได้แก้แค้น เพียงแค่ท่านท่องตำราบทนี้มู่ฉิน “ ข้าไม่เชื่อว่าครั้งต่อไปเจ้าจะรอดมู" เฉินเดินเข้าไปยังตำหนักน้องชายที่เคยอยู่อาศัยเมื่อก่อน ทำข้าวของมีค่าพังไปทีละชิ้นพร้อมอยากจะเผามันให้ไหม้ทั้งหลัง ขันที “องค์ชาย ได้โปรดระงับโทษะ ข้าว่าน้องชายของท่านแค่โชคดี หากมีครั้งหน้าคงไม่โชคดีเช่นนี่ “ ขันทีพยายามพูดให้มู่เฉินระงับความโกรธ มู่เฉิน “ ไม่รู้มันจะเกิดมาทำไม “ มู่เฉินหยิบข้าวของสะสมที่ท่านพ่อนั้นมอบไว้ให้ ทำลายมันทิ้งจนไม่เหลือชิ้นดี ปัง? .... ขันทีที่เฝ้าอยู่หน้าประตูสะดุ้งตัวตื่นกลัวจนหน้าซีด เมื่อเห็นเวลาองค์ชายนั้นมีโทษะ มู่เฉิน “ข้าระบายอารมณ์เสร็จแล้ว ข้าจะลงไปเจรจาเรื่องการค้า “ บัดนี้แคว้นต่าง ๆ หลายเมือง ที่เดินทางมาไกลมาก กำลังรอให้มู่เฉินนั้นมาเจรจา พูดยังไม่ทันขาดคำมู่เฉินก็ปรากฎกายให้เห็นทันที มู่เฉิน “ ก่อนอื่นเลยข้าต้องขออภัยเหล่าขุนนางพ่อค้าทั้งหลายที่ไม่สามารถให้เข้ามาพักในวังหลวงได้ เนื่องจากช่วงนี้มีกบฏ คิดก่อการร้ายข้าจึงจำใจต้องให้แคว้นต่าง ๆ พักอ
ลั่วเอ๋อร์ไม่สำนึก ในยามวิกาลที่คุกใต้ดินลมหนาวเย็นยะเยือกพลัดเข้ามาเรื่อย ๆ จนรุนแรงขึ้นทำให้ทหารที่ยืนเฝ้ามันต้องใส่เสื้อผ้า 2 ชั้น ลั่วเอ๋อร์ " เหตุใดวันนี้ถึงได้เย็นยะเยือกเช่นนี้ " นางนั่งกอดเข่าจนตัวสั่นเสื้อผ้ากันหนาวก็ไม่มีใส่ให้ปกคลุม ในขณะนั้นเหล่าทหารที่ยืนเฝ้าประตู จู่ ๆ ก็สลบลงไปอย่างไร้สาเหตุ เหลือเพียงความเงียบพร้อมกับความมืดมิดที่วังเวงอยู่รอบกาย ลั่วเอ๋อร์ " หนาวมาก ข้าจะหนาวตายหรือไม่ " หลังพูดบ่นพึมพำอยู่คนเดียวท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นานความหนาวก็คลายตัวลง อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่มีลมพัดที่รุนแรงขึ้นเข้ามาแทนที่อย่างกระทันหัน ลั่วเอ๋อร์ " คุกใต้ดินเหตุใดถึงลมแรงเช่นนี้ " เมื่อสิ้นสุดประโยคกระดาษแสงสีส้มก็ได้ล่องลอยมาอยู่ที่หน้ากรงขัง นางจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วอ่านดูอย่างช้าๆ (จดหมาย จาก มู่เฉิน ) ข้าเอง มู่เฉิน ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินวันนี้ข้าเลยอยากให้โอกาสท่านนั้นได้แก้แค้น เพียงแค่ท่านท่องตำราบทนี้
ลั่วเอ๋อร์ " อย่าให้ข้าออกไปได้ก็แล้วกัน ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าหายไปจากที่นี่ " ชุ่ยเหริน " หุบปาก ข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าออกมาเป็นแน่ " ลั่วเอ๋อร์ " ฮ่า ๆ อย่างไรเสีย ฟางหรงลูกสาวของเรานั้นไม่มีความผิด ถึงขั้นต้องประหารชีวิต ท่านจะฆ่าลูกเลือดเนื้อเชื้อไขได้รึ " ชุ่ยเหริน " มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังกล้าโกหกข้าอีกรึ " ลั่วเอ๋อร์ " ท่านหมายความว่าอย่างไร " ชุ่ยเหริน " ก็หมายความว่านางไม่ใช่ลูกสาวข้าเลย " ลั่วเอ๋อร์ถึงกับตะลึงในคำตอบ ไม่คิดว่าชุ่ยเหรินจะรู้ความจริงแล้ว ลั่วเอ๋อร์ " ท่านพี่รู้ตั้งแต่เมื่อใด " ชุ่ยเหริน " ลูกสาวข้าบอกเอง " ลั่วเอ๋อร์ " ฮ่า ๆ ใช่ฟางหรงไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ไม่คิดว่าข้าจะหลอกท่านได้นานขนาดนี้ " จี้เถา " สิ่งที่เจ้าต้องการ มันจะไม่มีทางเป็นของเจ้า ทั้งฐานะเงินทองชื่อเสียง การยอมรับ สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็แค่ขอทานที่ข้าเก็บเข้ามา กำพืชเจ้านั้นต่ำช้า คิดอยากจะปีนขึ้นมาเป็นหงส์ แต่น่าเสียดายเจ้ามันเป็นแค่ของปลอม "
เด็กชายพยายามส่องตามซอกที่มีรูให้มองเห็น แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ในนี้เลยสักคนแล้วเสียงที่ว่านั้นไปไหนแล้ว " เหมียว ! เหมียว " ชายจึงมองออกไปอีกครั้งประสบกับจังหวะที่แมวสีดำได้วิ่งผ่านหน้าพร้อมกับเสียงร้องที่หลอนหู " ออกไป " เด็กชายตกใจเป็นใบหน้าซีดผือกทุกวินาทีเหมือนกำลังตกอยู่ในหมู่บ้านผีสิงตลอดเวลาไม่ให้มีเวลาได้คลายกังวลใจเลยแต่น้อย แต่ว่าคราวนี้ของจริงหรือจะมาในไม่ช้า ปีศาจ " กลิ่นมนุษย์ " จมูกที่ว่องไวยิ่งกว่าหมาป่าได้กลิ่นมนุษย์ก็เริ่มหายใจสูดเข้าสูดออกหาทิศทางของกลิ่นเหยื่อ จนกลิ่นมันชัดเจนมันมองมาที่บ้านผุพังมันแน่ใจแล้วว่าหลังนี้แหละมีมนุษย์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่นี้ ปีศาจ " หลบอยู่ที่ใดออกมาเถิด " มันเดินหลังค่อม ๆ ก้ม ๆ ไปทุกบริเวณรอบ ๆ พร้อมน้ำเสียงที่เขย่าขวัญให้ผู้หลบซ่อนนั้นกลัวจนฉี่จะราด " ข้าจะอ้วก ไม่ไหวแล้ว " เสียงอาเจียนที่ดังลั่นทะลุออกมาในตู้เสื้อผ้าพร้อมกับตัวคนครึ่งนึงที่ยื่นหน้าอาเจียนของเสียลงพื้น ปีศาจ " เด็กชายผู้นี้กำลังเป็นหนุ่ม
หนิงหลง “ดูแหมือนว่าความมืดมันกำลังจะไปทีละหมู่บ้าน เราต้องเร่งเดินทางไปยังหมู่บ้านทางทิศเหนือ ตอนนี่เลย “ ปีศาจ “ เจ้ารนหาที่ตายรึ “ หนิงหลง “เจ้าหุบปาก เจ้าเคยเกิดเป็นมนุษย์ก็ควรเข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการจะทำ “ ปีศาจ “ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะเอาพลังที่ไหนมาสู้กับมัน “ เจ้าปีศาจยืนกอดหน้าอกด้วยความไม่พอใจ ที่นางนั้นไม่ฟังอะไรเลย หนิงหลง “ฟังนะ ข้าพอมีอยู่บ้าง “ หลังจากนั้นหนิงหลงก็พาปีศาจกับสามีเดินทางไปยังหมู่บ้านกลุ่มแรกที่กำลังเผชิญปัญหา แคว้นจิ้น “ท่านแม่ หือ ๆ อึก “ เด็กชายวัยเจ็ดขวบกำลังยืนร้องไห้ข้างศพที่ไร้ลมหายใจ ท่ามกลางปีศาจที่กำลังหัวเราะได้ใจเห็นเพียงมนุษย์เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ ปีศาจ “เจ้าหนูน้อย ต่อไปเจ้าจะไม่ร้องไห้แล้ว ฮ่า ๆ “ รอยยิ้มที่กว้างใหญ่ได้ฉีกออกจนเลือดไหลจนเด็กชายล้มลงไปกับพื้น “อย่าเข้ามานะ “ แขนน้อย ๆ ทั้งสองข้างพยายามค้ำพื้นดินเพื่อดันสะโพกถอยไปข้างหลังทีละน้อย พร้อมเสียงตะโกนเรียก “ช่วยด้วย ฮือ ๆ “
ณ .ราชวงศ์ซาง ขันที " ฝ่าบาทความมืดจางหายไปแล้วจะดูเหมือนว่าเหล่าปีศาจมันจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้ " ก่อนหน้านี้ราชวังซางก็เจอเหตุการณ์เดียวกันกับที่หนิงหลงเจอ แต่ยังโชคดีที่ก่อนหนิงหลงจะออกไปข้างนอกนางได้ใช้พลังเป็นเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ปีศาจนั้นบุกรุกทำร้าย จี้เถา " ท่านพี่ข้าไปหาลูกสาวข้าอยู่ที่ตำหนักก็ไม่เห็นมีผู้ใดเลยสามีนางก็ไม่อยู่มีแต่สาวใช้ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย " ชุ่ยเหริน " ใจเย็นๆข้าว่าลูกสาวต้องปลอดภัย " จี้เถา " ท่านพี่ข้าว่าควรออกไปดูชาวบ้านเสียหน่อยไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง " ชุ่ยเหริน " พรุ่งนี้เราจะออกไป แต่ตอนนี้ข้าจะส่งขุนนางไปแทน " อันอัน " ฮองเฮาเพคะ พระชายากลับมาแล้วตอนนี้กำลังบาดเจ็บหนัก ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ " ผู้เป็นแม่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบไปตำหนักพร้อมกับสามี ทันที หัวใจสั่นคลอนวิ่งเข้าไปหาลูกสาวในห้องนอน ใบหน้าสีขาวซีดบอกเหล่านางกำนัลให้ตามหมอหลวงมาทันที ฝ่ามือที่อบอุ่นได้แต่จับคลำหน้าผากที่กำลังร้อนระอุเหมือนภูเขาไฟกำลัง
หนิงหลง " ไปรีบนำทางข้าประเดี๋ยวนี้"ปีศาจ " หึ " อาการและท่าทางเริ่มจะเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกทีมีทั้งความรู้สึกและจิตสำนึกออกมาทีละน้อยในระหว่างการเดินทางนั้นหนิงงหลงก็เอ่ยถามเจ้าปีศาจไปพลาง ๆหนิงหลง " เหตุใดเจ้าถึงต้องทำชั่วมาเป็นสมุน ของหัวหน้าปีศาจ " เจ้าปีศาจได้ยินคำถามที่ทำให้นึกถึงหลายภพหลายชาติที่เคยมีชีวิตอยู่มีทั้งสุขและทุกข์ ในกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานเจ้าปีศาจ " พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ข้าคิดถึงหลาย ๆ ชาติที่ข้าเคยได้ใช้ชีวิตอยู่ " หนิงหลง " เจ้าก็มีความรู้สึกไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือเหตุใดต้องมาเป็นปีศาจ"ปีศาจ " หากข้าเลือกได้ข้าก็ไม่ได้อยากเป็นหรอกไม่ว่าจะมนุษย์หรือทูตผีวิญญาณชีวิตนั้นก็ต้องการอยู่รอด " จื่อหาน " เหมือนเสียงคนสองคนกำลังยืนคุยกัน " จื่อหานแนบหูฟังที่ผนังถ้ำอย่างมีความหวัง แต่เสียงเหล่านั้นเหมือนเพิ่งจะถูกสะท้อนกลับมา ทันใดนั้นเสียงเคลื่อนตัวของภูเขาก็ดังขึ้น หนิงหลง " หากเจ้าโกหกข้า เจ้าตายแน่ " ปีศาจ " ที่นี่แหละไม่ผิดเป็นแน่ " จื่อหาน " มีคนกำลังมา " จื่อหานรีบหาที่ซ่อนกลัวว่าจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายตัวเอง หนิงหลงเดินเข้ามาด้วยความหว
หนิงหลง" หรือว่าจะถูกบังตาไว้ " หญิงหลงเลยใช้พลังอีกครั้งเพื่อตรวจสอบดูว่ามันจริงอย่างที่นางคิดหรือไม่ และแล้วสิ่งที่นางคิดไว้มันก็เป็นจริงมีพลังชั่วร้ายบดบังภาพลวงตาเอาไว้มาให้ผู้คนนั้นที่ผ่านไปมาไม่สังเกตเห็น แต่ทันใดนั้นหนิงหลงก็เห็นองค์ชายมู่เฉินเดินออกมาพร้อมเสมุนปีศาจที่พลังวิญญานคลุ้งดำไปทั่วตัวหนิงหลง " เกือบไปแล้ว " หนิงหลงเดินเหยียบกิ่งไม้ทำให้สมุนปีศาจนั้นเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ต้นไม้ใหญ่ที่นางหลบซ่อนอยู่ แต่ยังโชคดีที่พวกมันคิดว่าคงไม่มีอะไรเลยไม่ได้เข้ามาใกล้ ๆ มากนัก เมื่อเห็นว่าองค์ชายมู่เฉินออกไปพ้นสายตาแล้วนางจึงย่องเบาไปยังถ้ำลึกลับด้วยตัวคนเดียวหนิงหลง" เหม็นมาก " ในระหว่างที่เดินเข้าไปอยู่นั้นมีแต่กลิ่นสาปคาวของสรรพสัตว์ทั้งหลายบริเวณรอบ ๆ เน่าตายตลอดทาง หนิงหลง " แล้วทางเข้าอยู่ที่ใด " ยิ่งเดินมาเรื่อย ๆ ยิ่งไม่เห็นประตูทางเข้า จึงใช้ตาที่ 3 เปิดดูอีกครั้งก็พบว่าทางเข้านั้นต้องใช้เลือดของมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถเปิดประตูแห่งความชั่วร้ายเข้าไปได้ นางรู้เช่นนั้นจึงกรีดข้อมือตัวเองเพื่อหยดเลือดลงด้านหน้าภูเขา เมื่อเลือดหยดลงพื้นอิทธิฤทธิ์ก็แสดงทันที
จื่อหานคิดว่าอย่างไรก็สู้พวกมันไม่ได้ตนกำลังจะเอ่ยปากให้เรียกภรรยาอย่าออกมาจากตำหนักเด็ดขาด แต่พูดยังไม่ทันจบเจ้าปีศาจก็ลากตัวจื่อหานเหาะเหินล่องลอยไปยังอากาศ ไปยังที่ลับตาคน มีจังหวะนั้นภรรยาก็ออกมาพอดีกำลังจะคว้าแขนออกไปจับมือสามีไว้ อีกนิดเดียวแค่นิดเดียวเท่านั้นก็จะถึงแล้ว แต่นั่นก็ไม่ทันการนางได้แต่ยืนมองสามีถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตาหนิงหลง " ไม่นะ " น้ำเสียงที่สั่นเครือกำลังตกใจสุดขีดแต่เมื่อตั้งสติได้นางจึงใช้พลังวิเศษเพื่อรายมนเกาะป้องกันให้ราชวงศ์ซางในยามที่ตนนั้นออกไปตามหาสามีหากปีศาจมันกลับมาทำร้ายผู้คนในวังและชาวบ้านที่เหลือนางอาจจะช่วยไม่ทัน จึงต้องใช้พลังสร้างเกาะกันวิญญาณชั่วร้ายไว้ชั่วคราวหนิงหลง " ได้โปรดบอกข้าเถิด ตอนนี้สามีอยู่ที่ใด " คำขออธิษฐานได้สัมฤทธิ์ผลภาพในหัวจนผุดขึ้นมาให้เห็นว่าสามีนั้นถูกนำตัวไปไว้ที่เทือกเขาอันตรายที่อยู่ติดกับหมู่บ้านแห่งความสุข เทือกเขาอันตราย จื่อหาน " ที่นี่ที่ไหนกัน " รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยมองไปรอบๆเหมือนจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมๆ แสงดวงไฟซึ่งมีน้อยนิดแต่รู้สึกว่าข้างในนี้มันหนาวเย็นกว่าข้างนอกมากเป็น 2 เท่า