“ท่านราชเลขาฯ จางหวงแหนน้องสาวยิ่งข้าได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองก็วันนี้” เจิ้งเข่อชิงกล่าว
“อย่ามัวแต่เยินยอพี่ชายข้าเลย เราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีหรือไม่ ข้าอยากชมดอกไม้” แม้จะพลาดไม่ได้ดูฉากตกหลุมรักของพระเอกนางเอก อย่างน้อยได้ชมดอกไม้ให้รื่นหูรื่นตาบ้างก็ยังดี
“เจ้านี่นะ ชมดอกไม้น่ะแค่กล่าวเอาไว้ให้ดูดี จุดประสงค์แท้จริงคือให้มาชมบุรุษ” หวังเยว่ฉิงกล่าว
สตรีทั้งสามคนสนทนากันพลางเดินไปที่สวนดอกไม้ โดยไม่รู้ว่ามีสายตามากมายจับจ้อง
“ไม่รู้ว่าคุณหนูจางจะโกรธเคืองข้าหรือไม่ ข้าต้องไปขอโทษนางเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง...” หลิวเฟิงเหมียนยังกล่าวไม่ทันจบก็ต้องเดินสะดุดกับอะไรบางอย่างจนเซไปเกาะองค์รัชทายาท
“เจ้าขัดขาข้าอันฉี”
“สะดุดขาตนเอง แล้วยังมาใส่ร้ายผู้อื่น โง่เง่า” ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวแล้วลุกยืนขึ้นปัดอาภรณ์ตนเองเล็กน้อย
“อันฉีข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง วันนี้ข้าไปเหยียบเท้าเจ้าหรือทำอันใดให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่” เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกซื่อจื่อผู้นี้หมายหัว
“หึ” ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป
“เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้” องค์รัชทายาทกล่าวก่อนจะเดินแยกไปอีกคนทิ้งให้เจ้าของจวนมองตามสหายทั้งสองด้วยสีหน้างุนงง
ในระหว่างที่สตรีทั้งสามกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรส จู่ๆ ก็มีบุรุษสามคนเดินเข้ามาหวังจะทักทายแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าองค์รัชทายาทกำลังยืนมองทั้งสามคนอยู่แล้ว คุณชายเหล่านั้นจึงได้แต่ก้าวถอยก่อนจะเดินหนีไป
“เจ้าน่าเอ็นดูเช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยเหตุใดพี่ชายเจ้าถึงได้หวงแหนนัก” หวังเยว่ฉิงกล่าว
“ข้าเห็นด้วยกับเยว่ฉิง เจ้าช่างน่าเอ็นดูนักชิงหนี่ว์” คุณหนูเจิ้งไม่เพียงแต่กล่าว แต่มือเรียวยังกอบกุมมือน้อยพลางลูบไล้
“เข่อชิงนั่นเจ้ากำลังทำอันใด” เสียงขององค์รัชทายาททำให้สตรีที่นั่งสนทนากันอยู่ตกใจไม่น้อย มีเพียงเจิ้งเข่อชิงที่ปรายตามองชายสูงศักดิ์ด้วยสายตาเฉยชา
“นั่งสนทนากับสหายอย่างไรล่ะเพคะ หรือพระองค์เห็นพวกหม่อมฉันกำลังทำขนมกันอยู่” นางร้ายตอบองค์รัชทายาทก่อนจะเมินเฉยแล้วหันมาสนทนากับนางแทน
“ชิงหนี่ว์มือเจ้าเนียนนุ่มยิ่งนัก เจ้าใช้อะไรบำรุงมือหรือ กลิ่นหอมถูกใจข้ายิ่ง” สหายคนใหม่กล่าวพลางยกมือนางขึ้นมาดมกลิ่น
เอ่อ...นี่นางร้ายกำลังใช้นางเป็นเครื่องมือยั่วโทสะพระรองหรือนี่ แต่พวกท่านลืมอันใดไปกันหรือไม่
‘ข้าเป็นสตรีนะเจ้าคะ ท่านจะทุบไหน้ำส้มแตกเพราะข้าไม่ได้’ นางคิดในใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“เป็นน้ำมันทาผิวที่ข้าลองทำเอง หากเจ้าสนใจ ข้าจะให้คนนำไปมอบให้”
“แต่ข้าอยากให้เจ้านำมามอบให้ด้วยตนเองมากกว่า”
“เจิ้งเข่อชิง เจ้ากล้าเมินเฉยข้า” องค์รัชทายาทเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“ในเมื่อหม่อมฉันเมินเฉยต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์ไม่เดินไปหาสตรีนางอื่นแทนล่ะเพคะ จะมายืนให้เกะกะอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด” คุณหนูเจิ้งกล่าวประโยคท้ายเสียงเบา เมื่อตัดสินใจจะให้ท่านพ่อไปยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว เหตุใดนางยังต้องเอาอกเอาใจบุรุษผู้นี้กันเล่า
ที่ผ่านมาหากไม่ใช่เพราะท่านป้าฮองเฮาสหายสนิทของมารดา มีหรือนางจะยอมอดทนต่อนิสัยโง่เง่าของบุรุษผู้นี้ ต่อจากนี้อยากจะพึงใจสตรีคนใดก็ทำไปเถิด นางไม่สนใจเขาแล้วเพราะชิงหนี่ว์น่าสนใจกว่าบุรุษผู้นี้มาก
“นี่เจ้า!”
“เชิญพระองค์ไปหาสตรีที่ทรงสร้างความเกษมสำราญให้เถิดเพคะ อย่าได้มารบกวนพวกหม่อมฉันเลย”
“ได้! ในเมื่อเอ่ยปากไล่กันเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว แต่จะทำอันใด คำนึงถึงหน้าตาวงศ์ตระกูลด้วย” กล่าวจบบุรุษสูงศักดิ์ก็สะบัดอาภรณ์เดินจากไป
“เข่อชิงวันนี้เจ้าทำให้สหายเช่นข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” หวังเยว่ฉิงแทบจะปรบมือให้
“ข้าสุดจะทนกับบุรุษผู้นี้แล้ว” ในขณะที่ตนต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีงาม แต่เขาที่เป็นถึงราชวงศ์กลับทำตัวเสื่อมเสียหลงมารยาสตรีดอกบัวขาวทำตัวโง่งมเช่นนั้นไม่ควรค่าให้นางต้องอดทนอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าต่อว่าองค์รัชทายาทเช่นนั้นจะไม่เป็นไรหรือ” จางชิงหนี่ว์เอ่ยถามสหาย
“หากเขาคิดจะเอาเรื่องข้าเพราะข้ากล่าวเช่นนั้น ก็แล้วแต่เขาเถิด” ใจจริงอยากจะกล่าวว่าตนกำลังคิดจะถอนหมั้น แต่กลัวบุรุษผู้นั้นรู้ตัวเสียก่อนจึงไม่ได้เอ่ยไป
“เอาเถิดเรื่องราวระหว่างเจ้าและองค์รัชทายาท เจ้าจะทำอย่างไรตัดสินใจเช่นไรข้าพร้อมจะสนับสนุน”
“ชิงหนี่ว์ เจ้าช่างแสนดี ขอบคุณนะ” เจิ้งเข่อชิงผู้ชื่นชอบความน่ารักโผเข้ากอดนางอย่างแนบเนียนก่อนจะผละออกห่างด้วยความเสียดาย
เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มน่ากอดเป็นที่สุด...
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ