Masukออพิมแก้วนั้นอายแสนอาย บุรุษตรงหน้าต้องการเกี้ยวพาราสีหล่อนหรืออย่างไร ถึงได้มาป้อนสำรับกับข้าวใส่ถึงปากเช่นนี้ แต่ถ้าหล่อนจะเป็นเชลยก็ไม่แปลก ด้วยความที่เป็นผู้หญิง พอมีศักดิ์เป็นเชลยศึก เขาจะต้มยำทำแกงอะไรเราก็ย่อมได้
ด้วยความที่ตกเป็นรองชายเถื่อนตรงหน้าอยู่มากโข เด็กสาวที่หน้าแดงก่ำเลยอ้าปากเพื่องับข้าวบดอุ่นๆ ในช้อนสแตนเลสตรงหน้า แต่กลับตะลึงพรึงเพริด รสมือแม่ครัวของเขาช่างถึงเครื่องนัก หล่อนทำตาโต ดวงตากลมโตสุกใสมีแววเจือประกาย
“โจ๊กหมูหรือ ทำอย่างไรเจ้าคะ” ชิมไปคำแรกก็ถามคนตรงหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมีดทำครัวมาก่อนนอกจากมีดที่ไว้ป้องกันตัว สามก๊กตีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ตอบอะไรแล้วตักโจ๊กอีกคำมาเป่าพลางยกชิดกลีบปากนวล ถือคติที่ว่าถ้าไม่รู้จะไม่ตอบ
สาวเจ้าหน้าเสียที่เห็นว่าบุรุษตรงหน้าช่างเย็นชาน่าหวั่นกลัว คราวนี้เลยสงบปากสงบคำ กินเอาๆ ตามจังหวะที่เขายกป้อนจนหมดถ้วย
นางอิ่มแปล้ อร่อยเหลือเกิน ผู้หญิงในชุดกระโปรงใส่ผ้าคลุมขาวคนเมื่อกี้น่าจะเป็นแม่ครัวสินะ
ถ้าถามอะไรจากคุณสามคนนี้ไม่ได้ เราจะไปถามจากแม่ครัว
“เอ่อ...” เธอโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสาวเจ้ากินเกลี้ยง สามก๊กจึงโทรศัพท์ให้แม่บ้านมาเก็บสำรับกับข้าวกลับ จะไม่ยกไปเองให้เปลืองมือ ในเมื่อมีคนรับใช้อยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างนักหรอก งานพ่อบ้านน่ะเหรอลืมไปได้เลย ชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
“อะไร” และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวทำท่าจะเอ่ยขออะไรบางอย่าง เขาจึงหันไปตอบรับด้วยถ้อยคำแสนห้วน จนเธอนึกหวาดหวั่นก่อนที่จะกลั้นใจถามขึ้นมา
“จะให้เราอยู่ในห้องหับนี้ไปอีกนานเท่าใดกันหรือเจ้าคะ”
แววตาคมฉายแววราบเรียบ เธอพยายามอ่านสายตาอีกฝ่าย แต่อ่านไม่ได้เลย แววตาคู่นั้นช่างว่างเปล่า
“เมื่อเธอเลิกหนีไปจากกู”
“ระ... เรามิหนีไปที่ใดดอกเจ้าค่ะ อย่างน้อยให้เราได้สำรวจสถานที่ของท่านบ้างจักได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่อนุญาต”
“อะ” พอเห็นว่าโดนขัดทุกทางสาวเจ้าก็คอตก “เราขอโทษเจ้าค่ะที่ก่อนหน้านี้พยายามหนีออกไป แต่เรามิอยากอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี่หนา”
“...”
“ท่านมีกระไรให้เราทำนอกเหนือจากนี้หรือไม่เจ้าคะ”
สามก๊กนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างผ่านแววตาเย็นเยียบ ก่อนที่ร่างสูงจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหารุ่นโทรศัพท์ราคาแพงที่กำลังออกรุ่นใหม่ล่าสุดออกมา แล้วกดสั่งซื้ออย่างไม่ลังเล
ถ้าพูดขนาดนี้ คงสเต็ปเดิมสินะ ต้องการอะไรจากเขาล่ะสิ
จะไม่ปฏิเสธหรอก เพราะเงินเขาน่ะเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้ว
“กูสั่งไอโฟนให้เธอแล้วนะ” เมื่อกดสั่งซื้อพร้อมกับแนบสลิปเรียบร้อย คนตัวสูงก็ยื่นประวัติการโอนเงินให้คนตัวเล็กที่นั่งพับเพียบหัวฟูอยู่บนเตียงดู เธอเอียงคออย่างฉงน ไม่มีท่าทางที่จะเข้าใจอะไรตรงกัน “หมายถึงมือถือน่ะ เอาไว้ใช้ระหว่างรอกูไปทำงานฆ่าเวลา”
“เอ๋?”
“กูไปทำงานก่อน” เขาว่าแบบนั้น เก้ๆ กังๆ ที่จะยกฝ่ามือหนาเพื่อสัมผัสหญิงสาวสวยสะคราญตรงหน้า แต่ด้วยอดใจไม่ไหว สามก๊กลูบผมเธอเบาๆ ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ เดินออกไปผ่านบานประตูอย่างรีบเร่ง
ทิ้งพิมแก้วให้นั่งงุนงงอยู่ตรงนั้น
“มือถือ... คือกระไรกัน?”
สมาร์ทโฟนแสนสำคัญในยุคปัจจุบันนั้น หาได้อยู่ในความเข้าใจของหญิงสาวในยุคกรุงศรีอโยธยาอย่างเธอไม่
หลังจากสามก๊กพ้นออกจากประตูประมาณสิบนาที เมดที่ดูแล้วเป็นคนละคนกับคนก่อนหน้าเปิดประตูเข้ามาเก็บสำรับอาหารของเธอ เมดสาวอีกคนลากจูงเธอไปอาบน้ำในห้องน้ำในตัว ส่วนเมดอีกคนก็เตรียมชั้นใน กางเกงในลายลูกไม้ที่คุณสามโปรดปราน และชุดสายเดี่ยวรัดรูป ผ่าข้างเรียวขาอย่างแสนเซ็กซี่
ออพิมแก้วพยายามถามว่าไม่มีชุดสไบให้ใส่บ้างหรือ หรืออย่างน้อยๆ ก็ชุดที่มิดชิดสมกุลสตรีกว่านี้ก็ดี แต่หญิงสาวชุดกระโปรงพวกนั้นได้แต่สั่นหน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า ‘ถ้ามิดชิดขนาดนั้น คุณสามจะไม่พอใจ’
“ไม่พอใจกระไรกัน ให้เรามาแต่งตัวเช่นนี้ งามหน้าเสียเหลือเกิน” เธอบ่นรำพันกับตัวเองในห้องนอนห้องเดิมที่คุณสามคนใจร้ายที่ว่าไม่ยอมให้ออกไปทำอะไรได้นอกจากรอมือถือที่ว่ามาส่งถึงมือของเธอก่อน เด็กสาวจึงนั่งรอด้วยความหวังว่าสิ่งๆ นั้นอาจจะช่วยเธอให้รอดพ้นจากผู้ชายคนนี้ไปได้
กริ๊ง
“คุณหนูคะ มือถือมาส่งค่ะ” รอไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็สำเร็จผล เมดสาวคนก่อนหน้าที่จับเธออาบน้ำแต่งตัวเป็นตุ๊กตาได้เคาะประตูหลังจากมีเสียงกริ่งดังจากด้านนอก สาวเจ้าผุดลุกพรวด รีบรุดไปที่หน้าประตูเพื่อเชยชมสิ่งของที่ว่า
แต่ทว่า
กล่องสีขาวๆ ที่ถูกเปิดออกมาตรงหน้า มีเพียงกระดานชนวนแผ่นเล็กสีดำที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมตรงหน้าเธอก็เท่านั้น
“นี่คือกระไร หน้าตาพิกลนัก”
ไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้หล่อนฆ่าเวลาได้ตรงไหน
“ไอโฟนค่ะคุณหนู” เมดสาวเอียงคอมองตามเด็กสาวตรงหน้า ดูท่าทางนางบำเรอคนใหม่ของคุณสามคนนี้คงสติไม่สมประกอบจริงๆ สินะ ดูอาการหนักเพ้อเป็นภาษาโบราณอย่างที่เมดที่ดูแลเธอเมื่อคืนเล่าไว้เลย
ทั้งๆ ที่ตรงหน้าคือมือถือที่ทันสมัยที่สุด แถมยังเป็นไอโฟน 1x Pro max สีขาวสวยที่แม้แต่เธอเองก็ตาลุกวาวอยากเป็นหนึ่งในนางบำเรอของชายสายเปย์อย่างคุณสามก๊กบ้าง
คิดว่าคงรับมือง่ายกว่านี้ จนกระทั่งคนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยแววตาซื่อใส
“ไอโฟนคือกระไร เรามิเข้าใจ”
เมดสาวคนนั้นถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว
ออพิมแก้ว บุตรสาวของออกญาศรีพิบาล ได้รู้จักกับ ‘โทรศัพท์มือถือ’ เป็นครั้งแรกในชีวิต
หลังจากที่เมดสาวคนนั้นได้สอนวิธีคร่าวๆ ในการใช้สมาร์ทโฟนเครื่องหรูให้เธอ สาวเจ้าเขี่ยปลายนิ้วเรียวสวยตรงหน้าจอโทรศัพท์ไปมา มีตัวอักษรภาษาไทยขึ้นมาทีละคำ เธอตาแวววาว ไอโฟนเครื่องนี้ถูกติดตั้งแอพ Line เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยโดยคำสั่งของคุณสาม เมดสาวคนนั้นเชื่อมต่อกับไอดีไลน์ของสามก๊กเอาไว้ และสอนเด็กสาวพิมพ์ข้อความตามแต่ใจปรารถนา
เผื่อคุณสามจะมีอะไรกระชุ่มกระชวยหัวใจระหว่างทำงานบ้าง
แสนรู้ใจจนน่าจะไปแจ้งให้คุณสามเพิ่มเงินเดือนให้เสียจริง
พิมแก้วเห็นหน้าจอแสดงผลเป็นธีมไลน์มาตรฐาน หน้ารูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปสามก๊กนั้นทำให้เจ้าหล่อนยู่หน้า ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้เผลอกดตัวหนังสือ และปัดฝ่ามือไปโดยปุ่ม Enter ที่อยู่ด้านข้างเสียแล้ว
ความที่จอทัชสกรีนนั้นถูกทำมาอย่างดี ข้อความที่ไม่ได้ศัพท์ถูกส่งไปที่แชทไลน์ของสามก๊กอย่างทันใจ สาวเจ้าแตกตื่นไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำอะไรลงไป ยิ่งข้อความนั้นถูกขึ้นว่าอ่านแล้ว ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก
อยู่ดีๆ ก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว อ่านแล้วคือกระไรกัน
ใช้เวลาคิดไม่นานนัก ข้อความไลน์ก็เด้งส่งมาโดยเร็วด้วยหน้าโปรไลน์กลมๆ ของคุณสามคนเถื่อน
ปริศนา : แรรนบ
Sk : อะไร?
เขาตอบเพียงถ้อยคำห้วนสั้นจนนึกภาพชายหน้าดุมีรอยบากที่ดวงตา พร้อมกับสวมแว่นตากรอบดำทับชัดเจนในมโนภาพ สาวเจ้าเหงื่อตก พยายามอย่างมากที่จะหาทางส่งข้อความไปให้เขา งมนิ้วกดจิ้มสลับคำอยู่นาน ดีนะที่เธอยังมีประสบการณ์เรียนอ่านเขียนได้อยู่บ้าง แต่ให้มากดๆ จิ้มๆ ไอ้สิ่งที่คล้ายคลึงกระดานชนวนขนาดจิ๋วเช่นนี้ ไม่คุ้นมือเอาเสียเลย
ปริศนา : มิมีกระไรเจ้สค่ะ
นิ้วเบียดจนพิมพ์ผิดไปด้วย หล่อนหน้าซีดเหงื่อตกทันทีเมื่อข้อความจากเขาเด้งขึ้นมาโดยเร็วไว
Sk : คิดถึงเหรอไง
คิดถึง?
กระไรของชายผู้นี้
หระ... หรือว่าจักมาเกี้ยวพาราสีเราจริงๆ!
ปริศนา : คิดถึงกระไร มิได้คิดถึงท่าน
Sk : พิมพ์นาน นิ้วเบียดเหรอ
“โอ้ย” ออพิมแก้วเมื่อโดนแซวก็ถึงกับเกิดอาการเขินจนไปไม่เป็น แต่เจ้าหล่อนนั้นไม่มีคำว่ายอมแพ้อยู่ในพจนานุกรม จึงกดจิ้มมือถือโต้ตอบกับชายตรงหน้าอย่างอาจหาญ
ปริศนา : หยาบคายนัก มิชอบเลยมาแซวเล่นเช่นนี้
พอไม่ได้เห็นตัวเป็นๆ มาปั้นหน้าดุอยู่ตรงนี้ก็ใจกล้าติงเขาไปหนึ่งดอก ชายหนุ่มอ่านข้อความแล้วเงียบหายไปนาน นานจนหล่อนเริ่มใจไม่ดี
จนกระทั่ง
Sk : ถ่ายรูปมาหน่อยสิ
เขาขอให้เธอถ่ายรูปให้ดู
“ถ่ายรูป? คือกระไรกัน” สาวเจ้ามุ่นคิ้วยุ่ง พิมพ์โต้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ
ปริศนา : เราเป็รสาวเป็นนาง มิมาถ่ายกระไรให้ดูดอก
ถ่ายที่เธอเข้าใจคือการเข้าห้องน้ำนั่นเอง
ว่าแต่เธอนิ้วเบียดอีกแล้ว การพิมพ์ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘โทรศัพท์มือถือ’ ทำไมมันยากนักเชียว
“ผมจะเข้าไปทำงานในนครโสเภณี และออกมาโดยไม่แตะต้องหญิงใดเลยแม้แต่คนเดียว”พิมแก้วยอมรับว่าตกใจที่สามีของตนเองมีความตั้งใจที่จะไปเป็นทาสสินไถ่คอยดูแลหญิงงามเมืองในโรงรับชำเราบุรุษ เข้าใจดีว่าเจ้าคุณพ่อนั้นรู้จักคนกว้างขวางจนกระทั่งลามไปในที่อโคจรเช่นนั้น แต่ดวงใจในอกอิ่มนั้นปวดใจนัก สถานที่แบบนั้นมีแต่หญิงสาวมากหน้าหลายตา มากคารมณ์มากตัณหา หล่อนไม่มั่นใจว่าคุณสามจะมั่นคงพอที่จะไม่เผลอใจแตะต้องใครสุดท้าย... เพราะระยะเวลาการรู้จักกันนั้นแสนสั้น มีเพียงสมพันธ์สวาทที่พันผูก พิมแก้วจึงยังไม่สามารถวางใจในตัวสามีของตนเองได้เต็มร้อยนักแต่เมื่อสามก๊กออกปากเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเพียงต้องการอุ้มชูศักดิ์ศรีต่อหน้าออกญาศรีภิบาล หรือเพียงต้องการเป็นสามีที่ถูกต้องของเธออย่างสุดตัวจริงๆ“กูจักพูดคุยให้นายโรงมาปลดสินไถ่มึงในช่วงสายวันพรุ่ง อีกสองสามวันมึงต้องเดินทางไปที่โรงนครโสเภณีกลางพระนคร”“ขอรับ”ชายกำยำตกปากรับคำพร้อมกับหมอบลงกราบแนบเท้าของว่าที่พ่อตา ดวงตาคมกริบของท่านทำเพียงหลุบลงมองอีกฝ่ายที่นอบน้อมถ่อมตัว ท่านไม่ได้นึกเกลียดชังหรือถืออคติใดๆ กับชายหนุ่มที่ได้ครอบครองบุตรีของตนทางกาย หากแต่หัวใจค
“ละ... ลูกเองก็ให้คำนิยามนั้นมิได้ หากแต่บ่าวที่ชื่อว่าสามนั้น ในภพที่ลูกข้ามกาลเวลาเข้าไป เขาคือผู้มีอิทธิพล ชื่อจริงๆ ของเขาคือสามก๊กเจ้าค่ะ แลลูกได้ตกเป็นเมียเขาในภพนั้น ก่อนจักถูกพ่อหมอยาจรพาทั้งเขาที่อยู่คนละภพกับลูกกลับมาพร้อมกับลูก”“... นี่มันเรื่องบ้ากระไรกัน” เจ้าพระยาศรีภิบาลพยายามปะติดปะต่อคำให้การของลูกสาว แต่เมื่อเข้าใจ จึงได้แต่สบถออกมาอย่างยั้งไม่ไหว “พิมนาราก็อีกคนแล้ว ครานี้ยังเป็นลูกอีกรึ!”“พิมนารา... ชื่อของเจ้าคุณแม่” พิมแก้วทวนชื่อของมารดาตนเองที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างนึงฉงน พิมนาราก็อีกคน... ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงดูเจ็บปวดใจอย่างนี้“พิมแก้ว... ทิดยาจรมีอาคมสามารถพาคนที่หมายเอาชะตาข้ามกาลเวลาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า”“...”“พิมนาราแม่ของลูก... ถูกไอ้จอมขมังเวทย์ระยำนั่นดึงให้ข้ามกาลเวลาจนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังตามหาแม่ของลูกมิเจอ พ่อจึงได้แต่เพียงอนุมานว่าแม่ของลูกตายไปแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตระกูลเรา”“!!!”“ผู้คนตามกาลเวลาที่ผันแปร มิใช่พรหมลิขิตอย่างที่ลูกอุปมานไว้ หากแต่เป็นความผิดพลาดที่ทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตนเอง ท
วันต่อมา เจ้าพระยาศรีภิบาลได้กลับมาจากกระทรวง เดินทางมาถึงเรือนใหญ่ในช่วงเช้า แน่นอนว่ายังไม่ได้รับรู้ข่าวลือเรื่องสามก๊กเพราะนานวันเข้าเรื่องหนาหูเลยซาลงมากแล้ว ท่านกลับมาเหนื่อยๆ ก็ได้รับการต้อนรับจากบุตรสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เธอดูร้อนรนจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อในระหว่างที่ยกสำรับชาให้ สีหน้าของท่านเจ้าพระยามีแววแปลกใจ ในขณะที่จิบชาจีนที่ลูกสาวนำมาให้“ไอ้บ่าวคนนั้นมันไปไหนเสียแล้ว?” เป็นคำถามแรกของเจ้าคุณพ่อที่ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลัง จะบอกได้อย่างไรว่านอนอยู่บนเรือนเล็กของเธอ มีหวังเจ้าคุณพ่อได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆแต่คุณสามรับปากแล้วว่าจะมาคุยกับเจ้าคุณพ่อถึงเรื่องของเราด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นพิมแก้วจึงทำได้แต่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น แม้ว่าต่อหน้าคุณสามจะพูดจาอย่างอวดดีว่าเธอจะเป็นคนเปิดปากพูดเรื่องนี้กับบิดาเอง แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าท่าน ก็ทำเอาเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเริ่มอะไรเลย“มิรู้ว่าดิฉันจักกราบทูลท่านเจ้าพระยาได้หรือไม่เจ้าค่ะ ดิฉันแค่เพียงต้องการความเป็นธรรมให้อีสาลี่เท่านั้น” แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะคิดหาทางหว่านล้อมพ่อถ
เร็วกว่าใจคิด ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปแตะที่กลีบปากหยักที่หยัดยิ้มกว้าง ดวงตาสีทมิฬหลุบตาจ้องมองปลายนิ้วชี้ที่เกลี่ยไปตามกลีบปากของเขา พิมแก้วสบตาเขากลับเช่นกัน บรรยากาศดึงดูดให้สาวแห่งยุคกรุงศรีอโยธยาเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ เพียงใช้นิ้วกั้นระหว่างกลีบปากของทั้งสอง กดจูบนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของตัวเองสามก๊กเบิกตากว้าง เหมือนกำลังโดนเธอรุกจูบขึ้นมาก็ไม่ต่าง ถึงจะมีปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้ากั้นกลางอยู่ก็ตามพิมแก้วผละออกไป ดวงหน้างามขึ้นสีฝาดอย่างน่ารัก“อย่ายิ้มได้หรือไม่”“...”“พิมกลัวว่าตนเอง... จักเผลอล่วงเกินคุณสามเจ้าค่ะ”ชายหนุ่มที่ปฏิญาณตนจะรักษาศีลและอยู่ในธรรมครรลองตลอดนั้นชะงักไปชั่วอึดใจ เขาเองก็หน้าแดงฝาดเช่นกัน พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ยัยหนูคนนี้ ใครสั่งใครสอนให้มาพูดตรงๆ แบบนี้กันคนที่ควรจะกลัว... มันเขาต่างหาก“พิม พี่ไม่คิดว่าหนูจะมาบอกชอบพี่ แล้วเรื่องพ่อพิม... จะเอายังไง?” พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยไม่อยากให้ตนเองตบะแตกใส่เธอเร็วนัก เดี๋ยวเด็กสาวจะนึกเปลี่ยนใจเอาเสียก่อน“พิมจักลองคุยกับเจ้าคุณพ่อดูเจ้าค่ะ ถึงคิดว่าจักยากพอตัว... แต่อย่างน้อยต้องให้เจ้าคุณพ่อยอมรับเรื่องอัศจรรย์
“พี่เดช พอเถิดเจ้าค่ะ”อยู่ดีๆ น้ำเสียงของเด็กสาวตรงหน้าก็เข้มขึ้นเมื่อเขายังยืนกรานคำเดิมเพิ่มเติมด้วยบทลงโทษที่คิดมาเอง ขุนศรีเดชชะงักไป เขาเพิ่งเห็นปฏิกิริยาใหม่กับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาคิดไปมากกว่าน้องสาวเช่นนี้ พิมแก้วที่นั่งรวบมืออยู่นั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นแม้เธอจะรู้สึกดีๆ กับพี่ชายคนนี้อยู่ก็ตาม แต่การให้พี่มาใช้อารมณ์ลงโทษคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันออกจะเกินไปหน่อยที่คุณสามเขาประกาศแบบนั้นไป อาจเป็นเพราะเขาจนมุมก็ได้นะ ก็คนเคยมีอำนาจบาตรใหญ่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเหลือแต่ตัวแบบนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปทำความเข้าใจเขาเหมือนกันแม้จะรู้สึกขัดใจที่ตัวเองเลือกที่จะปกป้องผู้ชายที่ไม่รู้จักดีเท่ากับขุนศรีเดชตรงหน้ามากกว่า แต่เพราะพิมแก้วเองก็มีใจห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง และบางครั้งก็รู้สึกผิดที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน เขาช่วยเหลือเธอสารพัด (แม้จะมาจากท่าทางที่ดูใจร้ายปากร้ายก็ตาม) แถมยังให้เธอมีที่หลับที่นอนหรูหรา เสื้อผ้าดีๆ ของกินของใช้ดีๆอีกต่างหาก“เพราะเหตุใด...”“พี่เดช อ้ายสามเป็นบ่าวของพิม ถ้าจักลงโทษ ก็ให้พิมเป็นคนลงโทษเองเถิด”“น้องพิม น้องปกป้องมันเกินไปหรือไม่?”
แกรกบานประตูเปิดเข้ามาในระหว่างที่ชายหนุ่มอดีตมาเฟียใหญ่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดหนัก สิ่งแรกที่ปะทะเข้าหน้าคือกลิ่นหอมของน้ำอบฝรั่ง ที่กลิ่นหอมกว่าน้ำอบไทยในปัจจุบันจนไม่รู้สึกว่าเป็นกลิ่นที่มักจะใช้เวลามีงานศพหรืองานบุญด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเขาก็ชอบอยู่ไม่น้อยพิมแก้วปรากฏออกมาด้วยชุดสไบทรงเครื่องแบบโบราณ ซิ่นสีบานเย็นงามจับจด เธอในชุดนั้นงดงามชดช้อย เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามานั่งบนตั่งไม้สัก ในขณะที่สามก๊กนั่งบนพื้นไม่ได้ลุกไปนั่งเทียบเคียงเธอ“ท่านจักนั่งอยู่บนพื้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวเองก็รู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ ผู้ชายที่ก่อนหน้านั้นแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่าเธอ มีลูกน้องเป็นร้อย แต่ในเวลานี้กลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นไม้ นั่งขัดสมาธิจ้องเธอนิ่ง“ก็พิมเป็นเจ้านายพี่” เจ็บใจไม่ใช่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอสูงศักดิ์กว่าเขาเสียจริง แค่ราศีก็ไม่อาจเทียบเคียงได้“คุณสามมิใช่คนในยุคพิม คุณสามมีอำนาจกว่าพิมมากนักนะเจ้าคะ” ถึงต่อหน้าพ่อกับบ่าวคนอื่นเขาจะเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งก็ตามที“แล้ว?”“...”“จะให้พี่ขึ้นไปนั่งด้วยกันหรือไง” คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำไมกลับดูอันตราย ก็สายต







