“ผมจะเข้าไปทำงานในนครโสเภณี และออกมาโดยไม่แตะต้องหญิงใดเลยแม้แต่คนเดียว”พิมแก้วยอมรับว่าตกใจที่สามีของตนเองมีความตั้งใจที่จะไปเป็นทาสสินไถ่คอยดูแลหญิงงามเมืองในโรงรับชำเราบุรุษ เข้าใจดีว่าเจ้าคุณพ่อนั้นรู้จักคนกว้างขวางจนกระทั่งลามไปในที่อโคจรเช่นนั้น แต่ดวงใจในอกอิ่มนั้นปวดใจนัก สถานที่แบบนั้นมีแต่หญิงสาวมากหน้าหลายตา มากคารมณ์มากตัณหา หล่อนไม่มั่นใจว่าคุณสามจะมั่นคงพอที่จะไม่เผลอใจแตะต้องใครสุดท้าย... เพราะระยะเวลาการรู้จักกันนั้นแสนสั้น มีเพียงสมพันธ์สวาทที่พันผูก พิมแก้วจึงยังไม่สามารถวางใจในตัวสามีของตนเองได้เต็มร้อยนักแต่เมื่อสามก๊กออกปากเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเพียงต้องการอุ้มชูศักดิ์ศรีต่อหน้าออกญาศรีภิบาล หรือเพียงต้องการเป็นสามีที่ถูกต้องของเธออย่างสุดตัวจริงๆ“กูจักพูดคุยให้นายโรงมาปลดสินไถ่มึงในช่วงสายวันพรุ่ง อีกสองสามวันมึงต้องเดินทางไปที่โรงนครโสเภณีกลางพระนคร”“ขอรับ”ชายกำยำตกปากรับคำพร้อมกับหมอบลงกราบแนบเท้าของว่าที่พ่อตา ดวงตาคมกริบของท่านทำเพียงหลุบลงมองอีกฝ่ายที่นอบน้อมถ่อมตัว ท่านไม่ได้นึกเกลียดชังหรือถืออคติใดๆ กับชายหนุ่มที่ได้ครอบครองบุตรีของตนทางกาย หากแต่หัวใจค
“ละ... ลูกเองก็ให้คำนิยามนั้นมิได้ หากแต่บ่าวที่ชื่อว่าสามนั้น ในภพที่ลูกข้ามกาลเวลาเข้าไป เขาคือผู้มีอิทธิพล ชื่อจริงๆ ของเขาคือสามก๊กเจ้าค่ะ แลลูกได้ตกเป็นเมียเขาในภพนั้น ก่อนจักถูกพ่อหมอยาจรพาทั้งเขาที่อยู่คนละภพกับลูกกลับมาพร้อมกับลูก”“... นี่มันเรื่องบ้ากระไรกัน” เจ้าพระยาศรีภิบาลพยายามปะติดปะต่อคำให้การของลูกสาว แต่เมื่อเข้าใจ จึงได้แต่สบถออกมาอย่างยั้งไม่ไหว “พิมนาราก็อีกคนแล้ว ครานี้ยังเป็นลูกอีกรึ!”“พิมนารา... ชื่อของเจ้าคุณแม่” พิมแก้วทวนชื่อของมารดาตนเองที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างนึงฉงน พิมนาราก็อีกคน... ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงดูเจ็บปวดใจอย่างนี้“พิมแก้ว... ทิดยาจรมีอาคมสามารถพาคนที่หมายเอาชะตาข้ามกาลเวลาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า”“...”“พิมนาราแม่ของลูก... ถูกไอ้จอมขมังเวทย์ระยำนั่นดึงให้ข้ามกาลเวลาจนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังตามหาแม่ของลูกมิเจอ พ่อจึงได้แต่เพียงอนุมานว่าแม่ของลูกตายไปแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตระกูลเรา”“!!!”“ผู้คนตามกาลเวลาที่ผันแปร มิใช่พรหมลิขิตอย่างที่ลูกอุปมานไว้ หากแต่เป็นความผิดพลาดที่ทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตนเอง ท
วันต่อมา เจ้าพระยาศรีภิบาลได้กลับมาจากกระทรวง เดินทางมาถึงเรือนใหญ่ในช่วงเช้า แน่นอนว่ายังไม่ได้รับรู้ข่าวลือเรื่องสามก๊กเพราะนานวันเข้าเรื่องหนาหูเลยซาลงมากแล้ว ท่านกลับมาเหนื่อยๆ ก็ได้รับการต้อนรับจากบุตรสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เธอดูร้อนรนจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อในระหว่างที่ยกสำรับชาให้ สีหน้าของท่านเจ้าพระยามีแววแปลกใจ ในขณะที่จิบชาจีนที่ลูกสาวนำมาให้“ไอ้บ่าวคนนั้นมันไปไหนเสียแล้ว?” เป็นคำถามแรกของเจ้าคุณพ่อที่ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลัง จะบอกได้อย่างไรว่านอนอยู่บนเรือนเล็กของเธอ มีหวังเจ้าคุณพ่อได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆแต่คุณสามรับปากแล้วว่าจะมาคุยกับเจ้าคุณพ่อถึงเรื่องของเราด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นพิมแก้วจึงทำได้แต่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น แม้ว่าต่อหน้าคุณสามจะพูดจาอย่างอวดดีว่าเธอจะเป็นคนเปิดปากพูดเรื่องนี้กับบิดาเอง แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าท่าน ก็ทำเอาเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเริ่มอะไรเลย“มิรู้ว่าดิฉันจักกราบทูลท่านเจ้าพระยาได้หรือไม่เจ้าค่ะ ดิฉันแค่เพียงต้องการความเป็นธรรมให้อีสาลี่เท่านั้น” แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะคิดหาทางหว่านล้อมพ่อถ
เร็วกว่าใจคิด ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปแตะที่กลีบปากหยักที่หยัดยิ้มกว้าง ดวงตาสีทมิฬหลุบตาจ้องมองปลายนิ้วชี้ที่เกลี่ยไปตามกลีบปากของเขา พิมแก้วสบตาเขากลับเช่นกัน บรรยากาศดึงดูดให้สาวแห่งยุคกรุงศรีอโยธยาเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ เพียงใช้นิ้วกั้นระหว่างกลีบปากของทั้งสอง กดจูบนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของตัวเองสามก๊กเบิกตากว้าง เหมือนกำลังโดนเธอรุกจูบขึ้นมาก็ไม่ต่าง ถึงจะมีปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้ากั้นกลางอยู่ก็ตามพิมแก้วผละออกไป ดวงหน้างามขึ้นสีฝาดอย่างน่ารัก“อย่ายิ้มได้หรือไม่”“...”“พิมกลัวว่าตนเอง... จักเผลอล่วงเกินคุณสามเจ้าค่ะ”ชายหนุ่มที่ปฏิญาณตนจะรักษาศีลและอยู่ในธรรมครรลองตลอดนั้นชะงักไปชั่วอึดใจ เขาเองก็หน้าแดงฝาดเช่นกัน พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ยัยหนูคนนี้ ใครสั่งใครสอนให้มาพูดตรงๆ แบบนี้กันคนที่ควรจะกลัว... มันเขาต่างหาก“พิม พี่ไม่คิดว่าหนูจะมาบอกชอบพี่ แล้วเรื่องพ่อพิม... จะเอายังไง?” พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยไม่อยากให้ตนเองตบะแตกใส่เธอเร็วนัก เดี๋ยวเด็กสาวจะนึกเปลี่ยนใจเอาเสียก่อน“พิมจักลองคุยกับเจ้าคุณพ่อดูเจ้าค่ะ ถึงคิดว่าจักยากพอตัว... แต่อย่างน้อยต้องให้เจ้าคุณพ่อยอมรับเรื่องอัศจรรย์
“พี่เดช พอเถิดเจ้าค่ะ”อยู่ดีๆ น้ำเสียงของเด็กสาวตรงหน้าก็เข้มขึ้นเมื่อเขายังยืนกรานคำเดิมเพิ่มเติมด้วยบทลงโทษที่คิดมาเอง ขุนศรีเดชชะงักไป เขาเพิ่งเห็นปฏิกิริยาใหม่กับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาคิดไปมากกว่าน้องสาวเช่นนี้ พิมแก้วที่นั่งรวบมืออยู่นั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นแม้เธอจะรู้สึกดีๆ กับพี่ชายคนนี้อยู่ก็ตาม แต่การให้พี่มาใช้อารมณ์ลงโทษคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันออกจะเกินไปหน่อยที่คุณสามเขาประกาศแบบนั้นไป อาจเป็นเพราะเขาจนมุมก็ได้นะ ก็คนเคยมีอำนาจบาตรใหญ่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเหลือแต่ตัวแบบนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปทำความเข้าใจเขาเหมือนกันแม้จะรู้สึกขัดใจที่ตัวเองเลือกที่จะปกป้องผู้ชายที่ไม่รู้จักดีเท่ากับขุนศรีเดชตรงหน้ามากกว่า แต่เพราะพิมแก้วเองก็มีใจห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง และบางครั้งก็รู้สึกผิดที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน เขาช่วยเหลือเธอสารพัด (แม้จะมาจากท่าทางที่ดูใจร้ายปากร้ายก็ตาม) แถมยังให้เธอมีที่หลับที่นอนหรูหรา เสื้อผ้าดีๆ ของกินของใช้ดีๆอีกต่างหาก“เพราะเหตุใด...”“พี่เดช อ้ายสามเป็นบ่าวของพิม ถ้าจักลงโทษ ก็ให้พิมเป็นคนลงโทษเองเถิด”“น้องพิม น้องปกป้องมันเกินไปหรือไม่?”
แกรกบานประตูเปิดเข้ามาในระหว่างที่ชายหนุ่มอดีตมาเฟียใหญ่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดหนัก สิ่งแรกที่ปะทะเข้าหน้าคือกลิ่นหอมของน้ำอบฝรั่ง ที่กลิ่นหอมกว่าน้ำอบไทยในปัจจุบันจนไม่รู้สึกว่าเป็นกลิ่นที่มักจะใช้เวลามีงานศพหรืองานบุญด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเขาก็ชอบอยู่ไม่น้อยพิมแก้วปรากฏออกมาด้วยชุดสไบทรงเครื่องแบบโบราณ ซิ่นสีบานเย็นงามจับจด เธอในชุดนั้นงดงามชดช้อย เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามานั่งบนตั่งไม้สัก ในขณะที่สามก๊กนั่งบนพื้นไม่ได้ลุกไปนั่งเทียบเคียงเธอ“ท่านจักนั่งอยู่บนพื้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวเองก็รู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ ผู้ชายที่ก่อนหน้านั้นแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่าเธอ มีลูกน้องเป็นร้อย แต่ในเวลานี้กลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นไม้ นั่งขัดสมาธิจ้องเธอนิ่ง“ก็พิมเป็นเจ้านายพี่” เจ็บใจไม่ใช่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอสูงศักดิ์กว่าเขาเสียจริง แค่ราศีก็ไม่อาจเทียบเคียงได้“คุณสามมิใช่คนในยุคพิม คุณสามมีอำนาจกว่าพิมมากนักนะเจ้าคะ” ถึงต่อหน้าพ่อกับบ่าวคนอื่นเขาจะเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งก็ตามที“แล้ว?”“...”“จะให้พี่ขึ้นไปนั่งด้วยกันหรือไง” คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำไมกลับดูอันตราย ก็สายต