MasukSk : ถ่ายรูป
เขาส่งมาอีกแล้ว ข้อความนั้นแม้จะเป็นแค่ตัวอักษรแต่ใจความห้วนสั้นก็กดดันเด็กสาวได้ดี เธอเริ่มเลิ่กลั่ก นั่งครุ่นคิดในห้องนอนของตนอยู่นาน จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้อง
ก็อกๆๆ
“ว่ายังไงครับ” เสียงทุ้มของการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูสำรวจความเรียบร้อยของเด็กเลี้ยงคุณสามดังขึ้นมา ชวนให้เด็กสาวตัวสั่นที่ไม่ใช่เสียงคุณเมดอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือถามออกไป
“ท่านรู้จักการ ‘ถ่ายรูป’ หรือไม่เจ้าคะ”
บุรุษหนุ่มในชุดดำตรงหน้าขมวดคิ้วจนพันเป็นปม เพิ่งเคยเห็นคนในสมัยดิจิตอลไม่รู้จักคำว่าถ่ายรูปมาก่อน จึงทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ
“อะไรนะครับ”
“ท่านรู้จักการถ่ายรูปหรือไม่เจ้าคะ” คำถามยังคงเป็นคำถามเดิม ชายหนุ่มผงะไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกุมขมับ
“คุณหนูรู้จัก ‘กล้องถ่ายรูป’ มั้ยครับ”
พิมแก้วที่ยืนอยู่อีกฝั่งของบานประตูไม้สักทองเอียงคอฉงน เธอส่ายหน้าทั้งที่เขาไม่เห็น พร้อมกับตอบฉะฉาน
“กล้องถ่ายรูปคือกระไรหรือเจ้าคะ”
เอาล่ะ สงสัยต้องเข้าไปด้านใน และอธิบายให้สาวเจ้าได้รู้จักกับคำว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ เสียก่อน
‘แม็คกี้’ ลูกน้องที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของสามก๊กมานับสามปี เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของคุณหนูคนสวยที่ได้เห็นแวบๆ เมื่อคืนนี้ ยิ่งเข้าไปใกล้ชิด ได้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์สวยหวาน พร้อมกับชุดสุดเซ็กซี่ที่คุณสามชอบให้เด็กบำเรอใส่เดินตัวปลิวไปปลิวมาในคฤหาสน์บ่อยๆ ก็ทำเอาหนุ่มใหญ่อย่างเขาเลือดลมสูบฉีด
แต่ก็ต้องตีหน้าเข้มๆ เอาไว้
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับคุณหนู” เสียงหล่อ
ดวงตากลมโตคู่นั้นเงยขึ้นมาสบตากับเขา เธอมีแววความหวาดหวั่น ระแวดระวังตัวเจือปนอยู่ตามแบบฉบับกุลสตรีที่ไม่เคยได้อยู่กับชายใดสองต่อสองมาก่อนเนื่องจากมีเจ้าคุณพ่อดุยิ่งกว่าใคร แต่ก็มีแววเว้าวอนอยู่ในที
“คุณสามให้เราถ่ายรูป แต่เรามิรู้ว่าถ่ายรูปคือกระไรเจ้าค่ะ”
แม็คกี้นั้นขมวดคิ้ว เด็กสาวตรงหน้านั้นไม่มีแววโกหกเจือปน เธอไม่รู้จริงๆ ว่าการถ่ายรูปเป็นอย่างไร แม็คกี้นั้นฝันใฝ่อยากเป็นช่างถ่ายรูปอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าลุคภายนอกของเขาจะดูดิบเถื่อนมากแค่ไหนก็ตาม แต่เพราะป๊าทำงานรับใช้ต้นตระกูลของสามก๊กอยู่เป็นทุนเดิม เขาจึงจำต้องกลายมาเป็นลูกน้องที่ทำงานสีเทาให้สามก๊กอย่างช่วยไม่ได้
“ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับคุณหนู” อีกฝ่ายว่าเสียงห้วน พลางยื่นฝ่ามือหนามาตรงหน้าเด็กสาวที่เอียงคอไม่เข้าใจ จนเขาโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ผมจะเป็นคนถ่ายรูปให้เอง รบกวนส่งมือถือให้ผมได้มั้ยครับ”
พิมแก้วชั่งใจนานอยู่เป็นนาที ใจหนึ่งก็นึกไม่ไว้วางใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เช่นกันว่าการถ่ายรูปคืออะไร จึงส่งไอโฟน 1x Pro max ให้ชายหนุ่มโดยง่าย
“เราต้องทำเช่นไร”
“คุณหนูแค่โพสท่าเท่านั้นครับ ไม่มีอะไรมาก”
“โพสท่าคือกระไร” แม็คกี้กุมขมับ แม้แต่คำทับศัพท์ก็ยังไม่รู้หรือ คุณสามพาผู้หญิงแบบไหนเข้ามาเนี่ย เท่าที่เห็นมีแต่คนนิสัยแปลกๆ ทั้งนั้น
สงสัยจะเป็นรสนิยมของนาย อย่าไปนึกสงสัยเชียว
“ท้าวสะเอวนะครับ แบบนั้นแหละครับ แล้วก็ยกขาขึ้นนิดหน่อย ขาข้างขวานะครับ นั่นแหละครับคุณหนู สวยมากเลยครับ”
เด็กสาวตามน้ำเขาโดยง่าย โพสท่าออกมาให้อีกฝ่ายที่ยืนจ่อกระดานชนวนจิ๋วหรือโทรศัพท์ถ่ายรูปเธอ เสียงแชะดังขึ้นมาระลอกหนึ่ง พร้อมกับแสงแฟลชจากกล้องที่เข้าตาเจ้าหล่อน เด็กสาวตาแวววับ เมื่อแม็คกี้เลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟน เปิดรูปของเธอให้ดู
“โอ้คุณพระ” เธอแทบไม่เชื่อสายตา นี่คือเธอจริงๆ อย่างนั้นหรือ “คนหน้าตาละม้ายคล้ายเราในนี้ เป็นใครงั้นหรือ โพสน์ท่างามหน้าจังเลยเจ้าค่ะ”
“รูปคุณหนูไงครับ การถ่ายรูปก็คือการบันทึกภาพของเราในสมาร์ทโฟน แค่คุณหนูเข้าที่รูปไอคอนกล้องเล็กๆ ตรงหน้าจอ แล้วมันจะเข้าหน้าจอที่เป็นการถ่ายภาพนิ่งครับ จะถ่ายวีดีโอก็ได้ ก็จะเป็นภาพเคลื่อนไหว”
“... มิน่าเชื่อว่าเมืองแขกจักมีวัฒนธรรมที่แปลกตาเช่นนี้ พิกลเหลือเกินเจ้าค่ะ” เธอบ่นพร่ำเพรื่อไปแบบนั้นเอง แต่ตามจริงเด็กสาวนั้นแสนตื่นตะลึง นี่มันเป็นวัฒนธรรมแบบไหน คล้ายๆ การส่องคันฉ่องใช่หรือเปล่า “ทำไมพอถ่ายรูปออกมาเช่นนี้ เราดูสวยจังเลยเจ้าคะ”
“ผมใส่ฟิลเตอร์ขับผิวของคุณหนูไปด้วยนิดหน่อยครับ”
“ฟิลเต้อ? ฟิลเต้อคือกระไรเจ้าคะ สอนเราได้หรือไม่”
แม็คกี้นั้นปวดเศียรเวียนเฮด แต่ในขณะเดียวกันก็แสนเอ็นดู เนื่องจากหายากยิ่งที่คุณสามจะพาเด็กสาวที่ใสซื่อเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์เข้ามาแบบนี้ ปรกติเห็นพามาแต่นางแมวยั่วสวาท ไม่ก็นางพญาที่คอยสั่งให้ทำนู่นทำนี่ ออกจะเป็นงานมากกว่าคนทั่วไปแถมยังออกแนวเครื่องเทศรสจัด นายคงอยากเปลี่ยนแนวเป็นสมุนไพรหอมบ้าง
แต่จะให้เด็กสาวถ่ายรูปทั้งที่แต่งตัวแสนเอ็กซ์แตกแบบนี้ส่งไปให้นายโดยทำท่าทางจืดชืดพรรค์นั้นก็คงจะไม่ไหว ชายหนุ่มล่อหลอกเด็กสาวให้ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยตนเอง หลอกให้เธอก้มต่ำจนหน้าอกหน้าใจใหญ่โตทะลักทะล้นออกมาจากคอเสื้อที่แหวกต่ำ พร้อมกับฉวยมือถือไปจากเธอทำทีเหมือนจะช่วยดู แต่กลับส่งรูปไปให้นายด้วยตัวเอง
ข้อความถูกขึ้นอ่านอย่างรวดเร็ว นายคงอยู่ที่คาสิโนเลยมีเวลาว่างแบบนี้ แต่คงจะนัดเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่เป็นคู่ค้าอยู่เช่นกัน
ตัดมาที่ฝ่ายของสามก๊ก เขากำลังนั่งอยู่ในคาสิโนในเครือของตนเองจริงๆ แต่แทบเท้านั้นกลับมีชายผู้หนึ่งนอนหมอบอยู่ด้วยสภาพสะบักสะบอม ชายผู้นี้คือคนที่ลอบค้ายาเสพติดให้กับฝั่งศัตรูที่ห้ำหั่นกันมาช้านาน รวมถึงบอกรายละเอียดลับต่างๆ ของฝั่งสัตตบรรณกรุ๊ปไปให้พวกมันด้วย นั่นทำให้เขาไม่พอใจและคิดจะทรมานเขาที่คาสิโนของตัวเองที่เป็นธุรกิจหลัก
แต่ทั้งๆ ที่อารมณ์ไม่ดี แต่กลับแชทคุยกับเด็กสาวที่อยู่ที่บ้านได้อย่างหน้าตาเฉย ลูกน้องที่ยืนมองนายที่กำลังอารมณ์ดีท่ามกลางการทรมานหนอนบ่อนไส้ จึงได้แต่มองหน้ากันอย่างฉงน
แปลกนัก มีแววหลงเด็กเลี้ยงโดยที่อีกฝ่ายนั้นสติไม่สมประกอบแท้ๆ สามก๊กนั้นคิดแค่ว่าเธอน่ารำคาญจนอยากดูแล แต่เมื่อวันนี้สาวเจ้าทักแชทไลน์เข้ามาด้วยอาการน่าเอ็นดู ก็ตกชายหนุ่มได้ไม่ยากนัก
เขานึกอยากท้าทายสติปัญญาของหล่อน จึงส่งข้อความบีบบังคับ
Sk : ถ่ายรูปมาหน่อยสิ
พอสาวเจ้ามีท่าทีเอ๋อเหรอใส่ ก็พิมพ์ตอกย้ำไปหนึ่งครั้ง จนคราวนี้เด็กสาวหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง
สิบนาที... เขามองนาฬิกาข้อมือ หลังจากนั้นจึงขยับแว่นตากรอบบาง เอื้อมมือไปทางวิลลี่ที่ส่งมีดพกมาให้ ใบหน้าคมคายพยักหน้าให้ลูกน้องอีกสองคนลากร่างอ่อนโรยแรงสิ้นฤทธิ์นั้นไปบนโต๊ะสนุ๊ก บังคับยื่นแขนป้อมสั้นนั่นวางนาบฝ่ามือ กางนิ้วทั้งห้าลงบนโต๊ะสีเขียว กายใหญ่ในชุดสูทลุกขึ้นมา ปักมีดแหลมไว้ตรงกลางข้อนิ้วชี้และข้อนิ้วกลางของชายผู้นั้นที่คิดจะมาเป็นหนอนให้กับครอบครัวของเขา
ตึง!
“นะ... น้องสาม ขอร้องอย่าทำพี่เลย พี่ผิดไปแล้ว ให้พี่ชดเชยเท่าไหร่ก็ได้ กี่ล้าน พี่จะไปหามาให้”
“ผมจะเข้าไปทำงานในนครโสเภณี และออกมาโดยไม่แตะต้องหญิงใดเลยแม้แต่คนเดียว”พิมแก้วยอมรับว่าตกใจที่สามีของตนเองมีความตั้งใจที่จะไปเป็นทาสสินไถ่คอยดูแลหญิงงามเมืองในโรงรับชำเราบุรุษ เข้าใจดีว่าเจ้าคุณพ่อนั้นรู้จักคนกว้างขวางจนกระทั่งลามไปในที่อโคจรเช่นนั้น แต่ดวงใจในอกอิ่มนั้นปวดใจนัก สถานที่แบบนั้นมีแต่หญิงสาวมากหน้าหลายตา มากคารมณ์มากตัณหา หล่อนไม่มั่นใจว่าคุณสามจะมั่นคงพอที่จะไม่เผลอใจแตะต้องใครสุดท้าย... เพราะระยะเวลาการรู้จักกันนั้นแสนสั้น มีเพียงสมพันธ์สวาทที่พันผูก พิมแก้วจึงยังไม่สามารถวางใจในตัวสามีของตนเองได้เต็มร้อยนักแต่เมื่อสามก๊กออกปากเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเพียงต้องการอุ้มชูศักดิ์ศรีต่อหน้าออกญาศรีภิบาล หรือเพียงต้องการเป็นสามีที่ถูกต้องของเธออย่างสุดตัวจริงๆ“กูจักพูดคุยให้นายโรงมาปลดสินไถ่มึงในช่วงสายวันพรุ่ง อีกสองสามวันมึงต้องเดินทางไปที่โรงนครโสเภณีกลางพระนคร”“ขอรับ”ชายกำยำตกปากรับคำพร้อมกับหมอบลงกราบแนบเท้าของว่าที่พ่อตา ดวงตาคมกริบของท่านทำเพียงหลุบลงมองอีกฝ่ายที่นอบน้อมถ่อมตัว ท่านไม่ได้นึกเกลียดชังหรือถืออคติใดๆ กับชายหนุ่มที่ได้ครอบครองบุตรีของตนทางกาย หากแต่หัวใจค
“ละ... ลูกเองก็ให้คำนิยามนั้นมิได้ หากแต่บ่าวที่ชื่อว่าสามนั้น ในภพที่ลูกข้ามกาลเวลาเข้าไป เขาคือผู้มีอิทธิพล ชื่อจริงๆ ของเขาคือสามก๊กเจ้าค่ะ แลลูกได้ตกเป็นเมียเขาในภพนั้น ก่อนจักถูกพ่อหมอยาจรพาทั้งเขาที่อยู่คนละภพกับลูกกลับมาพร้อมกับลูก”“... นี่มันเรื่องบ้ากระไรกัน” เจ้าพระยาศรีภิบาลพยายามปะติดปะต่อคำให้การของลูกสาว แต่เมื่อเข้าใจ จึงได้แต่สบถออกมาอย่างยั้งไม่ไหว “พิมนาราก็อีกคนแล้ว ครานี้ยังเป็นลูกอีกรึ!”“พิมนารา... ชื่อของเจ้าคุณแม่” พิมแก้วทวนชื่อของมารดาตนเองที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างนึงฉงน พิมนาราก็อีกคน... ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงดูเจ็บปวดใจอย่างนี้“พิมแก้ว... ทิดยาจรมีอาคมสามารถพาคนที่หมายเอาชะตาข้ามกาลเวลาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า”“...”“พิมนาราแม่ของลูก... ถูกไอ้จอมขมังเวทย์ระยำนั่นดึงให้ข้ามกาลเวลาจนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังตามหาแม่ของลูกมิเจอ พ่อจึงได้แต่เพียงอนุมานว่าแม่ของลูกตายไปแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตระกูลเรา”“!!!”“ผู้คนตามกาลเวลาที่ผันแปร มิใช่พรหมลิขิตอย่างที่ลูกอุปมานไว้ หากแต่เป็นความผิดพลาดที่ทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตนเอง ท
วันต่อมา เจ้าพระยาศรีภิบาลได้กลับมาจากกระทรวง เดินทางมาถึงเรือนใหญ่ในช่วงเช้า แน่นอนว่ายังไม่ได้รับรู้ข่าวลือเรื่องสามก๊กเพราะนานวันเข้าเรื่องหนาหูเลยซาลงมากแล้ว ท่านกลับมาเหนื่อยๆ ก็ได้รับการต้อนรับจากบุตรสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เธอดูร้อนรนจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อในระหว่างที่ยกสำรับชาให้ สีหน้าของท่านเจ้าพระยามีแววแปลกใจ ในขณะที่จิบชาจีนที่ลูกสาวนำมาให้“ไอ้บ่าวคนนั้นมันไปไหนเสียแล้ว?” เป็นคำถามแรกของเจ้าคุณพ่อที่ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลัง จะบอกได้อย่างไรว่านอนอยู่บนเรือนเล็กของเธอ มีหวังเจ้าคุณพ่อได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆแต่คุณสามรับปากแล้วว่าจะมาคุยกับเจ้าคุณพ่อถึงเรื่องของเราด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นพิมแก้วจึงทำได้แต่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น แม้ว่าต่อหน้าคุณสามจะพูดจาอย่างอวดดีว่าเธอจะเป็นคนเปิดปากพูดเรื่องนี้กับบิดาเอง แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าท่าน ก็ทำเอาเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเริ่มอะไรเลย“มิรู้ว่าดิฉันจักกราบทูลท่านเจ้าพระยาได้หรือไม่เจ้าค่ะ ดิฉันแค่เพียงต้องการความเป็นธรรมให้อีสาลี่เท่านั้น” แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะคิดหาทางหว่านล้อมพ่อถ
เร็วกว่าใจคิด ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปแตะที่กลีบปากหยักที่หยัดยิ้มกว้าง ดวงตาสีทมิฬหลุบตาจ้องมองปลายนิ้วชี้ที่เกลี่ยไปตามกลีบปากของเขา พิมแก้วสบตาเขากลับเช่นกัน บรรยากาศดึงดูดให้สาวแห่งยุคกรุงศรีอโยธยาเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ เพียงใช้นิ้วกั้นระหว่างกลีบปากของทั้งสอง กดจูบนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของตัวเองสามก๊กเบิกตากว้าง เหมือนกำลังโดนเธอรุกจูบขึ้นมาก็ไม่ต่าง ถึงจะมีปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้ากั้นกลางอยู่ก็ตามพิมแก้วผละออกไป ดวงหน้างามขึ้นสีฝาดอย่างน่ารัก“อย่ายิ้มได้หรือไม่”“...”“พิมกลัวว่าตนเอง... จักเผลอล่วงเกินคุณสามเจ้าค่ะ”ชายหนุ่มที่ปฏิญาณตนจะรักษาศีลและอยู่ในธรรมครรลองตลอดนั้นชะงักไปชั่วอึดใจ เขาเองก็หน้าแดงฝาดเช่นกัน พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ยัยหนูคนนี้ ใครสั่งใครสอนให้มาพูดตรงๆ แบบนี้กันคนที่ควรจะกลัว... มันเขาต่างหาก“พิม พี่ไม่คิดว่าหนูจะมาบอกชอบพี่ แล้วเรื่องพ่อพิม... จะเอายังไง?” พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยไม่อยากให้ตนเองตบะแตกใส่เธอเร็วนัก เดี๋ยวเด็กสาวจะนึกเปลี่ยนใจเอาเสียก่อน“พิมจักลองคุยกับเจ้าคุณพ่อดูเจ้าค่ะ ถึงคิดว่าจักยากพอตัว... แต่อย่างน้อยต้องให้เจ้าคุณพ่อยอมรับเรื่องอัศจรรย์
“พี่เดช พอเถิดเจ้าค่ะ”อยู่ดีๆ น้ำเสียงของเด็กสาวตรงหน้าก็เข้มขึ้นเมื่อเขายังยืนกรานคำเดิมเพิ่มเติมด้วยบทลงโทษที่คิดมาเอง ขุนศรีเดชชะงักไป เขาเพิ่งเห็นปฏิกิริยาใหม่กับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาคิดไปมากกว่าน้องสาวเช่นนี้ พิมแก้วที่นั่งรวบมืออยู่นั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นแม้เธอจะรู้สึกดีๆ กับพี่ชายคนนี้อยู่ก็ตาม แต่การให้พี่มาใช้อารมณ์ลงโทษคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันออกจะเกินไปหน่อยที่คุณสามเขาประกาศแบบนั้นไป อาจเป็นเพราะเขาจนมุมก็ได้นะ ก็คนเคยมีอำนาจบาตรใหญ่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเหลือแต่ตัวแบบนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปทำความเข้าใจเขาเหมือนกันแม้จะรู้สึกขัดใจที่ตัวเองเลือกที่จะปกป้องผู้ชายที่ไม่รู้จักดีเท่ากับขุนศรีเดชตรงหน้ามากกว่า แต่เพราะพิมแก้วเองก็มีใจห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง และบางครั้งก็รู้สึกผิดที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน เขาช่วยเหลือเธอสารพัด (แม้จะมาจากท่าทางที่ดูใจร้ายปากร้ายก็ตาม) แถมยังให้เธอมีที่หลับที่นอนหรูหรา เสื้อผ้าดีๆ ของกินของใช้ดีๆอีกต่างหาก“เพราะเหตุใด...”“พี่เดช อ้ายสามเป็นบ่าวของพิม ถ้าจักลงโทษ ก็ให้พิมเป็นคนลงโทษเองเถิด”“น้องพิม น้องปกป้องมันเกินไปหรือไม่?”
แกรกบานประตูเปิดเข้ามาในระหว่างที่ชายหนุ่มอดีตมาเฟียใหญ่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดหนัก สิ่งแรกที่ปะทะเข้าหน้าคือกลิ่นหอมของน้ำอบฝรั่ง ที่กลิ่นหอมกว่าน้ำอบไทยในปัจจุบันจนไม่รู้สึกว่าเป็นกลิ่นที่มักจะใช้เวลามีงานศพหรืองานบุญด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเขาก็ชอบอยู่ไม่น้อยพิมแก้วปรากฏออกมาด้วยชุดสไบทรงเครื่องแบบโบราณ ซิ่นสีบานเย็นงามจับจด เธอในชุดนั้นงดงามชดช้อย เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามานั่งบนตั่งไม้สัก ในขณะที่สามก๊กนั่งบนพื้นไม่ได้ลุกไปนั่งเทียบเคียงเธอ“ท่านจักนั่งอยู่บนพื้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวเองก็รู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ ผู้ชายที่ก่อนหน้านั้นแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่าเธอ มีลูกน้องเป็นร้อย แต่ในเวลานี้กลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นไม้ นั่งขัดสมาธิจ้องเธอนิ่ง“ก็พิมเป็นเจ้านายพี่” เจ็บใจไม่ใช่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอสูงศักดิ์กว่าเขาเสียจริง แค่ราศีก็ไม่อาจเทียบเคียงได้“คุณสามมิใช่คนในยุคพิม คุณสามมีอำนาจกว่าพิมมากนักนะเจ้าคะ” ถึงต่อหน้าพ่อกับบ่าวคนอื่นเขาจะเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งก็ตามที“แล้ว?”“...”“จะให้พี่ขึ้นไปนั่งด้วยกันหรือไง” คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำไมกลับดูอันตราย ก็สายต







