Share

ตอนที่ 2 ทวงเสบียง (1)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-28 14:50:59

“หารือ? เรื่องอะไร…ครับ”

ไป๋จื้อหยางคิดว่าเสียงพูดของเขาออกจะห้วนสั้นไปหน่อย จึงเติมครับต่อท้ายไม่เต็มเสียง ฉือเหว่ยเฉิงทำปากขมุบขมิบล้อเลียนจึงโดนขึงตาคาดโทษใส่

“พวกนายรออยู่นี่ก่อน” หลินลู่เสียนเดินเข้าห้องไปรื้อกระเป๋าได้เบาะรองนั่งมา 2 อัน เดินมาวางบนพื้นห้องให้สองหนุ่ม

“เฮ้ย! สหายหลินไม่ต้อง ๆ พวกผมนั่งบนพื้นได้นี่ก็สะอาดอยู่”

“โทษทีนะ เก้าอี้มันมีแค่ 2 ตัว เรื่องที่คุยน่าจะนาน พวกนายนั่งเถอะ” หลินลู่เสียนคะยั้นคะยอ คำที่ใช้เรียกก็แสดงการตีสนิทระดับหนึ่ง เหมือนคุยกับคนคุ้นเคยทั่วไป

ไป๋จื้อหยางคิดแปบหนึ่งก็ยอมรับน้ำใจ

“ว่าแต่จะบอกได้หรือยัง”

“ทุกคนก็เห็นแล้วใช่ไหม แค่พวกเราที่เป็นยุวชนใหม่มาก็โดนคนคิดเอาเปรียบแล้ว ฉันอยากให้เรารวมกลุ่มกันไว้ มีอะไรจะได้รักษาผลประโยชน์ของพวกเรากันเอง” หลินลู่เสียนมองหน้าทุกคนนิ่ง ๆ เอ่ยข้อเสนอแนะจริงจัง

ชีวิตก่อนพวกเขาใช้ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่สนใจคบค้าสนิทสนมกับใคร พอโดนคนวางแผนร้ายจึงไม่มีหูตาคอยช่วยสอดส่อง

ชีวิตนี้เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีก

“ผมพูดตรง ๆ นะ เป็นพวกผู้หญิงอย่างคุณมากกว่าที่ต้องพึ่งพาแรงผู้ชายอย่างพวกผมสองคน” ไป๋จื่อหยางเองเป็นคนเปิดเผยพูดตรง ปกติก็ไม่ค่อยรักษาน้ำใจใครอยู่แล้ว

ประโยคนี้ออกจะกระด้างอยู่บ้าง เลยได้สายตากลมตวัดมองจนเกือบสะดุ้ง

“ฮึ…อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เอางี้นายให้เพื่อนนายเดินไปบ้านหัวหน้าฉาง แล้วขอจดรายการเสบียงปันส่วนที่พวกเราต้องได้มาไว้” หลินลู่เสียนไม่ได้ดูสลด ที่ถูกปรามาสว่าต้องพึ่งพาผู้ชาย

เอ้า…ก็เรื่องจริง งานใช้แรงเธอไม่คิดจะทำหรอกนะ

คนสวย ฉลาดและรวยมากแบบเธอมีวิธีอื่นแก้ปัญหาสารพัด ที่เสนอให้รวมกลุ่มส่วนหนึ่งก็เหตุผลตามที่บอก แต่ส่วนสำคัญคือ

จะได้มีโอกาสเต๊าะเด็กต่างหากเล่า

เต๊าะก็เป็นคำที่ลูกสาวใช้เล่าให้ฟังหน้าหลุมศพ

“สหายหลินคิดว่าพวกนั้นจะกล้าโกงเสบียงเราหน้าด้าน ๆ ต่อหน้าต่อตานี่นะ?” ฉือเหว่ยเฉิงขมวดคิ้วทพหน้าเหลือเชื่อ

“พวกเราแค่ไปถามเอากับหัวหน้าฉางก็รู้อล้วไม่ใช่เหรอว่าได้ครบหรือเปล่า” ไป๋จื้อหยางก็พูดเสริมเพื่อนอีกแรง

“แล้วพวกนายมีใครคิดจะไปถามหรือเปล่าล่ะ?!” หลินลู่เสียนสะบัดเสียงตอบสองหนุ่ม ยังไม่ทันอ้าปากตอบเธอก็ตอบแทนให้เอง

“ถ้าฉันไม่พูดขึ้นมา อย่างดีนายก็รับของที่ฟานเกอหมิงจะเอามาให้ไม่คิดอะไรมาก แล้วก็โดนปิดหูปิดตาเอาเปรียบไม่รู้ตัวว่าเสียรู้ด้วยซ้ำ”

ไป๋จื้อหยางกับฉือเหว่ยเฉิงหุบปากฉับ ซุนลี่จวนก็นั่งนิ่งมองคนโน้นทีคนนี้ที

“เดี๋ยวผมรีบไปหาหัวหน้าฉางก่อนครับ” ฉือเหว่ยเฉิงหาโอกาสชิ่งหนีสายตาเชือดเฉือน ไม่รู้ทำไมเขาคิดว่าสหายหลินคนนี้น่าเกรงขามกว่าแม่แก่นี่บ้านเขาเสียอีก

“อันที่จริงนายก็พูดถูก เรี่ยวแรงผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่แข็งแรงมากแบบนาย ขอบใจนะที่ช่วยยกของมาให้”

หลินลู่เสียนทั้งชมอย่างจริงใจยกยิ้มบางจนดวงหน้าหวานดูอ่อนโยนขึ้น คนได้รับคำชมก็รู้สึกดีไม่น้อยได้แต่ยิ้มโง่งมตอบ

“นายชื่อไป๋จื้อหยางใช่ไหม อายุเราเท่ากัน นายเกิดเดือนไหนเหรอ”

“ผมเกิดเดือนสามน่ะ” ไป๋จื้อหยางตอบแม้จะไม่เข้าใจว่าเธอถามทำไม

“หืม…ฉันเกิดเดือนสิบ นายก็มากกว่าฉันน่ะสิ” เธอปูทางไว้ต่อไปพอสนิทกันมากขึ้น เรียกเขาพี่หยางจะได้มีข้ออ้างว่ารู้เดือนเกิดเพราะเขาบอกเอง

ซุนลี่จวนที่นั่งบนเก้าอี้อีกตัวรู้สึกว่าตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ จึงพยายามนั่งนิ่งไม่ส่งเสียง

“ผมกลับมาแล้ว หัวหน้าฉางบอกว่าพวกเราจะได้ข้าวขาว 10 จิน ข้าวฟ่าง 20 จิน ธัญพืชหยาบอีก 25 จิน ต่อคน ต่อไปส่วนแบ่งมากน้อยจะขึ้นอยู่กับแต้มงานในการลงแปลงนา” ฉือเหว่ยเฉิงกลับมาพร้อมข้อมูลที่ไปถามมา สภาพเหงื่อท่วมแสเงว่าคงรีบวิ่งไปกลับ

“ขอบใจที่เป็นธุระให้ค่ะสหายฉือ พวกนายจะเอาไงต่อ?”

หลินลู่เสียนหันไปถามความคิดเห็นของไป๋จื้อหยาง เธอจะเสนอให้ไปทวงของเลยย่อมได้ แต่เราควรปล่อยให้ผู้ชายของเราได้มีโอกาสเป็นผู้นำบ้าง

อีกอย่างเธอรู้จักนิสัยเขาดี เขาไม่ทนรอแน่…

“เราไปขอรับเสบียงให้รู้กันไปเลยดีกว่า ไม่ต้องรอตอนเย็นหรอก” ไป๋จื้อหยางรีบลุกขึ้น ตัวเขาก็อยากรู้ว่ามีคนกล้าคิดเอาเปรียบอยู่ใต้จมูกเขาจริงหรือเปล่า

ดวงตาดอกท้อทอประกายแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมคน มือเรียวยาวดัดไปมาจนกระดูกลั่น

พวกเขาสี่คนเดินไปทางบ้านพักยุวชนชายหลังใหญ่หลังเดียว บ้านดินหลังนี้สร้างอย่างง่ายให้พวกผู้ชายอยู่รวมกัน มีห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้องด้านในก่อคั่ง ไว้ 2 เตียง

“สวัสดีครับ สหายไป๋กับสหายฉือใช้เตียงด้านในฝั่งซ้ายนะครับ อ้าว…สหายหลินกับสหายซุนก็มาด้วย มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ฟานเกอหมิงเยี่ยมหน้าออกมาจากห้องครัวทักทายคนมาใหม่เหมือนก่อนหน้าไม่มีเรื่องผิดใจกันแต่อย่างใด

“พวกเธอตามมาเอาเสบียงน่ะครับ ผมคิดว่าช่วยขนไปให้พวกเธอให้เสร็จจะได้แยกย้ายกันพักสักที” ไป๋จื้อหยางตอบอย่างห่างเหินไม่สนแววตาผูกมิตรของอีกฝ่าย

“อ๋อ มาเพราะเรื่องเสบียงนี่เอง ตอนแรกผมคิดว่าจะขอยืมรถเข็นของกองพลมาขนไปให้ตอนเย็นน่ะ แต่ถ้าสหายไป๋กับสหายฉือจะช่วยขนไปให้ก็ดีเลย ตามเข้ามาเอาในห้องเก็บของได้เลย” ฟานเกอหมิงก็ไม่สนใจท่าทางหมางเมิน ยังกระตือรือร้นช่วยเหลือ ดูเป็นผู้ดูแลที่อุทิศตน

แรงผู้ชายสามคนไม่นานก็ขนพวกกระสอบเสบียงมากองหน้าบ้านพักได้ครบ

“ในส่วนของเสบียงที่ปันผลให้ของแต่ละคนผมแยกเป็นถุงติดชื่อไว้ให้แล้วนะครับ”

“สหายฟานเขาแบ่งอะไรมาให้เราบ้างเหรอครับ” ฉือเหว่ยเฉงแกล้งเดินไปจับ ๆ กระสอบแต่ไม่ได้เปิดดูของด้านใน

“ได้คนละไม่มากหรอกครับ ปีก่อนผลผลิตกองพลไม่ดีนักเพราะสภาพอากาศ พวกเสบียงสำรองนี่ก็ได้มาจากของสำรองของปีก่อน พวกข้าวขาวนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นข้างฟ่างกับธัญพืชหยาบเสียมากกว่าครับ”

หลินลู่เสียนยืนมองปล่อยให้เด็กหนุ่มที้งสองต้อนฟานเกอหมิง แต่จนแล้วจนรอดทางนั้นก็ไม่ยอมบอกตัวเลขเสียที ไป๋จื้อหยางส่งสายตามาเหมือนจะบอกว่าให้ช่วยกัน

เพราะถ้าสองคนนั้นเปิดปากอีก จะดูไล่ต้อนเกินไป ฟานเกอหมิงอาจจะสงสัยจนเสียเรื่อง

“ในกระสอบนี่คืออะไรเหรอคะ ฉันไม่เคยเห็น…หือ! หนักมาก หนักกี่จินคะเนี่ย” หลินลู่เสียนเดินไปยกกระสอบข้าวฟ่าง ทำหน้าตาไร้เดียงสาถามแบบคนไม่รู้

ใบหน้าหวานและมารยาหญิงเล็กน้อยมักทำให้คนลดการระวังตัว

“อันนี้ข้าวฟ่าง 17 จินครับ ผู้หญิงพอยกไหว” ฟานเกอหมิงเห็นหลินลู่เสียนไม่ดุร้ายจึงคิดผูกมิตร เพราะดูจากหน้าตาผิวพรรณบ้านน่าจะมีฐานะดีมากแน่

“แล้วกระสอบใหญ่สุดนี่ล่ะค่ะ ธัญพืชหยาบเหรอ แสดงว่าถุงเล็กคือข้าวขาว ให้มากี่จินเหรอคะ มันดูน้อยจัง” เด็กสาวทำท่าตื่นตกใจกับเสบียงที่ได้โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงข้าวขาว

“อย่างที่บอกข้าวขาวได้แค่คนละ 5 จินเท่านั้นครับ ธัญพืชหยาบ 22 จิน”

เป็นตามที่สหายหลินคาดเดาไม่ตกหล่น!

พวกเขาโกงเสบียงกันหน้าด้าน ๆ

ไป๋จื้อหยางรู้สึกถึงอารมณ์ที่ปะทุเดือดพล่าน ไม่มีใครกล้าเล่นตลกกับเขาขนาดนี้มาก่อน มาชนบทนับว่าเปิดหูเปิดตา เขาเดินขึ้นหน้าจะเข้าไปกระชากฟานเกอหมิงเข้ามาต่อยให้ฟันร่วง

“อย่าใช้กำลังให้คนจับได้” เด็กสาวด้านหลังกระซิบเตือนสติ พร้อมสัมผัสถึงฝ่ามือที่ดึงรั้งข้อศอก เพียงแตะบางเบาผ่านเนื้อผ้ากลับส่งกระแสไฟแล่นจากจุดสัมผัสวิ่งพล่านไปทั่วตัว

และที่เขาถูกใจคือ…เธอไม่ได้ห้าม

แต่กลับบอกว่าอย่าให้คนจับได้ ใช่! ทำต่อหน้าไม่ดี ทำลับตาคนหน่อยก็ใช้ได้สินะ

“สหายฟาน แน่ใจใช่ไหมว่าเสบียงปันมาตามนี้?”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 5 เอกสารรับผิด (2)

    หลินลู่เสียนกับซุนลี่จวนเดินถือห่อผ้าไปทางเขตบ้านเรือนของชุมชน มากันสองคนจึงไม่ได้ให้พวกไป๋จื้อหยางตามมา ยิ่งมีเรื่องถังหู่ที่คนทั้งหมู่บ้านคงรู้กันหมดแล้วคงไม่มีใครกล้าทำอะไรในช่วงนี้ยุวชนหญิงทั้งสองที่กำลังเดินข้ามสะพานไม้ไปทางฝั่งบ้านเรือนชุมชน มีชาวบ้านมองตามทั้งแบบตั้งใจและแบบลอบมอง“คนนั้นใช่ไหมที่เพิ่งมาก็มีแต่เรื่อง”“อยู่ให้ห่าง ๆ เข้าไว้ เธอไม่ลงแปลงนา”“จริงเหรอ! ไม่มีแต้มจะเอาอะไรไปแลกข้าวแลกคูปอง”ป้าสะใภ้ที่นั่งซักผ้าริมลำธารหันมองอย่างรู้กัน สายตามีแววดูถูกดูแคลน“ตัวขาวนุ่มนิ่มแบบนี้ มือไม้อ่อนทำงานหนักไม่ไหวแน่”“ก็คงหาผู้ชายพึ่งพานั่นล่ะ บ้านไหนมีลูกชายระวังให้ดีจะมีปลิงมาเกาะ”“แต่ฉันได้ยินว่าเขากินข้าวหม้อรวมกับยุวชนชายที่มาใหม่อีก 2 คนนะ” มีคนแย้งออกมาบ้างสิ่งที่ป้าสะใภ้พวกนี้สุมหัวนินทาหลินลู่เสียนไม่ได้ยิน พอเดินข้ามสะพานไป เจอกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านกำลังเล่นกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ก็ไม่เชิงเล่น…เด็กบางคนหาเก็บผักตามริมน้ำ แต่ละคนมีตะกร้าสานสะพายหลัง“พวกเธอ มีใครรู้จักบ้านป้าฉีไหม” หลินลู่เสียนมุ่งตรงไปถามเด็ก ๆ ส่วนใหญ่หันมองเธอระแวดระวัง แล้วเดินหนีไปให้ห่างจากเธ

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 5 เอกสารรับผิด (1)

    ไป๋จื้อหยางมองชายที่ซุกตัวหลบในห้องปล่อยให้คนในบ้านออกหน้าแทนด้วยสายตาดูถูก“แก…ถ้าไม่รีบออกไปได้เจอดีแน่!”ถังหู่ทำท่าดุร้ายเมื่อเห็นคนเข้ามาเป็นเพียงเด็กหนุ่มยุวชนแค่คนเดียว‘ฮึ! ก็แค่ไอ้เด็กหน้าขาวจากในเมือง'“ฉันออกแน่ แต่แกก็ต้องออกไปด้วย”ไป๋จื้อหยางยิ้มเหี้ยม เอื้อมมือไปจับไหล่ถังหู่กดไว้ น้ำหนักมือทำอีกฝ่ายตกตะลึงรีบปัดป้อง ส่งหมัดหวังจะซัดหน้าหล่อคมของเด็กหนุ่มยุวชน ไป๋จื้อหยางโยกเพียงท่อนบนก็หลบพ้น เขาที่ฝึกการต่อสู้กับทหารปลดประจำการมาตั้งแต่เด็ก ไม่เห็นหมัดของอันธพาลประจำหมู่บ้านอยู่ในสายตาปลายศอกพับแล้วกระแทกเข้าลิ้นปี่ ถังหู่จุกจนสำรอกน้ำย่อยปนน้ำลายหนืด ตัวงอเป็นกุ้งแต่ไม่ทันได้หายเจ็บก็ถูกไป๋จื้อหยางลากคอไปโยนกลางลานบ้านที่ชุลมุน“ปล่อยนะ! ปล่อยสิวะ!” ถังหู่ด้วยความจุกจึงไม่มีแรงพอจะดิ้นให้หลุดฉือเหว่ยเฉิงยกนิ้วให้สหายรัก เรื่องใช้แรงและการต่อสู้ไป๋จื้อหยางแทบไม่เคยเสียเปรียบ“ถังหู่ออกมาแล้ว ทุกคนหยุดมือ!” ไป๋จื้อหยางตะโกนเสียงดังแล้วเดินไปยืนข้างหลินลู่เสียน“ยุวชนหลินมาดูหน่อยครับว่าใช่คนนี้หรือเปล่า” หัวหน้าฉางรีบมองหาคนแล้วเอ่ยเร่ง“คนนี้แหละค่ะ ที่มาดักหน้าฉัน

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 4 พบคนพาลในทางแคบ (2)

    หลินลู่เสียนถูกป้าสะใภ้ลากมาถึงบ้านพักยุวชน เรียกว่าลากคงไม่ถูกเธอเต็มใจที่จะตามมาต่างหาก มาที่หมู่บ้านสองวัน เกิดเหตุไม่เว้นสามเวลาถ้ามาร้องทุกข์เองมีหวังโดนเขม่น“เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว วุ่นวายกันเสียจริง” หัวหน้าฉางที่กำลังคุมงานสร้างรั้วดูจะเริ่มอารมณ์ไม่ดี“ยัยหนูยุวชนถูกถังหู่ทำตัวอันธพาลใส่ เรื่องนี้ไม่ใช่เล่น ๆ นะหัวหน้าฉาง” ฉีเหยียนเหมยออกหน้าหน้าตาคร่ำเครียด“ห๊า! เป็นไงมาไงเล่ามาให้หมดสิ” หัวหน้าฉางเริ่มตกใจ ปกติถังหู่แม้ไม่เป็นโล้เป็นพาย เกียจคร้านการงาน มีเรื่องขัดใจกับคนในหมู่บ้าน แต่ยังไม่ถึงขั้นทำเรื่องร้ายแรงมาก่อน“ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครนะคะ ตอนเดินสำรวจหมู่บ้านเขามาดักหน้า พูดจา…” หลินลู่เสียนเล่าเหตุการณ์อีกรอบ พอดีกับที่ไป๋จื้อหยางและฉือเหว่ยเฉิงเดินมาเพื่อกินมื้อเช้าได้ยินเข้าพอดีสองหนุ่มท่าทางโกรธเกรี้ยว…ยุวชนรุ่นเก่าก็เปิดประตูรับฟัง เธอแอบเห็นคงฮุ่ยฉิงกับโจวอิงไท่แอบทำหน้าเสียดายที่เธอไม่เป็นไร“พี่ลู่เสียน! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ซุนลี่จวนตกใจหน้าซีดรีบจับตัวเธอหมุนไปมา“ถังหู่นี่ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน ใครมีลูกสาวต้องให้รเสียงตัวไว้บ้าง”“หัวหน้าฉางจะเอาไง ครั้งนี้

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 4 พบคนพาลในทางแคบ (1)

    7 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น“ยุวชนหลิน ยุวชนซุน ตื่นหรือยังครับ” หัวหน้าฉางที่นัด แนะเวลากันไว้มาตรงเวลา เขามาพร้อมชายชาวบ้านหลากหลายอายุทั้งหมดสิบคน“สวัสดีค่ะ น้าเขย ผู้อาวุโสทุกคน เข้ามาเลยค่ะ มาดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยเริ่มงานนะคะ” หลินลู่เสียนทักทุกคนสุภาพแม้ไม่ได้ทำตัวสนิทสนมแต่ก็ไม่ได้เชิดใส่ซุนลี่จวนยื่นแก้วสังกะสีที่เติมน้ำต้มอุ่น ๆ ให้เวียนกันดื่มอบอุ่นร่างกายทีละคน“ไปเริ่มกันเลย จะให้ล้อมจากตรงไหนครับ”“หัวหน้าฉางคะ ล้อมในส่วนที่เป็นเขตของบ้านพวกฉันกับบ้านหลังเก่าน่ะค่ะ ฉันก็ไม่แน่ใจพื้นที่รบกวนหัวหน้าชี้จุดแบ่งเขตให้ดูหน่อยได้ไหมคะ”“ในพื้นที่บ้านพักยุวชนไม่ได้แบ่งเขตชัดเจนหรอกครับ งั้นเอาเป็นตรงกลางระหว่างบ้านยุวชนโจวกับหลังนี้แล้วกันครับ” บ้านที่สร้างให้ยุวชนอยู่ก็แบ่งพื้นที่ของส่วนกลางหมู่บ้านมา มันเลยไม่มีจุดแบ่งเขต เขาจึงชี้ ๆ ไปตรงกลางระหว่างสองหลัง“เอาตามนั้นได้เลยค่ะ” หลินลู่เสียนก็ไม่เรื่องมากหรือคิดอยากได้ที่เพิ่ม“สหายหลินต้องสร้างรั้วกั้นกันชัดเจนเลยเหรอคะ ทำแบบนี้เหมือนรังเกียจพวกเราเลยนะคะ?” โจวอิงไท่เปิดประตูหลังข้าง ๆ ออกมากัดปากหน้าตาซีดเซียวดูไม่สบายใจชาวบ้านที่ม

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 3 การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม (2)

    สองหนุ่มยุวชนใหม่เดินกลับบ้านพัก“อาเฉิงเราเดินสำรวจหมู่บ้านกันสักรอบ จะได้รู้ทางหนีทีไล่” ไป๋จื้อหยางเก็บเอาคำพูดทั้งหมดที่ได้ยินจากหลินลู่เสียนมาคิด เขาคงต้องเตรียมตัวอะไรไว้บ้าง ดีกว่าอยู่ไปแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้“ดีเหมือนกันนะพี่” ฉือเหว่ยเฉิงเห็นด้วยอย่างยิ่งหมู่บ้านทงจิวเป็นหมู่บ้านที่เน้นทางด้านเกษตรกรรมเหมือนกับหมู่บ้านอื่น ผลผลิตในแต่ละปีก็พอเพียงให้คนในหมู่บ้านพอกินไม่ถึงกับอดอยากทางเข้าหมู่บ้านเป็นถนนดินขนาดกว้างให้เกวียนวัวสวนกันได้ มีรถแทรกเตอร์ของกองพลซึ่งดีกว่าหลายหมู่บ้าน การลงแปลงนาก็อาศัยรถนี่ในการพลิกหน้าดินแหล่งน้ำของหมู่บ้านอยู่เยื้องไปทางเหนือของแปลงนารวม เป็นธารน้ำที่ไหลมาจากภูเขา“ทางเดินหมู่บ้านทำไว้รอบแปลงนารวม ส่วนบ้านคนก็อยู่อีกฟากของทางเดิน” ไป๋จื้อหยางนั่งขีดเส้นบนพื้นด้วยกิ่งไม้ เป็นแผนที่คร่าว ๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน“ทางเดินเข้าหมู่บ้านด้านหน้าฝั่งหนึ่งเป็นป่าหญ้าขึ้นสูง”“อือ…ตรงนี้เป็นทางขึ้นเขา พวกร้านสหกรณ์หมู่บ้าน ตึกอำนวยการราชการจะอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน แล้วก็บ้านหัวหน้าฉาง”“เราจะลงมือคืนนี้เลยหรือเปล่าพี่” ฉือเหว่ยเฉิงวงกลมบนดิน 2 จุด ที่เขาคิดว่าลง

  • ข้ามภพเปลี่ยนชะตาร้ายยุค70   ตอนที่ 3 การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม? (1)

    “เรื่องเริ่มจากเสบียงที่หมู่บ้านปันมาให้พวกเรา”หลินลู่เสียนหยุดเล่าปรายตามองไปทางโจวอิงไท่ที่ทำหน้าตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสารส่งไปให้ไป๋จื้อหยาง‘เหอะ! นังชาเขียว ทำหน้าให้ใครดูกัน'“เรามาแวะเอาเสบียงที่ผู้ดูแลฟาน แต่น้ำหนักเสบียงไม่ตรงกับของหัวหน้าฉาง เลยเดินมาดูน้ำหนักที่โจวอิงไท่จดไว้ตามคำบอกของสหายฟานบังเอิญป้าสะใภ้ท่านนี้บุกรุกเข้ามาในเขตเรือน แล้วจู่ ๆ ก็เข้าไปดึงของออกจากมือสหายโจว โวยวายว่าสหายฟานและพวกขโมย จากนั้นก็หอบของจะชิ่งหนี สหายไป๋กลัวของหายถึงได้รีบร้อนจับคอเสื้อ แล้วคุณป้าก็ร้องโวยวายตามที่เห็นกันนี่ล่ะค่ะ” หลินลู่เสียนเล่าแบบเป็นกลางไม่ตกหล่นทั้งมีรายละเอียดครบ หัวหน้าฉางค่อนข้างพอใจนิสัยตรงไปตรงมาไม่เล่นลิ้นนี้ชาวบ้านจับความผิดปกติได้เสบียงน้ำหนักไม่ตรงกัน เป็นไปได้ยังไง!หมู่บ้านมีการประชุมชัดเจนว่าจะปันเสบียงสำรองของหมู่บ้านให้ยุวชนใหม่เท่าไหร่ แถมยังนำมาชั่งต่อหน้าลูกบ้านแล้วปิดถุง ถ้าไม่มีการเปิดนำออกน้ำหนักไม่มีทางขาด“หัวหน้าฉางเป็นความผิดของผมเองครับ ไม่ทันดูให้ดีหยิบเสบียงส่วนของพวกผมสลับกับของยุวชนใหม่ มารู้ตัวตอนเปิดกระสอบไปแล้ว ผมเขินในความผิดพลาดเล็กน้อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status