เมื่อถึงยามค่ำคืน ราชครูเฉินหรือเฉินซีหมิงก็มาถึงตำหนักเยว่กวง ดูจากใบหน้าของเขาก็รู้ว่ามีความประหม่าและวิตกกังวลแอบซ่อนอยู่
“ฝ่าบาท ราชครูเฉินมาแล้วเพคะ”
“ให้เขาเข้ามา”
จ้าวหลินอ้ายกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน เมื่อหางตาเห็นบุรุษรูปงามร่างสูงเข้ามานางก็เดินนำเข้าไปยังห้องสรงน้ำ
“เจ้าต้องเนื้อตัวสะอาดก่อนที่จะปรนนิบัติข้า”
นางกล่าวกับบุรุษ แขนเรียวกางออกทั้งสองข้าง นางกำนัลเข้ามาปลดอาภรณ์ของนางออกด้วยความรวดเร็ว
เฉินซีหมิงรีบหลุบตามองต่ำ เขาไม่กล้ามองเรือนร่างของจักรพรรดินีตน
จ้าวหลินอ้ายสังเกตเห็นท่าทางของเขาก็อมยิ้มชอบใจ
‘อ่อนประสบการณ์สินะ ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่เคยเช่นกัน ชาติก่อนโสด ชาตินี้ก็ต้องลองสักหน่อย’
“เจ้าไม่ลงสระพร้อมกับข้าล่ะ”
นางถามชายหนุ่มที่ยังคงยืนประหม่าอยู่ริมสระ
หลังจากที่กล่าวจบ เหล่านางกำนัลก็เข้าล้อมรอบเฉินซีหมิง มือหลายคู่จับเข้าที่เสื้อผ้าของเขาชิ้นต่างๆ ไม่นานนักเสื้อผ้าทุกชิ้นก็หลุดออกจากกายอย่างรวดเร็ว
บุรุษใบหูแดงก่ำ เกิดมาเพิ่งเคยถูกสตรีถอดเสื้อผ้า เขารีบลงสระโดยไม่รอให้จ้าวหลินอ้ายเรียกอีกครั้ง
จ้าวหลินอ้ายโบกมือส่งสัญญาณให้นางกำนัล นางกำนัลต่างพากันดับไฟจนเหลือแสงสว่างแค่พอมองเห็นท่ามกลางความมืดมิด
สำหรับจ้าวหลินอ้ายเรียกว่าแสงสลัวโรแมนติก อีกนัยหนึ่งก็คือถึงแม้ว่านางจะกล้าแต่ก็ยังมีความอายหลงเหลืออยู่บ้าง ครั้งแรกจะให้แสงไฟสว่างไสวมองเห็นชัดเจนก็กระไรอยู่
เมื่อในสระสรงน้ำมีเพียงบุรุษหญิงสาว ความกระอักกระอ่วนก็เข้ามาในจิตใจของคนทั้งคู่
“เจ้ามาอาบน้ำให้ข้าสิ”
จ้าวหลินอ้ายข่มความอายร้องเรียกชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล
‘ชาติที่แล้วเคยคิดว่าอายุมากกว่านี้จะไปเที่ยวบาร์โฮสต์ นึกไม่ถึงเลยว่าชาตินี้จะโชคดีแบบนี้’
“อาบให้สะอาดล่ะ”
หญิงสาวสั่งเฉินซีหมิงด้วยใบหน้าอมยิ้ม
เฉินซีหมิงแม้ไม่เคยใกล้ชิดสตรีมาก่อน แต่ว่าเขาก็เป็นบุรุษ เคยได้ผ่านตามาทั้งเห็นจากภาพวาด การบรรยายในวรรณกรรม ตลอดถึงเคยเห็นของจริงเวลาที่ตัวเขาถูกสหายลากไปเที่ยวสังสรรค์ในหอนางโลม
นึกไม่ถึงว่าครั้งแรกของตนจะเป็นจักรพรรดินี เขากลืนน้ำลายแล้วก็เข้าไปด้านหลังของหญิงสาว
ฝ่ามือลูบที่ไหลเนียนทั้งสองข้างอย่างเบามือ ก่อนเลื่อนอ้อมมาที่เต้าอวบอิ่มทั้งสอง มือหนาประคองใต้เต้างามเป็นที่แรก
‘นิ่มดีจัง’
เฉินซีหมิงคิดในใจพลางเลื่อนมือขึ้นมาจนถึงยอดถันทั้งสอง
นิ้วเรียวทั้งหมุนวนและบีบเล่นเพลินมือ ไม่นานนักเขาก็ทั้งขยำทั้งคลึงเคล้นทั้งเต้าและยอดถันจนเริ่มแข็งสู้มือ
จ้าวหลินอ้ายเมื่อถูกสัมผัสที่หน้าอกก็สะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ก็ยังปล่อยให้บุรุษจับเต้าอวบอิ่มเล่นตามที่เขาต้องการ ไม่นานนักร่างบางก็เริ่มจะยืนทรงตัวไม่อยู่จนนางต้องนั่งพิงข้างสระ
‘มันทั้งเสียวซ่านและเพลินแบบนี้ มิน่าผู้หญิงผู้ชายถึงชอบ’
เฉินซีหมิงปล่อยมือจากเต้าอวบ เมื่อจ้าวหลินอ้ายเปลี่ยนท่าทางทำให้เขามองเห็นทรวงอกงามที่จับเล่นเมื่อครู่ชัดเต็มสองตา
เขาก้มหน้าลงจนปลายจมูกใกล้กับยอดถันที่แข็งเป็นไต ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อยแล้วครอบลงที่ยอดถันนั้น มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาบีบและวนเล่นยอดถันอีกข้าง
บุรุษใช้ลิ้นนุ่มแตะยอดถันเบาๆ ก่อนจะวนลิ้นแล้วกดย้ำซ้ำๆ
“อ้า”
จ้าวหลินอ้ายส่งเสียง แอ่นหน้าอกยกสูงเมื่อเจอริมฝีปากของบุรุษครั้งแรก
รับรู้ถึงปฏิกิริยาของสตรีตรงหน้า บุรุษก็ขยับริมฝีปากดูดหน้าอกของนางราวกับทารกที่หิวกระหาย
เขาทำแบบนี้สลับกันทั้งสองเต้า มือหนาอีกข้างเปลี่ยนเป็นลงไปสำรวจดอกไม้งามข้างล่างที่อยู่ใต้น้ำ
นิ้วเรียวลูบไล้ตามกลีบดอกไม้แล้ววนรอบโพรงหวาน ปลายนิ้วมุดเข้าปากทางหวานไม่ลึกนัก ก่อนจะเอาออกและสอดเข้าไปใหม่จนสตรีขยับสะโพกตามนิ้ว
เฉินซีหมิงอมยิ้ม เขาก้มหน้ากระซิบข้างหูจ้าวหลินอ้าย
“ฝ่าบาทอยากขึ้นเตียงบรรทมหรือยังพะย่ะค่ะ”
จ้าวหลินอ้ายมองค้อน
“จะทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องถามหรือขออนุญาต”
บุรุษริมฝีปากยกยิ้ม เขาคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดินีผู้เย็นชาไม่ปรายสายตามองบุรุษอยู่ดีๆ จะเรียกเขามาปรนนิบัติเช่นนี้
หนำซ้ำเขายังเป็นบุรุษคนแรกที่นางเรียกหา
เขารวบร่างบางของจ้าวหลินอ้ายขึ้นจากน้ำแล้วอุ้มเดินไปที่ห้องบรรทม มีนางกำนัลมาเช็ดตัวให้พวกเขาทั้งสองจนหมาดก่อนที่พวกนางจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาดอกท้อมองสำรวจเรือนร่างที่ยั่วยวน เวลานี้แสงไฟสว่างไสวจนเขามองเห็นทุกอย่างชัดเจน
เขาก้มหน้าใช้ริมฝีปากหยอกเย้ายอดถันสีชมพูอมน้ำตาลอ่อนอีกครั้ง แล้วจึงเลื่อนริมฝีปากผ่านหน้าท้องแบนเรียบจนมาถึงเนินอูมที่มีไรขนบางๆ ปกคลุมอยู่ด้านล่าง
มือหนาจับโคนขาอ่อนของนางกางออก กลีบดอกไม้งามเบื้องล่างอ้าออกเล็กน้อย
‘สวยมาก ของจริงช่างน่าหลงใหลแบบนี้เอง’
เฉินซีหมิงจ้องมองด้วยแววตาฉ่ำเยิ้มจนจ้าวหลินอ้ายกระแอมเตือนด้วยความเขินอาย
ได้ยินเสียงของหญิงสาว เฉินซีหมิงก็หันไปสบตากับนาง เขาส่งยิ้มให้จากนั้นจึงมุดหน้าลงทักทายกับดอกไม้งามนั้น
ลิ้นนุ่มเริ่มขยับไล้เลียตามกลีบดอกไม้ ซอกหลืบและเนื้ออูม เมื่อถึงติ่งเกสรก็หยุดดูดเม้มจนได้ยินเสียงครางแสนหวาน
“อื้อ”
จ้าวหลินอ้ายเผลอครางออกมาเมื่อส่วนลับของตนเองถูกลิ้นอุ่นที่เปียกชื้นสำรวจจนทั่ว
การเคลื่อนไหวลิ้นของเขาทำให้นางเสียวซาบซ่าน ในโพรงหวานรู้สึกเหมือนมีน้ำอยู่ภายใน น้ำที่ปริ่มรอจะหลั่งออกภายนอก
“ซีหมิง”
สตรีลืมตัวเรียกชื่อเขา การเรียกชื่อนี้ทำให้เขาอารมณ์เตลิด เขาเกร็งลิ้นแล้วสอดเข้าไปในโพรงหวาน ริมฝีปากก็ขยับให้ถูกับเกสรที่กำลังชูชัน
“อื้อ”
จ้าวหลินอ้ายสูดปาก ความเสียววาบหวามแล่นไปทั่วร่าง นางรู้ตัวว่าหน้าอกทั้งสองกำลังเต่งตึงขยายใหญ่ โพรงหวานเหมือนกับเรียกร้องอยากได้สิ่งของบางอย่างมาเติมเต็ม
“ซีหมิง”
นางเรียกชื่อบุรุษอีกครั้ง
ราชครูหนุ่มหยัดกายทันใด ราวกับรอโอกาสนี้มานาน มือหนาข้างหนึ่งจับขาเรียวพาดที่หน้าตัก อีกข้างจับแท่งหยกร้อนของตนรูดขึ้นลงจนได้จังหวะก็จับแท่งหยกร้อนนั้นหมุนวนที่ปากโพรงหวาน
ได้ยินเสียงครางต่อเนื่องเขาก็ดันแท่งหยกเข้าไปที่โพรงหวานอย่างรวดเร็ว
“เจ็บ”
สตรีร้องบอก ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ดันเข้าไป เมื่อเห็นนางสูดปากเผลอตัวก็ดันเข้าจนสุดโคน
“อืม”
เขาส่งเสียงอย่างอดใจไม่ไหว แท่งหยกของตนถูกโพรงหวานตอดรัดจนไม่สามารถขยับได้
มันช่างรู้สึกดีมาก ดีจนเขาไม่อยากหยุด
ส่วนจ้าวหลินอ้ายเมื่อถูกแท่งหยกร้อนของชายหนุ่มแทรกเข้ามาในกาย ก็รู้สึกเจ็บ จากนั้นจึงตามมาด้วยความรู้สึกจุกและเสียวท้องน้อย
ส่วนล่างของตัวเองก็ขมิบตอดแท่งหยกนั้นตามอัตโนมัติ
“อย่าตอดแรงสิพะย่ะค่ะ”
เฉินซีหมิงสูดปาก ใบหน้าเหยเก
เขาพูดไม่ทันสิ้นเสียงก็เริ่มขยับเอวสอบของตัวเองให้แท่งหยกครูดเข้าออกโพรงนุ่ม จากเนิบช้าก็เร่งจังหวะเร็วขึ้นจนเกิดเสียงน่าอายดังทั่วห้อง
นอกจากเสียงที่น่าอายแล้ว ยังมีเสียงครางอย่างสุขสมของจ้าวหลินอ้าย นางทั้งร้องทั้งเรียกชื่อบุรุษไม่หยุด
สตรีสมองขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก ความคิดและความรู้สึกทั้งหมดรวมกันอยู่ที่หน้าอกและโพรงหวานด้านล่าง สะโพกกลมมนขยับกายสอดรับการกระแทกที่หนักหน่วง
ห้าปีผ่านไปเสียงของเด็กชายสามคนดังขึ้นที่สวนหินในเขตพระราชฐาน“พวกเจ้าอย่ารบกวนข้า ข้ากำลังอ่านตำราอยู่ไม่เห็นหรือ”จ้าวซีหนานตัวน้อยดุเด็กชายอีกสองคน“ได้ ข้าก็จะดูยาสมุนไพร อย่ามาชวนข้าไปเล่นละกัน”จ้าวโหย่วเต๋อขยับริมฝีปากที่มีลักยิ้มตอบ“พวกเจ้าสองคนช่างน่ารำคาญ ข้าไปซ้อมวรยุทธดีกว่า ไม่สนใจพวกเจ้าแล้ว”จ้าวสืออิ้งสะบัดหน้าใส่เด็กชายทั้งสองที่พูดก่อนหน้า เขาถือกระบี่เล่มเล็กแล้วหันหลังเดินไปยังลานกว้างเพื่อฝึกเพลงยุทธที่ตนชื่นชอบ“เหอะ พวกเจ้าต่างก็มีบุตรชายเป็นของตนเองแล้ว ไหนล่ะบุตรของข้า”จ้าวหลินอ้ายนั่งเก้าอี้โยกมองดูเด็กน้อยทั้งสามพลางหลุบตามองสามีทุกคน“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไรว่าเป็นบุตรของพวกกระหม่อม”โม่เถี่ยอมยิ้มปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพียะมือเรียวตีแขนผู้พูดทันใด“ยังมีหน้ามาพูดอีก ดูหน้าตาพวกเขาแต่ละคนสิ นิสัยก็ด้วย ถอดแบบพวกเจ้ามาไม่มีผิดเพี้ยน”เฉินซีหมิงกลั้นขำแล้วเอ่ยขึ้น&
“ข้าจะแต่งตั้งพวกเจ้าสามคนเป็นสนมก่อน แล้วค่อยแต่งตั้งฮองเฮาทีหลัง อ่อ ไม่ต้องคิดแย่งตำแหน่งกัน ข้าแต่งตั้งตามลำดับก่อนหลัง ราชครูเฉินรอขึ้นเป็นฮองเฮา ส่วนพวกเจ้าอีกสองคนก็เป็นหวงกุ้ยเฟย”จ้าวหลินอ้ายพูดกับบุรุษทั้งสามของตนในคืนก่อนแต่งงานบุรุษทั้งสามคนพยักหน้าและตอบตกลงอย่างง่ายดาย พวกเขาไม่คิดต้องการตำแหน่งเพื่อสร้างอำนาจในวังหลัง แค่ปฏิบัติหน้าที่ของตนก็เหนื่อยมากพอแล้วและตอนนี้เมื่อต้องเป็นสวามีขององค์จักรพรรดินี พวกเขาจึงมีหน้าที่เพิ่ม คือรีบทำให้พระจักรพรรดินีทรงพระครรภ์ให้เร็วที่สุดสามคนร่วมมือกัน ราชวงศ์ย่อมต้องมีสมาชิกเพิ่มขึ้นแน่นอน ........วันพิธีอภิเษกสมรสงานอภิเษกสมรสของจักรพรรดินีที่รับสนมชายเข้าวังพร้อมกันสามคน และองค์หญิงสามกับรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรนั้นยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ของแคว้น ราษฎรต่างพากันมาร่วมเฉลิมฉลองตามท้องถนน มีการโปรยดอกไม้บนถนนแทบทุกสายนอกจากผู้คนจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของง
จ้าวหลินอ้ายสมองขาวโพลน ส่วนล่างเสียวและคับแน่นมาก นางไม่เคยถูกอุ้มตัวลอยแล้วกระแทกใส่มาก่อน เมื่อเจอท่านี้กับกระบองใหญ่ยักษ์ทำให้สติเตลิด ร้องครางด้วยความเสียวจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างถ้าบอกว่าเฉินซีหมิงนุ่มนวลอ่อนโยน ส่วนหลี่เสินดุดันแล้ว โม่เถี่ยต้องกล่าวได้ว่าดุยิ่งกว่ามากสะโพกของนางถูกจับกระแทกเข้าออก หน้าอกสองเต้ากระเพื่อมขึ้นลงแรงๆ จนยอดถันแข็งชูชัน แม่โม่เถี่ยไม่ได้เล้าโลมแต่ก็ทำให้ทั้งร่างรู้สึกเสียวซ่านแน่นจุกไปในเวลาเดียวกันปัก ปัก ปัก ปักเสียงเนื้อกระทบกันดังไปถึงเรืออีกลำ ทำให้เรืออีกลำไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเสียงดังแข่งในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อจ้าวหลินอ้ายร้องเสียงดังเพราะถึงฝั่งฝัน โม่เถี่ยก็อุ้มนางเช่นเดิม แต่จับนางหันหน้าออก ให้แผ่นหลังของนางชนกับหน้าอกของเขาแทนเขาเดินไปจับนางตอกกระแทกไปจนถึงหน้ากระจกสำริดบานใหญ่ ให้เขาและหญิงสาวเห็นภาพเสียวนี้ไปพร้อมกันจ้าวหลินอ้ายมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง เต้านมใหญ่สองลูกเด้งขึ้นลงตามแรง ด้านล่างเห็นกระบองของบุรุษมุดเข้าออกร่องรักตนเป็นจังหวะถี่ๆ ทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง โพรงหวา
วังหลวงจ้าวหลินอ้ายออกว่าราชการที่ท้องพระโรงอีกครั้งหลังจากไปแปรพระราชฐานอยู่หลายวัน“ฝ่าบาท แม่ทัพโม่เถี่ยรบชนะแคว้นเย่ทำให้เราได้รับชัยกลับมาพะย่ะค่ะ”เสนาบดีหลัวทูลบอกนาง“ดีมาก ยอดเยี่ยม”สตรีกล่าว นางมองดูแม่ทัพหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ แม่ทัพโม่ผู้นี้สูงกว่าเฉินซีหมิงประมาณสองคืบ แต่ความล่ำกลับมากกว่าเป็นสามเท่า‘หุ่นแม่ทัพต้องใหญ่อย่างนี้สินะ’นางคิดในใจก่อนพูดออกมา“ท่านแม่ทัพโม่นำชัยมาสู่แคว้น ท่านต้องการสิ่งใดเป็นรางวัลสามารถบอกกับข้าได้โดยไม่จำเป็นต้องลังเลใจ”โม่เถี่ยเงยหน้ามองจักรพรรดินีผู้เลอโฉมแล้วปรายสายตามองเฉินซีหมิงก่อนยกมือทั้งสองขึ้นมาประสานกัน“กระหม่อมได้ยินมาว่าฝ่าบาทรับราชครูเฉินกับท่านหมอ หลี่เป็นนายสนมในวัง กระหม่อมอยากขอเป็นสนมของพระองค์อีกคนพะย่ะค่ะ”จ้าวหลินอ้ายได้ยินก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่‘นี่ข้างามขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ชาติก่อนก็หน้าตาแบบนี้แต่โสด ชาตินี้กลับมีแต่คนยินยอมมาเป็นสามี’
หลิวกวนแช่มังกรยักษ์ของตนให้โพรงรักของจ้าวม่านอวิ๋นตอดรัดอยู่สักพัก เมื่อแรงตอดเบาลงเขาก็เริ่มขยับเอวเข้าออกให้มังกรตัวใหญ่ครูดกับผนังนุ่มไปมา“อ้า”เขาร้องครางอย่างลืมตัว ความรู้สึกดีแบบนี้เขาก็เพิ่งเคยลองครั้งแรกมิน่าที่เหล่าบุรุษหลงใหลสตรีก็เพราะรู้สึกเช่นนี้เองเขาจับขาขาวของจ้าวม่านอวิ๋นให้แยกออกจากกันมากขึ้น ส่วนตัวเขาคุกเข่าแทงมังกรให้ผลุบเข้าออกตามจังหวะที่ตนพอใจดวงตาคมมองก้อนเนื้อสองก้อนที่กระเด้งยั่วยวนแล้วจึงมองมังกรของตัวเองเคลื่อนเข้าออกโพรงหวาน ในใจเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเมื่อได้ยินเสียงครางและเห็นใบหน้าเหยเกของจ้าวม่านอวิ๋น เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกระแทกเพื่อให้นางเสียวมากขึ้นและร้องดังขึ้นยิ่งนางเสียวและเสร็จมากครั้งเท่าไหร่เขาก็รู้สึกดีมากเท่านั้นเวลาผ่านไปหลายชั่วยาม บุรุษสตรียังคงกระแทกท่อนล่างใส่กันไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพัก“ถึงพร้อมกันนะ”หลิวกวนพูดข้างหูของจ้าวม่านอวิ๋น หญิงสาวพยักหน้าดวงตาเคลิบเคลิ้มบุรุษขยับเอวสอบตอกมังกรของตนเข้าโพรงนุ่มอีกครั้ง เสียงร้องสุขส
“ที่นี่ก็สวยดีอยู่หรอก แต่ว่าทำไมเสด็จพี่ต้องให้ข้ามาพักที่นี่ตั้งหนึ่งเดือนด้วยล่ะ”จ้าวม่านอวิ๋นบ่นกับนางกำนัลของตัวเอง“มีแต่ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ น้ำตก ข้าเห็นทุกวันย่อมเบื่อเป็นธรรมดา”“หม่อมฉันได้ยินมาว่าภูเขาด้านบนมีถ้ำด้วยนะเพคะ”นางกำนัลรีบพูดสิ่งที่ตนเองรู้มา“ถ้ำหรือ” จ้าวม่านอวิ๋นทวนคำ “ถ้ำธรรมดาหรือไม่”“เห็นว่าภายในมีสิ่งก่อสร้างด้วยเพคะ น่าจะฮ่องเต้องค์ก่อนๆ สร้างไว้”“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็ควรไปดูสินะ”สตรีลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วเรียกนางกำนัลให้ตามไปด้วยไม่กี่คน........ถ้ำชิงฮู่ถ้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณปากถ้ำเหมือนกับถ้ำตามธรรมชาติโดยทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไปตามเส้นทางเดินประมาณครึ่งชั่วยามก็จะเจอตำหนักภายในนั้น บริเวณโดยรอบตำหนักปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ด้านข้างจ้าวม่านอวิ๋นมาถึงปากถ้ำ เมื่อสอบถามทหารที่เฝ้าด้านหน้าจึงเดินเข้าไปภายในถ้ำเพียงสองคนกับนางกำนัลที่สนิท ส่วนคนอื่