ตำหนักฮัวซาน ภูเขาฮัวซาน เมืองต้าซาน
จ้าวหลินอ้ายนั่งอยู่บนจุดชมวิวที่สูงที่สุด จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองต้าซาน ทั้งยังสามารถมองเห็นเมืองอื่นที่อยู่ไกลๆ ได้อีกหลายเมือง
“ฝ่าบาทไม่เข้าไปพักผ่อนในตำหนักหรือพะย่ะค่ะ”
เฉินซีหมิงเดินถือถาดใส่ผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างกายนาง
“อากาศดีเช่นนี้จะไปอุดอู้อยู่ในตำหนักทำไม”
จ้าวหลินอ้ายกวักมือให้บุรุษลงนั่งข้างกาย เฉินซีหมิงไม่รอช้า หย่อนกายลงบนเก้าอี้ มือหนาหยิบอิงเถาป้อนใส่ปากนางทันที
“ที่ด้านหลังของตำหนักมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่นะพะย่ะค่ะ นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นกำลังพอเหมาะดีต่อสุขภาพแล้ว ทิวทัศน์ตรงนั้นก็ยังสวยงามไม่แพ้ที่ตรงนี้”
ดวงตาหวานของสตรีมองชายหนุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มยั่วยวน
“เจ้าคิดว่า เหมาะกับการทำภารกิจนอกสถานที่หรือไม่”
เฉินซีหมิงตาโตประหลาดใจกับคำพูดของสตรีตรงหน้า ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ดีสิพะย่ะค่ะ คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง การทำภารกิจนอกสถานที่จะทำให้ฝ่าบาทได้รับพลังหยินจากพระจันทร์และพลังหยางจากกระหม่อม”
“คิคิ”
จ้าวหลินอ้ายเอื้อมนิ้วเรียวไปหยิกแขนผู้พูดด้วยความเขินอาย
“ข้าแค่แกล้งถาม เจ้าทำไมต้องจริงจังขนาดนี้”
สตรีหลบสายตาเจ้าชู้ของเขา การมีบุรุษที่หล่อถูกใจมาคอยดูแลพะเน้าพะนอช่างทำให้รู้สึกมีความสุขเสียจริง
“เรื่องนี้สมควรจริงจังนะพะย่ะค่ะ”
เฉินซีหมิงอมยิ้มแล้วป้อนผลไม้สตรีต่อ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะเป็นคนอุ้มนางไปที่บ่อน้ำพุร้อนด้วยตนเอง
........
หลังจากอาหารค่ำ เฉินซีหมิงก็บีบนวดให้จ้าวหลินอ้าย เขาไล่นางกำนัลและทหารองครักษ์ให้ออกไปอยู่รอบนอกตำหนักรอฟังคำสั่ง เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับจ้าวหลินอ้ายสองต่อสอง
“ทำไม เจ้าอายพวกเขาหรือ”
จ้าวหลินอ้ายเอ่ยแซวบุรุษตรงหน้า
“ฝ่าบาทไม่อายหรือพะย่ะค่ะ”
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาไม่ตอบแต่ถามกลับจนสตรีไม่กล้าพูดต่อ
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือแกร่งเอื้อมไปช้อนร่างบางของนางแล้วเดินไปยังบ่อน้ำพุร้อนอย่างช้าๆ ให้สตรีมองบรรยากาศสวยงามรอบกายได้เต็มที่
เดินถึงบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ แสงจากพระจันทร์ส่องสว่างจนเห็นน้ำตกจากภูเขาลูกใกล้ๆ นอกจากนั้นยังมองเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนในเมืองที่อยู่บนพื้นราบไกลๆ
“สวยหรือไม่”
เฉินซีหมิงกระซิบข้างหูหญิงสาวขณะที่มือแกร่งบรรจงวางร่างบางลงบนก้อนหินริมขอบบ่อน้ำพุร้อน
“อืม สวยมาก”
จ้าวหลินอ้ายพยักหน้าตอบ
นัยน์ตาดอกท้อจ้องดวงตาของสตรี น้ำเสียงแหบพร่าของเขาทำให้คนฟังใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“สวยอย่างไรก็ไม่เท่าฝ่าบาท ฝ่าบาทงามมากจนทำให้กระหม่อมคลั่งได้เลยนะพะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นคืนนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าคลั่งรักข้าได้เต็มที่”
จ้าวหลินอ้ายสบตาเขา มือเรียวยื่นไปสัมผัสหน้าอกแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แล้วลูบไปมาช้าๆ
บุรุษยกมือมาจับมือเรียวของนางแล้วรวบขึ้นเหนือศีรษะ ใบหน้าหล่อเหลาเข้าประชิดใบหน้างาม จากนั้นริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแล้วแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม
มือหนาปลดอาภรณ์ของตนเองและของสตรีด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อเรือนร่างทั้งสองเปลือยเปล่าท่ามกลางแสงจันทร์ เขาก็ไม่รอช้าจับร่างอวบอิ่มอุ้มออกจากบ่อน้ำพุร้อนไปยังเบาะนอนที่วางอยู่กับพื้นไม่ไกลนัก
เบาะนอนหนานุ่มขนาดใหญ่ เขาสั่งให้องครักษ์นำมาวางไว้ตั้งแต่ตอนเย็นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
“อยู่ตรงนี้ก่อน เสร็จแล้วค่อยไปแช่น้ำพุร้อนนะพะย่ะค่ะ”
เขากระซิบข้างใบหูบาง พูดจบก็งับใบหูนั้นอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพ่นลมหายใจใส่จนอีกฝ่ายสะดุ้ง
“ข้าก็คิดว่าราชครูจะเก่งแค่เรื่องในตำรากับเรื่องงาน”
จ้าวหลินอ้ายใช้มือเรียวไปจับแท่งหยกร้อนของบุรุษ วันก่อนปล่อยให้แท่งหยกนี้เข้าไปสำรวจภายในกายตนเอง วันนี้ขอจับหน่อย อยากรู้ว่าใหญ่เพียงใด
เพียงสัมผัส มือเรียวก็ขยับรูดขึ้นลงตามที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตจากชาติที่แล้ว ประสบการณ์ที่เคยผ่านตานางลองนำมาใช้กับบุรุษผู้นี้ละกัน
เฉินซีหมิงตกใจเมื่อสตรีทำเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้สูงส่งจะเป็นฝ่ายลงมือทำให้เขาโดยไม่รังเกียจ
เขาจับร่างของจ้าวหลินอ้ายให้คร่อมอยู่ด้านบนตัวเอง โดยที่ใบหน้าของเขาใกล้ชิดกับเนินอูมและกลีบกุหลาบงาม เพียงแค่รั้งสะโพกกลมเข้าใกล้เล็กน้อย จมูกและริมฝีปากของเขาก็ฝังเข้ากับเนินเนื้อหวาน
บุรุษไม่รอช้า ส่งสัมผัสร้ายรุกล้ำจนสตรีเผลอครางโดยไม่ทันตั้งตัว
‘หกเก้าเหรอ ได้ ขอลองหน่อยละกัน’
จ้าวหลินอ้ายเมื่อขยับมือจนเริ่มคล่อง นางก็ก้มหน้าอ้าปากแล้วก้มลงครอบปลายหัวมนของแท่งหยก จากนั้นก็เริ่มดูดเล็กน้อยจนแก้มตอบ ลิ้นอุ่นวนรอบส่วนหัวแท่งหยก ลากลิ้นขึ้นลงพร้อมกับขยับศีรษะเข้าออกต่อเนื่อง
เมื่อถูกสตรีใช้โพรงปากนุ่มดูดแก่นกายของตนเป็นจังหวะ เฉินซีหมิงก็เร่งความเร็วของลิ้นร้อนพร้อมกับเพิ่มแรงให้หนักขึ้น
ทั้งสองคนเมื่อถูกปลุกเร้าที่ส่วนสงวนก็ยิ่งร้อนรุ่ม ไม่นานนักพวกเขาก็ถอนริมฝีปาก ร่างหนาของบุรุษจับร่างอวบอิ่มพลิกนอนอยู่ใต้ร่างของตน มือหนาจับแท่งหยกรูดขึ้นลงไม่กี่ครั้งแล้วสอดใส่เข้าโพรงหวานที่ชุ่มฉ่ำทันที
เขาแช่ให้แท่งหยกของตนถูกโพรงหวานบีบรัดอยู่สักพักจึงขยับเอวสอบกระแทกใส่สตรีไม่หยุดพัก
จ้าวหลินอ้ายเมื่อถูกท่อนเอ็นตอกอัดเข้ามาในร่าง นางก็อ้าขากว้างขึ้นเพื่อรับแรงกระแทกของอีกฝ่าย เมื่อความแน่นและเสียวซ่านไหลวนทั่วร่างกาย นางก็ขยับสะโพกของตนสวนกับสะโพกของอีกฝ่าย
เสียงเนื้อกระทบเนื้อพร้อมกับเสียงร้องสุขสมของทั้งคู่ดังขึ้นทั่วบริเวณ
“ดูดนมข้าหน่อย”
จ้าวหลินอ้ายสั่งเฉินซีหมิง บุรุษไม่รอช้า ครอบริมฝีปากลงบนยอดถันที่ชูชัน ขยับปากและลิ้นดูดเม้มอย่างตะกละตะกลาม มือหนาของเขาก็ทั้งจับบีบและบี้ยอดถันอีกข้างด้วยความเพลิดเพลิน
ชายหนุ่มทั้งขยับสะโพกเข้าออก หมุนวนสลับกัน จนสตรีเริ่มครางเสียงหลง
“แฮก แฮก”
จ้าวหลินอ้ายส่งเสียง ตอนนี้นางเริ่มเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกร่างกายเสียวซาบซ่านและเบาหวิว นอกจากนั้นยังรู้สึกว่าโพรงหวานของตนกำลังจะหลั่งน้ำหวานออกมาจำนวนมาก
“จะเสร็จแล้ว ข้าจะเสร็จแล้ว”
นางบอกบุรุษเสียงแหบพร่า
“กระหม่อมก็จะเสร็จแล้ว เรามาเสร็จพร้อมกันนะพะย่ะค่ะ”
เฉินซีหมิงขยับเร่งจังหวะทั้งเร็วและหนักหน่วงอีกไม่กี่ลมหายใจ ร่างของทั้งคู่ก็กระตุกเกร็งพร้อมกัน น้ำขาวขุ่นพ่นใส่โพรงหวานจนล้นออกมาเลอะกลีบกุหลาบข้างนอก
“แลกเปลี่ยนหยินหยางท่ามกลางแสงจันทร์ ส่งผลดีต่อพระองค์นะพะย่ะค่ะ”
บุรุษเอ่ยก่อนนอนกอดสตรีไว้ในอ้อมแขน
จ้าวหลินอ้ายหลับตาหายใจหอบเหนื่อย
“เช่นนั้นก็คงต้องแลกเปลี่ยนบ่อยๆ”
บุรุษหันใบหน้าหล่อเหลามองนาง ริมฝีปากยกยิ้มพึงพอใจ
“คืนนี้ กระหม่อมจะแลกเปลี่ยนหยินหยางจนกว่าพระองค์จะบอกปฏิเสธ”
สตรีมองตาผู้พูด สีหน้ายั่วยุและยั่วยวนในเวลาเดียวกัน
“ข้าก็อยากรู้นัก ทำรักจนต้องร้องขอให้หยุดเป็นอย่างไร
เฉินซีหมิงได้ฟัง ร่างกายก็เริ่มคึกคักอีกครั้ง เขาจับสตรีนอนตะแคงข้างแล้วยัดแก่นกายของตนเข้าจนสุด สะโพกสอบขยับถี่ๆ มือหนาบีบขยำหน้าอกอวบอย่างเมามัน
“ดี ดีมาก”
สตรีร้องบอกเขา นางอยากรู้ว่าถ้าตนถึงฝั่งแล้วแต่ยังถูกกระแทกเข้ามาภายในอย่างต่อเนื่องไม่หยุดจะรู้สึกอย่างไร
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้าวหลินอ้ายร้องครวญครางไม่หยุด รู้สึกเสียวทั่วร่างกาย โพรงหวานทั้งบีบรัดและกระตุกต่อเนื่องแต่ก็ยังถูกกระแทกเข้ามาไม่หยุด
“อือ อือ พอ พอก่อน เสียวไม่ไหวแล้ว”
นางสั่งเขาเสียงสั่น แต่บุรุษดูเหมือนไม่สนใจ เขายังคงกระแทกแท่งหยกร้อนของตนเข้าออกภายในโพรงหวาน คืนนี้แม้จะเสียน้ำทั้งร่างก็จะสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมให้กับนางให้ได้
สตรีร้องเสียงหวานด้วยความเสียวซ่าน นางเริ่มพูดไม่เป็นภาษา การแตะสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่องทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด
เห็นทีคงต้องหานายสนมเพิ่ม มาช่วยเฉินซีหมิงอีกแรงแล้ว นางคิดในใจก่อนจะเสร็จอีกครั้งแล้วผล็อยหลับไป
เช้าวันถัดมา จ้าวหลินอ้ายตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในห้องบรรทมเพียงผู้เดียว ดวงตากลมมองไปรอบห้องไม่เห็นเฉินซีหมิงจึงเรียกนางกำนัลที่เฝ้าอยู่นอกห้องเข้ามาซักถาม“ราชครูเฉินไปไหน” “ไปดูเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมตำหนักเล็กทางด้านหน้าเพคะ”นางกำนัลตอบพลางช่วยกันทำความสะอาดเรือนร่างของจ้าวหลินอ้ายและเปลี่ยนชุดให้นางใหม่ หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวหลินอ้ายก็ออกมาเดินเล่นที่บ่อน้ำพุร้อน เมื่อวานมัวแต่เล่นสนุกกับเฉินซีหมิงจึงไม่ได้สนใจบรรยากาศโดยรอบเท่าใดนัก ตอนนี้มีเวลาว่างจึงต้องการชื่นชมทิวทัศน์ให้เต็มที่ “หืม ด้านนี้มีประตูเล็ก ไปไหนกันนะ”สตรีเอื้อมมือเรียวไปเปิดประตู จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้เรียกนางกำนัลหรือองครักษ์ให้ติดตามทางเดินนี้แม้จะค่อนข้างแคบแต่สะอาดสะอ้าน สองข้างทางปลูกต้นกุ้ยฮัวที่ส่งกลิ่นหอมทั่วบริเวณสตรีเดินตามทางไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนลืมดูพื้นผิวถนนเบื้องหน้า เท้าเรียวก้าวไม่ทันระวังจึงข้อเท้าพลิกล้มลงบนพื้น“โอ้ย”จ้าวหลินอ้ายร้องพร้อมกับยกมือกุมข้อเท้า นางพยายามลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บจนลุกไม่ไหวนั่งกุมข้อเท้าของตนสักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเ
ตำหนักฮัวซาน ภูเขาฮัวซาน เมืองต้าซาน จ้าวหลินอ้ายนั่งอยู่บนจุดชมวิวที่สูงที่สุด จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองต้าซาน ทั้งยังสามารถมองเห็นเมืองอื่นที่อยู่ไกลๆ ได้อีกหลายเมือง “ฝ่าบาทไม่เข้าไปพักผ่อนในตำหนักหรือพะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงเดินถือถาดใส่ผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างกายนาง “อากาศดีเช่นนี้จะไปอุดอู้อยู่ในตำหนักทำไม”จ้าวหลินอ้ายกวักมือให้บุรุษลงนั่งข้างกาย เฉินซีหมิงไม่รอช้า หย่อนกายลงบนเก้าอี้ มือหนาหยิบอิงเถาป้อนใส่ปากนางทันที “ที่ด้านหลังของตำหนักมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่นะพะย่ะค่ะ นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นกำลังพอเหมาะดีต่อสุขภาพแล้ว ทิวทัศน์ตรงนั้นก็ยังสวยงามไม่แพ้ที่ตรงนี้” ดวงตาหวานของสตรีมองชายหนุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มยั่วยวน “เจ้าคิดว่า เหมาะกับการทำภารกิจนอกสถานที่หรือไม่” เฉินซีหมิงตาโตประหลาดใจกับคำพูดของสตรีตรงหน้า ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ “ดีสิพะย่ะค่ะ คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง การทำภารกิจนอกสถานที่จะทำให้ฝ่าบาทได้รับพลังหยินจากพระจันทร์และพลังหยางจ
ปัก ปัก ปักเสียงที่น่าอายดังเป็นจังหวะต่อเนื่องสักพัก จากนั้นก็เร็วขึ้นเป็น ‘ปักปักปักปัก’ รัวๆ จนบุรุษสตรีบนเตียงต่างส่งเสียงครางอย่างไม่อายไม่นานนักร่างบางก็เกร็งกระตุกพร้อมกับร่างหนาที่ขยับสะโพกเข้าร่องรักจนสุด ปลายแท่งหยกฉีดพ่นน้ำสีขาวขุ่นจนเต็มร่องหวานใบหน้างามของจ้าวหลินอ้ายมองใบหน้าสุขสมของชายหนุ่ม รวมถึงอาวุธคู่กายที่ออกจากกลางกายตนก็ใจสั่นจนควบคุมไม่อยู่‘เสร็จพร้อมกันคือแบบนี้สินะ’นางแกล้งล้มตัวนอนรอดูท่าทีของเฉินซีหมิง“เหนื่อยแล้วหรือพะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงล้มลงนอนข้างกายสตรี มือหนาลูบผมของนางอย่างแผ่วเบา“เหนื่อยแล้วอย่างไร ไม่เหนื่อยแล้วอย่างไร”สตรีพูดพลางอมยิ้มไม่ให้บุรุษสังเกตเห็น“ฝ่าบาทนี่นะ”เฉินซีหมิงทำหน้าหมั่นเขี้ยว เขาขยับกายแกร่งให้อยู่บนร่างอวบอัด ริมฝีปากก้มลงหยอกเย้าหน้าอกทั้งสองข้างอีกครั้ง“พรุ่งนี้พระองค์อาจจะเสด็จออกท้องพระโรงไม่ไหว”เขาหยุดพูดสักพักก่อนจะเริ่มปรนเปรอนางอีกครั้ง“หากพรุ่งนี้ข้าออกท้องพระโรงเป็นปกติแสดงว่าคืนนี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกขุนนางคงหาว่าเจ้าไม่ได้เรื่อง”“ได้ กระหม่อมจะทำให้เต็มที่พะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงจับขาขาวพาดไหล่ของตน แล้วข
เมื่อถึงยามค่ำคืน ราชครูเฉินหรือเฉินซีหมิงก็มาถึงตำหนักเยว่กวง ดูจากใบหน้าของเขาก็รู้ว่ามีความประหม่าและวิตกกังวลแอบซ่อนอยู่“ฝ่าบาท ราชครูเฉินมาแล้วเพคะ”“ให้เขาเข้ามา”จ้าวหลินอ้ายกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน เมื่อหางตาเห็นบุรุษรูปงามร่างสูงเข้ามานางก็เดินนำเข้าไปยังห้องสรงน้ำ“เจ้าต้องเนื้อตัวสะอาดก่อนที่จะปรนนิบัติข้า”นางกล่าวกับบุรุษ แขนเรียวกางออกทั้งสองข้าง นางกำนัลเข้ามาปลดอาภรณ์ของนางออกด้วยความรวดเร็วเฉินซีหมิงรีบหลุบตามองต่ำ เขาไม่กล้ามองเรือนร่างของจักรพรรดินีตนจ้าวหลินอ้ายสังเกตเห็นท่าทางของเขาก็อมยิ้มชอบใจ‘อ่อนประสบการณ์สินะ ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่เคยเช่นกัน ชาติก่อนโสด ชาตินี้ก็ต้องลองสักหน่อย’“เจ้าไม่ลงสระพร้อมกับข้าล่ะ”นางถามชายหนุ่มที่ยังคงยืนประหม่าอยู่ริมสระหลังจากที่กล่าวจบ เหล่านางกำนัลก็เข้าล้อมรอบเฉินซีหมิง มือหลายคู่จับเข้าที่เสื้อผ้าของเขาชิ้นต่างๆ ไม่นานนักเสื้อผ้าทุกชิ้นก็หลุดออกจากกายอย่างรวดเร็วบุรุษใบหูแดงก่ำ เกิดมาเพิ่งเคยถูกสตรีถอดเสื้อผ้า เขารีบลงสระโดยไม่รอให้จ้าวหลินอ้ายเรียกอีกครั้งจ้าวหลินอ้ายโบกมือส่งสัญญาณให้นางกำนัล นางกำนัลต่างพากันดับไฟจนเหลือแสงส
“ฉันชื่อจ้าวหลินอ้าย เป็นสาวโสดวัยสามสิบหกปี ขณะที่กำลังจะข้ามถนนกลับบ้านก็ถูกรถยนต์ฝ่าสัญญาณไฟเข้ามาชนอย่างรุนแรง รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในอีกยุคสมัย ไม่รู้ว่าเป็นยุคโบราณหรือโลกใบใหม่มิติใหม่กันแน่แต่ที่รู้ก็คือชีวิตใหม่นี้ช่างทำให้ฉันมีความสุขเสียจริง นอกจากจะได้มาเป็นจักรพรรดินีผู้ปกครองแผ่นดินแล้ว บรรดาขุนนางข้าราชการที่รายล้อมล้วนหน้าตาดีเป็นอาหารแก่สายตาแทบจะตลอดเวลาถึงจะต้องว่าราชการบริหารแผ่นดินก็สู้ตายล่ะ”ร่างบางของสตรีในชุดสีแดงสดลุกขึ้นจากเตียงบรรทมอย่างเกียจคร้าน มีนางกำนัลหลายคนคอยปรนนิบัติอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ฝ่าบาท เหล่าขุนนางมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”นางกำนัลน้อยกราบทูล“พวกเขาได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด”จ้าวหลินอ้ายเอ่ยปากพูดน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้นางอยู่ในร่างของสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับนางในชาติที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่สตรีร่างนี้มีอายุสามสิบสามปีเท่านั้นสามสิบสามปีแต่ยังไม่มีพระสวามีเป็นตัวเป็นตน ขนาดนายสนมในวังก็ไม่มีสักคนนี่จักรพรรดินีจ้าวหลินอ้ายคนก่อนใจแข็งอยู่เป็นโสดท่ามกลางบรรดาบุรุษรูปงามได้อย่างไรกัน “น่าจะเร่งให้ฝ่าบาทรับสนมเข้าวังเพคะ”“อ่อ