Share

ข้ามันสตรีขี้อิจฉา
ข้ามันสตรีขี้อิจฉา
Auteur: ซูเมี่ยวหลิง

last update Dernière mise à jour: 2025-05-02 12:17:51

ข้าหลิวหงเถามีข้อดีเยอะมากแต่มีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่างคือ ‘ขี้อิจฉา’ จนออกนอกหน้า 

ข้าอิจฉาทุกคน สิ่งใดที่คนอื่นมีแต่ข้าไม่มี ข้าก็จะอิจฉา! 

สิ่งใดที่คนอื่น ‘เป็น’ แต่ข้าเป็นไม่ได้ ข้าก็จะอิจฉา! 

อิจฉาจนขึ้นสมอง! 

อิจฉาจนคนอื่นยังสัมผัสได้!

“น้องหญิงเล็กช่วยเก็บอาการหน่อยได้หรือไม่ ไฟแห่งความริษยาที่แผ่ออกมาจากตัวเจ้ากำลังจะคลอกพี่หญิงใหญ่ตายอยู่แล้ว”

พี่หญิงใหญ่ของนางนามว่าหลิวตันตันกล่าวขึ้นเมื่อเห็นสายตาอิจฉาริษยาของน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกัน

“ได้อภิเษกกับชินอ๋องเช่นนี้ มีผู้ใดไม่อิจฉาพี่หญิงใหญ่บ้างเจ้าคะไม่สิ! มีผู้ใดไม่อิจฉาชินหวางเฟยบ้าง”

วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสระหว่างชินอ๋องกับหลิวตันตันพี่สาวในวัย 19 หนาวของหลิวหงเถา แต่ละแคว้นฮ่องเต้ย่อมมีเพียงแค่คนเดียว องค์ไท่จื่อและชินอ๋องก็ยังมีเพียงแค่คนเดียวอีก 

แล้วเช่นนี้จะไม่ให้ข้าอิจฉาได้อย่างไร

“กิริยาเช่นนี้ของเจ้าจงแสดงต่อหน้าคนในครอบครัวเป็นพอ อย่าริอ่านไปแสดงต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ อย่าทำให้ตระกูลหลิวต้องเสียหน้า!”

หลิวตันตันกล่าวเสียงแข็งปรามน้องเล็กของตนไว้ก่อน สายตาเอาจริงของนางทำให้หลิวหงเถาหลบตา

พี่สาวของข้าเป็นคนเช่นไรมีหรือข้าจะไม่รู้

“เจ้าค่ะ”

หลิวตันตันยกยิ้มพอใจ ภาพลักษณ์ภายนอกของนางดูเรียบร้อยอ่อนหวานก็จริง แต่แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่ฉลาดล้ำลึก อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ เหมาะสมกับชินอ๋องแห่งแคว้นชิงชิวทุกประการ

ห่มหนังแกะเหมือนกันไม่มีผิด

“มาช่วยพยุงพี่หญิงใหญ่ไปนั่งรอที่เตียง”

หลิวหงเถาแสดงท่าทางฮึดฮัดออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้าไปพยุงพี่สาวแต่โดยดี ใบหน้าเล็กไม่วายมองไปยังร่างงามของหลิวตันตันด้วยความริษยาอีกครั้ง

ชุดหงส์สีแดงเพลิงข้าก็ชอบ มงกุฎหงส์ก็ชอบ ปิ่นปักผมสีทองก็ชอบ กำไลก็ชอบ โอ้ย! ชอบไปหมดทุกอย่างเลย ข้าอิจฉา

          สองชั่วยามผ่านไป

กว่าขบวนเจ้าบ่าวจะมารับไปวังอ๋อง กว่าบ่าวสาวจะไหว้ศาลบรรพชนตระกูลหลิวเสร็จ กว่าเจ้าสาวจะขึ้นเกี้ยวแปดคนหาม กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละเค่อ หลิวหงเถาแทบจะขาดใจตาย

“สินสอดทองหมั้นยาวเป็นหางว่าว กี่ชาติกว่าจะใช้หมด ฮือ…ข้าอิจฉา”

หลิวหงเถากระทืบเท้าตนเองเร่า ๆ ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังกินเลี้ยงกันอย่างมีความสุข มีเพียงนางเท่านั้นที่กำลังจะหิวตายเพราะความอิจฉา 

ด้วยไม่อยากแสดงท่าทางเช่นนี้ของตนให้ใครได้พบเห็นตามการกำชับของหลิวตันตัน จึงได้ขังตนเองอยู่ในห้องตั้งแต่ที่ขบวนเจ้าบ่าวจากไป แล้วตอนนี้นางก็หิวมาก ๆ

ใครก็ได้นึกถึงหลิวหงเถาทีเจ้าค่ะ

ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา หากเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนางปกติจะเดินเข้ามาในเรือนนอนเลย แต่นี่มีการเคาะประตูด้วย เพราะเช่นนี้หลิวหงเถาจึงทราบว่าเป็นคนอื่น

“พี่เถาเถ่าขอรับ หมินมิ่นเองขอรับ”

เฮือก! สวรรค์ได้ยินเสียงคำขอร้องของหลิวหงเถาหรือเจ้าคะ

“พี่เถาเถ่า…”

“อ้อ เข้ามาได้เลย”

หลิวหงเถาเอ่ยอนุญาต ร่างบางยิ้มเมื่อเห็นชิงหมินเด็กหนุ่มที่ท่านพ่อของนางเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่วัย 4 หนาว เดินอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาหานางในเรือนนอน

ปีนี้ชิงหมินอายุได้ 17 หนาวแล้ว ร่างกายสูงชะลูดจนนางยังต้องแหงนหน้ามอง รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาเอาการ แต่เพราะท่าทางเด๋อด๋า ขี้อาย ไม่กล้าสู้คน ทำให้ความดูดีเหล่านี้ลดน้อยลงไปหลายส่วน

กล่าวตามตรงก็คือไม่ใช่บุรุษในแบบที่สตรีแคว้นชิงชิวชอบ!

ต้นแบบของบุรุษในแคว้นชิงชิวต้องเหมือนองค์ไท่จื่อ ห้าวหาญ ดูน่าเกรงขาม ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและมั่นใจ เก่งทั้งบู๊และบุ๋น

หรือหากบุรุษผู้ใดเป็นแบบไท่จื่อไม่ได้และคิดว่ามันไม่ใช่แนว แบบชินอ๋องก็เป็นที่นิยม นั่นคือต้องมีภาพลักษณ์นุ่มนวลดั่งสายน้ำ มีรอยยิ้มอ่อนโยนติดใบหน้าอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นบัณฑิต ภูมิฐาน เก่งบุ๋นแต่บู๊ก็ต้องได้

เดินออกไปหน้าเรือน หากไม่เห็นบุรุษคนใดเป็นเช่นสองแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่คนของแคว้นชิงชิว แต่ตัดภาพมาที่ชิงหมินของนาง เขาไม่ได้ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนเลย ไม่แปลกหากใครที่ได้เห็นเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจ

อย่างเช่นพี่ชายฝาแฝดข้าล่ะคนหนึ่ง เขาเกลียดชิงหมินของข้าเข้าไส้!

“พี่เถาเถ่า หมินมิ่นเอาของว่างมาให้ขอรับ”

ชิงหมินยื่นถาดเล็กไปให้หลิวหงเถา พอจมูกได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นอยู่ตรงหน้า นางก็รีบเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปากในทันที คีบกับคำหนึ่งข้าวคำหนึ่ง ซดน้ำแกงไปอีกนิดหนึ่งสลับกันไปแบบนี้ เพียงไม่นานอาการหน้ามืดตาลายของนางก็หายไป 

“ขอบคุณนะหมินมิ่น เพราะเจ้าเลยพี่เถาเถ่าถึงได้ไม่หิวตาย” แม้อาการหิวไม่อาจทำคนตายได้ในเพียงวันเดียว แต่ถ้าเกิดอาการหน้ามืดแล้วสลบหัวฟาดพื้นไปก็ตายได้เหมือนกัน 

“หามิได้ขอรับ”

ชิงหมินเกาแก้มเบา ๆ เมื่อได้รับคำขอบคุณจากหลิวหงเถา ร่างสูงย่อกายนั่งลงบนพื้นข้างๆ เตียงของนาง

“หมินมิ่นจะไปในครัวพอดี ฮูหยินท่านจึงใช้หมินมิ่นยกของว่างมาให้พี่เถาเถ่า คำขอบคุณเช่นนี้หมินมิ่นไม่กล้ารับไว้ขอรับ”

หลิวหงเถายิ้มเอ็นดูชิงหมิน

น้องชายของข้าน่ารักถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดใคร ๆ ถึงได้ไม่ชอบเขานะ

จ๊อก~

อยู่ ๆ เสียงท้องของชิงหมินก็ดังขึ้นมา ทำให้นางรู้ว่าเขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน แต่เหลือบมองจานของว่างที่เขายกมาให้กลับไม่เหลืออะไรให้ทานแล้ว นางจึงได้ลุกขึ้นแล้วจูงมือเขาไปในครัวด้วยกัน

ถ้าไปโดยไม่มีข้าแล้วละก็ ได้ทานของเหลือจากของเหลืออีกทีแน่

         

หลิวหงเถาเป็นแฝดน้องมีพี่ชายฝาแฝดนามว่าหลิวหลี่เฟย บิดานามว่าหลิวหย่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวาขุนนางคู่พระทัยของฮ่องเต้แคว้นชิงชิว

หลิวหย่งมีใจรักมั่นต่อฮูหยินเอกของตนมาก จึงไม่ได้ตบแต่งสตรีอื่นเข้ามาในจวนอีกเลย ชื่อของบุตรชายหญิงล้วนเป็นชื่อที่ฮูหยินตั้งให้

ท่านแม่ของหลิวหงเถาชอบสีแดงมาก หลิวตันตัน ‘ตัน’ แปลว่า สีแดง

หลิวหลี่เฟย ‘เฟย’ แปลว่า สีแดง

หลิวหงเถา ‘หงเถา’ แม้จะเป็นอีกความหมายหนึ่งของคำว่า ‘หัวใจ’ แต่ก็ถือมีคำว่า ‘สีแดง’ อยู่ในนี้ด้วย

ซึ่งหลิวหงเถาก็ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี นางรู้สึกว่าท่านแม่ไม่รักตน รักพี่สาวมากกว่าจนในชื่อมีสีแดงถึงสองคำ ท่านพ่อยิ่งแล้วใหญ่ รักและสนับสนุนพี่ชายฝาแฝดของนางจนออกนอกหน้า

“เฟยเอ๋อร์ กระบี่ที่พ่อสั่งช่างตีเหล็กทำเป็นพิเศษเสร็จแล้วนะลูก ประเดี๋ยวพ่อให้คนไปรับให้”

“จริงหรือขอรับ เช่นนี้ก็ดีเลย ลูกจะได้เอาไปลองฝึกกับเหล่าองครักษ์”

“พ่อจัดไว้ให้สักสามสี่คนดีหรือไม่ หรือถ้าไม่พอใจจะเอากี่คนก็ว่ามา”

ท่าทางพะเน้าพะนอกันของสองคนพ่อลูกบนโต๊ะอาหาร ทำเอาหลิวหงเถากลอกตาไปมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

ความรู้มีไม่ถึงเรียกว่า ‘ความรู้เท่าหางอึ่ง’ แล้ว ‘ฝีมือมีไม่ถึง’ นี่เรียกว่าอะไร? บุตรชายตัวเองก็ความสามารถงั้น ๆ ยังจะจัดองครักษ์มาให้อะไรตั้งสามสี่คน…ข้าหมั่นไส้ ข้าอิจฉา!

“น้องหญิงเล็กแสดงท่าทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าวเหลือตั้งเยอะหรือว่าไม่อยากทานแล้ว พี่จะได้เอาไปให้ไอ้ชิงหมิน”

หลิวหงเถาขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินว่าพี่ชายฝาแฝดจะเอาของเหลือไปให้ชิงหมินทานอีกแล้ว

“เหตุใดชิงหมินต้องมาทานของเหลือเดนจากข้าหรือจากใครด้วย ถ้าตัวเองทานของเหลือจากคนอื่นไม่ได้ ก็อย่ามายัดเยียดให้ชิงหมิน”

“เหอะ! แล้วอย่างไร มันก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง”

“หลิวหลี่เฟย!”

หลิวหงเถาตะโกนเรียกพี่ชายเสียงดังจนจูม่านหลิงผู้เป็นมารดาต้องเอ่ยปราม 

“จบ ๆ อย่ามาเถียงกันต่อหน้าแม่นะ คลานตามกันออกมาแท้ ๆ ยังจะทะเลาะกันเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล”

“ก็เพราะว่าไม่ใช่คนอื่นจึงทะเลาะกันอย่างไรเล่าขอรับ ลูก…”

“ยังจะเถียงแม่อีก”

คราวนี้จูม่านหลิงเสียงแข็งใส่หลิวหลี่เฟย ทำให้บุรุษในที่นี้แต่ละคนหงอไปตาม ๆ กัน

เสนาบดีหลิวต่อหน้าคนทั้งพระราชสำนักดูน่าเกรงขาม ดุดันดั่งพยัคฆ์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินของตนก็ไม่ต่างอะไรกับแมวตัวน้อย ๆ ภายในจวนรู้กันดีว่าผู้มีอำนาจเหนือเสนาบดีฝ่ายขวาแท้จริงนั้นคือใคร

“เฟยเอ๋อร์อย่าเถียงแม่อีกเลยลูก” เสนาบดีหลิวเอ่ยเสียงอ่อย ยกธงขาวขอยอมแพ้ 

เมื่อสุดท้ายไม่มีใครเข้าข้างเขาแล้ว หลิวหลี่เฟยจึงได้แพ้ไปอย่างราบคาบ ตราบใดที่หลิวหย่งยังกลัวจูม่านหลิง เขาก็ไม่มีวันชนะน้องสาวฝาแฝดของตนเองได้

 เพราะว่าจูม่านหลิงนะรักหลิวหงเถาที่สุด เรื่องนี้เขารู้! ทุกคนรู้!! มีแต่นางที่ไม่รู้!!! แล้วก็พาลไปอิจฉาคนอื่นเขาไปทั่ว  

น้องหญิงเล็กหนอน้องหญิงเล็ก

         

ณ เรือนท้ายจวน

หลังจากที่หลิวหงเถาทานอาหารอิ่มแล้ว นางก็ไปที่ครัวแล้วเอ่ยปากขอกับข้าวที่ไม่ใช่ของเหลือจากใครเพื่อเอาไปให้ชิงหมินที่เรือนท้ายจวน

“เป็นอย่างไรบ้างเต้าหู้น้ำแดงของโปรดเจ้า วันนี้อร่อยหรือไม่”

“รสชาติถูกปากมากเลยขอรับ”

“เช่นนั้นก็ทานเยอะ ๆ” 

หลิวหงเถายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นชิงหมินทานอาหารที่ตนนำมาให้ด้วยความเอร็ดอร่อย

ชิงหมินเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูไม่ต่างจากทาสในเรือนเบี้ย แต่ที่แตกต่างคือเขาไม่ได้มีสัญญาค้าทาสและไม่ได้ประทับตราทาสแบบคนที่ขายตัวให้ผู้มีเงิน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฐานะของเขาในใจคนในจวนก็เหมือนเป็นแค่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้พิเศษอะไรเลย

แต่สำหรับหลิวหงเถาแล้วชิงหมินเปรียบดั่งน้องชาย เขาเป็นเพื่อนเล่นกับนางและพี่ชายฝาแฝดมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รับความเอ็นดูจากหลิวหงเถาล้นเปี่ยม แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่หลิวหงเถาก็แย่งจากหลิวหลี่เฟยมาให้ สภาพเนื้อผ้าแต่ละตัวล้วนใหม่เอี่ยมไม่ต่างจากของมือหนึ่ง

หลิวหลี่เฟยไม่เคยใส่เสื้อผ้าซ้ำกัน คนอะไรฟุ่มเฟือยกว่าข้าเสียอีก!

“ขอบคุณพี่เถาเถ่าขอรับ”

 สายตาของชิงหมินตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาน้อยมองเจ้าของเลย ข้าเอ็นดูเขา!

“เฮ้อ ถ้าพี่รวยก็คงดีสินะ จะได้เลี้ยงน้องชายเช่นเจ้าได้ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องรบรากับหลิวหลี่เฟยเพื่อแย่งเสื้อผ้าอาหารมาจากเขา พี่เบื่อเขาเจ้าคนน่ารังเกียจนั่น!”

ชิงหมินกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลง ถ้าเขามีหางด้วย มันคงทั้งลู่และหูตกไปแล้ว

“เท่าที่ได้รับจากท่านทุกวันนี้มันก็ดีเกินพอสำหรับหมินมิ่นแล้วขอรับ หมินมิ่นแทบไม่ต่างจากคุณชายคนหนึ่งแล้ว”

“ต่างสิ! เพราะอย่างไรเจ้ามันก็เป็นแค่เด็กข้างถนนที่ถูกเก็บมาเลี้ยง”

พอได้ยินประโยคนี้เข้าหูอีกครั้ง หลิวหงเถาก็หมดความอดทนในทันที และยิ่งมันออกมาจากปากคน ๆ เดียวภายในวันเดียวกันแล้วด้วย ทำให้นางไม่ลังเลเลยที่จะลุกขึ้นแล้วปล่อยหมัดไปที่อกเขาแรง ๆ

“อัก! น้องหญิงเล็ก เจ้ากล้าลงมือกับพี่”

“ถ้ายังอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าพี่อยู่ อย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้าไปกล่าวประโยคนี้กับใครอีก!”

หลิวหลี่เฟยเม้มปากแน่น ท่าทางพร้อมตัดขาดความเป็นพี่น้องกันของนางทำให้เขากลัว จึงได้หันไปแยกเขี้ยวใส่ชิงหมินที่รีบหลุบตาลงต่ำเพราะกลัวว่าคุณชายตรงหน้าจะบันดาลโทสะใส่ตน

“ชิงหมิน ข้าเกลียดเจ้า!”

ตะเบ็งเสียงใส่หน้าชิงหมินแล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปในทันที ท่าทางของเขาไม่ต่างอะไรจากเด็กโข่งที่สร้างความสัมพันธไมตรีต่อผู้อื่นไม่เป็นจึงแสดงออกด้วยวิธีการแกล้งผู้อื่นแทน

“มาพ่นพิษเสร็จแล้วก็ไป” หลิวหงเถาส่ายหน้าให้พี่ชายฝาแฝดที่วิ่งออกไปไกลจนหายลับตาไปแล้ว จากนั้นก็หันมาปลอบชิงหมินเสียงอ่อน 

“อยู่กับเราสองคนพี่น้อง ลำบากหน่อยนะชิงหมิน”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๒

    สามวันหลังแต่งงานจะมีธรรมเนียมคู่สามีภรรยากลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาว ชินอ๋องกับชินหวางเฟยพระองค์ใหม่เองก็ไม่ได้ละเลยธรรมเนียมนี้ รถม้าประจำตำหนักชินอ๋องแล่นมาจอดอยู่หน้าจวนเสนาบดีช้ากว่าเวลาที่นัดไว้โข แต่การมาถึงของคนทั้งคู่ก็เรียกเสียงน่าตื่นเต้นว่า ‘มาแล้ว ชินอ๋องเสด็จแล้ว ชินหวางเฟยเสด็จแล้ว’ จากผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดีและยิ่งฮือฮาเข้าไปอีกเมื่อร่างสูงดูสุภาพสง่างามก้าวลงมาจากรถม้าแล้วโปรยยิ้มให้กับประชาชนที่มารับเสด็จ จากนั้นเขาก็หันไปให้ความสนใจพระชายาคนใหม่ของตน“ชายารักระวังด้วย”น้ำเสียงทุ้มติดอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นมือขาวสะอาดไปให้ชายารักจับตอนก้าวลงจากรถม้า ความใส่ใจนี้ทำให้สาวงามในชุดพระชายาเต็มยศยิ้มจนแก้วปริ ทั้งสองประคองกันมายืนตรงหน้าเสนาบดีหลิวโดยที่แขนแกร่งของชินอ๋องไม่ได้ละไปจากร่างของชินหวางเฟยเลย มองอย่างไรผู้คนก็คิดไปในทางเดียวกันว่าชินหวางเฟยผู้นี้เป็นที่โปรดปรานยิ่งแล้วการได้รับความโปรดปรานทั้งจากการกระทำ สายตา คำพูด ไหนจะเรื่องเครื่องแต่งกายของหลิวตันตันควรจะทำให้หลิวหงเถาอิจฉา แต่ผิดคาด ใบหน้าของนางนิ่งมาก บางคนอาจคิดว่านางแค่เก็บความอิจฉาเอาไว้ในใจ แต่ใค

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๓

    ตอนนี้หลิวหงเถากำลังอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เพราะถูกมารดาปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อจับแต่งตัวไปร่วมงานชมบุปผาที่ตระกูลจิน ตระกูลของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตัวเด่นประจำงานในวันนี้แน่นอนย่อมเป็นจินเซียนเหม่ยที่ใครต่างก็รู้ว่านางคือ ‘ว่าที่ไท่จื่อเฟย’ซึ่งเพราะรู้เช่นนี้ หลิวหงเถาจึงไม่อยากไปร่วมงานชมบุปผาด้วย จินเซียนเหม่ยเป็นสหายที่เคยเล่นด้วยกันกับหลิวหงเถาตั้งแต่เด็ก ภายนอกอาจจะดูเป็นสหายที่รักกัน แต่ทั้งคู่ล้วนเข้าใจดีว่าเป็นเพื่อนกันทางการเมืองเท่านั้น บิดาของทั้งคู่เป็นข้าราชสำนักคนละฝ่ายกัน มีหรือที่บิดาค้านกันไปค้านกันมาในท้องพระโรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วคนเป็นบุตรจะสามารถคบกันเป็นสหายได้ด้วยความจริงใจ“ท่านแม่ช่วยลูกโกหกไปว่าป่วยมิได้หรือเจ้าคะ เถาเอ๋อร์ไม่อยากไปเจ้าค่ะ”“แม่จะโกหกได้ยังไงกัน รับปากจินฮูหยินไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว งานไม่ใหญ่มากหรอกลูก นั่งเพียงครู่เดี๋ยวเวลาก็ผ่านไปแล้ว ทนเอาหน่อยนะ”หลิวหงเถาถอนหายใจยาว ปกติก็ไม่ใช่คนที่เก็บสีหน้าเก่ง แล้วยิ่งต้องไปงานที่รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าภาพคิดอย่างไรอยู่ ยิ่งทำให้หลิวหงเถาไม่อยากไป นางอยากจะหายตัวไปอยู่ที่ไหนสักที่ ตายเฉพาะกิจไปเลยได้ยิ่งดี

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๔

    ตอนนี้ไท่จื่อเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน เพียงแค่เขาเผลอมองใครนานเกินไป จุดที่เขามองอยู่ก็จะเป็นที่สนใจตามไปด้้วย “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย มีอันใดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีจินเห็นว่าไท่จื่อมองไปยังหลิวหงเถานานจนเกินไปจึงได้ทักขึ้นเสียงเบา ในใจรู้สึกไม่ดีด้วยสตรีที่ไท่จื่อเผลอมองเป็นบุตรสาวของคนที่ตนไม่ใคร่ชอบหน้า“อ้อ” ไท่จื่อไม่อยากให้ตัวเองดูเสียอาการมากไปกว่านี้จึงได้บอกเหตุผลออกมาตามตรง “เปิ่นไท่จื่อเห็นคุณหนูผู้นั้นก้มหน้าอยู่ จึงสงสัยว่านางเป็นอะไรไปหรือไม่”เสนาบดีจินส่งสายตาให้บุตรสาวจัดการต่อ จินเซียนเหม่ยจึงเดินเข้าไปจับมือหลิวหงเถา ในตอนนั้นเองคนที่ตกเป็นเป็นเป้าความสนใจถึงได้สติขึ้นมาซ้ำยังสะดุ้ง ‘เฮือก’ จนคนที่อยู่ใกล้พลอยตกใจตามไปด้วย“มีเรื่องอันใดหรือ” หลิวหงเถาทำหน้าเหรอหรา เมื่อเงยหน้าขึ้นมาถึงเห็นว่าทุกคนล้วนจ้องมองมาที่ตนเป็นตาเดียวกันนี่ข้าสติหลุดไปถึงไหนแล้วเนี่ย!คนที่มองด้วยใจริษยาก็จะคิดว่านางแสร้งดึงดูดความสนใจจากไท่จื่อ แต่ตัวไท่จื่อเองนั้นกลับมองหลิวหงเถาด้วยสายตาเอ็นดู “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยเห็นเจ้าก้มหน้าบีบมือตนเองอยู่นาน…ตายจริง เลือด!”จินเซียนเหม่ยยกมือเรียวบ

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕

    ๕สุดท้ายสิ่งที่หลิวหงเถาตั้งใจไว้ก็ไม่สำเร็จ นางไม่สามารถอยู่ร่วมงานจนจบได้ เข้าไปส่งภาพวาดกับสาวใช้เสร็จนางก็เอ่ยขอตัวกับจินเซียนเหม่ยตามมารยาท อ้างว่าเจ็บแผล อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว จินเซียนเหม่ยจึงให้สาวใช้ออกมาส่งหลิวหงเถาที่หน้าจวน“ส่งข้าแค่นี้พอ ไปทำหน้าที่ของเจ้าต่อเถอะ”“แต่ว่าคุณหนู…”สาวใช้เห็นว่ารถม้าประจำตระกูลหลิวยังมาไม่ถึง อีกทั้งหลิวหงเถาก็ไม่ได้พาสาวใช้ประจำตัวมาด้วย นางจึงไม่กล้าทิ้งคุณหนูตระกูลดังให้ยืนรอแต่เพียงผู้เดียว“ไปเถอะ ข้ารอคนเดียวได้”หลิวหงเถาเอ่ยเสียงเข้มฟังดูดุกว่าเดิมจนสาวใช้ต้องยอมล่าถอยออกไปทำงานของตนเองต่อ หลิวหงเถาจึงได้ยืนแกร่วอยู่คนเดียวที่หน้าประตูใหญ่นานพอควรถึงได้ตัดสินใจว่าจะเดินกลับจวนเอง“ไม่น่าบอกให้รถม้ากลับไปก่อนเลย”นางถอนหายใจยาวแล้วเดินออกมาจากจวนท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา หลิวหงเถาเป็นสตรีที่มีใบหน้าสะดุดตามาก กอปรกับวันนี้แต่งตัวจัดเต็มมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเรียกสายตาใครหลาย ๆ คนให้มองไปยังนางได้ไม่ยากแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ กายหยาบอยู่นี่ก็จริงแต่วิญญาณลอยไปอยู่ที่เตียงนอนนานแล้ว ตอนนั่งรถม้าไปยังจวนเสนาบดีจินก

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๖

    ภาพการทะเลาะกันของทั้งสามคนตกอยู่ในสายตาคมกริบของชินอ๋องตั้งแต่ต้นจนจบ เขายิ้มเต็มใบหน้าเมื่อสุดท้ายหลิวหงเถาก็เป็นผู้ชนะ “เจ้าจะรู้ตัวไหมนะว่าใคร ๆ ต่างก็ยอมให้เจ้าไปเสียหมด”วันนี้ชินอ๋องเพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจที่ต่างเมือง เขาปลอมตัวจนไม่เหลือเค้าของชายสูงศักดิ์ให้ใครได้สงสัย ขนาดมานั่งจิบชาอยู่ข้าง ๆ ร้านขายต้นไม้ตรงข้ามร้านบะหมี่ หลิวหงเถายังดูไม่ออกเลยแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเช่นกัน ก่อนที่จะต้องกลับวังอ๋องไปพบกับเส้นทางที่จำต้องเลือก การได้ทำอะไรตามใจตนเองสักครู่หนึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากจริง ๆระหว่างที่เขากำลังมองแก้มป่อง ๆ คีบเส้นเข้าปากตุ้ย ๆอยู่นั้น องครักษ์คนสนิทก็เดินเข้ามารายงานเหตุการณ์ที่เขาพลาดไป“งานชมบุปผาวันนี้เกิดเรื่องชุลมุนอยู่สองเรื่องพ่ะย่ะค่ะ เรื่องแรกเป็นเจ้ากรมการคลังจูมีปากเสียงกับเสนาบดีจินต่อหน้าพระพักตร์ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย เรื่องจบลงได้ดีเพราะว่าเสนาบดีจินยอมให้ก่อน”“มีปากเสียงกันเรื่อง”“เสนาบดีจินเอ่ยถึงเรื่องงบการสร้างกำแพงทางตะวันตกพ่ะย่ะค่ะ”ชินอ๋องร้อง ‘อ้อ’ ในใจ เอ่ยมาเพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าเหตุใดถึงขั้นมีปากมีเสียงกันทางตอนกลางกับตอนตะวัน

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๗

    จูม่านหลิงมารดาของหลิวหงเถาแม้ไม่ได้ไปร่วมงานชมบุปผาที่ตระกูลจิน แต่นางก็ยังพอมีคนรู้จักที่ไปงานนั้นอยู่บ้าง หนึ่งในสหายของนางให้คนส่งข่าวมาบอกว่าเกิดเรื่องกับบุตรีคนเล็ก นางจึงร้อนใจรีบส่งคนขับรถม้าออกไปรับ แต่รอมานานแล้วก็ยังไม่เห็นแววว่าจะมีรถม้าตระกูลหลิวแล่นเข้ามาบริเวณหน้าเรือนเลย ในใจจึงยิ่งร้อนรนขึ้นเป็นเท่าตัว“เข้าไปรอด้านในก่อนดีหรือไม่เจ้าคะฮูหยิน วันนี้ลมแรงมาก ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเจ้าคะ”“รอมาตั้งนานแล้วให้รออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป” ภายนอกจูม่านหลิงยังคงดูสงบนิ่งอยู่ก็จริง แต่ภายในหัวของนางนั้นคิดสะระตะไปหมด “เป็นความผิดข้าเองที่คะยั้นคะยอให้นางไปงานให้ได้ มันเป็นความผิดข้าเอง”“โถ่ ฮูหยินอย่าโทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ”ใบหน้างามสมวัยหันมามองคนสนิท “ไม่โทษตัวเองแล้วเจ้าจะให้ข้าโทษหวางเฟยรึ!”ในเรื่องการส่งเทียบเชิญ ความจริงแล้วหลิวตันตันเองก็เพิ่งให้คนมาส่งข่าวบอกนางที่จวนเมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้ ใครจะคิดว่าเทียบเชิญจากวังอ๋องจะส่งไปที่ตระกูลอื่นก่อนตระกูลหลิว ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดหรือความตั้งใจก็ตาม ผลเสียได้ตกอยู่ที่บุตรีของนางทั้งคู่ จะโทษใครก็ไม่สู้โทษตัวเอง“นั่น มากันแล้

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๘

    เป็นอย่างที่จูม่านหลิงได้กล่าวไว้ วันต่อมาหลิวหวางเฟยก็เรียกหลิวหงเถาเข้าเฝ้าที่วังอ๋อง เมื่อไล่เหล่านางกำนัลของวังออกไปหมดแล้ว จนเหลือเพียงหวางเฟยกับสาวใช้คนสนิทจากตระกูลเดิม ใบหน้างดงามอ่อนหวานก็แปรเปลี่ยนไปเรียบตึง ให้อารมณ์ต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคนแต่สำหรับหลิวหงเถานั้น ใบหน้าแบบนี้ต่างหากคือสิ่งที่นางชินชา!“งามหน้านัก ป่านนี้คนเขาคงหัวเราะเปิ่นหวางเฟยกันหมดแล้วว่ารังแกได้แม้แต่น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ก็เพราะเจ้าไม่หัดควบคุมสีหน้าตัวเองอย่างไรเล่า เปิ่นหวางเฟยถึงไม่อยากให้เจ้ามาร่วมงานด้วย”หลิวหงเถาเม้มปากน้ำตาคลอเบ้า “อ้อ ที่แท้ก็ทรงตั้งใจไม่เชิญหม่อมฉันจริง ๆ สินะเพคะ หากเป็นเช่นนั้นไยไม่ตรัสออกมาตามตรง หม่อมฉันจะได้ไม่ต้องทำให้พระองค์เสียหน้าตั้งแต่ตอนแรก”“เถียง! เถียงเก่งจริง ๆ ไปหัดควบคุมสีหน้าของตัวเองให้ได้ก่อน แล้วเปิ่นหวางเฟยจะยอมให้เจ้าเข้างานด้วย”“หม่อมฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอกเพคะ แค่รู้สึกเสียหน้าที่โดนเมินเฉยเท่านั้น หวางเฟยคงไม่ได้มีเรื่องอยากตำหนิหม่อมฉันแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวกระมัง มีสิ่งใดอยากตรัสเชิญเถิดเพคะ”หลิวหวางเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพยายา

    Dernière mise à jour : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๙

    ระหว่างนั่งรถม้ากลับจวน หลิวหงเถาคิดไม่ตกว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้มารดาอนุญาตออกจากจวนไปหาแหล่งที่ตั้งของหมู่บ้านด้าย แม้ความจริงนางสามารถซื้อเส้นด้ายขาวมาย้อมสีเองได้ แต่ว่าคุณภาพที่ได้ก็ยังไม่เท่ากับต้นตำรับที่เขาทำขายกันหลายทศวรรษเดินทางไปครั้งนี้ข้าจะแอบจำสูตรมาให้ได้เลย!แต่ก่อนที่นางจะแอบไปจำสูตรของผู้อื่นมาใช้ นางจำต้องผ่านด่านนี้ก่อนนั่นคือ ‘พูดอย่างไร’ ให้ท่านแม่อนุญาต“เอาอย่างไรดีหมินมิ่น ท่านแม่ไม่ยอมแน่เลย เป็นสตรีนี่เหนื่อยจริง ๆ กว่าจะไปค้างอ้างแรมที่ใดได้ช่างยากเย็นนัก ข้าชักจะอิจฉาบุรุษแล้วนะ”ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังแอบอยู่หน้าประตูเรือนของฮูหยินใหญ่ ยืนละล้าละลังไม่กล้าเดินเข้าไปด้านในสักที“พี่เถาเถ่าเป็นสตรีดีแล้วขอรับ อย่าเป็นบุรุษเลย”“เจ้าพูดอีกก็ถูกอีก ดีแค่ไหนแล้วที่พี่เป็นสตรี ไม่เช่นนั้นหลิวหลี่เฟยโดนกดไปอยู่ท้ายจวนแล้ว ไม่ได้เกิดหรอก”ชิงหมินปิดปากหัวเราะพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย ในใจคิด…พี่เถาเถ่าของข้าหากเกิดเป็นบุรุษแล้ว ท่านเสนาบดีหลิวย่อมมอบทุกอย่างให้นางเป็นแน่เพราะพี่เถาเถ่าของข้านะ เก่งกาจที่สุด“เอาอย่างไรดี พี่ยังไม่เครียดเรื่องการปักผ้าเท่ากับเครียดเรื่อ

    Dernière mise à jour : 2025-05-02

Latest chapter

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 3 (จบบริบูรณ์)

    ตอนพิเศษที่ : 3เริ่มต้นชีวิตคู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยณ ห้องหอของบ่าวสาวคู่ใหม่ในวังปีศาจ สองบ่าวสาวคล้องแขนกันดื่มสุรามงคลที่เถาฮวาเฉินเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารสชาติที่ได้ย่อมต่างจากสุราทั่วไปที่นางให้ผู้อื่น“รู้หรือไม่ว่าสุราที่เราให้ฉางฉ่างดื่มจะทำให้ฉางฉ่างไม่สามารถไปดื่มสุราที่ใดได้อีก”“ข้ารู้”เถาฮวาเฉินเลิกคิ้วขึ้นสงสัย “เหตุใดถึงไม่แปลกใจหรือไม่สงสัยอันใดเลย ไม่คิดบ้างหรือว่าเราอาจจะวางยาอะไรใส่ให้ฉางฉ่างดื่มกินก็ได้”หยิ่นฉางยกยิ้ม ทั้งยังเทสุราใส่จอกแล้วยกดื่มให้นางดูอีกสามครั้ง เป็นการบอกว่าเขาไม่ได้สงสัยในสิ่งนี้ ช่างขยันในการพิสูจน์ด้านการกระทำสำคัญกว่าคำพูดจริง ๆ“ท่านรู้สึกแย่หรือไม่ ที่ข้าไม่ได้บอกท่านก่อนเรื่องที่ให้ท่านพ่อเตรียมงานแต่งงานของเราไว้”ท่าทางของเถาฮวาเฉินไม่แสดงออกว่าโกรธหรือไม่ แต่เขาก็ยังอยากรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของนาง“อือ” นางทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่คนที่เฝ้ารอคำตอบกลับแอบกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “อาจจะตกใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะ ฉางฉ่างก็อย่าคิดมาก เราเป็นคนตรง ๆ อยู่แล้ว คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไรไม่เก็บมาคิดคนเดียวหรอก”“จริงหรือ”“จริงสิ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ : 2องค์ชายเล็กของแดนปีศาจ“ว้าว~นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เราได้มาเยือนพระราชวังของแดนปีศาจ ใหญ่โตดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันนะฉางฉ่าง”หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแนบชิดกันมาสามวัน คำเรียกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จาก ‘หยิ่นฉาง’ ก็เป็น ‘ฉางฉ่าง’ และจากเถาฮวาก็เป็น ‘เถาเถ่า’“ต่อไปที่นี่ก็คือบ้านของเถาเถ่า ท่านพ่อต้องชอบท่านแน่ ไม่ต้องกังวลนะ เขาจะดีต่อท่าน”เถาฮวาเฉินพยักหน้ารับพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ในใจคิดเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเพิ่งผ่านช่วงแต่งงานแล้วก็กลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาวกันนะ ว่าแต่…“จอมปีศาจจะชอบสุราของเราหรือไม่ สุราหมื่นปีแบบนี้แม้จะเป็นของหายาก แต่ไม่ได้มีใครที่จะได้ดื่มกินบ่อย ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่คุ้นลิ้น อย่างช่วงงานฉลองราชย์ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เราเคยเอาสุราหมื่นปีถวายเช่นกัน แต่พระองค์มิใคร่พอใจนัก ช่างเอาใจยากจริง ๆ”หยิ่นฉางหัวเราะในลำคอเบา ๆ หากบิดาของเขาได้ยินคำบ่นนี้ของนางไม่วายหัวเราะชอบใจที่นางเอ่ยนินทาประมุขของเผ่าสรรค์เช่นนี้“ทุกคนรอเราอยู่ที่ท้องพระโรงใหญ่”“หือ ท้องพระโรงหรือ”เถาฮวาเฉินรู้สึกเอะใจกับคำพูดนี้ของเขามาก จนกระทั่งเขาพานางเดินมาถึงจ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่: 1กิจกรรมที่คนคบกันเขาทำกัน ณ พระราชวังแคว้นชิงชิว “ท่านว่าเรามองนางอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว”“ไม่รู้สิ หนึ่งชั่วยามได้แล้วหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกว่าเสียเวลาก็ไปทำงานที่คั่งค้างไว้ก่อนได้เลย ข้าขอดูนางต่ออีกหน่อย”หยิ่นฉางส่ายหน้าเบาๆ “ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน เช่นนี้ไม่เรียกว่าเสียเวลาหรอก แล้วอีกอย่างข้าก็ว่างมากด้วย”ตอนนี้เถาฮวาเฉินและหยิ่นฉางได้ลงมาโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อทำกิจกรรมที่คู่รักเขาทำกัน นั่นคือการทำอะไรก็ได้ให้ใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เถาฮวาเฉินเสนอมาก็คือการนั่งมององค์หญิงสาม บุตรสาวของหลิวหงเถาที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่เถาฮวาเฉินละสายตาจากองค์หญิงสามเพื่อหันกลับมาจ้องมองหยิ่นฉาง “ใช้คำพูดรุกเราให้ใจเต้นรัวอีกแล้วนะ” จากนั้นก็จูงมือเขาออกจากศาลาที่องค์หญิงสามนั่งอยู่ ทั้งคู่พรางกายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีมนุษย์ผู้ใดสามารถมองเห็นได้“ช่วงข้าวใหม่ปลามันจะให้แผ่วได้อย่างไร”ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แขนยาวยังเอื้อมไปโอบไหล่นางพร้อมซบหน้าลงหัวไหล่ด้วย เถาฮวาเฉินไม่ได้ขัดขืนทั้งยังยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาตอบ ทั้งคู่จับมือกันเดินผ่านสวนงดงามของวังหลวงและพูด

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๓

    เถาฮวาเฉินพูด :“อื้อ~สบายจัง”ข้าบิดขี้เกียจพร้อมกล่าวเสียงอู้อี้ออกมาขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ ข้ารู้สึกที่นอนนั้นช่างหนานุ่ม สามารถดูดวิญญาณของข้าให้อยู่บนนี้ได้ทั้งวัน แต่เดี๋ยวก่อนนะ…“ข้ามีเตียงแบบนี้ด้วยหรือ”“...จากที่ข้าลอบเข้าไปดูที่แดนดอกท้อ ไม่มีนะท่าน”เฮือก!เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นข้าก็เด้งตัวขึ้นมานั่ง จากที่ไม่อยากลืมตาสู้แสง ดวงตากลับแจ่มชัดไร้ความพร่ามัว“นี่ท่าน…”กำลังจะตั้งคำถามว่า ‘นี่ท่านมาอยู่ห้องของเราได้อย่างไร’ แต่สุดท้ายก็เงียบไป เพราะคิดได้ว่าตนเองต่างหากที่มาอยู่ในดินแดนของผู้อื่น“ว่าต่อสิ หรือกำลังคิดอยู่ว่าข้าได้ทำอะไรท่านหรือไม่”หยิ่นฉางถามขึ้นยิ้ม ๆ ทั้งยังถอยห่างออกจากข้าดั่งกับว่าเขาอยากให้ข้ารู้สึกปลอดภัย ไม่โดนคุกคามอยู่ นั่นจึงทำให้ข้ารู้สึกดีต่อการกระทำนี้ของเขามาก“เราเปล่าคิดเช่นนั้นสักหน่อย ว่าแต่ท่าน…”ข้าไล่สำรวจเขาทั้งร่าง ตอนแรกก็แค่รู้สึกว่าเขามีอะไรเปลี่ยนไปสักอย่าง พอสำรวจอย่างละเอียดอีกที ที่แท้เป็นเพราะชุดสีขาว“ข้าดูแปลกตาไปใช่หรือไม่ ท่านจึงได้จ้องตาไม่กะพริบถึงเพียงนี้”หยิ่นฉางถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนที่จะยื่นมือม

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๒

    สิ้นคำที่หยิ่นฉางปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ ‘สุภาพชน’ เขาก็แสดงอาการตรงข้ามกับคำพูดนี้ทันทีโดยการอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วหายวับกลับถิ่น ณ ดินแดนปีศาจในทันทีตุบ!“โอ๊ย!”หยิ่นฉางวางเถาฮวาเฉินลงบนเตียงอย่างแรงจนร่างบางรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ใบหน้างามชักสีหน้าใส่เขา แต่หยิ่นฉางหรือจะสน ร่ายมนตร์สร้างอาณาเขตไว้เพื่อไม่ให้เถาฮวาเฉินใช้พลังหนีออกจากที่นี่ไปได้จนกว่าจะสนทนากันให้รู้เรื่อง“ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ ข้าก็นับว่าเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดตนหนึ่งในแดนปีศาจ มีทั้งประสบการณ์ด้านการต่อสู้ ไม่ว่าจะทั้งสัตว์อสูรร้ายหรือแม้กระทั่งเทพเซียนที่แข็งแกร่ง ข้าก็ผ่านมาแล้ว สำหรับท่านที่วัน ๆ หมักแต่สุรา...”พูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป อีกทั้งยังส่ายหน้าน้อย ๆ สองครั้ง ทำเอาคนถูกสบประมาทเดาคำว่า ‘สำหรับข้าไม่นับว่าเป็นอะไร จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด’ จากท่าทางของหยิ่นฉางได้แล้ว“เมื่อก่อนท่านไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เหตุใดถึงได้เปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้”หยิ่นฉางเลิกคิ้ว “ก็ไม่ใช่ว่าท่านบอกให้ข้าลืมเลือนเรื่องในอดีตหรอกหรือ นี่อย่างไร ข้าก็ลืมความอ่อนโยนที่เคยมีให้แล้วแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว ตกลงจะเอาอย่าง

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๑

    “หึ! โดนเสด็จพ่อของพวกเจ้าลงโทษเรื่องใดมาเล่า ถึงได้มากวาดลานวัดเช่นนี้”“ท่านน้า”องค์ชายแฝดทั้งสองทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งเข้าไปหา ‘ท่านน้าหยิ่นฉาง’ ผู้ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เมื่อก่อนมีรูปลักษณ์เช่นไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน“พวกเจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนกับลูกลิงอยู่ได้ รักษาภาพลักษณ์องค์ชายแห่งแคว้นบ้างเถิด”องค์ชายใหญ่พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างแรง ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“ท่านน้า ภาพลักษณ์ของพวกเราไม่เหลือตั้งแต่ที่เสด็จพ่อให้มากวาดลานวัดเช่นนี้แล้วขอรับ”“แต่ข้าว่าไม่เหลือตั้งแต่ไปก๊งเหล้าที่ร้านนั้นแล้วละ”อ๋องน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่จะเดินเข้ามารวมกลุ่มด้วย ที่จริงเขาไม่ได้โดนลงโทษให้มากวาดลานวัดเช่นนี้ แต่มีหรือที่องค์ชายแฝดจะปล่อยให้เขารอดไปได้ ทั้งยังกล่าวว่า…‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมฝ่าฝันไปด้วยกัน’“หือ” หยิ่นฉางเลิกคิ้วถาม “ร้านใดกันที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักชินอ๋องถึงขั้นไปลิ้มลองได้”องค์ชายรองเป็นคนอธิบายคำถามนี้ “เป็นร้านสุราดอกท้อข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่งขอรับท่านน้า คนขายเป็นพ่อค้าหน้าหยก รสชาติสุราเป็นร

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๐

    “ต้าเกอ วันนี้กระบวนท่าไม่เลวเลย ฝีมือท่านพัฒนาขึ้นมาก”“เป็นเอ้อร์ตี้ออมมือให้ต่างหาก มิเช่นนั้นเราคงไม่เสมอกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทำให้ต้าเกอไม่เสียหน้าก็แล้วกัน ไม่สิ! ต่อให้แพ้ แต่แพ้เอ้อร์ตี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายอะไร”“ต้าเกอก็ชมข้าเกินไปแล้ว มา! เอ้อร์ตี้คารวะให้ท่านหนึ่งจอก”“ได้เลย”สองบุรุษหน้าตาคล้ายกันเกือบสิบส่วนเอื้อนวาจาเยินยอกันเองก่อนที่จะยกจอกสุราชนกัน ทั้งสองคนที่ว่าก็คือองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองของแคว้นชิงชิวนั่นเอง ก่อนทั้งสองกลับวังตนเองทั้งคู่ได้ชวนกันมาร่ำสุราที่ร้านข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง“อือ สุราดี”รสชาติของสุราทำให้ทั้งสองพอใจเป็นอย่างมาก ขนาดที่ทั้งคู่หันไปชมเถ้าแก่ร้านหน้าละอ่อนไม่หยุด“เถ้าแก่ สุราดอกท้อของท่านรสชาติดียิ่ง ท่านทำเองหรือว่ารับมาขาย”เถ้าแก่ร่างบางตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะแย้มยิ้มรับคำชมนั้นอย่างภูมิใจ“แน่นอนว่าข้าย่อมหมักเอง คุณชายทั้งสองสนใจซื้อในปริมาณมากหรือไม่ ข้าน้อยจะคิดราคาให้เป็นพิเศษเลย”“โอ้ เช่นนั้นข้าขอสั่งสักสิบไหได้หรือไม่ เถ้าแก่เชิญคิดราคามาได้เลย”“สิบไหเป็นห้าตำลึงเงินก็แล้วกัน ราคากันเอง”ไม่เพียงองค์ชายทั้

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๔๙

    หลิวหงเถาพูด:เวลาของโลกมนุษย์และดินเแดนเบื้องบนต่างกัน หนึ่งวันของแดนสวรรค์เท่ากับหนึ่งปีของโลกมนุษย์ ระยะเวลารวมที่ข้าเซียนจากแดนแห่งการชำระล้างจากไปเป็น 40 วัน ของแดนสวรรค์ ในเมืองมนุษย์ก็เท่ากับ 40 ปีใช่! ตอนนี้ข้าตายจากการเป็นมนุษย์และได้กลับมายังดินแดนชำระล้างแล้ว พลังบริสุทธิ์ที่คุ้นเคยทำให้ข้ารู้สึกร่างกายคล้ายกับได้รับการเยียวยา พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก …ที่แท้ความรู้สึกของการเลื่อนขั้นเป็นเช่นนี้ข้าเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่อันมีดอกไม้นานาชนิดประดับตกแต่งไว้ ทั้งการจัดโต๊ะ ทั้งบรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกถึงงานเลี้ยงฉลองไม่มีผิด ทันใดนั้นข้าก็ได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“ยินดีต้อนรับเซียนเถาฮวา ไม่ใช่สิ! ยินดีต้อนรับเทพเถาฮวากลับสู่แดนชำระล้าง ทั้งหมดนี้คืองานฉลองการต้อนรับกลับบ้าน”คนแรกที่ข้าเห็นยามเดินเข้ามาในห้องโถงคือท่านหัวหน้าดินแดน สิ้นประโยคของนางก็เกิดคลื่นพลังมากมายหลากสีขึ้นมาในห้องโถง พร้อมกับการปรากฏตัวของเทพเซียนองค์อื่น ๆ“ยินดีต้อนรับเถาฮวาเฉิน” พวกนางกล่าวต้อนรับข้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ข้าจึงมอบรอยยิ้มจริงใจส่งกลับไปให้ทุกคนเช่นกัน“ขอบคุณ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๔๘

    เมื่อยามที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักแล้วได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กหญิง เสียงพูดไม่ชัดของเด็กชาย เสียงใสของสตรีอันเป็นที่รัก มันทำให้ข้ารู้สึกถึงคำว่า ‘ครอบครัว’นึกอยากขอบคุณเสด็จอาในวันนั้นที่บอกให้เขาอย่าได้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องนาง มิเช่นนั้นคืนวันเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นในชีวิตเขา“เสด็จพ่อ”‘อีเกอ’ พระโอรสองค์แรกของเขาวิ่งเข้ามาเกาะขา ร่างสูงก้มตัวลงแล้วอุ้มบุตรชายขึ้นแนบอก กดจมูกหอมแก้มซาลาเปาอย่างหมั่นเขี้ยว การที่มีคนหน้าตาคลายคลึงนางเพิ่มมาถึงสามช่างดีจริง ๆ“ฝ่าบาท…”ฮองเฮาคู่บัลลังก์ของเขาเพียงแค่ส่งยิ้มมอบให้เท่านั้น ไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพ เพราะเขาเคยห้ามไว้ไม่ให้นางทำในเวลาส่วนตัวเช่นนี้“เป็นอย่างไรบ้าง ตำหนักใหม่ถูกใจฮองเฮาหรือไม่”ฮ่องเต้หนุ่มถามนางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความนุ่มนวลไว้หลายส่วน นางพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วส่งบุตรีคนที่สามมาให้เขาอุ้ม ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเมื่อเห็นเหงือกสีชมพูอ่อนไร้ฟันแย้มยิ้มดีใจที่เขาจะอุ้มนาง“เสี่ยวเม่ยของพ่อ”ไทเฮาโปรดหลานสาวคนนี้มากกว่าใคร ฮ่องเต้หนุ่มทราบว่าพระมารดาอยากมีองค์หญิงน้อยมาตลอด แต่ว่าสภาพร่างกายไม่เอื้อต่อการมีบุต

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status