"มีเรื่องกันหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วง" ท่าทางกังวลถูกฉายชัดผ่านดวงตากลมโต เสื้อคลุมถูกสวมใส่อย่างลวกๆ หยดน้ำไหลเป็นทางตามร่างกายขาว หากผิวขาวซีดจะดูไม่น่าดึงดูดแต่ไวท์ดันขาวอมชมพู ยิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ดูยั่วยวนโดยธรรมชาติมาก รัชทายาทลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สามัญสำนึกบอกให้เขาหยุดคิดอะไรที่ไม่ดีไม่งาม
"กระรอกน้อยรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำใช่หรือไม่" เสียงทุ้มต่ำถามพลางสะกดอารมณ์ของตนเองลง
"ครับ ผมได้ยินเสียงเลยรีบคว้าชุดคลุมออกมาเลย" มือหนาคว้าผ้าห่มขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วพันร่างของไวท์ไว้ทั้งหมดพลางอุ้มพากลับไปห้องอาบน้ำ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีใครเห็นบ้าง สายตาพิฆาตถูกส่งไปยันทหารในคฤหาสน์ ทุกคนก้มลงกับพื้นหมดเพราะไม่อาจทนรังสีความหวงของรัชทายาทได้
"แต่งตัวนะ แล้วเช็ดผมให้แห้งนะ"
"ครับ"
"ข้าว่าพวกเรากลับวังกันเถอะ"
"จะดีเหรอครับ"
"กระรอกน้อยช่วยทำฝายชะลอน้ำแล้ว"
"ทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร"
"ที่นี่อากาศเย็นเกินไป ข้าคิดว่าร่างกายของกระรอกน้อยจะรับไม่ไหว"
คนที่รับไม่ไหวและรับมือยากที่สุดมันคือพระองค์ต่างหากล่ะ! รัชทายาท เขาลอบเถียงในใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ทันเสียแล้ว
"จะบอกว่าข้ารับมือยากเหรอ"
"ทำไมถึงรู้ครับ ผมยังไม่ทันพูดเลยนะ"
"แค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าเจ้าแอบเถียงข้าในใจ" ไม่ว่าเขาจะทำอะไรอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ความคิดไปเสียหมด ไม่มีทางจะต่อกรแวมไพร์ที่สมบูรณ์แบบได้เลยสักนิด สมแล้วที่ได้รับตำแหน่งรัชทายาท การแต่งตัวและเช็ดผมถูกช่วยโดยเหล่าบรรดาสาวใช้ทั้งหลายที่คัดมาเฉพาะคนที่แต่งงานแล้วเท่านั้น
เรื่องการหึงหวงที่ชัดเจนนี้รู้มาถึงคฤหาสน์ของสองพี่น้องฝาแฝด และมีตำแหน่งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังค์เป็นลำดับที่ 2 และ 3 ตามอายุตอนเกิด สองแฝดรู้โลกแวมไพร์จะต้องรู้ พวกเขาส่งคนไปกระจายข่าวตามดินแดนต่างๆ เรื่องความหวงคุณชายไวท์ สำหรับที่นี่แล้วการกระจายข่าวไม่ได้ยากนัก ถึงจะไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่การมีปีกบินไปไหนมาไหนได้ก็สะดวกไม่น้อย
"อยากรู้จริงๆ ว่าท่านพี่จะจัดการข่าวลือนี้ว่าอะไร"
"นั่นสิ เพราะว่าคุณชายไวท์ก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ทำแบบนี้ไม่มีทางเหมาะสมแน่นอน"
"สาวๆ จะต้องมาวุ่นวายถึงราชสำนักแน่"
เมื่อข่าวลือเรื่องว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาทถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เหล่าหญิงสาวน้อยใหญ่เกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเป็นใคร มีที่มาอย่างไร อยู่ตระกูลไหน จดหมายหมายถึงถูกส่งถึงราชสำนักเป็นจำนวนมาก สร้างความโกลาหลในการทำงานภายในวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากจดหมายของหญิงสาวมาปะปนกับราชกิจของเชื้อพระวงศ์
"ที่รัก เจ้าคิดว่าเป็นฝีมือใคร" จักรพรรดิเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นานแล้วที่ไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้ ทำให้การจัดการเรื่องนี้บกพร่องหลายแห่ง
"ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของพวกแฝด ลำพังรัชทายาทไม่มีทางทำแบบนั้นให้เกิดความวุ่นวายในวังหลวงหรอก"
"อยากเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์มากถึงขนาดจะพี่ชายของตนเองเดือดร้อนเลยรึ" เขาไม่คิดเลยว่าลูกชายที่คลานตามกันมาจะกล้าทำถึงขนาดนี้
"ข้ารู้นิสัยของลูกดีว่าทำเพื่อความสนุก พวกแฝดป่วนจักรวรรดิมาตั้งกี่สิบปีแล้ว...ตั้งใจจะแกล้งพี่ชายเพียงแค่รอบนี้หนักข้อไปหน่อย"
"ข้าว่าไม่หน่อยแล้ว มีแต่คนถามว่าว่าที่คู่หมั้นคือใคร"
"พวกเราจะทำยังไงกันดี ที่รัก"
"ส่งจดหมายตอบกลับไปให้หมดว่า เป็นคุณชายจากตระกูลริค จะมีการเปิดตัวหลังจากนี้ภายใน 1 เดือน"
"ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกแฝดนรก จะสามารถแผลงฤทธิ์ได้สมชื่อหรือไม่" แววตาของจักรพรรดินีในเวลานี้มีแต่ความอยากรู้อยากลอง ซึ่งจักรพรรดิเองก็เกรงกลัวไม่แพ้คนอื่นๆ ลองให้เธอได้เป็นผู้ตัดสินใจแล้ว แปลว่างานนี้มีสงครามเย็นเกิดขึ้นในครอบครัวอย่างแน่นอน เป็นอันรู้กันว่าว่าที่ลูกสะใภ้ทรงเป็นที่โปรดปรานมาแค่ไหน
ความโกลาหลนี้ถูกส่งมายังคฤหาสน์ที่รัชทายาทอาศัยอยู่ ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร ด้วยความเป็นแม่ลูกกันถึงได้ตอบกลับจดหมายในลักษณะเดียวกัน เพื่อหยั่งเชิงว่าแฝดนรกจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป จะเลือกบัลลังค์หรือว่าครอบครัวกันแน่ มือหนาตวัดปลายพู่กันอย่างเชี่ยวชาญด้วยความใจเย็น เขาเชื่อมั่นว่าจะต้องมีคนอยากรู้เพิ่มขึ้นว่าเป็นใครอย่างแน่นอน แต่คนจำนวนไม่น้อยที่รู้อยู่แล้วว่าคนที่คีย์พึงพอใจเป็นใคร มีหน้าตาเป็นอย่างไร
"พวกเราเตรียมกันเสร็จแล้วนะพะยะค่ะ โครงการฝ่ายชะลอน้ำลุล่วงไปด้วยดี" เสียงหวานค่อยประตูเรียกอีกฝ่ายที่ยังทำงานอยู่ในห้อง
"รอข้าก่อนนะ ขอตอบจดหมายก่อน"
"ได้ครับ ผมไปรอที่รถม้านะ"
ดูท่าที่วังหลวงจะยุ่งกันมากถึงได้ส่งจดหมายมาหารัชทายาททั้งวันทั้งคืนขนาดนี้ แต่พอผมถามว่าเป็นเรื่องอะไรก็ไม่มีใครยอมบอกสักคน แม้กระทั่งสาวใช้ที่ถูกส่งมาให้ดูแลยังปิดปากสนิท เรื่องต้องใหญ่แค่ไหนทำไมมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ไม่ได้ หรือว่าที่จริงแล้ว.....
"ไปกันกระรอกน้อย ท่านแม่รออยู่นะ" ร่างสูงโปร่งถูกรวบตัวเข้าไปกอด นี่สินะ! ที่เขาเรียกว่าการสัมผัสกันช่วยให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายช่วยรู้สึกปลอดภัยมันเป็นแบบนี้นี่เอง
"ท่านพี่ ผมหายใจไม่ออก" ร่างหนายอมคลายอ้อมกอดลงนิดเดียว ขอเน้นว่านิดเดียวเท่านั้น!!!!!
"ที่ไม่มีใครยอมตอบคำถามของผม เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมใช่ไหมครับ" ไม่มีเสียงตอบกลับจากคีย์นอกจากเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอเท่านั้น รัชทายาทคงจะทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนหลายวันแน่นอน ไม่งั้นคงไม่เผลอหลับแบบนี้แน่ แต่หารู้ไม่ว่านี่เป็นแผนการหลีกเลี่ยงตอบคำถามเท่านั้น จากแผนการกลายเป็นหลับจริงเสียนี่
"รัชทายาทอ่อนเพลียมาก ตลอดระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านมาพระองค์ทำงานอย่างหนัก กระผมว่าคุณชายอย่าเพิ่งซักถามอะไรเลยดีกว่าขอรับ รอถึงวังหลวงแล้วค่อยว่ากัน" ใจจริงเมล์ไม่ได้อยากพูดจาเป็นทางการแบบนี้ แต่เห็นเจ้านายของตนส่งสายตามาหาหลายต่อหลายครั้งเลยพูดเพื่อหยุดสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจมากว่ากล้าหลับในที่อันตรายแบบนี้ แปลว่าคงไว้ใจอีกฝ่ายพอสมควร
ปึง!
"ที่วังหลวงเกิดความวุ่นวายในครั้งนี้ เป็นฝีมือของทั้งสองพระองค์ใช่หรือไม่ แล้วทำไมถึงดึงคุณชายจีนเข้าไปเกี่ยวด้วย" สิ่งที่มาร์แชลพูดไม่ใช่คำถามแต่เป็นการเค้นเอาคำตอบเสียมากกว่า
"ข้าจงใจทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" คลาสทำหน้าตาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ตนเองทำลงไป
"ใช่ วังหลวงเงียบมานานมันน่าเบื่อ พวกเราเลยหาอะไรสนุกๆ ให้ทำ" ครอสเห็นด้วยกับความคิดของพี่ชายฝาแฝด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การเล่นสนุกของเหล่าแฝดนรกส่งผลกระทบกับผู้คนหมู่มาก มีคนรู้ว่าเป็นฝีมือของใครแต่ไม่มีหลักฐานในการเอาผิดจึงได้ปล่อยผ่านไปเป็นเวลานาน
ภายในระยะเวลาไม่กี่วันท่านแม่และท่านพี่ก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง แถมยังระบุวันงานเปิดตัวคุณชายไวท์ออกมาเป็นที่เรียบร้อยอีกต่างหาก การป่วนของพวกเขานั้นไม่ได้ต้องการทำให้ราชสำนักเสียหาย แต่เป็นการเร่งมือให้พี่ชายของเขารีบประกาศตัวว่าใครเป็นคู่หมั้นและหยุดยั้งการหวังลมๆ แล้งๆ ของใครหลายคนที่จ้องจะจีบว่าที่คู่หมั้นของพี่ชายตนเอง
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ
มือขวาดีดนิ้วทำให้วงเวทย์จำกัดการใช้พลังของพวกเราให้อยู่เพียงภายในวงเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าพลังของทั้งคู่มีมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของมังกรปิดกั้นมันไว้ทันทีก่อนจะออกตัวต่อสู้ผัวะ!แรงปะทะกันซึ่งหน้าทำให้ต่างคนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของมังกรได้เปิดใช้ทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความรู้สึกเป็นศัตรูเพื่อมาสู้กับเขา หมายความว่านี่คือการทดสอบความสามารถสินะ ถ้างั้นมาลองกันสักตั้งแล้วกัน ขอไม่เกรงใจกันแล้วผัวะ! พลั่ก! ตุ้บ!ไวท์เร่งความเร็วทั้งพละกำลังและการต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อวัดกันไปเลยว่าสารวัตรต้องการจะตรวจสอบอะไรกันแน่ มาตรวจกันให้มันจบวันนี้ไปเลย ทุกกระบวนท่าที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดใส่ไปให้หมดไม่ต้องปกปิดความสามารถเอาไว้เพราะว่าบุคคลนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนคีย์สังเกตเห็น
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ทุกคนเหนื่อยเหรอ” ไวท์ถามพลางเอียงคอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันหมด“จะเหนื่อยได้ยังไงขอรับ ในเมื่อคนออกแรงคือท่านไวท์ต่างหาก” เฟลิกซ์บอกพลางมองเหล่าแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายด้วยความเบื่อหน่าย มาทำให้เจ้านายของเขาสงสัยทำไม แค่พูดออกมามันจะยากตรงไหนกัน“ตั้งแต่ไปเป็นคนของไวท์ เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ เฟลิกซ์” เสียงทุ้มต่ำพูดพลางสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ให้พลังออกมา“ข้าเป็นคนของท่านไวท์นานแล้วพะยะค่ะ แต่เหมือนใครบางคนยังคงหลงลืมเพราะแก่แล้ว เลยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายก็ได้”“หยุดทั้งคู่เลยครับ เข้าใจการต่อสู้ที่สาธิตให้ดูไหมครับ” ไวท์ยกมือห้ามทั้งสองไม่ให้สู้กันโดยเปล่าประโยชน์ ยังไงพลังเวทของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็มีมากกว่า ถึงจะสู้กันก็รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก“มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับข้า” ลอร์ดสวิตบอกพลางพยายามทำท่าทางตาม
“หึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิม” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท แต่พอเข้าใจเหตุผลแล้วจะยอมเปลี่ยนแปลงงบประมาณใหม่“ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามานาน เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก”คีย์เดินมาหาร่างสูงโปร่งที่ยืนดูพวกเขาสู้กันอย่างตั้งใจอยู่นอกสนาม ดวงตากลมโตมองเห็นคนอายุมากกว่ากำลังมา เลยปลดโล่ป้องกันออกเพราะการต่อสู้จบลง“มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไปเดินเล่นกัน”หมับ!รัชทายาทบอกพลางอุ้มอีกคนแล้วเดินออกไปทันที ตอนแรกเหมือนทุกคนจะตกใจกับพฤติกรรมของผู้เป็นนายแต่พอนานวันเข้าก็เริ่มเคยชินกับเรื่องแบบนี้ เพราะแวมไพร์อย่างคีย์หากอยากจะอุ้มคนรักตนเองก็ทำโดยไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และเขาเป็นคนเย็นชาก่อนจะมาเจอเด็กคนนี้ นิสัยเดิมก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง“จะพาไปไหนครับ”
“หวังว่าเรื่องนี้จะจบสักที เรื่องการพูดถึงการสืบทอดราชบัลลังค์”“มันจะจบแน่ถ้าพวกเราสองคนเขียนจดหมายส่งเข้าวังหลวง จะไม่มีใครอยากจะมาหาพวกเราเพื่อพูดเรื่องพวกนี้อีก”“ดี ถ้างั้นวันนี้มานอนด้วยกันสิ ไม่ได้นอนด้วยกันนานมากแล้ว”“เอาสิ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เลว”ไม่กี่วันต่อมามีเอกสารของเจ้าชายฝาแฝดว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิ จะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายและเป็นทายาทลำดับถัดมาเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอยากเป็นจักรพรรดิแทนพี่ชายตนเองที่มีตำแหน่งอยู่แต่เดิม ทำให้แผนของเหล่าขุนนางที่หวังจะเรืองอำนาจอีกครั้งหายไปในพริบตา“หึ คิดไว้อยู่แล้วว่าคลาสกับครอสจะต้องทำแบบนี้” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจหลังจากทราบข่าวเรื่องการสละตำแหน่งผู้สืบทอด“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ พี่คีย์”“มีจ
หลังจากลองสำรวจระหว่างที่ว่างดูแล้วทำให้รู้ว่าดินแดนที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนรักเขาก็ค่อนข้างจะไกลพอสมควร แต่จากการศึกษามาแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีการผิดพลาดขึ้นอีก จึงออกเดินทางลงมาดินแดนมังกรทันที ปีกสีขาวโบกสะบัดไปมาก่อนจะวางเท้าลงบนพื้นดินแดนอันไกลโพ้นจากสายตาของมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน“ไม่นึกว่าเจ้าจะออกมาต้อนรับข้าด้วยตนเองแบบนี้ ซิคฟรีด” อพอลโลเอ่ยทักทายหลังจากไม่ได้ลงมาเยือนที่แห่งนี้นานมากแล้ว“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา อพอลโล” ซิคฟรีดเอ่ยทักทายกลับไปเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ หมายความว่าพลังของลูกตนเองนั้นมีมากทีเดียว“เจ้าจะไปมอบของขวัญวันเกิดให้กับลูกตนเองไหม”“แน่นอนสิ ข้าเพิ่งจะรู้ด้วยว่ามีลูกกับเจ้า ทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเลย”“ข้ารู้ว่าการเกิดมาเป็นลูกครึ่งใช้ชีวิตลำบาก อยู่บนสวรรค์ก็คงจะยาก ไปอยู่แดนมังกรก็จะยิ่งยาก&rdquo