ณ วังหลวง
"จักรพรรดินีเพคะ องค์รัชทายาทแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับมาวังหลวง" นีน่ารายงานตามเอกสารที่ได้รับมาทันที เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก ยังมีเหล่าขุนนางจำนวนมากที่อยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น
"ดีแล้วล่ะ ขออย่าให้เกิดเรื่องก่อนมาถึงก็พอ"
"ทำไมคิดเช่นนั้นเพคะ"
"มีหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เยอะ มันจะต้องมีการลอบสังหารเกิดขึ้นแน่" ที่นี่ไม่ใช่เมืองมนุษย์ฉะนั้นกฎทุกอย่างมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ทำตามดั่งที่ควรจะเป็น
"แล้วพระองค์จะทำเช่นไรเพคะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง"
ขุนนางบางส่วนที่หวังพึ่งอำนาจจากเจ้าชายฝาแฝดมากกว่ารัชทายาทคนปัจจุบัน เนื่องจากไม่ชอบความคิดที่รู้ไปทุกเรื่องโดยไม่ฟังคำจากผู้ใหญ่ หากมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหมายความจุดอ่อนคือสิ่งนี้ เมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูเป็นธรรมดาที่จะต้องกำจัดทิ้ง
"กระผมจ้างทหารรับจ้างให้ไปลอบสังหารรัชทายาทแล้วขอรับ"
"ทำดีมาก ชาร์ที"
"ข้าอยากจะรู้นักว่ารัชทายาทจะปกป้องคนรักได้หรือไม่"
"ขอรับ"
การเดินทางกลับวังหลวงนั้นจำเป็นต้องใช้รถม้าเนื่องจากเป็นการเดินทางที่เป็นทางการ ไม่สามารถใช้แบบรถค้างคาวไปแบบคราวก่อนได้ รวมถึงใช้เส้นทางหลักในการเดินทางอีกด้วย หมายความว่าอาจถูกลอบสังหารหรือเป็นเป้าโดนโจมตีได้ง่าย การจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ต้องมาจากความสามารถของตนเอง พึ่งพาใครไม่ได้ หมู่แวมไพร์ด้วยกันการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งถึงจะอยู่เหนือทุกคน
ตูม!
ใครกันที่กล้าวางแผนลอบทำร้ายรัชทายาทแบบนี้ มันคงจะไม่รู้ว่ากำลังต่อกรกับใครอยู่ ไม่มีทางรอดเงื้อมมือไปได้แน่นอน เมล์กระโดดออกจากหน้าต่างของรถม้าด้วยความไวตามสัญชาติญาณแวมไพร์ กรงเล็บยาวถูกขยายออกตามการเรียกหาของผู้เป็นนาย มีทหารรับจ้างจำนวนมากกำลังล้อมรถม้าเอาไว้ ช่างเป็นเกมการเมืองที่เดาง่ายเสียจริง โชคดีที่ไม่ได้พาใครมาด้วยนอกจากพวกเราเท่านั้น
"กระรอกน้อย อยู่ในรถนะ"
"ท่านพี่จะไปไหน"
"ข้าจะออกไปช่วยเมล์ มามากขนาดนั้นยังไงก็น่าจะรับมือยาก"
ขึ้นชื่อว่าทหารรับจ้างการต่อกรกับองค์รักษ์คนสนิทของรัชทายาทถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายนัก ฝีมือห่างชั้นกันมากเลยทีเดียว แต่ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ถึงพลังจะห่างกันแต่พลาดพลั้งขึ้นมาก็ไม่แน่ว่าจะได้จบชีวิตในสมรภูมิเช่นกัน รัชทายาทเห็นท่าไม่ดีจึงออกโรงมาช่วยข้ารับใช้ของตนเอง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคมนั้น
จำนวนนับพันนี่มันอะไรกัน ใครเป็นคนจ้างพวกมันมาได้มากขนาดนี้ แปลว่าคนจ้างวานมีอำนาจพอมากสมควร จุดประสงค์ในครั้งนี้หวังอะไรกันแน่ ถ้าเป็นเรื่องราชบัลลังค์ไม่มีทางเปลี่ยนอยู่แล้ว ถึงข้าจะตายไปก็ยังมีสองแฝดนรกที่เขี้ยวลากดินขึ้นครองราชย์ จู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนายื่นมือเข้ามาช่วยทำให้กองทหารรับจ้างจำนวนมากล้มตายภายในพริบตาเดียว
"รัชทายาทไม่ควรแสดงพลังของเลือดบริสุทธิต่อเส้นทางหลวงเเห่งนี้ ลำพังกำลังทางทหารน่าจะมากพอแล้วพะยะค่ะ" ฟรังเตือนด้วยความหวังดี หากโดยประชาชนไปด้วยแล้วมันจะต้องมีผลเสียตามมาอีกมากมายแน่
"ถึงไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วย ข้าก็สามารถจัดการเจ้าพวกนี้เองได้"
"หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยขององค์รัชทายาทและว่าที่คู่หมั้น"
"ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นขอรับ"
"หึ! อย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาปกป้องข้า"
"เลือดในตัวเจ้ามันเป็นของชนชั้นปลายแถวด้วยซ้ำ ลืมไปแล้วรึ"
"แย่แล้วพะยะค่ะ รถม้าหาย! "
"ว่าไงนะ! "
"กระรอกน้อยอยู่ที่ไหน"
"แผนล่องั้นรึ! เจ็บใจนัก! " รัชทายาทหมดความอดทนต่อทุกสิ่ง พลังของเลือดบริสุทธิกำลังส่งผลต่อโลกนี้ เสียงกู่ร้องของเขาส่งผลให้แม่น้ำไหลย้อนไปอีกทาง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินสั่นสะเทือน ถึงจะรู้ว่าควรสงบใจให้มากกว่านี้แต่พอเป็นเรื่องของคนที่รักแล้วมันยากเกินห้ามใจนัก
ผัวะ!
"รัชทายาทต้องใจเย็นให้มากกว่านี้พะยะค่ะ ไม่เช่นนั้นใครจะตามหาคุณชายจีนได้"
"กลับพระราชวังแล้วค่อยคิดเรื่องนี้กันใหม่ หม่อมฉันจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม"
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขออาสาไปด้วยพะยะค่ะ เรื่องของราชสำนักเป็นหน้าที่ของทหารอย่างพวกเรา" ฟรังอาสาขอไปด้วย
"เรเวล เจ้าอย่าเพิ่งมายุ่งในตอนที่รัชทายาทจิตใจไม่มั่นคง"
"ข้าคือข้ารับใช้คนสนิทของรัชทายาท"
"คนที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่เด็ก"
"คนที่จะหยุดเขาได้มีเพียงข้าเท่านั้น"
"หากไม่อยากตาย อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย"
"การตามหาคุณชายริค เป็นหน้าที่ของพวกเราไม่ใช่เจ้า"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก
“ท่านไวท์เดินตัวตรงหน่อยขอรับ จะล้มแล้ว” คัสซัสร้องทักเพราะเข้ามาชงชายามเช้าให้รับประทานแต่เห็นผู้เป็นนายยังไม่ลืมตาเลยแม้ว่ากำลังจะหยิบถ้วยชาก็ตาม“ช่วงนี้สงสัยข้าเรียนหนักเกินไปถึงได้เหนื่อยล้าแบบนี้ น่าจะลดบทเรียนลงบ้างสักเล็กน้อย” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางลืมตาขึ้นมาดั่งเดิมพลังเริ่มทั้งสองสีภายในร่างสูงโปร่งกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มือขาวปล่อยมือออกจากถ้วยชา หลับตาลงแล้วร่างลอยขึ้นมาเหนือเตียงและมีรังสีของพลังวนอยู่รอบ ๆ คัสซัสไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงรีบวิ่งมารายงานให้องค์รัชทายาททราบทันที“รัชทายาทพะยะค่ะ พลังของท่านไวท์มาโอบล้อมไว้ทั้งร่างจนตอนนี้เหมือนไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ” คัสซัสรีบวิ่งมาบอกหน้าตาตื่นเพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“เจ้าว่ายังไงนะ!” รัชทายาทอุทานด้วยความตกใจ“ท่านไวท์ไม่ได้สติเลยพะยะค่ะ”“เมล์เจ้ารีบไปแจ้งข่าวแก่วังหลวง คัสซัสเจ้าไปบอกเฟลิกซ์ให้ส่งจดหมายไปหาหน่วยพลังเวทย์มนตร์ของจักรวรรดิ&rdq