"แม่อยากคุยกับหนูไวท์แต่ตามหาตัวตั้งนานแล้วไม่เจอ ก็เลยตามกลิ่นเลือดมาถึงรู้ว่าอยู่สวนหลังวังนี่เอง ชงชาให้แม่ดื่มหน่อยได้ไหมเอ่ย"
"ได้พะยะค่ะ แต่ว่าหม่อมฉันต้องเตรียมอุปกรณ์ก่อนแล้วพวกเขาจะทำยังไงดีพะยะค่ะ" ดวงตากลมโตมองไปยังกลุ่มเหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ด้วยความสงสารเพราะตนเองก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะพาไปไหนมาไหนและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดีกว่านี้ จะทำให้เธอเอ็นดูไปถึงไหนกันนะ
"แม่คิดว่าพวกเขาน่าจะดูแลตัวเองกันได้นะ รัชทายาทสั่งให้ใครดูแลหนูไวท์บ้าง" จักรพรรดินีส่งสายตาคาดโทษไปด้วยถึงพวกเขาจะไม่กลัวเพราะเป็นคนของรัชทายาทก็เถอะ ร้ายกาจกันจริงๆ เจ้าพวกนี้
"ถ้างั้นเฟลิกซ์ตามผมมาที่ห้องครัว ท่านจักรพรรดินีรบกวนรอที่ห้องนะพะยะค่ะ"
"ไม่จ๊ะ แม่อยากดูหนูไวท์ชงชาด้วยตาตัวเอง"
"งั้นไปกันครับ" ร่างสูงโปร่งเดินนำไปยังห้องครัวโดยมีผู้ติดตามของจักรพรรดินีและของตนเองตามมาไม่ห่าง ตอนแรกมีการนินทาเรื่องความไม่แน่นอน ชาติกำเนิด ตอนนี้เปลี่ยนเป็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องว่าที่จักรพรรดินีไหม หรืออะไรยังไงก็ยังไม่มีใครรู้ และเรื่องความฮอตของไวท์ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเพราะยังไม่มีการหมั้นหมายออกมาอย่างเป็นทางการ มีจดหมายจำนวนมากถูกส่งเข้าวังหลวงเพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรีทั้งฉันท์มิตรและรักใคร่แบบคนรัก แต่จดหมายทั้งหมดถูกส่งไปยังห้องพักส่วนตัวของคุณชายไวท์แล้วเพียงแค่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง
"ไม่ทราบว่าท่านจักรพรรดินีต้องการชาแบบไหนครับ" ไวท์ถามพลางถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเตรียมตัวชงชา
"เอาแบบกินแล้วสบายหัว ปลอดโปร่ง ทำได้ไหม"
"ได้ครับ รอสักครู่"
"เฟลิกซ์ รบกวนน้ำแร่สดของวันนี้และน้ำเปล่าด้วย"
"ได้ขอรับ คุณชายไวท์"
มือขาวจัดการหยิบใบชามาเพื่อตรวจสอบความเข้มข้นพลางเช็คกลิ่นแต่ละชนิดไปด้วย จากนั้นนำน้ำแร่ครึ่งขวดต้มลงในน้ำร้อนแล้วจับเวลาจากนาฬิกาของตนเองที่ติดตัวมาจากโลกมนุษย์ และนำน้ำเปล่ามาต้มใบชาทั้งสองที่มีคุณสมบัติดังที่จักรพรรดินีต้องการออกมา เมื่อเสียงนาฬิกาดังร้องเตือนก็หยุดต้มน้ำแล้วมาใส่ในถ้วยเตรียมน้ำร้อนทันที ส่วนชาที่ชงขึ้นมานั้นก็ใส่ถ้วยเพื่อตวงเอาแต่น้ำชาออกมา
การผสมกันระหว่างน้ำต้มสุกกับน้ำแร่นั้นหากใส่ในปริมาณที่เหมาะสมจะให้สถานะเป็นกลางและจะเน้นไปที่รสชาติของชามากกว่าอุณหภูมิของน้ำ แล้วนำมาใส่ลงในถ้วยชาในสัดส่วนที่น้ำชามากกว่าน้ำแร่ประดับด้วยน้ำตาลก้อนและดอกไม้เพื่อส่งกลิ่นหอมลักษณะเฉพาะออกมา ท่าทางเหล่านั้นอยู่ในสายตาของทุกคนที่ตามมาทั้งหมด ทำให้มั่นใจได้ว่านอกจากจะมีฝีมือทำขนมที่อร่อยแล้วยังชงชาได้น่าดื่มอีกด้วย ไม่แปลกเลยว่าทำไมรัชทายาทถึงได้หวงมากขนาดนี้
"เป็นยังไงบ้างครับ ท่านจักรพรรดินี" ดวงตากลมโตมองอย่างลุ้นระทึก เขาไม่ได้ชงชาให้กับบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่นานแล้ว รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
"อร่อยมากนะลูก รู้สึกปลอดโปร่งมากๆ " ร่างสูงโปร่งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอไม่ได้ชมเพื่อให้อีกคนสบายใจแต่ว่ารสชาติของชาอร่อยมากจริงๆ จนอยากให้เป็นคนทำเครื่องดื่มและของว่างประจำวังหลวงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าลูกชายของเธอจะยอมไหม
"อะแฮ่ม! ชงอะไรให้ท่านแม่กิน ข้ากินด้วย" คลาสแทรกตัวเข้ามาอยู่ในห้องครัวทันที เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาเลยได้ตามมาถึงที่นี่ การที่เด็กคนนี้ทำอะไรสักอย่างมันหอมขนาดนี้เลยรึ
"ถ้าท่านพี่คลาสได้กิน ข้าก็ต้องได้กินด้วย" ครอสบอกอย่างเอาแต่ใจตัวเองทันที ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่แฝดเดินทางไปที่ไหนก็ย่อมมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทุกครั้งไป หลายๆ คนเลือกที่จะเงียบและไม่โต้ตอบอะไร ขนาดผู้เป็นแม่อย่างจักรพรรดินีก็ทำเพียงส่งยิ้มไปเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
"ถ้าเป็นแบบนี้รบกวนเชิญเจ้าชายคลาส เจ้าชายครอส และท่านจักรพรรดินีที่ห้องนั่งเล่น แล้วผมจะทำอาหารว่างรวมถึงชาให้รับประทานอย่างเต็มที่ อยู่รวมกันแบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ" ไวท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ฟังแล้วสามารถแปลได้ว่าให้ออกไปจากที่นี่อย่ารบกวนการทำงานของเขานั่นเอง
"แล้วถ้าข้าไม่ยอมทำตามที่เจ้าบอกล่ะ เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้" คลาสไม่ยอมออกจากห้องไปง่ายๆ ที่นี่มีกลิ่นหอมชวนน่าอยู่มากกว่าที่อื่น ใครจะยอมไปง่ายๆ ล่ะ
"ถ้าเจ้าชายคลาสไม่ยอมไปก็หมายความว่าขัดขวางการทำขนมและชาของผม งั้นก็ไม่ต้องกินครับ ผมจะได้พาทุกคนที่รออยู่ข้างนอกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า" คลาสรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถพูดชื่อของเขาออกมาได้อย่างแม่นยำ เพราะขนาดแม่ของเขายังจำสลับกับครอสเลย พี่ชายของเขายังเรียกรวมกันว่าแฝดเลย เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ผู้นี้จะรู้ว่าใครเป็นใคร
"เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าคนที่คุยด้วยเป็นคลาส ข้าอาจจะเป็นครอสก็ได้ เจ้าแยกพวกเราไม่ออกหรอก เพราะไม่เคยมีใครแยกออก พฤติกรรม นิสัย การแต่งตัวพวกเราจงใจทำเหมือนกัน นอกจากพ่อบ้านส่วนตัวของพวกเราไม่มีใครแยกพวกเราสองคนออกหรอกนะ เจ้าอย่ามาหลอกซะให้ยากเลย" ครอสได้ทีเติมเชื้อไฟต่อจากพี่ชายฝาแฝดเพื่อทำให้อีกฝ่ายงงและสับสน วิธีการนี้ได้ผลทุกครั้งเพราะคู่สนทนาจะเริ่มงงว่าใครเป็นใครและยอมจำนนการจำตัวตนไปในที่สุด
"ถึงจะบอกว่าเหมือนกันแต่ยังไงก็ต่างกันอยู่ดี เจ้าชายคลาสจะมีความสุขุมรอบคอบมากกว่าเจ้าชายครอส เป็นคนเจ้าแผนการมากกว่าแฝดน้องอย่างเจ้าชายครอส เจ้าชายครอสมักจะคอยยุแยงตะแคงรั่วให้คนอื่นสับสน ส่วนเจ้าชายคลาสจะมาสบทบเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
ถ้าวิธีการของพวกท่านสองคนมีเพียงเท่านี้ก็ถือว่าเกมส์แล้ว เพราะว่าเป็นแฟนหนังสือเชอร์ล็อคโฮมส์ ชายผู้ที่ฉลาดที่สุดในศตวรรษที่ 19 เรื่องแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก อย่าลืมว่าวิธีการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่ผมเกิดมามันต่างจากที่นี่ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าวิธีที่ใช้กับคนที่นี่จะทำกับผมได้" เสียงหวานพูดด้วยท่าทางมั่นใจและเฉียบขาดทุกคำ เพราะทุกสิ่งที่พูดมาคือสิ่งที่แฝดทำมาโดยตลอดระยะเวลาของพวกเขา
แฝดนรกถึงกับแสดงท่าทีเปลี่ยนไปทันที ทั้งคู่มีตกใจอย่างเห็นได้ชัดจากสายตาของทุกคน สมกับเป็นคนมาจากโลกอื่นเสียจริง มีสิ่งที่คนในจักรวรรดิไม่มี แบบนี้น่าจะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับไวท์แล้วว่าทำไมถึงได้ใจรัชทายาทมากขนาดนี้ และคนที่มองเห็นคนแรกน่าจะเป็นรัชทายาทอย่างแน่นอน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ท่านพี่คีย์จะเคาะประตูทำไม ในเมื่อห้องครัวไม่ได้ล็อค" ครอสเคาะพี่ชายของตนเองทันที อยากทำตัวเป็นที่สนใจของคนในนี้ล่ะสิ ไม่งั้นคงไม่ทำแบบนี้หรอก น่าหมั่นไส้ชะมัดยาก
"ถ้าข้าจะทำแบบนี้เจ้ามีปัญหาอะไรไม่ทราบ แฝด" คีย์ไม่ได้สนใจคำพูดแขวะของน้องชายตนเองมากนักเพราะพบเห็นอยู่บ่อยครั้งจนชินชา
"หึ! แบบนี้เหมือนระฆังมาช่วยไว้เลย ว่าไหมครับ เจ้าชายคลาส เจ้าชายครอส" เสียงหวานเอ่ยถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เพราะถ้ารัชทายาทไม่เข้ามาขวาง จะต้องบอกอะไรหลายอย่างที่คนในจักรวรรดิสังเกตไม่ได้อีกอย่างแน่นอน
"แม่ว่าพวกเราไปรอหนูไวท์ที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่า แม่อยากคุยกับลูกทุกคน" จักรพรรดินีเอ่ยขึ้นมาเพื่อต้องการให้สถานการณ์เปลี่ยนไป แล้วทุกคนก็ทำความเคารพส่งบุคคลสำคัญของจักรวรรดิให้ไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น จนตอนนี้เหลือไวท์และเหล่าคนดูแลของไวท์ทั้งหมด
"เฟลิกซ์ นายให้คนพาทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนห้องนอนน่าจะนอนพักที่เดียวกับคนอื่นๆ ให้ลองไปถามดู เรื่องขนมกับชาผมจะจัดการเอง"
"ขอรับ คุณชายไวท์"
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก