หม่าหลัน บุตรีแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง ขณะกำลังแต่งงานและรอเข้าหอ นางทนหิวไม่ไหวจึงได้กินอาหารและดื่มสุรามงคล โดยที่ไม่รู้เลยว่าในสุรามียาพิษ ทำให้นางตายไปอย่างไม่ยินยอม นางได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่ใจร้ายไม่ยอมให้นางได้มีความสุขในคืนเข้าหอเสียก่อน ทั้งที่นางอุตส่าห์ทำตัวเรียบร้อยจนได้รับการขอแต่งงานจากจวนเสนาบดีกรมอาญา นางได้แต่คิดว่า รู้อย่างนี้นางทำตัวแข็งแกร่งเหมือนอยู่ที่จวนคงไม่ตายไวเช่นนี้
สวรรค์ที่ทนคำด่ามากมายของหม่าหลันไม่ไหว เหล่าเทพจึงปรึกษาหารือกันก่อนจะส่งนางข้ามภพไปเข้าร่างไป๋เหลียนที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงทำร้ายขณะตั้งครรภ์ เหล่าเทพที่กลัวว่าหม่าหลันจะด่าซ้ำด่าซ้อนหากข้ามเวลาไปยังภพอื่นโดยไม่มีพลังปราณเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงมอบพลังปราณที่นางมีอยู่ติดวิญญาณของนางไปด้วย ก่อนจะพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะในภพนั้น หม่าหลันจะต้องต่อสู้กับผู้คนมากมายแทนไป๋เหลียนที่อ่อนแอและถูกรังแกอยู่ตลอด พวกเขาหวังว่า นางคงไม่ด่าพวกเขาอีกกระมัง ในเมื่อพวกเขามอบบุตรให้นางพร้อมสามีหน้าตาดีและร่ำรวยให้นางด้วย
หม่าหลันที่ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา นางได้รับความทรงจำอันเลวร้ายของไป๋เหลียนมากมายจนนึกรังเกียจคนที่รังแกไป๋เหลียน ก่อนวิญญาณของไป๋เหลียนจากไป เธอฝากฝังให้หม่าหลันช่วยดูแลลูกของเธอด้วยและช่วยทำความปรารถนาในการเรียนแพทย์แผนจีนให้จบแทนเธอด้วย หม่าหลันที่เข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างของไป๋เหลียนจึงรับปากนางว่าจะทำตามความปรารถนาของไป๋เหลียนให้ แต่นางไม่ได้บอกไป๋เหลียนว่าจะแก้แค้นเหล่าคนที่รังแกไป๋เหลียนแทนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตอนนี้นางคือไป๋เหลียน หม่าหลันรีบลืมตาขึ้นเพื่อมองหาสามีสุดหล่อที่นางเห็นในความทรงจำทันที… อ่า สามีที่ฉันยังไม่ได้เข้าหอด้วยทำไมหล่ออย่างนี้นะ ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะท้องอยู่ แต่อย่างน้อยขออ่อยสามีสุดหล่อเพื่อให้สมความปรารถนาในชาติก่อนสักทีฉันจะไม่ลืมพระคุณเลย…
***นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากนักอ่านคนใดไม่ชอบแนวนี้ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
***สถานที่และผู้คนในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ***
***สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญัญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 และ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้ ไปคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมเล่ม สแกน ถ่ายรูป แปลเป็นภาษาอื่น จัดพิมพ์ เพื่อนำออกเผยแพร่โดยมิได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเด็ดขาด***
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป
เมื่อตระกูลหวังทั้งสามเดินเข้าไปในงานเลี้ยง เหล่านักธุรกิจไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ต่างมองที่หวังจุนเหยาผู้หล่อเหลาและร่ำรวยเป็นตาเดียวกัน ยิ่งกับไป่หลิงที่เคยเจอเขามานานมากแล้ว เธอยังคงหลงใหลในตัวของหวังจุนเหยาเช่นเดิม หญิงสาวในงานต่างอิจฉาหวังเหลียนที่เดินคล้องแขนหวังจุนเหยาเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ส่วนหนุ่ม ๆ บางคนที่เพิ่งเคยเห็นหวังเหลียนนั้นก็ตกตะลึงกับความน่ารักสดใสของเธอซึ่งแตกต่างกับคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นราวฟ้ากับเหวหวังซูหุย หวังจุนเหยาและหวังเหลียนไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ทั้งสามเดินไปยังกลุ่มที่ตระกูลเกากับตระกูลโอวหยางกำลังยืนคุยกันอยู่อย่างออกรสกลุ่มของไป่หลิง ม่านถิงและซือฉีซึ่งยืนรวมกลุ่มกับคุณหนูตระกูลอื่นต่างก็พูดถึงความโชคดีของหวังเหลียนที่ได้แต่งงานกับหวังจุนเหยา“น่าอิจฉาชะมัด คุณชายหวังทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงสบายไปทั้งชาติ”“เฮอะ คนอย่างคุณชายหวังน่ะ ทั้งที่มีสิทธิเลือกคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเรากลับไม
“จริงเหรอครับหมอ?” หวังจุนเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด“จริงครับ ท่านประธาน รอเดือนหน้าเราค่อยอัลตร้าซาวด์ดูเด็ก ๆ กันครับ”หวังเหลียนก้มลงมองท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ครั้งก่อนเจ้าอ้วนน้อยก็ตัวใหญ่จนคลอดยากแล้ว ครั้งนี้เธอถึงกับท้องลูกแฝด หวังเหลียนไม่อยากจะคิดเลยว่าวันคลอดเธอจะเป็นยังไง“ที่รัก ขอบคุณมากนะครับที่ท้องลูกของเราถึงสองคน จุ๊บ” หวังจุนเหยาจูบขมับ“อื้อ คุณคะ อายหมอบ้างเถอะน่า” หวังเหลียนเขินที่อยู่ ๆ สามีก็มาจูบ“อายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น หมอไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เห็นอะไรเลยครับ ท่านประธาน” หมอยิ้มแป้นตอบหวังเหลียนได้แต่หน้าแดงก่ำอย่างเขิน ๆ เธอทุบไหล่สามีไปหนึ่งตุ้บ ทำเอาหวังจุนเหยาถึงกับร้องซี๊ดเสียงหลง ภรรยาเขาลืมออมแรงอีกแล้วหลังจากคุยเรื่องการด
ป้าหลางสังเกตอาการของหวังเหลียนไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา เธอรีบไปเปลี่ยนอาหารใหม่เป็นข้าวต้มปลามาให้หวังเหลียนแทน กว่าที่หวังเหลียนจะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอก็อ้วกจนแทบจะหมดแรง“ที่รัก คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ผมว่าเราไป รพ. เลยดีไหม?”“ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว น่าจะเพราะกลิ่นอาหารเลยทำให้เป็นแบบนี้”“อ่า ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไร? ผมจะให้ป้าหลางทำใหม่ให้”“เราไปดูที่โต๊ะกันอีกรอบก่อนเถอะนะคะ ฉันเกรงใจป้าหลางน่ะ”“ตกลงครับ ถ้าอาหารจานไหนคุณไม่ชอบก็บอกนะครับ”หวังจุนเหยาพยุงหวังเหลียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่หวังเหลียนจะก้มไปดมกลิ่นอาหารแต่ละจานอย่างตั้งใจ ครั้งนี้เธอกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้แล้วชี้ไปที่จานอาหารซึ่งมีแต่เมนูผัดน้ำมันทั้งนั้น“ป้าหลางครับ รบกวนเอาจานอาหารพวกนี้ออกหน่อยนะครับ&rdquo
หวังเหลียนกับคนของตระกูลหม่าที่ติดตามมา พาจ้าวหลงจาง ภรรยาและลูกเดินทางถึงชายแดนตะวันตกในเวลาเกือบครึ่งเดือน นั่นเพราะมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตามมา ทำให้การเดินทางต้องพักอยู่บ่อยครั้งระหว่างการเดินทาง ภรรยาของจ้าวหลงจางคอยพูดคุยสอบถามวิธีการเลี้ยงลูกกับหวังเหลียนจนทั้งสองเริ่มสนิทสนมกัน หวังเหลียนสั่งคนให้โทรแจ้งหลินซินให้เธอเพื่อที่เขาจะได้เตรียมเอกสารและส่งครอบครัวของจ้าวหลงจางไปยังประเทศ S อย่างปลอดภัยตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้คนของหม่าเฉียงเจ๋อที่ได้รับคำสั่งให้รอรับคุณหนูต่างรอกันอยู่ที่ตีนเขาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นขบวนของหวังเหลียนมาถึง พวกเขาต่างรีบนำน้ำและอาหารไปให้ทุกคนกินเสียก่อน ด้วยทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ลำบากไม่น้อยหวังเหลียนไม่ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ เธอปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนและทานอาหารได้ตามสบาย คนทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางไปโดยรถตู้หลายคันที่หม่าเฉียงเจ๋อให้คนเตรียมเอาไว้ให้เพื่อไปยังสนามบิน ตอนนี้หลินซินส่งเครื่องบินเจ็ทและผู้ช่วยของ