“ฮึก… ท่านพ่อ นี่ไม่จริงใช่ไหมขอรับ ข้าไม่เชื่อว่าท่านพี่จะจากไปเช่นนี้”
“อืม… เรื่องนี้พ่อจะสืบหาความจริงให้ได้ พ่อไม่เชื่อหรอกว่าจะหาตัวคนร้ายไม่ได้”
“ฮือ… แล้วท่านพ่อแน่ใจหรือขอรับว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตตามที่ท่านพ่อร้องขอ”
“พ่อก็ไม่มั่นใจนัก คงต้องแล้วแต่ฝ่าบาทจะพิจารณา เจ้าดูแลแม่เจ้าให้ดี พ่อจะรีบเข้าวังเสียก่อนที่จะสายไปกว่านี้”
“ขอรับ ฮึก.. ท่านพ่อ” หม่าเหว่ยได้แต่ปาดน้ำตาแล้วเก็บความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้เพื่อไปดูแลท่านแม่ของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะฟื้นขึ้นมา หม่าเหว่ยรู้ดีว่าท่านแม่นั้นรักพี่สาวเขามากขนาดไหน นางคงทำใจยากจึงได้สลบไปเช่นนี้
ไม่นานนักหม่าเทียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดขุนนางออกมา ก็รีบขึ้นม้าเดินทางไปยังวังหลวงทันที ใช่ว่าเขานั้นไม่เสียใจที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รัก เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องการตามหาคนร้ายที่วางยาฆ่านางให้ได้เสียก่อน เรื่องรับศพนางและสินเดิมกลับมานั้น เขาคงต้องรอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน เพราะถึงแม้จะจัดงานแต่งงานกันไปแล้วก็จริงอยู่ แต่พิธีการทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่อาจนับได้ว่าบุตรีของเขานั้นเป็นคนของจวนเสนาบดีหวังอย่างเต็มตัว นางจึงไม่สามารถฝังที่สุสานของตระกูลหวังได้
น่าเสียดายที่พอแม่ทัพหม่าขอเข้าเฝ้า เสนาบดีหวังยังคงอยู่ในห้องทรงงานกับฮ่องเต้ซึ่งอ่านฎีกาทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว พระองค์จึงรับสั่งให้แม่ทัพหม่าเข้าเฝ้าได้
“ถวายพระพรฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลขอพะย่ะค่ะ”
“หากเป็นเรื่องบุตรสาวเจ้า ข้ารับทราบแล้ว และข้าเองก็ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าและครอบครัวด้วย เสนาบดีหวังก็พยายามหาคนร้ายอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน หากเจ้ามีสิ่งใดอยากร้องขอ เจ้าลองบอกมาให้ข้าฟังดู”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมอยากสืบคดีการตายของบุตรสาวของกระหม่อมด้วยตนเองพะย่ะค่ะ”
“เฮ้อ… แม่ทัพหม่า เจ้านำฎีกานี้ไปอ่านเสีย ทั้งหมดมีรายงานของบ่าวไพร่ทั้งหมดในจวนเสนาบดีหวังว่าทำสิ่งใดอยู่ที่ไหนจนกระทั่งงานเลิก ทุกคนไม่มีใครแตะต้องอาหารกับสุรามงคลที่ส่งเข้าไปยังห้องหอเลยแม้แต่น้อย”
ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้รีบเดินไปรับฎีกาและส่งมอบต่อให้กับแม่ทัพหม่าอย่างเข้าใจถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลหม่าในครั้งนี้
หม่าเทียนรับฎีกามานั่งอ่านอย่างละเอียดอยู่เกือบสองเค่อ ก่อนที่เขาจะทำได้เพียงถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ในเมื่อรายละเอียดทั้งหมดชัดเจนถึงขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะสืบคดีด้วยตนเองก็คงจับมือใครดมไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่มอบความกระจ่างให้กระหม่อมพะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องศพของนางนั้น กระหม่อมจะให้บ่าวไปรับกลับมาพร้อมสินเดิม เพราะนางยังไม่ได้เข้าหอกับบุตรชายเสนาบดีหวัง ทำให้นางยังไม่ได้เป็นฮูหยินน้อยเต็มตัวและไม่สามารถฝังร่วมในสุสานตระกูลหวังได้พะย่ะค่ะ”
“ตกลง เสนาบดีหวัง เจ้าเองก็อำนวยความสะดวกให้กับแม่ทัพหม่าด้วยเล่า ตอนนี้ตระกูลหม่าสูญเสียใหญ่หลวงนัก ข้าอนุญาตให้แม่ทัพหม่ากับบุตรชายหยุดราชการได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีไว้อาลัยและฝังศพของบุตรีก็แล้วกัน”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท” ทั้งสองต่างกล่าวพร้อมกันก่อนจะขอตัวออกจากห้องทรงงานไปพร้อมกันเพื่อจัดการเรื่องหลังจากนี้
ระหว่างทางเดินออกจากวังหลวง เสนาบดีหวังที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเกือบเป็นลมล้มลง ยังดีที่แม่ทัพหม่ามีน้ำใจรับตัวเขาเอาไว้ได้เสียก่อน
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ ข้าเสียใจจริง ๆ ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ทั้งที่เรากำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วแท้ ๆ” เสนาบดีหวังเงยหน้าที่ซีดเซียวพูดกับหม่าเทียน
“ข้าไม่โทษท่าน อาจมีคนต้องการให้เราสองตระกูลบาดหมางกันจึงทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้นมาก็เป็นได้ ประเดี๋ยวข้าพยุงท่านขึ้นรถม้าเอง เมื่อกลับถึงจวนท่านก็พักผ่อนเสีย เพียงสั่งบ่าวเอาไว้ว่าข้าจะพาคนไปรับร่างและสินเดิมกลับจวนก็พอ ส่วนงานไว้อาลัยนั้น หากท่านดีขึ้นแล้วค่อยมาร่วมงานก็ไม่สาย”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เข้าใจ พวกข้าเองต่างเสียใจกับเรื่องนี้มากจริง ๆ บุตรชายกับฮูหยินของข้าพยายามเต็มที่แล้วที่จะหาตัวคนร้าย แต่ก็ไม่พบพยานหลักฐานแม้แต่น้อย คาดว่าคนร้ายน่าจะนำออกจากงานเลี้ยงไปด้วยและคงนำไปทิ้งเสียแล้ว”
“เรื่องนั้นช่างมันเถิด ถึงอย่างไรตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว ข้าได้แต่หวังว่าคนร้ายจะไม่เผยตัวออกมาในสักวัน ไม่เช่นนั้นข้าจะให้มันไม่ได้ตายดีเช่นกันกับลูกสาวข้า”
หม่าเทียนเดินพยุงเสนาบดีหวังขึ้นรถม้าเสร็จก็ขอตัวกลับจวนเพื่อพาคนไปยังจวนเสนาบดีหวังต่อ เขาคิดว่าเรื่องนี้ฮูหยินของตนคงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะไปด้วยตัวเองเป็นแน่ ตอนนี้เขาจะต้องทำให้ครอบครัวมั่นคงเสียก่อนหลังจากสูญเสียบุตรีไปอย่างไม่มีวันกลับ
เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพ หม่าเทียนก็พบว่าตอนนี้ฮูหยินเขากำลังนั่งร้องไห้กอดกับบุตรชายอย่างไร้เรี่ยวแรงจริง ๆ เขาได้แต่ทอดถอนใจก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อไปยังจวนเสนาบดีหวังต่อ
“ฮือ… ท่านพี่เจ้าคะ นี่มันเป็นฝีมือใครกัน เหตุใดจึงได้ใจร้ายกับลูกข้านัก”
“เจ้าทำใจให้สงบก่อนเถิด ข้าจะไปพาร่างนางและสินเดิมกลับมาเพื่อไว้อาลัยก่อนจะนำไปฝังยังสุสานของตระกูลหม่าต่อไป ส่วนคนร้ายนั้น สักวันข้าคิดว่ามันจะต้องปรากฏตัวออกมาแน่นอน เราเพียงแค่รอเท่านั้น”
“ฮึก… เจ้าค่ะท่านพี่ เรื่องพิธีไว้อาลัย ประเดี๋ยวข้าให้พ่อบ้านไปจัดเตรียมสถานที่รอนะเจ้าคะ”
“เจ้าหากไม่ไหวก็พักเสียก่อนเถิดฮูหยิน ให้หม่าเหว่ยจัดการแทนก็ได้”
“ฮือ… เจ้าค่ะ ฮึก.. ท่านพี่”
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการแทนท่านแม่เองขอรับ ท่านพ่อรีบไปรับร่างพี่ใหญ่มาก่อนเถิด”
หม่าเทียนพยักหน้ารับคำบุตรชาย ก่อนจะเรียกบ่าวอีกสองสามคนนำรถม้าไปยังจวนเสนาบดีหวังที่ป่านนี้คงเตรียมทุกอย่างรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
หม่าเหว่ยสั่งแม่นมให้ช่วยดูแลท่านแม่ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นปาดน้ำตาและไปสั่งการคนในจวนให้จัดเตรียมสถานที่ไว้อาลัยที่ห้องโถงรับแขกเรือนหลักตามธรรมเนียม ถึงแม้ตอนนี้พี่สาวเขาจะจากไปแล้ว แต่เรื่องหลังของนาง เขาที่เป็นน้องชายจะต้องทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดเพื่อส่งวิญญาณของนางไปยังภพภูมิที่ดี
หม่าเทียนที่ไปรับร่างหม่าหลันใช้เวลาอยู่ที่จวนเสนาบดีหวังเกือบสองชั่วยาม เนื่องจากต้องตรวจสอบสินเดิมด้วยว่าครบถ้วนหรือไม่จึงทำให้เสียเวลาเช่นนี้ จากนั้นเขาก็สั่งคนให้ขนโลงไม้อย่างดีที่บรรจุศพบุตรสาวของเขา ซึ่งเสนาบดีหวังสั่งการให้คนไปหาซื้อมาก่อนหน้านี้ขึ้นรถม้าพร้อมสินเดิมทั้งหมด ก่อนที่เขาจะบอกลาฮูหยินใหญ่และอดีตว่าที่ลูกเขยกลับจวนไปก่อน
“ท่านแม่ขอรับ ท่านแน่ใจนะว่าท่านแม่ทัพจะไม่ถือโทษโกรธเรา”
“เฮ้อ.. เจ้าก็ได้ยินที่ท่านพ่อเจ้าบอกแล้วนี่นา ท่านแม่ทัพหม่าไม่ใช่คนไร้เหตุผล”
“เช่นนั้นเราจะไปร่วมพิธีไว้อาลัยหม่าหลันวันใดดีขอรับ”
“จะเป็นวันใดได้เล่า เราต้องไปตั้งแต่เย็นนี้และทุกวันจนกว่าจะถึงวันฝังศพนางนั่นแหละ อย่างไรนางก็ก้าวเข้าจวนเรามาเกินครึ่งก้าวแล้ว แม่ยังคงเห็นนางเป็นฮูหยินน้อยของจวนเราอยู่”
เสิ่นหลิงที่กำลังนำถาดน้ำชามาให้สองแม่ลูกได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับหยุดชะงักไปพักใหญ่ ก่อนที่นางจะเปลี่ยนจากสีหน้าเกรี้ยวกราดเป็นอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปยังห้องโถงรับแขกเพื่อรินน้ำชาให้ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม
“อ่า เป็นนายหญิงหวังนี่เอง พวกเราขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เดี๋ยวพวกผมต้องขอตัวไปดูแลญาติผู้ใหญ่ต่อก่อนนะครับ”“ขอบคุณมากครับ เด็ก ๆ บอกลาคุณลุง คุณป้าก่อนลูก”“สวัสดีฮับ/สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”สามจอมซนของตระกูลหวังส่งเสียงดังอย่างร่าเริงไปยังพวกเขา ทำเอาสามีภรรยาตระกูลอ้ายเอ็นดูพวกเขาไม่น้อย ระหว่างเดินกลับไปยังกลุ่มญาติของตัวเอง พวกเขายังคุยกันว่าหวังจุนเหยาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีภรรยา เขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนสมัยก่อนที่ได้ชื่อว่าราชาปีศาจในเรื่องธุรกิจอีก การทำธุรกิจของเขาช่วงหลังมานี้ก็ไม่ได้กดดันกลุ่มบริษัทเล็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน หากเป็นเมื่อก่อนนั้น ตระกูลหวังจะผูกขาดธุรกิจแทบทุกด้านมาตลอด นี่จึงถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่นักธุรกิจจำนวนมากต่างก็ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลหวังหวังเหลียนออกมาอีกครั้งหลังจากรับใบประกาศแล้ว เธอชวนเพื่อนสนิททั้งสองพร้อมกับญาต
หลังจากนัดหมายวันออกเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ต้องการไปเยี่ยมตระกูลหม่าบนเขาต่างจัดเตรียมข้าวของก่อนถึงวันเดินทาง หวังเหลียนให้พี่เลี้ยงเตรียมของลูก ๆ เอาไว้ให้เธอ ครั้งนี้เธอจะไม่พาพี่เลี้ยงไปด้วย เพราะกำหนดการไปครั้งนี้จะไปกันเพียงแค่ไม่กี่วัน หากไปนานเกินไป งานของหวังจุนเหยาอาจจะมีปัญหาได้สัปดาห์ต่อมา กลุ่มคนตระกูลหม่าพร้อมด้วยหวังจุนเหยา หวังเหลียน หวังจื่อฮุย หวังจื่อจินและหวังจื่อหลินต่างเดินทางขึ้นเขากันอย่างไม่ลำบาก เด็ก ๆ ทั้งสามมีหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อที่รับอาสาอุ้มตั้งแต่ลงจากรถที่ตีนเขา หวังจุนเหยาเห็นทุกคนอยากอุ้มจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาทำเพียงจูงมือหวังเหลียนและใช้วิชาตัวเบาเดินทางติดตามหลังไปเท่านั้น สัมภาระต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก โดยผู้คุ้มกันของตระกูลหม่าเป็นคนยกสัมภาระทั้งหมดกลุ่มของพวกเขาใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงถึงยอดเขาที่มีจวนของตระกูลหม่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หวังเหลียนมองไปเห็นจวนที่คุ้นตาก็คิดย้อนกลับไปยังภพชาติก่อนในทันใด เธอถึงกั
หวังเหลียนที่ไม่ทราบเรื่องว่าที่บริษัทสามีงอแงมากแค่ไหน ช่วงนี้อาการของเธอหายดีแล้ว หวังเหลียนยังใช้เวลาว่างสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับบอดี้การ์ดและคนของตระกูลหม่าเหมือนเดิม อีกทั้งเธอยังเขียนตำราวิชาฝ่ามือ วิชากระบี่และวิชารวบรวมลมปราณเพื่อให้ครอบครัวของเธอนำไปสั่งสอนคนในตระกูลต่อไปเจ็ดเดือนต่อมากิจวัตรประจำวันของหวังเหลียนระหว่างรอคลอดไม่ได้น่าเบื่อมากนัก บางวันเธอก็ไปนั่งเล่นที่บริษัทกับสามีเวลาที่เขางอแง ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างอยากให้นายหญิงมาที่บริษัททุกวัน ไม่อย่างนั้นท่านประธานของพวกเขาจะต้องหงุดหงิดและอาละวาดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่ เรื่องนี้หวังเหลียนรู้จากหลินซินที่แอบกระซิบบอกเธอถึงพฤติกรรมสามีเวลาที่เธอไม่มาด้วย พนักงานคนอื่น ๆ เองก็ขอร้องเธอเช่นเดียวกันว่าให้มาบ่อย ๆ ตอนนี้หวังจื่อฮุยอายุหนึ่งขวบแล้ว หวังเหลียนจึงพาเขามาด้วยเพื่อดูว่าพ่อของเขาต้องทำงานหนักแค่ไหน ถึงแม้ลูกชายเธอจะอายุยังน้อย แต่เขากลับรู้ความเป็นอย่างมากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หวังเหลียนพาลูกชาย
ด้านหลินซินที่ได้รับคำสั่งมาก็จัดกำลังผู้ช่วยของเขาให้แยกตัวไปเล่นงานตระกูลไป่ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดทันที เขาสั่งการให้ตัดความสัมพันธ์ในทุกบริษัทและยังขึ้นแบล็คลิสต์ตระกูลไป่ด้วย ก่อนที่จะทำให้ราคาหุ้นของตระกูลไป่ตกต่ำแล้วกว้านซื้อหุ้นไปจนหมดภายในเวลาแค่สามวันตระกูลอื่นต่างงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลไป่ แม้แต่ไป่เจิ้งหนานก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมตระกูลหวังจึงเล่นงานเขาเช่นนี้ กว่าที่ไป่เจิ้งหนานจะรู้ความจริงก็เป็นตอนที่ลูกสาวถูกตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่านายหญิงตระกูลหวัง ไป่จินซิงไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวเธอจะกล้าทำแบบนี้ เธอร้องไห้ขอให้สามีช่วยลูกสาวของเธอ แต่กลับถูกเขาด่ากลับมาอย่างไม่ไว้หน้า“หุบปาก! คุณยังกล้าให้ผมช่วยเด็กสารเลวนั่นอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทกำลังจะล้มละลายแล้ว แถมหุ้นทั้งหมดในตลาดก็ถูกเทขายในราคาต่ำ เป็นเพราะลูกสาวคุณนั่นแหละที่กล้าทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้จนกระทบมาถึงผมน่ะ”“ฮือ… แต่ไป่หลิงเป็นลูกสาวของเรานะคะ”
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป