“เสร็จแล้วใช่ไหมคุณน่าน”
“ผมตรวจดูบ้านเสร็จแล้วแต่ผมว่าคุณน่าจะยังไม่เสร็จนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวซึ่งลุกขึ้นกำลังจะเปิดประตูให้เขาออกจากห้องนอน
“คุณพูดอะไรคะ”
“ก็พูดความจริงไงล่ะ”
“ความจริงอะไรอีฟไม่เห็นจะรู้เรื่อง อีฟว่าคุณน่านรีบกลับไปเถอะ”
“ถ้าผมกลับไปอีฟจะทำอะไรต่อเหรอ”
“ก็เข้านอนสิ ฝนตกหนักอากาศเย็นแบบนี้มันเหมาะกับการนอนมากที่สุด คุณไม่อยากจะรีบกลับไปนอนรึไงล่ะ เนื้อตัวคุณเปียกหมดแล้วรีบกลับไปเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“คนอย่างผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกผมแข็งแรงดี” เขาพูดเน้นคำทำให้อรณิชารู้สึกแปลกกับคำพูดของชายหนุ่ม
“งานเสร็จก็น่าจะรีบกลับนะ”
“ผมถามอะไรอีฟตรงๆ ได้ไหม”
“ยังมีเรื่องอะไรถามอีก เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันส่วนตัวแล้ว”
“ถ้าเป็นเรื่องบ้านมันก็จบแล้ว แต่ผมมีเรื่องจะถามเพิ่ม”
“คุณจะถามอะไรก็รีบถามมาเถอะค่ะ”
“ถ้าผมกลับไปแล้วคุณจะทำแบบนั้นต่อใช่ไหมล่ะ”
“แบบนั้นคือแบบไหน”
“ตอบผมมาสิว่าก่อนหน้าที่ผมจะมาคุณกำลังทำอะไรอยู่”
“อีฟก็นอนเล่นมือถืออยู่น่ะสิ คุณถามทำไม” หญิงสาวตอบแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน่านนที
“แน่ใจนะว่านอนเล่นมือถืออยู่ แล้วไอ้ที่มันสั่นอยู่ในลิ้นชักตรงข้างอ่างล้างหน้าล่ะมันคืออะไร”
“คุณพูดอะไร”
“บอกผมมาสิอีฟว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง อยากจะสานต่อเรื่องที่ทำอยู่ให้เสร็จโดยใช้เครื่องนั้นหรืออยากจะให้ผมช่วย” จู่ๆ เขาก็คว้าหญิงสาวเข้ามาจนชิด อรณิชาเอามือดันและพยายามจะเอาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของเขา แต่เธอก็สู้แรงของชายหนุ่มไม่ได้เลยสักนิด
“ปล่อยอีฟนะคุณน่าน”
“คุณน่านเหรอเรียกห่างเหินจังนะ”
“ก็เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“เหรอ ผมนึกว่าเราสนิทกันเสียอีก”
“อีฟว่าคุณน่านกลับไปเถอะนะ” อรณิชาไล่เขาอีกครั้งเพราะการอยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้มันไม่ดีกับความรู้สึกของเธอเลย
“ก่อนจะกลับขอถามหน่อยนะ ทำไมคนที่แต่งงานแล้วอย่างอีฟต้องใช้เครื่องนั้นด้วยล่ะหรือเพราะสามีไม่ทำการบ้านล่ะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรคุณน่าน”
“อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยผมรู้ว่าก่อนที่ผมจะมาคุณกำลังช่วยตัวเองอยู่ถ้ามีความต้องการมากนักคุณจะกลับมาอยู่ที่นี่คนเดียวทำไม ทำไมไม่อยู่กับสามีหรือไม่ให้สามีคุณตามมาที่นี่ล่ะ”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของอีฟ ตอนนี้คุณน่านรีบกลับไปได้แล้ว”
“กลัวผมเหรอ”
“ไม่ได้กลัวแต่เราไม่ควรอยู่กันตามลำพังแบบนี้”
“คิดสิอีฟว่าผมก็เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งก็ได้ แล้วของเล่นของผมมันก็อุ่นกว่าเจ้าพลาสติกที่มันสั่นอยู่ในลิ้นชักเยอะเลยนะ”
“พูดจาน่าเกลียดเกินไปแล้วนะคุณน่าน ถึงฉันจะช่วยตัวเองด้วยวิธีไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณเลย”
“เชื่อผมสิให้ผมช่วยคุณนะ ช่วยให้คุณมีความสุข”
“จะบ้าหรือไงน่าน อีฟแต่งงานแล้วนะทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็หาความสุขนอกบ้านได้ถ้า หากผู้ชายมันไม่ยอมทำการบ้านนอน อีฟคิดว่าผมคือของเล่นชิ้นหนึ่งสิคุณจะได้สบายใจระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่ผมยอมเป็นของเล่นของคุณก็ได้นะถ้ามันจะทำให้คุณมีความสุข”
“พูดบ้าๆ ใครเขาจะทำแบบนั้นกัน”
“ลองดูสักครั้งไหมล่ะ ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครและรับรองว่าคุณจะติดใจเอ็นของผมมากๆ”
“พูดจาหยาบคายขึ้นทุกทีแล้วนะคุณน่าน ออกไปจากห้องอีฟเดี๋ยวนี้”
“ไล่ผมจังเลยนะ แต่ผมคิดว่ายิ่งคุณไล่ก็เหมือนกับคุณยิ่งดึงผมเข้ามาใกล้มากขึ้น ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วลีลาบนเตียงจะเร่าร้อนและถึงใจมากแค่ไหนหรือบางทีอาจจะจืดชืดจนผัวไม่ยอมนอนด้วยก็เป็นได้”
“คุณจะดูถูกอีฟเกินไปแล้วนะ”
“ถ้างั้นก็พิสูจน์ให้ผมเห็นสิว่าคุณไม่ได้จืดชืดเรื่องบนเตียง”
“คุณไม่ต้องแกล้งมาท้าทายอีฟหรอก ยังไงอีฟก็ไม่นอนกับคุณเด็ดขาด”
“แน่นะ”
ชายหนุ่มกอดเธอแน่นขึ้นจงใจบดเบียดร่างกายท่อนล่างกับตัวของหญิงสาว เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอที่มันหอบกระชั้นขึ้น ท่าทางแบบนี้เขารู้ดีว่าหญิงสาวกำลังเกิดอารมณ์แบบไหน อาจจะเป็นเพราะเมื่อครู่เธอยังไปไม่ถึงไหนกับเครื่องเล่นที่วางอยู่ในห้องน้ำก็เป็นได้
เขาก้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ มือใหญ่บังคับท้ายทอยของหญิงสาวให้แหงนหน้าขึ้นก่อนที่ริมฝีปากหยักจะจูบลงมาบนริมฝีปากอวบอิ่มที่เธอกำลังจะร้องห้ามแต่มันก็ช้าไป เขาบดขยี้จูบลงมาอย่างหนักหน่วงจนหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย ปลายลิ้นสากกวาดต้อนเข้าไปในโพรงปากมันกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาวให้เตลิดไปไกล
เธอรู้สึกถึงน้ำหวานที่กำลังไหลออกมาจากร่องรักกลางกายมันมากกว่าตอนที่ช่วยตัวเองเมื่อครู่หญิงสาวหนีบขาเข้าหากันอย่างแนบชิดตอนนี้ความเสียวซ่านมันเพิ่มมากขึ้นจนกลัวว่าตัวเองจะเผลอใจไปกับผู้ชายตรงหน้า
น่านนทีจูบอย่างเร่าร้อนขณะที่ฝ่ามือก็สอดเข้าไปในชุดนอนผ้าซาตินกอบกุมเต้าอวบอิ่มของเธอเป็นจังหวะเบาเมื่อรู้สึกถึงความเต่งตึงสู้มือก็พอใจเป็นอย่างมากที่กระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาวได้
“น่านพอแล้ว” หญิงสาวครางประท้วงเมื่อเขาผละริมฝีปากออก
“อยู่คนเดียวโนบราด้วยเหรอ ผมชอบจังผู้หญิงที่โนบราเวลาอยู่บ้านแบบนี้” เขาพูดแต่ฝ่ามือยังหยอกล้อกับอกอิ่มของหญิงสาว
“กลับไปได้แล้วนะขอร้อง” เธอบอกเขาด้วยเสียงสั่น
“ผมจะกลับไปจากนี่ก็ต่อเมื่อทำให้คุณมีความสุข”
“บ้าน่าน่านอย่าทำแบบนี้เลยนะอีฟขอร้อง” เขาปลุกเร้าจนเธอสั่นสะท้านแต่ก็พยายามจะดันให้เขาออกห่าง
“ยอมรับมาเถอะว่าตอนนี้คุณก็มีความต้องการ ผมจะช่วยคุณปลดปล่อยเองนะอีฟ อย่าคิดอะไรมากคิดว่าผมเป็นเด็กที่คุณจ้างมานอนด้วยก็ได้เราก็วินวินด้วยกันทั้งคู่”
“ไม่นะนั่นคุณลืมแล้วเหรออีฟแต่งงานแล้วมีสามีและ”
“มีแล้วก็มีอีกได้นะ”
“แต่มันผิดมาก”
“ไม่ผิดเลย คนที่อยู่อเมริกาก็เขาก็คือผัวทางนิตินัยส่วนผมจะเป็นผัวทางพฤตินัยให้เองถ้าเขาทำหน้าที่บกพร่อง”
พูดจบน่านนทีก็กดจูบลงมาอีกครั้งและครั้งนี้มันเร่าร้อนเกินกว่าหญิงสาวจะทนไหวมือเล็กของเธอเผลอโอบไปบนไหล่หนา ขยับเบียดร่างกายเข้าหาเขาด้วยอารมณ์พิศวาสที่มันพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง
อรณิชาหลงลืมทุกอย่างหญิงสาวพึงพอใจกับรสจูบของชายหนุ่มมาก จูบเร่าร้อนสลับอ่อนหวานทำให้ทั้งสองรู้สึกดีจนแทบไม่อยากจะหยุด ชายหนุ่มลากไล้ฝ่ามือร้อนไปตามอกอิ่มอีกข้างหนึ่งอีกข้างก็ดึงสะโพกของหญิงสาวเข้ามาแนบชิด
หญิงสาวขนลุกชูชันไปทั่วทั้งตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งร้อนที่มันดุนดันหน้าท้องแม้จะมีกางเกงผ้าขวางกั้นแต่เธอก็รู้สึกถึงมันได้
“น่านพอแล้ว”
“พอแล้วหมายถึงจูบพอแล้ว แล้วจะให้ทำอย่างอื่นต่อใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
“อีฟคนเราต้องหาความสุขให้ตัวเองบ้างและคืนนี้เราจะมีความสุขด้วยกันลืมทุกอย่างไปก่อนได้ไหม มองแค่ความสุขตรงหน้าเชื่อผมสิมันจะเป็นคืนที่วิเศษสุดสำหรับคุณเลยทีเดียว”
“ไม่นะน่านถ้าคุณทำแบบนี้เราจะมองหน้ากันได้ยังไง เราเป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนกันนอนด้วยกันได้ที่ไหน”
“มีออกเยอะแยะ อย่าห้ามเลยอีฟ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะใช้เข่าดันขาของหญิงสาวก็แยกออกแล้วมือใหญ่นวดคลึงสะโพกก่อนจะจงใจใช่ฝ่ามือสัมผัสไปบนเนินเนื้อเกลี้ยงเกลาทางด้านล่าง เขารู้สึกถึงความเปียกชุ่มทั่วไปนิ้ว
น่านนทีดึงมือตัวเองออกแล้วยกขึ้นตรงหน้า
“เปียกขนาดนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรออีฟ”
ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะส่งปลายนิ้วเปียกชุ่มเข้าปากของตนเองและดูดเหมือนกับมันเป็นของอร่อย ท่าทางของเขามันกระตุ้นไฟราคะในกายของอรณิชาจนแทบหลอมละลาย
“หวานเหมือนกันนะอีฟ ไม่นึกมาก่อนเลยผู้หญิงที่แต่งงานแล้วรสชาติจะหอมหวานขนาดนี้”
“พูดจาน่าเกลียดออกไปจากห้องได้แล้วนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าผมจะออกไปก็จะเมื่อเรามีความสุขด้วยกันแล้ว” พูดจบเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นไปวางบนเตียงนอนกว้างโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของหญิงสาวเลยสักนิด
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ