로그인กว่าจะรู้สึกตัวก็ถูกนางผลักออกมาจากเรือน และปิดประตูใส่หน้าเขาเสียแล้ว เป็นจริงเช่นที่เฟยเถานางว่า นางไม่ปรากฏตัวให้เขาเห็นอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง
วันนี้เขามาที่เรือนของสหายเพื่อยืมตำรา แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นนางส่งยิ้มหวานให้หูเจี้ยนอยู่ ก่อนหน้านี้นางยังนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา นางไม่คิดจะเรียกร้องให้เขามาสู่ขอ แต่กลับมาส่งยิ้มหวานให้บุรุษอื่น โทสะเจียวเหอพลุ่งพล่านขึ้นจนต้องเดินมาต่อว่านาง
เฟยเถา กลับเข้าเรือนอย่างหัวเสีย นางไม่มีทางยอมให้ตนเองต้องมีชีวิตตามเนื้อเรื่องในนิยายแน่ ยิ่งแน่ใจเพิ่มเมื่อนางเอ่ยนามของนางเอกของเรื่องขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาก็คงจะติดต่อกันเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้พระเอกไปได้กับนางเอก นางจะขอใช้ชีวิตในภพใหม่ให้ดี ร่ำรวยเมื่อใดค่อยหาสามีก็ยังได้
เจียวเหอกลับมาถึงเรือนอย่างหงุดหงิด เขาไม่เชื่อในคำพูดของเฟยเถาที่นางไม่ได้สืบเรื่องของเขากับจินเซียน เจียวเหอจึงได้เผาจดหมายที่จินเซียนส่งมาให้เขาทิ้งเสีย ด้วยกลัวว่าเฟยเถาจะนำเรื่องนี้ไปพูดให้ชื่อเสียงของจินเซียนเสียหายได้
เฟยเถาหลบอยู่แต่ภายในเรือนต่ออีกสองวัน เมื่อร่างกายของนางไร้ร่องรอยที่เจียวเหอได้ทิ้งเอาไว้แล้ว นางจึงคิดที่จะขึ้นเขาเพื่อหาของป่า หากได้มากคงแบ่งไปขายนำเงินมาซื้อข้าวสารได้ จะรอให้หูเจี้ยนนำมามอบให้ทุกสองสามวัน นางก็เกรงใจเขา และไม่อยากให้ตระกูลหูดุด่าว่าหูเจี้ยนด้วย
รุ่งเช้าของวันใหม่ เฟยเถาสะพายตะกร้าที่นางจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เดินขึ้นเขาที่อยู่หลังเรือนของนางไปตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่าง
ชาวบ้านยังมีคนออกมาหาของป่าไม่มากนัก ตลอดทางที่เดินไป ไม่มีผู้ใดที่สนใจการมาของเฟยเถาเลย มีเพียงสายตาที่ดูแคลนมองมาทางนาง ชื่อเสียงเรื่องความไร้ยางอาย ที่วิ่งตามเจียวเหอ ทำให้ชาวบ้านไม่ชอบใจในตัวเฟยเถามากนัก สตรีในหมู่บ้านจึงถูกห้ามไม่ให้มาสนิทกับนาง
“เช่นนี้ก็ดี จะได้ไม่มีผู้ใดสนใจการมีอยู่ของข้า” เฟยเถาถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของเขา เพื่อไม่ให้หาของป่าใกล้คนอื่น
“นางบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้เดินไปทางฟากนู้น” สตรีวัยกลางคนมองตามแผ่นหลังของเฟยเถาไปอย่างตกใจ
“จะไปสนใจนางเพื่ออันใด ต่อให้นางถูกเสือกัดตายก็คงไม่มีใครร้องไห้ให้นาง”
“แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรีใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ลำบากมากแล้ว การที่นางคิดจะจับอาเหอก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่ จะไม่เตือนนางหน่อยหรือ”
“เจ้าอยากเตือนก็วิ่งตามนางไปก็แล้วกัน ข้าไม่ไปด้วย”
ตอนนี้มองไม่เห็นแผ่นหลังของเฟยเถาอีกแล้ว อีกอย่างป่าฟากนู้นก็ได้ชื่อว่ามีสัตว์ร้าย นางจะกล้าตามไปได้อย่างไร คงต้องปล่อยไปตามโชคชะตา
เฟยเถานางไม่รู้ตัวเลยว่าป่าที่นางเดินเข้ามามีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ นางรู้เพียงแค่มีผักป่าและเห็ดที่กินได้จำนวนมาก นางเก็บจนเพลิดเพลินเพียงไม่นานก็ได้มาถึงครึ่งตะกร้า
“หากเอาไปมากกว่านี้ก็คงแบกไม่ไหว” เฟยเถาลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินกลับเรือน
แต่พอมองไปรอบๆ ก็เห็นต้นไม้ทุกคนเหมือนกันไปหมด นางลืมทำเครื่องหมายระหว่างเข้ามาเอาไว้
“แล้วจะกลับยังไง” นางลุกขึ้นหาร่องรอยรองเท้าที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แต่ทำอย่างไรก็ยังมองไม่เห็นว่าจะออกไปจากป่าเช่นใด ในเมื่อรอยเท่าของนางเดินย่ำจนไม่รู้ว่ารอยที่เดินเข้ามาในตอนแรกอยู่ตรงไหน
“อะไรน่ะ” เสียงใบไม้ที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น เฟยเถาลืมตัวร้องถามออกไปเสียงดัง
เป็นกระต่ายป่าสีขาวดวงตาสีแดงก่ำ ที่กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ จ้องมองมาที่เฟยเถาด้วยความฉงน
“ตกใจหมด เจ้ากระต่ายน้อยตัวอวบอ้วน เจ้าช่วยข้าหาทางออกได้หรือไม่” เฟยเถาหัวเราะขบขันตนเอง
จะมีกระต่ายที่ไหนฟังคำพูดของนางรู้เรื่องบางเล่า แต่ในเมื่อมิติที่นางอยู่เป็นนิยาย นางจะคิดหรือทำอะไรออกมาก็ได้โดยไม่ต้องสนใจสิ่งใด
กระต่ายกระโดดไปข้างหน้าราวกับมันเข้าใจในสิ่งที่เฟยเถาพูด
“เจ้าพาข้าออกไปได้จริงหรือ”
นางเดินตามไปอย่างดีใจ เมื่อเห็นรอยเท้าของนางที่เดินเข้ามาในตอนแรกแล้ว ก็หันไปมองกระต่ายป่าอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าอยู่ที่นี่หรือ” มันพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู
“อืม...ไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่ ครั้งหน้าเจ้าพาข้าไปหาของดีด้วยเล่า วันนี้ข้าได้มาเยอะแล้ว” มันพยักหน้าให้อีกครั้ง
เฟยเถาเดินเข้าไปลูบขนที่ตัวมันอย่างชอบใจ พร้อมบอกว่าพรุ่งนี้นางจะขึ้นเขามาใหม่ให้มันออกมารอนางตรงที่มันมาส่งนางด้วย
“เจ้าอย่าให้ชาวบ้านเห็นเล่า ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะจับเจ้าไปกิน” นางจิ้มจมูกมัน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากป่าไป
เมื่อมาถึงด้านล่างเขา เฟยเถาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่านางอยู่ในป่าเป็นเวลานาน พอเดินกลับมาถึงเรือนไม่นานฟ้าด้านนอกก็มืดเสียแล้ว
เฟยเถานำเห็นและผักป่าที่ได้นำมาผัด กินกับข้าวต้มใส่เผือกร้อนๆ เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางอิ่มท้องได้แล้ว คิดถึงชีวิตก่อนที่มีคนทำให้ทุกอย่างก็ได้แต่นึกเสียดายชีวิต
นางได้แต่หวังว่าลุงชุนกับภรรยาของเขา จะสานต่อธุรกิจที่นางทิ้งเอาไว้ต่อไปได้ การตายของนางอาจจะทำให้ลูกค้าทั้งสองบริษัทเกิดเห็นใจขึ้นมาบ้างก็ได้
รุ่งเช้า เมื่อเฟยเถา กินอาหารที่เหลือจากเมื่อคืนเรียบร้อยแล้ว ก็เดินขึ้นเขาไปทันที
วันนี้นางมาเช้ากว่าเมื่อวาน จึงยังไม่เห็นชาวบ้านมาหาของป่าเลยสักคน พอเข้าเดินเข้าไปถึงบริเวณที่ร่ำลากระต่ายน้อยเมื่อวานแล้ว ก็เห็นมันนั่งรอนางอยู่ทันที
“เจ้าฟังข้ารู้เรื่องจริงด้วย” นางนั่งยอง ๆ ลูบตัวของมันเล่น
“เจ้าอยู่ในป่า ต้องรู้แน่ว่าที่ใดมีของดี เจ้าพาข้าไปดูได้หรือไม่ เอาของที่นำไปขายได้เงินเยอะๆ เลยนะ” นางพูดกับกระต่ายราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว
แต่กระต่ายน้อยก็ยังพยักหน้ารับ พร้อมกับกระโดดนำทางไปด้านหน้า เฟยเถาเดินตามหลังมันไปอย่างยินดี ไม่รู้ว่าเดินไปไกลเพียงใด กระต่ายน้อยมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กองหินที่อยู่ด้านข้างของต้นไม้ มีโสมแก่ออกเมล็ดสีแดงแล้วอยู่นับสิบต้นเห็นจะได้
“สวรรค์!!! โสม โสมจริงหรือ เจ้ากระต่ายน้อย เจ้าเป็นตัวนำโชคของข้า” นางอุ้มกระต่ายน้อยขึ้นมาหอมหลายหนอย่างดีใจ
“ข้าจะเก็บ...กะ เก็บ...หายไปไหนแล้ว” เฟยเถาเพิ่งจะนั่งลงลูบต้นโสมอย่างยินดี แต่แล้ว โสมตรงหน้าของนางก็หายไปจนหมด แม้แต่กระต่ายที่อยู่ด้านข้างนาง ยังกระโดดถอยห่างไปด้วยความตกใจ
“หะ หายไปไหน หายไปได้อย่างไร” นางนั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง จ้องมองพื้นดินตรงหน้าที่ว่างเปล่าอย่างเสียดาย
“มันยังมีอีกหรือไม่” นั่งหันไปถามกระต่ายที่เดินกลับมาอยู่ข้างนางแล้ว
เมื่อเห็นกระต่ายน้อยส่ายหน้า เฟยเถาก็เกือบจะร้องไห้ออกมา กองเงินตรงหน้าเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่นี่มันเป็นโลกของนิยาย นักเขียนคงกำลังกลั่นแกล้งนางอยู่แน่ ๆ
เฟยเถาลุกขึ้นเดินกลับไปทางเดิม นางเก็บผักป่าและหัวมันกลับไปทำอาหารเช่นเดิม หากยังรั้งอยู่ต่อ ฟ้าก็คงจะมืดเสียก่อน นางไม่อยากนอนไหนป่า
“ไว้ครั้งหน้าข้าจะมาหาเจ้าใหม่” นางหมดอารมณ์จะคุยเล่นแล้ว จึงได้คิดที่จะกลับเรือน
หรูหลิงไม่คิดว่าเพียงแช่น้ำในบ่อมรกตจะทรมานเช่นนี้ นางเคยแช่ตัวในลำธารวิเศษของเฟยเถา แต่ไม่เห็นจะทรมานเช่นที่เป็นอยู่ นางกรีดร้องอยู่สองชั่วยามจึงได้สิ้นความเจ็บปวด“ชอบหรือไม่” ทั้งสองออกมาจากมิติแล้ว หรูหลิงกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาง“ผู้อื่นจะไม่สงสัยหรือ”“ยังมองออกว่าเป็นเจ้าเช่นเดิม เพียงแค่งามขึ้นมากกว่าเดิมก็เท่านั้น”“ขอบใจเจ้ามากเถาเถา”“ข้าต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เข้ามาอยู่กับเจ้าตามลำพังนานเพียงนี้ ผู้อื่นที่มาเติมสินเดิมให้เจ้าจะตำหนิข้าได้”“ได้ ข้าไปส่ง”ยามที่หรูหลิงเดินออกมาจากเรือนพร้อมกับเฟยเถา บ่าวไพร่ในจวนก็มองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่ราชครูสุ่ยและฮูหยินสุ่ยเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อเฟยเถากลับไปจึงได้เรียกบุตรสาวเข้ามาถาม“เถาเถา นางช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนเจ้าค่ะ”ทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ฝึกตนคือสิ่งใด ด้วยซิงเหยี่ยน เจียวเหอและอาซือ คือผู้ฝึกตนที่รบกับแคว้นต้าซ่ง โดยที่ทหารแคว้นต้าฉีไม่ได้ล้มตายเลยสักคนเดียว ผู้คนจึงเริ่มหวั่นเกรงในความสามารถของทั้งสองวันงานมงคล เจียวเหอไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม เพื่อมารับเจ้าสาวพร้อมเขา ส
จินเซียน ราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะถูกดึงออกจากร่างของเฟยเถา นางดิ้นรนอย่างทรมาน เพื่อยื้อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง“ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านเทพชะตา ท่านต้องให้โอกาสข้า ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย”“เจ้าทำผิดต่อคำสาบานของเจ้า ข้ายอมให้เจ้าได้แก้ตัว ด้วยเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่สงบ ในเมื่อนางเข้ามาทำให้โชคชะตาของเจ้าเปลี่ยน ข้าจึงให้เจ้าได้ลองเป็นนาง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าคิดหรือไม่ แต่เจ้ากล้าทำให้เด็กบาดเจ็บ...”“ยัง เด็กยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องจะพาข้าไปไม่ได้”บุรุษทั้งสามหรี่ตามองนาง เหมือนว่านางกำลังพูดกับสิ่งใดอยู่ แต่พวกเขามองไม่เห็น“จินเซียน ครั้งนี้เด็กไม่บาดเจ็บ แต่ความแค้นในใจเจ้ารุนแรงเกินไป เจ้าคิดจะกำจัดเด็กทั้งสองตั้งแต่แรก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเด็กทั้งสองเจ้าแตะต้องไม่ได้”“ข้าอยากแตะต้องเสียที่ไหน หากมิใช่ฮูหยินสุ่ยสงสัยในตัวข้า”“เป็นเจ้าที่ทำพลาดไป อย่างไรเจียวเหอก็ไม่มีทางสนใจเจ้า ยอมรับเสีย หมดเวลาของเจ้าแล้ว”“หากข้าอยู่ต่อ เชื่อว่าเขาต้องรักข้ามากกว่านางเป็นแน่”“ไม่ ข้าไม่มีทางรักเจ้า ถังอี้เหนียงไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเจ้าในร่างนาง ข้าก็ไม่เคยนึกสนใจเ
ไป๋ไป๋ นำม้าในมิติออกมาเปลี่ยนให้ทั้งสามใช้แทน สัตว์เทพทั้งสามตัว วิ่งได้เร็วราวกับลม ทั้งยังไม่ต้องหยุดพักเพื่อกินอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเจียวเหอมุ่งหน้ากลับไปที่จวนทันที ซิงเหยี่ยนไปหาหรูหลิงที่จวนสุ่ยเพื่อสอบถามเรื่องราวจากนางเสียก่อน ซิงเหยี่ยนยังต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานเรื่องที่ชายแดนให้เสด็จพ่อฟัง จึงไม่ได้พาหรูหลิงไปที่จวนตระกูลจางในทันที“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” จินเซียนในร่างของเฟยเถายิ้มหวานมองเจียวเหอ ที่เข้ามาหานางในห้องอยู่ไฟเจียวเหอ ดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าวิญญาณของนางไม่ใช่เฟยเถา“เป็นเช่นใดบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ดีแล้วเจ้าค่ะ ร่างกายข้าฟื้นตัวได้เร็วนัก บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมให้ข้าเลี้ยงบุตรชายทั้งสองเลย ท่านพี่ ท่านพาลูกมาหาข้าได้หรือไม่”“ยังไม่ต้อง เจ้าควรจะพักต่อ ข้าจะไปดูลูกเสียก่อน”“แต่ว่า...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” นางเดินเข้ามาจะสวมกอดเขา“ร่างกายข้าเปื้อนไปทั้งตัว อย่าเพิ่งเข้าใกล้ข้า”“เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้ท่านนะเจ้าคะ” นางยิ
เฟยเถาราวกับตัวนางล่องลอยหลุดออกมาจากร่าง นางมองทุกสิ่งในห้องด้วยความตกใจ แม้จะเอ่ยเรียกหรือพูดสิ่งใดก็ไม่มีคนได้ยิน เด็กทารกทั้งสองราวกับรับรู้ความเป็นตายของผู้เป็นมารดา ต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันราวกับจะขาดใจเจียวเหอก็กอดร่างของเฟยเถาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพร่ำเอ่ยเรียกชื่อของนางหวังให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง“ฟางซื่อ เจ้าแย่งโชคชะตาของข้าไป จะเป็นเช่นใดหากเจ้าได้มองข้าใช้ชีวิตในร่างของเจ้า”“จินเซียน!!!”เฟยเถาหันไปมองด้านข้างของนางอย่างรวดเร็ว ก็เห็นวิญญาณของจินเซียนจ้องมองมาที่นางอย่างโกรธแค้น“อย่าได้คิด” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“อืม...เจ้าทนดูเถิดว่าข้า...จะจัดการกับบุตรเจ้าและสามีของเจ้าเช่นใด”“อย่า!!!” เฟยเถากรีดร้องออกมาสุดเสียงดวงตาของนางเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นวิญญาณของจินเซียนค่อยๆ ลอยเข้าไปแทนที่อยู่ในร่างของนาง“นายท่าน!!! ปล่อยมือเร็วเข้า ท่านต้องกลับไปแล้ว” ไป๋ไป๋เองก็เห็นเช่นกัน มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดดึงร่างของเจียวเหอให้หลุดออกมาจากร่างของเฟยเถาที่นอนอยู่“แม่นางสุ่ย ฝากท่านดูคุณชายน้อยทั้งสองด้วย ในร่างของนายหญิงตอนนี้ไม่ใช่วิญญาณของนาง แต่เป็นจ
ซิงเหยี่ยนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหรูหลิง เขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง“หลิงหลิง ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ให้เขารอดจากเคราะห์ครั้งนี้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่ เมื่อกลับมาเมืองหลวง ค่อยเข้าพิธีแต่งงาน” เขากุมมือของนางเอาไว้“ได้ ข้าจะรอท่าน” นางยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเองก็ไม่อยากถูกขังอยู่ภายในตำหนักทองคำเช่นกันซิงเหยี่ยนและเจียวเหอ หารือเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดนเหนือร่วมกัน พวกขาที่ยังไม่ทันจะคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อใด ชายแดนเหนือก็ส่งข่าวมาแล้วว่า แคว้นต้าซ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามทั้งสองรีบเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ซิงเหยี่ยนบอกฮ่องเต้เรื่องที่เขาและเจียวเหอกลายเป็นผู้ฝึกตน ในตอนแรกฮ่องเต้ก็ยังไม่เชื่อ จนเมื่อเห็นพลังปราณที่ซิงเหยี่ยนปล่อยออกมา“เจ้าจะเดินทางไปชายแดนเหนือเช่นนั้นหรือ”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นห่วงพี่ใหญ่ ให้ลูกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีลูกและจางจอหงวน แคว้นต้าฉีจะไม่มีทางแพ้ให้แคว้นต้าซ่งอย่างแน่นอน”“แล้วงานมงคลของเจ้า” อีกเพียงเดือนเดียวก็จะถึงงานมงคลของซิงเหยี่ยนแล้ว“ลูกเชื่อว่าคุณหนูสุ่ยนางจะเข้าใจ”“ได้ จางจอหงวนถือว่าเป็นงานแรก
จินเซียนที่กำลังเลือกเครื่องประดับ ที่ร้านในอันดับหนึ่งในเมืองส่งมาให้นางเลือกอยู่ เห็นองค์ชายรองเข้ามา นางก็ยิ้มอย่างยินดี เดินไปหาเขา คิดว่าเขาจะมาช่วยนางเลือกเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของจินเซียนดังออกไปถึงด้านนอก พวกบ่าวต่างก็พากันถอยห่างไปไกลด้วยความหวาดกลัว“หญิงชั่ว!!! เจ้ารู้เรื่องที่บิดาของเจ้าถูกจับโทษฐานลอบค้าเกลือหรือไม่”“...” จินเซียนจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น นางดูไม่ตกใจในคำถามของเขา และยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย“แล้วพระองค์คิดว่า เจ้าเมืองเล็กๆ เช่นบิดาหม่อมฉัน จะหาเงินมากเพียงนั้นมาให้พระองค์ได้อย่างไรเล่าเพคะ”“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนของจินเซียนเอาไว้แน่น“เพคะ พระองค์ก็พูดเองว่าเข้าหาหม่อมฉันเพื่อหวังสมบัติ ในเมื่อได้มาแล้วมิยินดีหรือเพ....โอ๊ยยยย” นางถูกตบไปอีกสองที จนฟุบไปอยู่บนพื้น“สมควรตาย!!! การรับเจ้าเข้าตำหนัก เป็นความคิดโง่เขลาที่สุดสำหรับข้า” เขาเดินไปเตะเข้าที่ท้องนางหนึ่งทีก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปจัดการสมบัติทั้งหมดที่ได้มาโดยเร็วจินเซียนนอนงอตัวหัวเราะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่านางพลาดที่ใด ตั้งแต่เรื่อ







