LOGINไม่ว่ายุคไหน การเจรจาเรื่องการค้าก็ไม่เคยง่ายเลยสักนิด หากจะต้องมายืนเป็นที่หนึ่งให้ได้ นางคงต้องหาทางเปิดเหลาสุราของตนเอง
“ประเดี๋ยวก่อนแม่นาง เจ้านำสุรามาขายหรือ”
“เจ้าคะ ใช่ๆ เจ้าค่ะ ข้านำสุรามาขาย ท่านสนใจหรือไม่” เฟยเถาหันกลับมาอย่างยินดี
ตรงหน้านางเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่พ่อค้า ใบหน้าที่ดุดัน แม้จะฝืนยิ้มแล้วก็ยังดูน่ากลัว เหมือนจะเป็นนักรบเสียมากกว่า
“นายท่านของข้าสนใจอยากเจรจากับเจ้า เจ้าจะ...”
“ยินดีเจ้าค่ะ” ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ เฟยเถาก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
บุรุษผู้นั้น เดินนำหน้าเฟยเถาเข้าไปในเหลาสุรา นางยังหันไปยิ้มหวานให้เสี่ยวเอ้อด้วยหนึ่งที ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ มีบุรุษในหน้างดงามราวกับสตรีนั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผย
“เอ่อ...คารวะนายท่านเจ้าค่ะ” นางเรียกตามบุรุษที่เชิญนางมา
“หึหึ ข้าหยางซิงเหยี่ยน เจ้าเรียกข้าคุณชายหยางเถิด” เขามองนางอย่างขบขัน
“เจ้าค่ะ คุณชายหยาง”
“นั่งก่อน เจ้ามีนามว่าอันใด”
“ข้าน้อย ฟางเฟยเถาเจ้าค่ะ คุณชายสนใจสุราของข้าน้อยใช่หรือไม่” เฟยเถาหยิบสุราออกมาว่างตรงหน้าของหยางซิงเหยี่ยน
“เจ้าบอกว่า...สุราเจ้าชั้นดี ให้ข้าลองสักจอกได้หรือไม่”
“ยินดีเจ้าค่ะ” เฟยเถายิ้มธุรกิจออกมา
นางรินสุราใส่จอก ก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าของหยางซิงเหยี่ยน บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้าง เดินเข้ามาเหมือนจะตรวจสอบก่อน แต่ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้
“กลิ่นหอมยิ่งนัก” มือของเขายังไม่ทันยกสุกราขึ้นมาดม ก็ได้กลิ่นสุราที่หอมเย้ายวนเสียแล้ว
ยามที่จอกสุราถูกยกขึ้นจรดริมฝีปาก เฟยเถาก็ตั้งตารออย่างจดจ่อว่าผลจะเป็นเช่นใด
“อื้มมมม” เขามองใบหน้าของเฟยเถาอย่างค้นหา “เจ้าจะขายเท่าใด”
“ข้าน้อยไม่มีราคาในใจเจ้าค่ะ สุราของข้าทำออกมาได้เพียงสิบไหต่อเดือน” นางแสร้งทำหน้าปวดใจ แม้ในมิติจะมีสุราอยู่มากมาย แต่หากต้องการเรียกราคาก็ควรจะหาเรื่องต่อรองเสียหน่อย
“น่าเสียดาย สุราเจ้าชั้นดีเช่นที่เจ้าว่าจริงๆ แต่ทำออกมาได้น้อยนัก”
“เป็นสูตรลับที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้เจ้าค่ะ ต่อให้อยากทำออกมามากเพียงใด ก็ได้สุราชั้นดีเพียงสิบไหต่อเดือนเท่านั้น”
“หนึ่งร้อยตำลึงทองต่อไหเล็กที่เจ้าเอามา เจ้าว่า...เจ้าจะส่งให้ข้าได้เท่าใด”
“หนึ่งไหใหญ่ใส่ได้ห้าไหเล็ก ห้าสิบไหเล็กต่อเดือนเจ้าค่ะ”
หยางซิงเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น ราคาที่เขาให้ก็ไม่น้อยเลย แต่สีหน้าของนางก็ดูเหมือนจะไม่ตกใจ ราวกับรู้ราคาของสุราตรงหน้าดี เพียงแต่เขาต้องการมากกว่าห้าสิบไหเล็ก
“หากข้าต้องการมากกว่านี้ เจ้า...”
“ข้าน้อยจะพยายามเจ้าค่ะ เพียงแต่...”
“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง”
“หนึ่งร้อยไหเล็กต่อเดือนเจ้าค่ะ” นางยิ้มหวานอย่างพอใจ
“หึหึ อาซือ เอาสัญญามา เจ้าให้ข้าไปรับของที่ใด แล้วจะส่งให้ข้าได้วันใด”
“อีกสิบวันข้าน้อยจะเดินทางเข้าเมือง คุณชายหยางจะ ให้ส่งที่เหลาสุรานี้เลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ใช่ ข้าจะส่งคนไปรับที่เรือนของเจ้า”
“เอ่อ...ข้าน้อยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้”
“อืม...ข้ามีจวนไม่ได้ใช้งานอยู่หลัง เจ้าไปส่งที่จวนหลังนั้นก็แล้วกัน ข้าจะให้อาซือบอกที่อยู่กับเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางเพิ่งจะเรียนรู้ตัวอักษรจีนโบราณมาได้เพียงแค่วันเดียว จึงทำได้เพียงจับใจความสำคัญได้เท่านั้น
“เอ่อ...ในสัญญา ข้าน้อยต้องส่งของให้ท่านเพียงผู้เดียว สามปีเลยหรือเจ้าคะ”
“ใช่ มีปัญหาที่ใดหรือไม่
“แล้วหากข้าน้อยย้ายที่อยู่เล่าเจ้าคะ” นางคิดจะย้ายออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด
“เพียงแค่บอกข้าว่าเจ้าย้ายไปที่ใด ที่เหลือข้าจัดการเอง”
“เจ้าค่ะ” ทำการค้ากับคนรวยมันดีเช่นนี้เอง
เฟยเถาหยิบแท่งถ่านที่นางนำมาด้วย ออกมาเขียนชื่อของนางลงไปในสัญญา
“เจ้าไม่ใช้พู่กันหรือ”
“ข้าน้อยลองหัดเขียนพู่กันแล้วเจ้าค่ะ แต่ไม่คล่องเหมือนแท่งถ่าน” นางเกาแก้มอย่างเขินอาย
หยางซิงเหยี่ยนไม่เอ่ยอันใด เขามองพิจารณานางอยู่เงียบๆ เฟยเถานางกำลังตั้งใจอ่านสัญญาซื้อขายในมือจึงไม่ได้ทันสังเกตเห็นสายตาของเขา
สัญญาถูกเขียนออกมาสองฉบับ อยู่ที่หยางซิงเหยี่ยนและที่เฟยเถาคนละฉบับ เมื่อนางได้รับตั๋วเงินค่ามัดจำ ห้าพันตำลึงทองแล้ว ก็ขอตัวกลับออกจากเหลาสุราไปอย่างพอใจ เฟยเถาทิ้งสุราหนึ่งไหเอาไว้ให้หยางซิงเหยี่ยนอีกด้วย
“อาซือ เจ้าลองดื่มดู”
“ขอรับ”
อาซือยกขึ้นดื่มตามคำสั่ง แต่แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
“องค์ชาย...คุณชายหยาง นะ นี่มัน”
“นางช่างน่าสนใจนัก พบนางสองหน มีแต่เรื่องทำให้ข้าประหลาดใจ นางยังมิได้ออกเรือนหรือ”
“ขอรับ แต่ว่า...ข้าน้อยบังเอิญได้ยินนางสนทนากับจางจวี่เหริน เขาบอกว่านาง...เป็นภรรยาของเขาขอรับ”
“หื้ม...แล้วเหตุใดยังไม่ยอมออกเรือน”
“ข้าน้อยจะไปสืบให้ท่านขอรับ”
“ไม่ต้อง แต่เรื่องของนางอย่าให้ผู้ใดรู้ มิเช่นนั้น ข้าจะไม่ได้สุราจากนางอีกเลย” เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
องค์ชายสาม ฉีซิงเหยี่ยน คือบุรุษที่พบนางโต้เถียงกับสาวใช้ของจินเซียนในร้านขายผ้า เขาออกมาสืบเรื่องลักลอบขายเหลือ ตามราชโองการของเสด็จพ่อ แต่ไม่คิดว่าจะพบของดีอยู่ที่เมืองหูหนานเข้า
เฟยเถานางเดินกลับมาที่ว่าการก่อน เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้า จึงรู้ว่าเจียวเหอยังไม่ได้ออกมา นางจึงไปรอเขาที่ร้านเครื่องเคลือบ
“เถ้าแก่ ไหเล็กเมื่อครู่ที่ข้าซื้อไป ท่านมีถึงร้อยใบหรือไม่”
“มะ มีๆ”
“ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” นางเห็นว่าไหใบเล็กงดงามไม่น้อยจึงซื้อโดยไม่ได้ถามราคา ราคาใบละสิบตำลึงเงิน หากซื้อเป็นร้อยใบโดยไม่ต่อราคาเลย นางคงปวดใจ
“ข้าคิดแปดตำลึงเงิน มากกว่านี้ลดให้ไม่ได้แล้ว”
“ได้เจ้าค่ะ” เฟยเถานำตั๋วเงินออกมาจ่ายทันที
นางให้ลูกจ้างร้านเครื่องเคลือบไปส่งให้นาง ตรอกซอยที่นางไปหลบเทสุรา เฟยเถายืนรอไม่นาน คนงานก็ขนไหทั้งร้อยใบมาส่งให้นาง
“แม่นาง ให้ข้าขนใส่ที่ใด” เขามองหารถม้าหรือเกวียนวัวไม่พบ
“เจ้าวางเอาไว้เลย เดี๋ยวข้าให้คนมาขน”
คนงานรีบขนไหลงมากองให้เฟยเถาตามคำสั่งทันที พอเกวียนวัวของร้านเครื่องเคลือบเคลื่อนออกจากตรอกซอยไป เฟยเถาก็เก็บทั้งหมดเข้าไปภายในมิติ
นางคิดจะไปหาซื้อผัก เนื้อสัตว์กลับไปที่หมู่บ้านต่อ แต่เมื่อหมุนตัวจะเดินออกจากตรอกซอย เฟยเถาก็เกือบจะกรีดร้องออกมา ยังดีที่นางยกมือปิดเอาไว้ได้ทัน
“ข้าว่า...เจ้าคงมีเรื่องต้องคุยกับข้าเสียหน่อยแล้ว” เจียวเหอจ้องมองเฟยเถาด้วยสายตากดดัน
“กลับไปคุยที่หมู่บ้านได้หรือไม่” นางเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ได้”
“แต่ข้าขอซื้อของก่อน”
“ได้”
มิใช่เพียงเจียวเหอเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์นี้ อาซือที่ลอบติดตามเฟยเถามาตามคำสั่งของฉีซิงเหยี่ยนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เขารีบเร้นกายหายกลับไปรายงานเรื่องที่พบทันที
ตลอดทางที่เฟยเถาเดินไปซื้อของ แผ่นหลังของนางดูเหมือนจะมีมีดแหลมที่ค่อยทิ่มตลอด พอหันกลับไปก็เห็นสายตาของเจียวเหอที่มองมาทางนางไม่กะพริบ
“อาเหอ เจ้าเลิกมองข้าเช่นนี้ได้แล้ว ข้าอึดอัด” นางหันมาบอกเขาอย่างหมดความอดทน
“รีบไปซื้อของ”
นางได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะซื้อผักสด เนื้อสัตว์ ที่นางยังไม่มีในมิติ และยังซื้อเมล็ดผักที่ไม่มีวางขายไปปลูก เพื่อไว้ทำอาหารและเป็นอาหารของไป๋ไป๋ด้วย
หรูหลิงไม่คิดว่าเพียงแช่น้ำในบ่อมรกตจะทรมานเช่นนี้ นางเคยแช่ตัวในลำธารวิเศษของเฟยเถา แต่ไม่เห็นจะทรมานเช่นที่เป็นอยู่ นางกรีดร้องอยู่สองชั่วยามจึงได้สิ้นความเจ็บปวด“ชอบหรือไม่” ทั้งสองออกมาจากมิติแล้ว หรูหลิงกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาง“ผู้อื่นจะไม่สงสัยหรือ”“ยังมองออกว่าเป็นเจ้าเช่นเดิม เพียงแค่งามขึ้นมากกว่าเดิมก็เท่านั้น”“ขอบใจเจ้ามากเถาเถา”“ข้าต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เข้ามาอยู่กับเจ้าตามลำพังนานเพียงนี้ ผู้อื่นที่มาเติมสินเดิมให้เจ้าจะตำหนิข้าได้”“ได้ ข้าไปส่ง”ยามที่หรูหลิงเดินออกมาจากเรือนพร้อมกับเฟยเถา บ่าวไพร่ในจวนก็มองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่ราชครูสุ่ยและฮูหยินสุ่ยเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อเฟยเถากลับไปจึงได้เรียกบุตรสาวเข้ามาถาม“เถาเถา นางช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนเจ้าค่ะ”ทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ฝึกตนคือสิ่งใด ด้วยซิงเหยี่ยน เจียวเหอและอาซือ คือผู้ฝึกตนที่รบกับแคว้นต้าซ่ง โดยที่ทหารแคว้นต้าฉีไม่ได้ล้มตายเลยสักคนเดียว ผู้คนจึงเริ่มหวั่นเกรงในความสามารถของทั้งสองวันงานมงคล เจียวเหอไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม เพื่อมารับเจ้าสาวพร้อมเขา ส
จินเซียน ราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะถูกดึงออกจากร่างของเฟยเถา นางดิ้นรนอย่างทรมาน เพื่อยื้อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง“ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านเทพชะตา ท่านต้องให้โอกาสข้า ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย”“เจ้าทำผิดต่อคำสาบานของเจ้า ข้ายอมให้เจ้าได้แก้ตัว ด้วยเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่สงบ ในเมื่อนางเข้ามาทำให้โชคชะตาของเจ้าเปลี่ยน ข้าจึงให้เจ้าได้ลองเป็นนาง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าคิดหรือไม่ แต่เจ้ากล้าทำให้เด็กบาดเจ็บ...”“ยัง เด็กยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องจะพาข้าไปไม่ได้”บุรุษทั้งสามหรี่ตามองนาง เหมือนว่านางกำลังพูดกับสิ่งใดอยู่ แต่พวกเขามองไม่เห็น“จินเซียน ครั้งนี้เด็กไม่บาดเจ็บ แต่ความแค้นในใจเจ้ารุนแรงเกินไป เจ้าคิดจะกำจัดเด็กทั้งสองตั้งแต่แรก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเด็กทั้งสองเจ้าแตะต้องไม่ได้”“ข้าอยากแตะต้องเสียที่ไหน หากมิใช่ฮูหยินสุ่ยสงสัยในตัวข้า”“เป็นเจ้าที่ทำพลาดไป อย่างไรเจียวเหอก็ไม่มีทางสนใจเจ้า ยอมรับเสีย หมดเวลาของเจ้าแล้ว”“หากข้าอยู่ต่อ เชื่อว่าเขาต้องรักข้ามากกว่านางเป็นแน่”“ไม่ ข้าไม่มีทางรักเจ้า ถังอี้เหนียงไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเจ้าในร่างนาง ข้าก็ไม่เคยนึกสนใจเ
ไป๋ไป๋ นำม้าในมิติออกมาเปลี่ยนให้ทั้งสามใช้แทน สัตว์เทพทั้งสามตัว วิ่งได้เร็วราวกับลม ทั้งยังไม่ต้องหยุดพักเพื่อกินอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเจียวเหอมุ่งหน้ากลับไปที่จวนทันที ซิงเหยี่ยนไปหาหรูหลิงที่จวนสุ่ยเพื่อสอบถามเรื่องราวจากนางเสียก่อน ซิงเหยี่ยนยังต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานเรื่องที่ชายแดนให้เสด็จพ่อฟัง จึงไม่ได้พาหรูหลิงไปที่จวนตระกูลจางในทันที“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” จินเซียนในร่างของเฟยเถายิ้มหวานมองเจียวเหอ ที่เข้ามาหานางในห้องอยู่ไฟเจียวเหอ ดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าวิญญาณของนางไม่ใช่เฟยเถา“เป็นเช่นใดบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ดีแล้วเจ้าค่ะ ร่างกายข้าฟื้นตัวได้เร็วนัก บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมให้ข้าเลี้ยงบุตรชายทั้งสองเลย ท่านพี่ ท่านพาลูกมาหาข้าได้หรือไม่”“ยังไม่ต้อง เจ้าควรจะพักต่อ ข้าจะไปดูลูกเสียก่อน”“แต่ว่า...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” นางเดินเข้ามาจะสวมกอดเขา“ร่างกายข้าเปื้อนไปทั้งตัว อย่าเพิ่งเข้าใกล้ข้า”“เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้ท่านนะเจ้าคะ” นางยิ
เฟยเถาราวกับตัวนางล่องลอยหลุดออกมาจากร่าง นางมองทุกสิ่งในห้องด้วยความตกใจ แม้จะเอ่ยเรียกหรือพูดสิ่งใดก็ไม่มีคนได้ยิน เด็กทารกทั้งสองราวกับรับรู้ความเป็นตายของผู้เป็นมารดา ต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันราวกับจะขาดใจเจียวเหอก็กอดร่างของเฟยเถาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพร่ำเอ่ยเรียกชื่อของนางหวังให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง“ฟางซื่อ เจ้าแย่งโชคชะตาของข้าไป จะเป็นเช่นใดหากเจ้าได้มองข้าใช้ชีวิตในร่างของเจ้า”“จินเซียน!!!”เฟยเถาหันไปมองด้านข้างของนางอย่างรวดเร็ว ก็เห็นวิญญาณของจินเซียนจ้องมองมาที่นางอย่างโกรธแค้น“อย่าได้คิด” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“อืม...เจ้าทนดูเถิดว่าข้า...จะจัดการกับบุตรเจ้าและสามีของเจ้าเช่นใด”“อย่า!!!” เฟยเถากรีดร้องออกมาสุดเสียงดวงตาของนางเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นวิญญาณของจินเซียนค่อยๆ ลอยเข้าไปแทนที่อยู่ในร่างของนาง“นายท่าน!!! ปล่อยมือเร็วเข้า ท่านต้องกลับไปแล้ว” ไป๋ไป๋เองก็เห็นเช่นกัน มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดดึงร่างของเจียวเหอให้หลุดออกมาจากร่างของเฟยเถาที่นอนอยู่“แม่นางสุ่ย ฝากท่านดูคุณชายน้อยทั้งสองด้วย ในร่างของนายหญิงตอนนี้ไม่ใช่วิญญาณของนาง แต่เป็นจ
ซิงเหยี่ยนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหรูหลิง เขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง“หลิงหลิง ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ให้เขารอดจากเคราะห์ครั้งนี้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่ เมื่อกลับมาเมืองหลวง ค่อยเข้าพิธีแต่งงาน” เขากุมมือของนางเอาไว้“ได้ ข้าจะรอท่าน” นางยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเองก็ไม่อยากถูกขังอยู่ภายในตำหนักทองคำเช่นกันซิงเหยี่ยนและเจียวเหอ หารือเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดนเหนือร่วมกัน พวกขาที่ยังไม่ทันจะคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อใด ชายแดนเหนือก็ส่งข่าวมาแล้วว่า แคว้นต้าซ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามทั้งสองรีบเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ซิงเหยี่ยนบอกฮ่องเต้เรื่องที่เขาและเจียวเหอกลายเป็นผู้ฝึกตน ในตอนแรกฮ่องเต้ก็ยังไม่เชื่อ จนเมื่อเห็นพลังปราณที่ซิงเหยี่ยนปล่อยออกมา“เจ้าจะเดินทางไปชายแดนเหนือเช่นนั้นหรือ”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นห่วงพี่ใหญ่ ให้ลูกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีลูกและจางจอหงวน แคว้นต้าฉีจะไม่มีทางแพ้ให้แคว้นต้าซ่งอย่างแน่นอน”“แล้วงานมงคลของเจ้า” อีกเพียงเดือนเดียวก็จะถึงงานมงคลของซิงเหยี่ยนแล้ว“ลูกเชื่อว่าคุณหนูสุ่ยนางจะเข้าใจ”“ได้ จางจอหงวนถือว่าเป็นงานแรก
จินเซียนที่กำลังเลือกเครื่องประดับ ที่ร้านในอันดับหนึ่งในเมืองส่งมาให้นางเลือกอยู่ เห็นองค์ชายรองเข้ามา นางก็ยิ้มอย่างยินดี เดินไปหาเขา คิดว่าเขาจะมาช่วยนางเลือกเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของจินเซียนดังออกไปถึงด้านนอก พวกบ่าวต่างก็พากันถอยห่างไปไกลด้วยความหวาดกลัว“หญิงชั่ว!!! เจ้ารู้เรื่องที่บิดาของเจ้าถูกจับโทษฐานลอบค้าเกลือหรือไม่”“...” จินเซียนจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น นางดูไม่ตกใจในคำถามของเขา และยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย“แล้วพระองค์คิดว่า เจ้าเมืองเล็กๆ เช่นบิดาหม่อมฉัน จะหาเงินมากเพียงนั้นมาให้พระองค์ได้อย่างไรเล่าเพคะ”“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนของจินเซียนเอาไว้แน่น“เพคะ พระองค์ก็พูดเองว่าเข้าหาหม่อมฉันเพื่อหวังสมบัติ ในเมื่อได้มาแล้วมิยินดีหรือเพ....โอ๊ยยยย” นางถูกตบไปอีกสองที จนฟุบไปอยู่บนพื้น“สมควรตาย!!! การรับเจ้าเข้าตำหนัก เป็นความคิดโง่เขลาที่สุดสำหรับข้า” เขาเดินไปเตะเข้าที่ท้องนางหนึ่งทีก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปจัดการสมบัติทั้งหมดที่ได้มาโดยเร็วจินเซียนนอนงอตัวหัวเราะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่านางพลาดที่ใด ตั้งแต่เรื่อ







