ณ จวนตระกูลหลี่—งานวันคล้ายวันเกิด เสนาบดีฝ่ายซ้าย หลี่จงหยาง อายุครบ 35 ปี
หน้าประตูใหญ่ ฮูหยินหลี่, คุณหนูใหญ่ หลี่จือหยา และ คุณหนูรอง หลี่เจินเจิน ยืนรับแขก
ทว่าครั้งนี้เมื่อได้ประจักษ์—ผู้คนกลับตะลึง คุณหนูใหญ่รูปโฉม งามแพรวพราว สูงส่ง ยืนเคียงหลี่เจินเจินแล้วยิ่งโดดเด่น หลี่จือหยาวัยเพียงสิบสี่รูปร่างอรชร นัยน์ตาใสระยับดุจดาว คิ้วโก่งเรียว ยิ้มละมุนให้ความรู้สึกน่าคบหา ตรงกันข้ามกับความงามเย็นชาของหลี่เจินเจิน ทำให้สายตาผู้คนเทไปทางคุณหนูใหญ่แทบทั้งสิ้น
แม้แต่ ฮูหยินหลี่ กับ หลี่เจินเจิน เองก็ชะงัก—จากเด็กสาวเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุใดจึง เปล่งประกาย ถึงเพียงนี้ นางอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหลี่จือหยาแน่นอน
ขณะพินิจอยู่นั้น รถม้าตระกูลกู้—เสนาบดีฝ่ายขวา—ก็มาถึง ผู้มอบของขวัญคือ ฮูหยินกู้ พร้อมบุตรสาว กู้ลั่ว และบุตรชาย กู้หลิงหยาง ฮูหยินกู้เป็นพี่สาวร่วมบิดามารดาของมารดาหลี่จือหยา ตั้งใจมาเยี่ยมหลานด้วยตนเอง
หลี่จือหยาก้าวออกคาราวะ “หลานคาราวะท่านป้า พี่กู้ลั่ว พี่กู้หลิงหยางเจ้าค่ะ”
ฮูหยินกู้พินิจใกล้ ๆ ก็พลันยิ้มตะลึง “มาสิ ให้ป้าดูหน้า…หลี่จือหยาของป้า โตขึ้นงดงามยิ่งนัก”
ลานงานเป็นสวนใหญ่ของตระกูลหลี่ ตกแต่งพอเหมาะแต่แฝง ขลังแห่งสายเลือดหงส์ ดอกไม้หอมประดับให้บรรยากาศสดชื่น มงคล ผู้คนราวร้อยกว่านั่งสนทนาเบา ๆ คลอด้วยเสียงดนตรี งามสงบสมตระกูลเก่าแก่
กลางที่นั่งคือ เสนาบดีหลี่จงหยาง, ซ้ายมือมีฮูหยินหลี่ หลี่เจินเจิน และ หลี่โมเฟิง ขวามือมี หลี่เจิ้น กับหลี่จือหยา—บุตรจาก จ้าวฮูหยิน ผู้ล่วงลับสิบกว่าปีก่อน
สิ่งเหล่านี้ไม่พ้นสายตาฮูหยินหลี่ รูปงามแล้วอย่างไร—นางคิด—บุตรของข้าเก่งกว่าอยู่ดี
ถึงเวลามอบของขวัญ ตัวแทนแต่ละตระกูลทยอยถวายสิ่งล้ำค่า กระทั่งถึงคิว บุตรในเรือน—ช่วงที่ใครต่อใครเฝ้าจับตา เพราะนับเป็น “สนามประลอง” เล็ก ๆ ภายในครอบครัว
หลี่เจิ้นบุตรชายคนโตกล่าวอวยพร “ขอท่านพ่อแข็งแรง อายุยืน เป็นหลักให้ลูก ๆ ตลอดไป” แล้วทั้งสี่พี่น้องคาราวะงามพร้อมเพรียง
เมื่อถึงของขวัญ หลี่เจิ้นคลี่ภาพ “หุบเขาตระกูลหลี่” ออก ภาพสมจริง ขลังดุจได้ยินลมหายใจเพลิงอสูรและกลิ่นสมุนไพรโบราณ ฝีมือประณีตสื่อความยิ่งใหญ่ของหุบเขาได้ครบถ้วน
หลี่เจิ้นโค้งถอย หลี่จือหยาก้าวออกมาคารวะ
“ลูกไร้ความสามารถ จึงทำได้เพียงขึ้นเขาตระกูลหา สมุนไพร โชคดีที่สวรรค์เมตตา ให้ลูกได้ โสมหมื่นปี มอบเป็นของขวัญท่านพ่อ”
เสียงฮือเบา ๆ ดังรอบโถง—โสมหมื่นปี ล้ำค่านัก ทั้งเสริมกำลังผู้ฝึกลมปราณ ทั้ง ต่อลมหายใจ ให้ผู้ใกล้ตาย หากหลี่จงหยางนำขึ้นทูลฮ่องเต้ ย่อมเพิ่มความไว้วางใจอย่างยิ่ง
เสนาบดีรับไว้ด้วยปีติ มองบุตรีคนโต—ยิ่งโตยิ่งคล้ายจ้าวฮูหยิน เขาตื้นตัน หากก็ยังแฝงเสียดายไว้ลึก ๆ
“สองพี่น้องใจตรงกัน คนหนึ่งวาดภาพ คนหนึ่งนำสมุนไพร—ล้วนยกย่องหุบเขาตระกูลเรา พ่อขอบใจเจ้ามาก”
หลี่จือหยายิ้มบาง “จริงอย่างที่ท่านพ่อว่า—หุบเขาตระกูลเรามีของวิเศษมากมาย ลูกจึงเก็บ เห็ดหิมะ มาได้ด้วย หลายปีมานี้ลูกศึกษาการปรุงยาอยู่พอควร จึงใช้ความรู้นั้น ปรุง ‘ยาอายุวัฒนะ’ มอบแด่ท่านพ่อเจ้าค่ะ”
เสียงสูดหายใจดัง ครืด ไปทั้งโถง—เงียบสนิทในพริบตา
ณ จวนตระกูลหลี่—งานวันคล้ายวันเกิด เสนาบดีฝ่ายซ้าย หลี่จงหยาง อายุครบ 35 ปีตระกูลน้อยใหญ่แห่งฟูฟงต่างมาร่วมงาน รถม้านับสิบเรียงต่อหน้าคฤหาสน์ การต้อนรับพิถีพิถันสมฐานะผู้มีเกียรติหน้าประตูใหญ่ ฮูหยินหลี่, คุณหนูใหญ่ หลี่จือหยา และ คุณหนูรอง หลี่เจินเจิน ยืนรับแขกหลายตระกูลคุ้นหน้าหลี่เจินเจิน เพราะได้ออกงานกับฮูหยินหลี่บ่อย ต่างจากหลี่จือหยา ที่มักปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าไม่สบาย—จนคนในเมืองเชื่อกันว่าหล่อนอับอายที่ ฝึกพลังปราณไม่ได้ จึงหลีกเลี่ยงผู้คนทว่าครั้งนี้เมื่อได้ประจักษ์—ผู้คนกลับตะลึง คุณหนูใหญ่รูปโฉม งามแพรวพราว สูงส่ง ยืนเคียงหลี่เจินเจินแล้วยิ่งโดดเด่น หลี่จือหยาวัยเพียงสิบสี่รูปร่างอรชร นัยน์ตาใสระยับดุจดาว คิ้วโก่งเรียว ยิ้มละมุนให้ความรู้สึกน่าคบหา ตรงกันข้ามกับความงามเย็นชาของหลี่เจินเจิน ทำให้สายตาผู้คนเทไปทางคุณหนูใหญ่แทบทั้งสิ้นแม้แต่ ฮูหยินหลี่ กับ หลี่เจินเจิน เองก็ชะงัก—จากเด็กสาวเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุใดจึง เปล่งประกาย ถึงเพียงนี้ นางอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหลี่จือหยาแน่นอนขณะพินิจอยู่นั้น รถม้าตระกูลกู้—เสนาบดีฝ่ายขวา—ก็มาถึง ผู้มอบของขวัญคือ ฮู
หลังจากหลี่จือหยาได้ดื่มเลือดของจิ้งจอกเก้าหาง พลังลมปราณของนางไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็วถึง ระดับเงิน ความเร็วเช่นนี้ทั้งเมืองฟูฟงยังไม่มีผู้ใดเทียบ ในใจหลี่จือหยาตื่นเต้นยินดียิ่งนัก แต่ยังมิได้บอกกล่าวผู้ใด ตั้งใจจะเปิดเผยในวันเกิดของบิดานอกจากพลังลมปราณที่สูงขึ้น รูปลักษณ์ของหลี่จือหยาซึ่งเดิมน่ารักสดใส ก็เหมือนได้รับการขัดเงาให้แพรวพราวยิ่งขึ้น เลือดจิ้งจอกช่วยขับความงามตามแบบสตรีให้โดดเด่น สมฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่ ผู้คนมองก็เห็นความสูงส่งเริ่มเปล่งประกายช่วงนี้ เหมยหลิง มีน้ำหนักในใจของหลี่จือหยาเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในเรือน ล้วนมอบให้เหมยหลิงเป็นผู้ตัดสินใจ“พี่เหมยหลิง ช่วยข้าคิดหน่อยเถิด ข้าควรมอบสิ่งใดให้ท่านพ่อในวันเกิดปีนี้ดี”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในงานวันเกิดของ เสนาบดีหลี่จงหยาง หลี่จือหยามักมิได้เข้าร่วม อ้างว่าป่วยอยู่เสมอ เพราะอับอายที่ตนไม่อาจฝึกปราณได้ ยิ่งออกไปเจอผู้คน ก็ยิ่งตอกย้ำให้บิดาไม่ชอบหน้าตน ทว่าบัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป นางอยากทำให้ท่านพ่อประทับใจหลายวันมานี้นางครุ่นคิด ใคร่ครวญ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้“บ่าวเห็นว่า…ทำยาอายุวัฒนะ ดีหรือไม่เจ้าคะ
เหมยหลิงหลับยาวถึงยามเช้า เมื่อลืมตาขึ้นแล้วไม่เห็นเงาคุณชายตงซิงหยวน—ความขุ่นเคืองก็ผุดขึ้นทันที“บุรุษไร้คุณธรรมนัก” นางบ่นพึมพำ แต่พอเห็นแผ่นกระดาษสั้น ๆ บนโต๊ะ—รอข้ากลับมา—ริมฝีปากงามก็ยกยิ้มเย็น “คิดว่าข้าจะรออยู่กับที่กระนั้นหรือ…ก็ดี จะได้ลดความยุ่งยาก”นางกวาดสายตารอบเรือนรับรอง ตรวจดูว่ามิทิ้งร่องรอยใดไว้ก่อนจัดชายเสื้อให้เรียบ แล้วรีบย้อนกลับจวนหลี่—ในใจโล่งขึ้นที่อย่างน้อย คุณหนูหลี่จือหยา คงกลับเรือนเรียบร้อย และ “ฉากเคราะห์ร้าย” เมื่อคืนก็ถูกนางสับเปลี่ยนจนผ่านพ้นไปแล้วชีวิตแลกความบริสุทธิ์หรือ? สำหรับสาวยุคปัจจุบันอย่างเหมยหลิง—ชีวิตสำคัญกว่า นางตัดสินใจแล้วก็พร้อมยอมรับผลที่ตามมา โชคยังเข้าข้าง เพราะเผ่าจิ้งจอกสามารถ คุมการตั้งครรภ์ ได้ และยัง ปรับสภาพกายให้คืนความบริสุทธิ์ ได้ตามตำนานเผ่าตน—ข้อหลังนี่ทำเอานางพึงใจไม่น้อยเมื่อแทรกตัวกลับถึงเรือนคุณหนู—เสียงเหมยรุ๋ยก็มาก่อนตัว“คุณหนูเจ้าคะ พี่เหมยหลิงกลับมาแล้วค่ะ!”เหมยหลิงคุกเข่ายอบตัว “บ่าวคาราวะคุณหนูเจ้าค่ะ”“เมื่อคืนพี่หายไปที่ใดเล่า ข้ากับเหมยรุ๋ยตกใจแทบแย่” หลี่จือหยาน้ำเสียงเต็มไปด้วยห่วงใย มากกว่าความตำหนิ—ค
ตอนที่ 1 ทำหน้าที่แทนคุณหนูหลี่จือหยา ตั้งใจหนีออกไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟหลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย หลี่จือหยาก็บอกแม่นมหลูว่าตัวเองจะพักผ่อนแล้ว แม่นมเห็นว่าวันนี้คุณหนูฝึกพลังลมปราณทั้งวันแต่ยังไม่คืบหน้า ท่าทางดูอ่อนเพลียและคงจะเสียใจไม่น้อย พักผ่อนแต่หัวค่ำหน่อยย่อมเป็นเรื่องดีเมื่อเห็นว่าคุณหนูเข้านอนเรียบร้อยจึงวางใจออกมากำชับ เหมยหลิงกับเหมยรุ๋ยให้ดูแลคุณหนูให้ดี“แม่นมไปแล้วใช่หรือไม่”พอแม่นมหลูเดินออกจากเรือนไป คุณหนูที่ควรจะนอนหลับพักผ่อนก็ตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีท่าทีงัวเงียหรืออ่อนเพลียเช่นก่อนหน้านี้เมื่อได้รับการยืนยันว่าแม่นมหลูไปแล้ว หลี่จือหยารีบเป็นเปลี่ยนชุดเป็นสาวใช้ และเดินออกนอกประตูด้านข้างไปกับเหมยหลิงและเหมยรุ๋ยด้วยฐานะสาวใช้ขั้นหนึ่งคนสนิทของคุณหนูใหญ่คนเฝ้าประตูจึงไม่ถามให้มากความก็เปิดประตูให้ 3 สาวใช้ออกไปนอกเรือนโดยง่ายเทศกาลโคมไฟ เป็นเทศกาลที่มนุษย์ในเมืองฟูฟงที่จะออกมาล่ะเล่นทายปริศนาโคมไฟกัน โดยปกติสำหรับตระกูลใหญ่ไม่ได้ถือเทศกาลนี้เป็นสำคัญแต่จะอนุญาตให้สาวใช้และบ่าวไพร่ ออกมาเลี้ยงฉลองในเทศกาลได้เที่ยวเล่นสักพักหลี่จือหยาเริ่มเหนื่อย จึงชวนสาวใช้
“หลี่จงหยาง... เสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งราชสำนัก บิดาของคุณหนูหลี่จือหยา”เหมยหลิงพึมพำกับตัวเอง พลางนั่งคุกเข่าอยู่ตรงมุมห้องเล็ก ๆ ที่เป็นที่พักของสาวใช้ในจวนหลี่เธอจำได้ชัด—ชายผู้นี้เป็นคนมีคุณธรรมสูงส่ง ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลตั้งแต่อายุสามสิบ เพราะบรรลุพลังปราณถึงระดับทอง ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างให้ความเคารพส่วน คุณหนูหลี่จือหยา ที่เธอรับใช้...บุตรสาวเพียงคนเดียวของจ้าวฮูหยินผู้ล่วงลับ สืบเชื้อสายเผ่าหงส์ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อ่อนโยนราวแสงแดดยามเช้า เป็นคู่หมั้นของ เซียวหลีหยวน คุณชายใหญ่ตระกูลเซียว เผ่ากิเลนผู้มีพลังเข้มข้นที่สุดในรุ่น“คุณหนูหลี่จือหยา... ผู้หญิงแสนดีที่ต้องตายเพราะถูกใส่ร้าย... และบ่าวคนสนิทของนาง—ก็คือข้า—จะถูกโบยตายตาม...”เหมยหลิงกัดริมฝีปากแน่น ความทรงจำจากนิยายผุดขึ้นทีละบรรทัดหลี่เจินเจิน – คุณหนูรองผู้สูงศักดิ์ น้องสาวร่วมบิดาต่างมารดา เย่อหยิ่ง เย็นชา และไม่เคยเห็นหัวพี่สาวหลี่เจิ้น – พี่ชายร่วมสายเลือดที่รักและปกป้องหลี่จือหยาที่สุด เป็นสหายสนิทกับเซียวหลีหยวนส่วน ตงซิงหยวน – คุณชายรองแห่งตระกูลตง เผ่านกฟีนิกซ์ ผู้ได้ชื่อว่างามที่สุดในแผ่นดินฟูฟง รักสน