ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง
ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา
เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น
ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทัน
ติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย
หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...
ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอน
ควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้น
ริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่างไม้ในท่วงท่าสบาย ยิ่งขับเน้นให้มัดกล้ามเผยความสง่างามมากขึ้น
แม้ท่อนล่างจมหายไปในน้ำ แต่เพราะคนตัวสูงมากและอ่างไม้เตี้ยจึงเห็นเรือนกายท่อนบนได้อย่างครบถ้วน มัดกล้ามหนั่นแน่น แผงอกเรียบตึง เส้นผมปรกลำคอแกร่งสยายเต็มบ่าหนายาวลงไปถึงกลางแผ่นหลังอันทรงพลัง เกิดเป็นภาพมายาคล้ายเทพเซียนผู้งดงามลงมาจากสวรรค์เพื่อล่อลวงผู้คนบนโลกมนุษย์
เซียวหงเย่เป็นบุรุษที่รูปงามมากจริงๆ
ติงยวี่ถิงมิได้อยากมองสักนิด แต่เนิ่นนานแล้วแท้ๆ แต่นางกลับมิอาจดึงสายตาของตนเองกลับคืนได้
บุรุษในถังไม้เลิกคิ้วยิ้มมุมปาก สีหน้ายั่วยวนมาก “มองข้าขนาดนั้น มาอาบน้ำด้วยกันเถอะ” ยกมือกระดิกนิ้ว
“...!?”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ รอยยิ้มล่อลวงกระชากใจ ชายผู้นี้พูดอย่างเดียวก็เกินรับไหวแล้ว ไม่ต้องยิ้มได้หรือไม่? ติงยวี่ถิงได้ฟังเขา มองเขา สองตาก็พร่าเบลอ นางจึงหลับตา ไม่มองอีก ไปนอนดีกว่า!
หญิงสาวเดินมาที่เตียง ทิ้งตัวลงนอน ห่มผ้ามิดลำคอ ไม่คิดสนทนากับใครบางคน ยิ่งไม่อาจทนมองแม้หางตา
เจ้าคนบ้า ยั่วอยู่ได้!
หลับตาลงทำท่าเคลิ้มเข้าสู่นิทรา ติงยวี่ถิงรู้สึกได้ถึงริมฝีปากเย็นเยียบของใครบางคนแนบชิดลงมา เพียงไม่นาน ริมฝีปากที่เย็นเยียบนั้น พลันเปลี่ยนไป มันเริ่มกรุ่นร้อน ตามด้วยความอุ่นชื้นจากปลายลิ้นร้าย
ฝ่ามือร้อนลวกของผู้ชายเริ่มขยับเนิบนาบอยู่บนเรือนร่างของติงยวี่ถิงที่บัดนี้อาภรณ์ของนางถูกปลดออกไป
ลมหายใจที่คุ้นเคย กลิ่นกายที่คุ้นชิน การตอบสนองทุกสัมผัส ทั้งกอดรัด ทั้งโอบเกี่ยว หญิงสาวเพียงปรือตามอง มิได้คิดจะหยุดยั้งหรือห้ามปรามแต่อย่างใด
ทว่า...
เซียวหงเย่กลับเลื่อนริมฝีปากที่เพิ่งขบติ่งหูขึ้นไปจูบตรงหน้าผากหนึ่งที
“ฝันดีนะ”
“...”
แล้วเขาก็พลิกตัวลงนอนข้างๆ จับพลิกตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน จากนั้นก็กอดเอาไว้เฉยๆ
ติงยวี่ถิงลืมตามองพรึบ เห็นเขาหลับไปแล้ว
จ่ะ เจ้าคนบ้า!
เพียะ!
หญิงสาวตีไหล่ที่เปลือยเปล่านั้น “หงเย่”
เจ้าของนามนิ่วหน้าทั้งที่หลับตา “ข้าเดินทางไกล แต่ละเมืองต้องเจรจาการค้าทั้งวัน เหนื่อยยิ่ง หมดแรงแล้ว”
ติงยวี่ถิงอยากบ้าตาย “แล้วเหตุใดไม่ใส่เสื้อ?”
“ข้าติดนิสัยนอนถอดเสื้อ มาเถอะ ห่มผ้าเอาก็ได้” เซียวหงเย่กระชับอ้อมแขน กอดคนเกรี้ยวกราดแน่นขึ้น เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระเง้ากระงอดกึ่งหลับกึ่งตื่นพึมพำว่า “งานก็ต้องทำ เมียก็ต้องตาม เกิดเป็นเซียวหงเย่ไม่ง่ายเลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวจัดให้ตอนดึกๆ อ้อ...พอเช้าก็ทำต่อนานๆ ตอนก่อนตื่นด้วย”
“ไม่ต้องแล้ว!”
ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทันติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอนควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้นริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่า
วันเวลาเหมือนติดปีกโบยบินเซียวหงเย่เดินทางไปทำการค้ากับเมืองต่างๆ ในขณะที่ติงยวี่ถิงยุ่งกับงานที่โรงยาเจี้ยนคัง กิจการค้าขายที่ยุ่งเหยิงแทบไม่มีเวลาว่างนั้น ทำให้ยามกลางวันเช้าจดเย็น หญิงสาวมิได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย ทว่าในยามราตรีกลับต่างไปริมหน้าต่างในห้องนอน ติงยวี่ถิงยังคงนั่งเท้าคาง นึกถึงแต่ใครบางคนภาพลึกซึ้งติดตรึงยังคงไหลวนให้ภวังค์มิคลาย หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างต้องการตกผลึกทางความคิด ซึ่งกำลังสวนทางกับจิตใจนางควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีเล่า เขาก็ดีนะ หล่อด้วย แต่ดันมีสาวสวยเคียงกายเสียแล้วเนี่ยสิ! เฮ้อ...ชีวิตคนโสด อยากได้สามีสักคน เหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้พรึ่บ!เสียงสะบัดชายเสื้อตามด้วยบุรุษรูปงามร่างสูง ซึ่งเขาเพิ่งปีนขอบหน้าต่างเข้ามาโดยที่ท่าทางมิได้ทุลักทุเลเหมือนคืนก่อนแม้แต่น้อยชอบเหลือเกินนะปีนหน้าต่างเนี่ย ประเดี๋ยวต้องให้คนเอาบันไดไปวางพาดไว้เสียแล้ว ติงยวี่ถิงหรี่ตาถามเสียงเย็นชา “คล่องแคล่วเชียวนะ มิใช่ว่าถูกยาปลุกกำหนัดมาอีกล่ะ?”เซียวหงเย่เอ่ยยิ้มๆ “วันนี้ไม่มียา มีแค่หน้าที่สามี”หน้าที่สามี? คนฟังกะพริบตา ครั้นคิดได้แล้วก็ตว
จากนั้นนางก็อาศัยต้มยาในห้องครัวเล็กด้านหลังด้วยตัวเองอย่างยากลำบากเพราะร่างเก่าไม่เคยทำ จึงค่อนข้างเงอะงะพอควร อะไรที่ต้องการก็หาไม่ค่อยเจอ บ่าวไพร่ก็หนีหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างนี้นางยังปรนนิบัติดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ คอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ หายดี ช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีเริ่มต้นในทิศทางที่ดี กระทั่งมีราตรีวสันต์ด้วยกันจนรุ่งสางบนเตียงนอนหลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนอนวันนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง นางมองเขาอย่างแปลกใจ สมองเลอะเลือน เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี หากแต่จากความทรงจำของร่างเก่า เขาคือบุรุษที่รังเกียจและผลักไสนางทุกวันนี่นาแต่บัดนี้ การแนบชิดที่สนิทแน่นปานนั้น โดยเฉพาะตอนใกล้เสร็จและหลังเสร็จภารกิจสัมพันธ์ เขาก็ยังกอดนางเอาไว้ใต้ร่าง ทาบทับนางทั้งตัว ซุกซ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ