LOGINจินเฟยหลงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่ายามนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่ในห้องพักของเหรินเหยียนชิง มันจึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า...เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เขาก็เริ่มรู้สึกละอายใจ เหตุใดเขาถึงไปทำแบบนั้นกับสหาย ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็เป็นบุรุษไม่ต่างไปจากเขา จากนั้นเขาจึงมองหาเจ้าของห้องก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วเมื่อเขามองไปที่ริมฝีปากบวมช้ำของคนตรงหน้า มันก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังมองเหรินเหยียนชิงอยู่นั้น ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกัน เขาจึงรีบดึงสายตาของตนเองให้ย้ายไปมองยังที่อื่นแทนทันที
“ตื่นแล้วหรือ?” เหรินเหยียนชิงเอ่ยถามจินเฟยหลง หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา แล้วเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขยับตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
“อืม”
“เมื่อคืนเจ้า…” เหรินเหยียนชิงคิดจะถามว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายไปโดนวางยาอะไรมา แต่คนตรงหน้าก็รีบเอ่ยขัดเขาขึ้นมาเสียก่อน
“ข้ามานอนที่นี่ได้อย่างไร? อาหมินพาข้ามาหรือ...แล้วทำไมอาหมินถึงไม่พาข้ากลับไปนอนที่ห้องของข้าล่ะ?” จินเฟยหลงที่ไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก เขาจึงทำเป็นจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นจากเตียงของเหรินเหยียนชิง
“เจ้าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้? อืม...ก็ตามนั้น” เหรินเหยียนชิงมองจินเฟยหลงที่ยามนี้อีกฝ่ายไม่กล้าแม้แต่หันมามองหน้าเขา แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขาด้วยไม่ใช่หรือ...เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากจำมันเช่นกัน!
“แต่อย่างไรข้าคงต้องขอโทษที่มารบกวนเจ้า เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับห้องของข้าเลยแล้วกัน” จินเฟยหลงพูดจบก็เดินออกจากห้องพักของเหรินเหยียนชิงทันที
หลังจากนั้นจินเฟยหลงก็เลือกที่จะเลี่ยงการพบเจอกับเหรินเหยียนชิงเท่าที่เขาพอจะทำได้
เช้าวันถัดมาจินเฟยหลงก็ได้เข้ารับพระราชทานแต่งตั้งเป็นรองแม่ทัพฝ่ายยุทธการ แล้วเขาก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองได้ตั้งใจเอาไว้ ก่อนที่ฮ่องเต้จะพระราชทานรางวัลอย่างอื่นมาให้เขา
‘ตัวข้าน้อยขอไม่รับสมรสพระราชทานใด ๆ ทั้งสิ้น และข้าน้อยจะขอเป็นผู้เลือกฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของข้าน้อย...ด้วยตัวของข้าน้อยเอง แต่ข้าน้อยจะขอให้สัตย์ปฏิญาณต่อฟ้าดินว่า...จะขอทำตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และข้าน้อยยินดีขอถวายการรับใช้ใต้พระบาทฮ่องเต้แคว้นตงแต่เพียงผู้เดียว’
หลังจากที่จินเฟยหลงได้เอ่ยขอพระราชทานรางวัลออกไป แล้วฮ่องเต้ก็ทรงตรัสรับสั่งให้ตามที่เขาขอ...จึงทำให้กลุ่มคนที่คิดหวังจะเกี่ยวดองกับจวนแม่ทัพใหญ่ เป็นอันต้องพับเก็บแผนการต่าง ๆ ที่วางเอาไว้ทันที
และหลังจากพิธีพระราชทานรางวัลให้กับเหล่าทหารกล้าทั้งหมดจบลง ฮ่องเต้ก็ทรงให้จัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองให้กับเหล่าทหารและพวกขุนนางในวังหลวง และในงานนี้ก็ทำให้จินเฟยหลงได้พบกับองค์ชายสิบสองชิงหลวนคุน เพราะพระสนมซูซ่านจื่อมารดาของชิงหลวนคุนเป็นน้องสาวของซูเทียนฉินกุนซือคู่กายของจินเฟยหมิง ชิงหลวนคุนจึงมีศักดิ์เป็นหลานชายของท่านกุนซือไปด้วย
และการที่จินเฟยหลงได้พบกับชิงหลวนคุนในครั้งนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นการพบเจอและพูดคุยกันแบบสหายครั้งแรกของพวกเขา แล้วหลังจากที่พวกเขาได้พูดคุยและทำความรู้จักกันไปได้สักพัก บิดาของเขากับท่านกุนซือก็ได้พูดคุยถึงการส่งต่องานให้กับพวกเขา และคนทั้งคู่ก็ยังทำการนัดหมายเพื่อจัดตารางทั้งเรื่องการฝึกวรยุทธและศึกษาเรื่องกลศึกที่เข้มขึ้นให้กับพวกเขาที่จวนแม่ทัพในวันถัดไปไว้แล้วด้วย
ในงานเลี้ยงครั้งนี้จินเฟยหลงก็ได้พบกับหนิงฮุ่ยหลิงที่มาร่วมงานพร้อมกับผู้เป็นบิดาและพี่ชายของนาง แล้วดูเหมือนว่านางน่าจะพูดคุยถูกคอกับจินเฟยฮวาบุตรสาวของชิงจิวซินฮูหยินรองของผู้เป็นบิดาเขา
และในงานเลี้ยงจินเฟยหลงก็ยังได้พบกับเยว่ซือจงเสนากลาโหม ที่พาบุตรสาวกับบุตรชายมาร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในงานเลี้ยงคราวก่อน เขาจะยังหาหลักฐานมามัดตัวผู้วางยาเขาไม่ได้ แต่วิธีสกปรกเช่นนี้ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด เพราะเยว่ซือจงอยากได้อำนาจทางการทหารที่เขากับผู้เป็นบิดาได้ถือครองอยู่ไปไว้ในมือ อีกฝ่ายคงคิดจะใช้บุตรสาวมาเป็นตัวเชื่อมสะพานให้กับตัวเองเป็นแน่
“คุณชายรองจิน ไม่ใช่สิ! ยามนี้ข้าคงต้องเรียกท่านว่า...ท่านรองแม่ทัพ ยินดีด้วยนะเจ้าคะ” เยว่ซือซือเดินเข้ามาทักจินเฟยหลงพร้อมกับผู้เป็นบิดา
จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ ก่อนจะหันไปคำนับให้กับบิดาของนาง
“ยินดีด้วยนะหลานชายที่ได้ขึ้นเป็นรองแม่ทัพตั้งแต่อายุยังน้อย มีคนไม่มากนักที่สามารถทำได้แบบเจ้า” เยว่ซือจงเอ่ยชมจินเฟยหลงเสร็จ เขาก็คิดจะเปิดทางให้กับบุตรสาวของตนเองต่อทันที
“เฟยหลง งานเลี้ยงนี้ผู้ใหญ่มากันมากนัก อย่างไรอาขอฝาก...” แต่ยังไม่ทันที่เยว่ซือจงจะได้พูดจบ บุรุษหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้าก็เอ่ยขัดเขาขึ้นมาเสียก่อน โดยไม่คิดที่จะไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อที่นี่ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ”
จินเฟยหมิงพยักหน้ารับคำขอของบุตรชาย เพราะยามนี้ก็เริ่มมีคนทยอยเดินทางกลับกันบ้างแล้ว และเขาเองก็ไม่อยากจะเกี่ยวดองกับครอบครัวตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเอ่ยรั้งบุตรชายของตนเอาไว้
จินเฟยหลงยืนมองเหรินเหยียนชิงสอนเรื่องการคัดเลือกสมุนไพรและการทำบัญชีให้กับจินเฟยฮวา เพราะยามนี้น้องสาวของเขาเริ่มสนใจสองเรื่องนี้เป็นพิเศษ หลังจากที่เจ้าตัวตกลงหมั้นหมายให้กับเกาเล่อ ซึ่งการหมั้นหมายระหว่างจินเฟยฮวากับเกาเล่อก็เพิ่งผ่านมาได้เพียงแค่สองเดือน เพราะด้วยเรื่องฐานะ รวมไปเรื่องในอดีตเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเกาเล่อ จึงทำให้อีกฝ่ายดูไม่เหมาะสมกับจินเฟยฮวาไปเสียหมดทุกทาง แต่ก็ด้วยเพราะความรัก ความดีและความซื่อสัตย์ของเกาเล่อ จึงสามารถเอาชนะใจผู้เป็นน้องสาว รวมไปถึงบิดาและคนในครอบครัวของเขามาได้ แต่ความรักของคนทั้งคู่ก็ยังคงมีเงื่อนไขจากผู้เป็นบิดาอยู่อีกหนึ่งข้อ นั่นก็คือทั้งสองคนจะต้องทำการหมั้นหมายและคบหากันต่อจากนี้ไปอีกหนึ่งปี จากนั้นค่อยมาพูดคุยกันเรื่องงานมงคลสมรส ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่องงานมงคลก็คงจะต้องพูดถึงคู่ของจิงเสี่ยวเจี้ยนกับเยว่ซือซือ เพราะสองคนนี้เพิ่งเข้าพิธีมงคลสมรสกันไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ถึงแม้ว่าในอดีตคนทั้งสองอาจจะเคยเป็นอริกั
ช่วงค่ำเหรินเหยียนชิงหลังจากแยกเข้าไปจัดการดูแลตัวเองในกระโจมเสร็จ เมื่อเขากลับออกมา...เขาก็เห็นจินเฟยหลงยืนสั่งงานหยงหมินอยู่ที่ข้างกระโจมเพียงสองคน เขาจึงทำเป็นไม่สนใจ แล้วเดินเข้าไปนั่งกับพวกชิงหลวนคุนที่ข้างกองไฟ แต่สายตาของเขาก็ยังคงแอบมองไปที่นายบ่าวคู่นั้นเป็นระยะ ยามนี้เหรินเหยียนชิงเริ่มสงสัยแล้วว่าตอนที่จินเฟยหลงเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ อีกฝ่ายเข้าไปเจอกับอะไร? หรือว่า...จินเฟยหลงจะเข้าไปเจอร่องรอยของศัตรูที่กำลังแอบซุ่มดูพวกเขาอยู่ในตอนนี้! จนเวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกันไปนอนพัก จะเหลือก็เพียงแค่ทหารกลุ่มหนึ่งที่คอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าระวังความปลอดภัย “เจ้าจะไปไหน?” เหรินเหยียนชิงถามขึ้น เมื่อเห็นจินเฟยหลงกำลังจะเดินออกจากกระโจม หลังจากที่พวกเขาเข้ามานอนพักพร้อมกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม “เจ้ายังไม่หลับหรือเหยียนชิง พอดีข้ารู้สึกร้อน ๆ หนาว
วันนี้เป็นวันที่จินเฟยหลงต้องออกเดินทางไปตรวจงานที่ชายแดนฝั่งทางตอนใต้ของแคว้นตง ซึ่งแน่นอนครั้งนี้เขาได้พาเหรินเหยียนชิงผู้เป็นภรรยาของเขาไปด้วย แล้วเมื่อเขาฝากงานส่วนต่าง ๆ กับรองแม่ทัพแต่ละฝ่ายในช่วงที่เขาไม่อยู่เสร็จ จินเฟยหลงก็รีบเดินทางกลับจวนทันที “เหยียนชิง ข้ากลับมาแล้ว” จินเฟยหลงกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มซ้ายของอีกฝ่าย แล้วมองลงไปยังห่อสัมภาระที่เจ้าตัวกำลังจัดเรียงไว้เป็นกอง ๆ บนโต๊ะกลมกลางห้อง “เจ้าเตรียมของเสร็จแล้วหรือ?” “อืม...เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเรียกให้พวกบ่าวเข้ามานำห่อสัมภาระพวกนี้ออกไปไว้ในรถม้าเท่านั้น” “อย่างนั้นพวกเราก็เหลือเวลาก่อนออกเดินทางเกือบหนึ่งชั่วยามเลยน่ะสิ ข้าว่า...พวกเราสองคนมาสานต่อเรื่องเมื่อ...” “เฟยหลง! คือข้า ยามนี้ข้า...ข้าควรออกไปตรวจดูพวกเสบียง ยาและสมุนไพรที่จะใช้
จินเฟยหลงเมื่อเห็นว่าเหรินเหยียนชิงกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการปรนเปรอของเขาแล้ว เขาจึงค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างกลางลำตัวของอีกฝ่ายทันที ก่อนจะกดจุมพิตต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบ และเพียงไม่นานเขาก็ใช้ริมฝีปากครอบครองเครื่องแสดงความเป็นบุรุษโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว “อ่ะ! เฟยหลง อย่า! อือ...” ริมฝีปากบางพยายามขบเม้มเพื่อเก็บเสียงครางหวานของตนเองเอาไว้ ก่อนที่คนตัวเล็กจะเผลอเลื่อนมือลงมากดที่ศีรษะของเขาอย่างลืมตัว ยามนี้เหรินเหยียนชิงรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วในขณะที่เขารู้สึกได้ว่าตัวเขาเหมือนกำลังจะปลดปล่อย... เขาจึงพยายามขยับเอาอาวุธประจำกายออกมาจากริมฝีปากของจินเฟยหลง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ต้องการให้เขาทำเช่นนั้น “เฟยหลง ข้า...อ่า...” “หวานยิ่งนัก น้ำวิสุทธิ์แรกของเจ้า” “เจ้า!” เหรินเหยียนชิงมองจินเฟยหลงที่กลืนกินและไล่เลียน้ำวิสุทธิ์แรกของเขาอย่างไม่รัง
หลังจากพิธีการต่าง ๆ ในงานมงคลสมรสจบลง เหรินเหยียนชิงก็ถูกพาตัวเข้าไปนั่งรอเขาอยู่ในห้องหอ ส่วนตัวจินเฟยหลงก็ทำได้เพียงนั่งอยู่ในห้องโถงแล้วยกสุราขึ้นดื่ม เนื่องจากยามนี้มีผู้คนตรงเข้ามาชนสุราเพื่อแสดงความยินดีกับเขาอย่างไม่ขาดสาย โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็เพียงต้องการกลั่นแกล้งเขาในคืนเข้าหอเท่านั้น ซึ่งตัวจินเฟยหลงเองได้กินยาแก้อาการเมาสุราที่ได้รับจากผู้เป็นพี่ชายมาแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวต่อฤทธิ์สุราที่ต้องดื่มในตอนนี้มากนัก จินเฟยเทียนนั่งมองสีหน้าของจินเฟยหลงแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ แต่เพราะในวันส่งตัวของเขากับหยางหมิงเซียน ผู้เป็นน้องชายได้ร่วมมือกับชิงหลวนคุนทำกับเจ้าลูกกวางไว้แสบ โดยหยางหมิงเซียนมาเล่าให้เขาฟังว่า...จินเฟยหลงกับชิงหลวนคุนได้พาทหารในกองทัพแวะเวียนเข้ามาชนสุรากับเจ้าตัวก่อน วันนี้เจ้าลูกกวางก็เลยขอเอาคืนด้วยการชวนทั้งคู่ค้า คนที่เจ้าตัวรู้จัก หรือแม้แต่คนป่วยที่เขาเคยทำการรักษา เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับผู้เป็นน้องชายของเขาแบบจัดเต็ม
หลังจากผ่านเหตุการณ์การสูญเสีย จินเฟยหลงก็เริ่มใช้ชีวิตให้ผ่านไปเป็นวัน ๆ โดยแต่ละวันของเขาก็แทบจะไม่พูดคุยกับผู้ใดอีกเลย แม้แต่สหายร่วมเรือนอย่างเหรินเหยียนชิง ยามนี้จินเฟยหลงหมดกำลังใจที่จะก้าวเดินหรือใช้ชีวิตต่อไปอีกแล้ว ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาคิดจะจบชีวิตของตนเองลง แต่เหรินเหยียนชิงก็ดันเข้ามาเจอตอนที่เขากำลังจะลงมือทำเสียก่อน “เฟยหลงลุกขึ้น...ได้ยินหรือไม่! ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้น!!” จินเฟยหลงหันมามองเหรินเหยียนชิงที่เข้ามาตวาด และกระชากแขนของเขาให้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้กับเขาเลยสักครั้ง“ไม่...ข้าจะนอน” “ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้นมา!!” จินเฟยหลงถูกเหรินเหยียนชิงกระชากแขนจนต้องลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยามนี้เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าเข้ามาล้ำเส้นในชีวิตของเขามากจนเกินไปเสียแล้ว!&nb
![พี่ติวเตอร์ครับ...ช่วยสอนผมหน่อยนะครับ[PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



![หวนคืนลิขิตรัก [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

![กรงแค้นขังรัก [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
