เมื่อผมพบคุณอีกครั้ง คุณจะไม่ได้พบผมคนเดิมอีกต่อไป อยากกลับมามากแค่ไหน กรุณาใช้ร่างกายของคุณพิสูจน์
View Moreกริ๊ง
เสียงปากขวดไวน์แดงกระทบกับขอบแก้วไวน์สีใส นักดื่มหน้าอ่อนเทน้ำสีสวยเติมลงแก้วตัวเองเป็นรอบที่สาม แก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องยื่นมือมาจับขวดไวน์เอาไว้เพื่อยั้งแรงกระทบป้องกันความเสียหายต่อแก้วไวน์ใบบางที่เพื่อนสนิทของเขาอาจทำให้มันแตกเสียก่อนที่จะคุยธุระกันรู้เรื่อง
“พอไหมไอ้ทิ เดี๋ยวก็เมาหรอก ฉันไม่ใจดีอุ้มไปส่งคอนโดนนะโว้ย”
“ยังไม่เมา นี่เพิ่งแก้วที่สามเอง” ทิพากร หรือ ทิ เอ่ยตอบเพื่อนสนิทอย่างเล้ง ซึ่งเขาเป็นคนโทรนัดให้ออกมาดื่มเป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้
“ไม่เมาก็เทเบา ๆ อุตส่าห์มาบาร์หรูขนาดนี้ดันไม่ให้เขาบริการ อยากจะเทเองซะอย่างนั้น อย่าทำแตกเชียว ถ้านายทำแตกคราวหน้าฉันไม่มาด้วยแล้ว”
“รู้แล้วน่า ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาหรอก แค่อยากดื่มแก้เซ็งเฉย ๆ” พูดจบทิพากรก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก เล้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเทไวน์ราคากลาง ๆ ของร้านใส่แก้วตัวเองเช่นกัน
“แล้วมีเรื่องเซ็งอะไรถึงได้อยากดื่มขึ้นมา ปกตินายไม่ดื่มนี่ถ้าไม่ใช่วันหยุด” ทิพากรยกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนจะตอบเพื่อนสนิท
“นายจำเรื่องที่ฉันเคยเล่าให้ฟังเมื่อสองปีก่อนได้ไหม เรื่องของคนคนหนึ่งที่ฉันเข้าไปทำงานพิเศษเป็นคนดูข้อมูลให้โปรเจกต์เขาน่ะ”
อีกฝ่ายนิ่งคิดไปสักพักแล้วจึงพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“คนที่มาสารภาพรักกับนายน่ะเหรอ”
“อือ” ทิพากรตอบไปสั้น ๆ แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง
“แล้วยังไง อย่าบอกนะว่าเขามาตามตื๊อนายอีก” เล้งเอนตัวมาข้างหน้าใช้ศอกยันลงบนหน้าขาข้างหนึ่ง
“เปล่า”
“แล้วมันยังไงล่ะ ลีลาจังวะไอ้ทิ อยากเล่าจริงไหมเนี่ย” เล้งเริ่มหงุดหงิดที่คนโทรเรียกเขาออกมานั่งดื่มเป็นเพื่อน ทำหน้าตายุ่งเหยิงราวกับมีเรื่องรบกวนใจตั้งแต่เจอหน้ากันที่หน้าร้านกลับเอาแต่เอ่ยเปิดประเด็นแล้วปล่อยให้เขาเป็นคนจี้ถามประหนึ่งว่าเขาเป็นพิธีกรรายการข่าว
“ก็ไม่ยังไง แค่โปรเจกต์ที่บริษัทฉันรับมาใหม่แล้วให้ฉันเข้าไปเป็นที่ปรึกษาไอทีและดูแลเรื่องโปรแกรมให้ดันเป็นบริษัทของคนนั้น นายเข้าใจไหมว่า...ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก มันเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงดีน่ะ”
“แค่นี้เนี่ยนะ จะยากอะไรก็แค่ทำหน้าที่ของเราไป ถ้านายไม่ได้ชอบแล้วเขาไม่มาตามตื๊อ มันก็ไม่น่ามีปัญหานี่”
“นั่นสินะ”
ทิพากรได้แต่ตอบรับไปแบบนั้น เขาไม่เคยลืมว่าแม้แต่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตั้งแต่มัธยมของเขาอย่างเล้ง เขาก็ยังไม่เคยบอกความชอบของตัวเองในเรื่องความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์
แน่ล่ะ...คนที่โตมากับบ้านคนเชื้อสายจีนที่หัวอนุรักษ์สุดโต่งอย่างเล้ง หากรู้ว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกันล่ะก็ เขาอาจไม่เหลือเพื่อนเลยสักคน
ความจริงหากบอกออกไปผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขากลัว เรื่องที่เขาชอบเพศเดียวกันอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ในสังคมสมัยนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าบอกใครออกไปนั่น คงเพราะความชอบที่อาจแปลกประหลาดในสายตาคนรอบข้างอย่าง...
...เรื่องที่เขามีรสนิยมคลั่งไคล้ในการใส่ถุงน่อง สายรัดต้นขา รวมถึงเนื้อผ้าซาติน และดูเหมือนว่าภายในใจลึก ๆ ของเขาแล้ว เขายังอยากให้ใครสักคนมากระทำรุนแรงกับตัวเอง หากแต่ว่าเรื่องนี้ตัวเขาก็ยังไม่แน่ใจนัก และไม่เคยพิสูจน์
ก่อนหน้านี้หลายปีทิพากรเคยแอบคบหากับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะประคับประคองความสัมพันธ์ในรูปแบบปกตินั้นไว้ หากแต่สุดท้ายทิพากรก็ต้องยอมรับความจริงว่าความชอบส่วนตัวของเขาไม่อาจได้รับการตอบสนองเพียงแค่การร่วมกิจกรรมแบบคู่รักปกติ ความชอบของเขากลายเป็นเรื่องประหลาดในสายตาคนรัก
ในคืนหนึ่งที่เขาลองเอ่ยความชอบของตัวเองกับคนรักออกไป แต่เมื่อได้รับสายตาเหยียดปนขบขัน ทิพากรต้องรีบแก้ตัวว่าการที่เขาร้องขอใส่ถุงน่องเวลาร่วมกิจกรรมคู่รักและอยากให้อีกฝ่ายลองตีหรือฟาดตนดูสักครั้งเป็นเพียงคำเอ่ยล้อเล่นเท่านั้น
เพียงไม่นานความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ต้องจบลง ทิพากรทิ้งคำถามมากมายไว้ข้างหลังไม่ยอมหันกลับไปตอบ หลังจากเอ่ยตัดความสัมพันธ์เขาก็ลาออกมารับงานอิสระเงียบ ๆ
หากโชคชะตาของมนุษย์ถูกกำหนดด้วยกามเทพประจำตัว กามเทพของทิพากรก็ต้องขยันเอามาก ๆ เมื่อวันที่ทิพากรตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เริ่มความสัมพันธ์กับใครอีกหากยังไม่สามารถตัดความชอบสุดแสนประหลาดของตัวเองได้
เขาไม่อยากทำให้ใครเสียใจ
ยิ่งไปกว่านั้น...เขาไม่อยากทำให้ตัวเองเสียใจอีก
ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มผู้แก่กว่าเขาถึง 7 ปี หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกสง่าผ่าเผย ฐานะดี ชาติตระกูลดี และยังอบอุ่นอ่อนโยนกับเขามาก ก็เข้ามาทำให้เขาตกหลุมรักอีกครั้ง
ขณะที่หัวใจเริ่มหวั่นไหวไปกับรักครั้งใหม่ เขาเกือบจะเอ่ยปากตอบรับคำสารภาพรักในเย็นวันหนึ่ง ณ ร้านกาแฟที่เขาและคนคนนั้นมักแวะไปนั่งเล่นด้วยกันเสมอ หากแต่เสียงในหัวของเขาร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน
ไม่ว่าอย่างไร ความสัมพันธ์กับคนคนนั้นก็คงจบลงเหมือนรักที่ผ่านมา
เพราะเขามันเป็น...คนประหลาด
เพราะแบบนั้น ทิพากรจึงตอบปฏิเสธออกไปและทิ้งคำถามมากมายไว้ในดวงตาคู่คมคู่นั้น...เหมือนเคย
เรื่องราวมันควรจบลงที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
ใช่...สุดท้ายพวกเขาก็แยกย้ายกันไป เพียงแต่ในใจของทิพากรยังคงนึกถึงความอ่อนโยนของคนคนนั้นเสมอ หลายครั้งที่เขามักทำให้ชายหนุ่มผู้สุภาพอ่อนโยนแปดเปื้อนด้วยการที่เขาเก็บเอาใบหน้า รูปร่าง รวมถึงน้ำเสียงทุ้มมาจินตนาการและมอบความสุขให้ตัวเองในยามค่ำคืน
แม้จะรู้ตัวดีว่าตัวเองยังไม่อาจลืมคนคนนั้นได้ แต่ทิพากรไม่เคยคิดจะเดินกลับไปหาและเอ่ยขอโอกาสอีกครั้ง กลับกันเขาพยายามหลีกเลี่ยงการเจอในทุกทาง ไม่ว่าจะเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนที่อยู่ หรือแม้แต่ย้ายไปหางานที่ไกลออกไปจากโซนเดิมที่เคยเจอกัน
ใครจะไปคิดว่ากามเทพจะเล่นตลกกับโชคชะตาเขาเป็นครั้งที่สอง ด้วยการส่งชายหนุ่มที่ยังติดค้างอยู่ในใจให้กลับมาในวงโคจรชีวิตเขาอีกครั้ง
“ได้ข่าวว่าโปรเจกต์ใหม่ที่นายไปดูให้เป็นบริษัทของนักธุรกิจใหญ่นี่” เสียงของเพื่อนสนิทเรียกทิพากรให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“อือ เป็นบริษัทเปิดใหม่น่ะ แต่ผู้บริหารเป็นมือฉมังเลยล่ะ”
“ฉันว่าดีนะ ต่อให้นายจะต้องเจอสาวนักตื๊อคนนั้น หรืออะไรก็เถอะ แต่ได้ไปร่วมทำงานกับคนเก๋า ๆ คนเก่ง ๆ ในแวดวงธุรกิจขนาดนั้น หลังโปรเจกต์จบการงานนายต้องรุ่งแน่ จะย้ายไปทำงานที่อื่นก็คงสบาย”
ทิพากรได้แต่ยกยิ้มมุมปากไม่ได้ตอบอะไร เล้งคงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาบอกไปว่าคนที่เคยมาสารภาพรักและเขาปฏิเสธไปนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่ร่วมโปรเจกต์ ไม่ใช่คุณป้า หรือพี่สาวชาวออฟฟิศอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจผิดอยู่ในตอนนี้
“นี่ทิ นายไม่ต้องไปกังวลเรื่องแม่สาวคลั่งรักเก่า ๆ ของนายหรอก ฉันว่านายตั้งใจทำโปรเจกต์ให้ดี ไม่แน่นายอาจจะไปเข้าตาเจ้าของบริษัทแล้วโดนซื้อตัวไปทำประจำก็ได้นะ ไม่ต้องมาเป็นพนักงานสัญญาจ้างปีต่อปีแบบนี้ ว่าแต่...เจ้าของบริษัทนั้นคือใครนะ เหมือนนายเคยบอกแล้วฉันก็ลืม คุ้นว่าชื่อดังเชียว ใช่ไหม”
“อือ ก็...คุณกานต์ อติกานต์ ไง”
สามวันทีเดียวที่หัวหน้าแผนกไอทีไม่ได้มาทำงาน ด้วยเหตุผลว่าลาป่วย นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรกับพนักงานในบริษัทคนอื่น ๆ ถ้าหากว่าคนที่มาแจ้งลาให้ทิพากรไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างอติกานต์ ทั้งยังเอ่ยปากกำชับกับฝ่ายบุคคลว่าไม่ต้องทวงใบรับรองแพทย์กับเจ้าตัว ทั้งที่ตามระเบียบแล้วหากพนักงานลาป่วยเกิน 1 วันจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ตามมาให้ฝ่ายบุคคลนอกจากความสงสัยเรื่องที่ผู้บริหารหนุ่มหล่อไปสนิทสนมกับหัวหน้าแผนกไอทีขนาดที่เดินมาลางานให้อีกฝ่ายด้วยตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกหัวข้อหนึ่งที่พนักงานในบริษัทเริ่มตั้งวงซุบซิบกันคือ...อติกานต์ ผู้บริหารหนุ่ม เจ้าระเบียบและน่าเกรงขามคนนี้ อาจจะกำลังออกเดตกับใครสักคนอยู่หลายวันมานี้พนักงานหลายคนต่างได้รับรอยยิ้มบางทรงเสน่ห์จากผู้บริหารซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นอติกานต์ยิ้มนัก แม้ในวันที่ไม่มีเรื่องยุ่งยากใจให้จัดการ หรือแม้แต่วันที่คู่ค้าเซ็นสัญญาร่วมโครงการสำเร็จ อติกานต์ก็มีเพียงใบหน้านิ่งเท่านั้น เรื่องนี้ทำเอาพนักงานบางคนถึงขั้นวิตกกังวลจนพานคิดมากว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออกแต่ทว่าต้องยอมรับว่าอติกานต์ที่ดูอารมณ์ดีและเ
อติกานต์ตวัดเสื้อสูทของตนคุมร่างอ่อนปวกเปียกของหัวหน้าแผนกไอทีไว้จนมิดชิด เมื่อหันไปมองที่ผนังกระจกด้านที่สามารถมองออกไปเห็นวิวอาคารบ้านเรือนในเมืองหลวงจากมุมสูงได้ อติกานต์ก็พบว่าในตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ลำแสงสีส้มแผ่บนท้องฟ้าแคบคงเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์กำลังโคจรไปอีกด้านหนึ่งของโลกก่อนหน้านี้เขาสอนงานหัวหน้าแผนกไอทีอยู่นาน ทบทวนบททดสอบอยู่หลายครั้งจนนักเรียนคนเก่งเหนื่อยล้าเขาจึงพาไปนอนที่โซฟารับรองแขกภายในห้องแน่นอนว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหาร หลังจากเลขาสาวโทรเข้ามาที่โต๊ะทำงานด้วยความห่วงใยว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว จะให้เธอเรียกคนขับรถ หรือไปซื้อยาแก้ปวดลดไข้มาให้หรือไม่อติกานต์ปฏิเสธความหวังดีนั้นไปอย่างไม่ต้องคิด นั่นเพราะเขาไม่ได้ป่วยจริง ที่เลขาของเขาเข้าใจไปแบบนั้นก็คงไม่พ้นเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทตัวดีอย่างไดจิแต่เขาก็ต้องขอบคุณ ที่เรื่องโกหกของเพื่อนเขาส่งผลให้เลขาหน้าห้องของเขาเลื่อนตารางนัด ดักแฟ้มเอกสารและพนักงานฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าพบออกไปก่อนทิพากรยังคงหลับสนิทจากความอ่อนเพลียร่างเปลือยเปล่าสวม
ท่ามกลางเสียงวุ่นวายของพนักงานออฟฟิศที่กลับมาขับเคลื่อนบริษัทของนักธุรกิจดาวรุ่งอีกครั้งซึ่งดังแว่วเข้ามาภายในห้องให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ เงาร่างเลือนรางของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นอกผนังกระจกฝ้าของห้องทำงานผู้บริหาร ยังไม่รวมประตูที่เจ้าของห้องไม่คิดจะล็อก แสงไฟภายในห้องที่สว่างเพียงพอตามมาตรฐานความสว่างในที่ทำงานทุกองค์ประกอบส่งผลให้หัวใจของทิพากรเต้นระรัว กลัวว่าจะถูกจับได้หากมีใครสักคนเข้ามาเห็นเข้า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในความกลัวนั้นมีความตื่นเต้นแทรกอยู่มากพอสมควรเมื่อทิพากรอ้าปากรับความแข็งขืนของอติกานต์เข้าไปในโพรงปาก อีกฝ่ายก็หลับตาลงข่มอารมณ์จากสัมผัสอุ่นชื้น เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังลอดออกมาเบา ๆ อติกานต์ยื่นมือไปวางไว้บนกลุ่มผมนุ่มขยุ้มมันเบา ๆ อย่างหาที่ระบายไม่ได้มีเพียงหัวหน้าแผนกไอทีคนเดียวที่ต้องข่มกลั้นเสียงแห่งราคะริมฝีปากเล็กยังคงทำหน้าที่ได้ดี ลิ้นนุ่มแลบเลียไปทั่วตัวตนของเขาราวกับเด็กน้อยได้ชิมไอศกรีมรสโปรด“อือ คุณทำได้ดีนี่” อติกานต์ตบแก้มตอบจากการดูดดุนตัวตนของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแรง ๆ ไปสองสามทีจนม
ความเงียบปกคลุมห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารซึ่งล้อมด้วยผนังกระจกติดฟิล์มฝ้าถึงสามด้าน ไฟทุกดวงในห้องปิดลงแล้วหลังจากเจ้าของห้องออกไปทำธุระข้างนอกบริษัทตามที่ได้บอกเอาไว้เมื่ออติกานต์ก้าวเท้าออกจากประตู ทิพากรก็ก้าวตามออกมาด้วยเช่นกัน หากแต่จุดหมายเขาคือโต๊ะทำงานของตัวเอง อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาพักเที่ยง ทิพากรจึงมีเวลาไม่มากสำหรับการคิดหาหนทางเข้าไปนั่งหมอบที่ใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตามที่อีกฝ่ายบอกไว้โดยที่ไม่ให้พนักงานคนอื่น ๆ สงสัยปากกาเจลสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาเขียนโน้ตแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าแผนกไอทีต้องออกไปทำธุระข้างนอกให้คุณกานต์ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเอ่ยปฏิเสธคำชวนของสองสาวที่ชักชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านชาบูเปิดใหม่ถัดไปไม่ไกลจากตึกสำนักงานเมื่อพนักงานเบาบางลง ทิพากรคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อแสดงละครให้แนบเนียนว่าหัวหน้าแผนกไอทีผู้นี้ออกไปจากออฟฟิศแล้วจริง ๆ แต่ก่อนที่จะถึงหน้าลิฟต์ ทิพากรหันหลังไปมองพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในออฟฟิศ ทุกคนง่วนอยู่กับเวลาพักกลางวันของตัวเอง บางกินข้าวกล่องที่ห่อมาบ้างก็หลับตางีบหลับ
“วันจันทร์หลังผมประชุมบอร์ดตอนเก้าโมงเสร็จ คุณเข้ามาพบผมที่ห้องทำงานด้วย เราจะมาตกลงรายละเอียดเรื่องของเรากัน”นั่นคือประโยคที่อติกานต์ทิ้งไว้หลังจากที่อีกฝ่ายขับรถมาส่งเขาถึงคอนโด การที่อติกานต์สามารถขับรถตรงมาที่คอนโดเขาได้โดยไม่เอ่ยถามทางสักคำทำให้ทิพากรตกใจอยู่พอสมควร แต่เมื่อพยายามคิดหาเหตุผล เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยตัวเองว่า อติกานต์อาจจะเห็นที่อยู่ของเขาจากประวัติพนักงานก็ได้ตลอดวันหยุดทิพากรไม่ได้ออกไปไหน เขาใช้เวลาทั้งวันในการหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่เขาจำได้ทุกอย่าง ความดิบเถื่อนของอติกานต์ที่แสดงออกมาไม่ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้นระรัวทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอความรู้สึกถึงส่วนแข็งขึงที่ชนผนังคอหอยของเขาจนสำลักน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกระตุ้นความสุขของเขามากกว่าการสวมใส่ถุงน่องยามช่วยตัวเองเสียอีก เขาไม่คิดว่าเส้นแบ่งระหว่างพนักงานและเจ้านาย รวมถึงภาพชายหนุ่มธรรมดาสองคนที่เคยเดตกันด้วยความอ่อนโยนอบอุ่นในอดีตจะถูกทำลายลงเร็วขนาดนี้แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับวันจ
ทิพากรนั่งนิ่งมองดูอติกานต์ที่ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดออก การขยับเคลื่อนไหวของมือใหญ่ตรงหน้าดูจะเชื่องช้าเหลือเกินในใจของคนที่ได้แต่นั่งดู ทั้งที่ดื่มไวน์แดงรสเลิศไปแล้วหลายอึก ทว่าทิพากรกลับรู้สึกคอแห้งจนต้องกลืนก้อนน้ำลายลงไปคอเพื่อดับความกระหายเมื่อซิปกางเกงถูกปลดลง ความปรารถนาในใจที่ถูกทำลายความยับยั้งลงไปด้วยแอลกอฮอล์จึงทำให้ทิพากรไม่สามารถอดใจตนเองได้ คนอยู่ต่ำกว่าจึงยื่นใบหน้าไปใกล้จนปลายจมูกชิดชั้นในสีดำสนิทของอติกานต์ ทิพากรส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ เมื่ออติกานต์เองก็ขยับเท้าเข้ามา ยิ่งทำให้ใบหน้าแนบชิดกับส่วนที่แข็งขึงภายในเนื้อผ้ายืดหยุ่นศีรษะของทิพากรถูกลูบเบา ๆ จากฝ่ามือร้อน กดน้ำหนักเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของนายแบบมือสมัครเล่นบดเบียดกับอวัยวะส่วนล่าง อีกฝ่ายถูไถใบหน้าไปมาอย่างหลงใหล การกระทำนั้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจจากอติกานต์ ประทับใจจนต้องยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักเก็บเอาไว้“รู้จักอ้อนเป็นแมวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”อติกานต์รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ในมุมนี้ทิพากรไม่ต่างอะไรกับแมวช่างอ้อนที่ชอบถูไถตัวกับแข่งขาเจ้าของ เ
Comments