LOGIN“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพขอรับ!” หยงหมินเอ่ยเรียกผู้เป็นนายอยู่หน้าห้องพัก เพราะยามนี้พวกเขาอยู่ในค่ายทหาร เขาจึงต้องเรียกอีกฝ่ายแบบเต็มยศ
“เข้ามา” จินเฟยหลงหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดของตัวเอง แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงหลังจากได้ยินเสียงเรียกของหยงหมิน
“ตอนนี้เสบียงและยาจากเมืองหลวงได้มาส่งถึงค่ายเราเรียบร้อยแล้วขอรับ แต่รอบนี้ท่านผู้ช่วยไม่ได้มาส่งของด้วยตัวเองนะขอรับ แต่...ได้จ้างผู้คุ้มกันจากภายนอกมาส่งของให้แทนขอรับ”
“แล้วของมาครบหรือไม่?” จินเฟยหลงเอ่ยถามทันทีเมื่อหยงหมินรายงานจบ ด้วยเพราะเขารู้นิสัยของบุตรชายเสนากลาโหมเป็นอย่างดี อีกฝ่ายเป็นพวกรักสบาย แต่ถ้าหากความรักสบายของอีกฝ่ายมาทำให้เขาหรือคนของเขาต้องลำบากเมื่อใด...ยามนั้นเขาก็ไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายเช่นกัน
“ครบขอรับ”
จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้ารับ
“ท่านแม่ทัพขอรับ คือ...” หยงหมินยังไม่ทันจะได้รายงานเรื่องของคนที่ติดตามมาพร้อมกับขบวนส่งของ เขาก็ถูกขัดขึ้นมาโดยทหารในกองเสียก่อน
“ท่านแม่ทัพขอรับ มีจดหมายด่วนมาขอรับ”
“เอาเข้ามา”
จินเฟยหลงเมื่อรับจดหมายมาเขาก็รีบเปิดอ่านทันที แล้วเมื่อเขาอ่านจบ...เขาก็หันไปสั่งการกับหยงหมินต่อ...
“อีกสองวันข้าต้องกลับเมืองหลวง”
“ขอรับ” หยงหมินรับคำผู้เป็นนายอย่างรู้งานว่าเขาจะต้องรีบไปเตรียมตัวและเตรียมของสำหรับเข้าเมืองหลวงพร้อมกับผู้เป็นนาย
เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยหลงเดินทางไปหาจินเฟยเทียนที่เรือนพัก หลังจากที่เขาไปหาอีกฝ่ายในโรงหมอแต่ได้พบเพียงหยางหมิงเซียน แล้วเจ้าตัวก็ได้บอกกับเขาว่า วันนี้พี่ชายของเขาต้องนอนพักผ่อนอยู่ที่เรือนเพิ่มอีกหนึ่งวัน
“พี่ใหญ่ขอรับ ท่านไม่สบายหรือขอรับ?” จินเฟยหลงเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนในห้องพักพร้อมกับหยงหมิน หลังจากที่พวกเขาได้รับอนุญาตจากคนในห้องแล้ว
“ข้าสบายดี เพียงแต่...ยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่บ้างเล็กน้อยเท่านั้น” จินเฟยเทียนเอ่ยตอบจินเฟยหลง ก่อนจะแอบบ่นหยางหมิงเซียนในใจ...
‘เป็นเพราะเจ้าลูกกวางเลยที่ทำให้ข้าไม่มีแรงไปโรงหมอ’
จินเฟยเทียนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปนั่งพูดคุยกับผู้เป็นน้องชายต่อที่โต๊ะกลางห้อง แล้วในระหว่างนั้นเขาก็ได้มองไปที่หยงหมิน ยามนี้อีกฝ่ายได้เติบใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ยิ่งเขาได้เห็นอีกฝ่ายเติบใหญ่แบบนี้ มันก็ทำให้เขาอดคิดไปถึงหยงหม่า...ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอีกฝ่ายไม่ได้
หยงหมินเมื่อเห็นคุณชายใหญ่มองมาทางเขาแล้วยิ้ม เขาก็ทำเพียงก้มลงไปคำนับให้กับผู้เป็นนายทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะถอยออกจากห้องเพื่อให้ผู้เป็นนายได้พูดคุยกัน
“พี่ใหญ่ขอรับ พรุ่งนี้ข้าต้องกลับเข้าเมืองหลวงแล้ว พี่ใหญ่จะฝากของไปให้พวกอาเปาอาปิงที่ร้านขายยาหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่มีแล้ว ข้ากับหมิงเซียนเพิ่งฝากของไปกับคุณชายเหรินที่มาส่งสมุนไพรให้พวกข้าเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“คุณชายเหรินหรือขอรับ...” จินเฟยหลงเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกสะดุดหูกับแซ่ที่ผู้เป็นพี่ชายได้เอ่ยถึง
“ใช่ พอดีคุณชายเหรินเป็นคนจัดหาสมุนไพรส่งไปให้กับท่านลุงจงที่เมืองหลวง แต่ยามนี้ท่านลุงจงคิดอยากจะเลิกขายสมุนไพรแล้ว ท่านลุงจงเลยแนะนำให้หมิงเซียนติดต่อซื้อขายกับคุณชายเหรินโดยตรงเลยน่ะ” จินเฟยเทียนพูดจบก็สังเกตได้ว่าจินเฟยหลงเหมือนจะมีอะไรในใจ เขาจึงเอ่ยปากถามผู้เป็นน้องชายต่อทันที
“เฟยหลง ยามนี้มีอะไรกวนใจเจ้าอยู่หรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ”
จินเฟยเทียนได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมือไปลูบหัวผู้เป็นน้องชายเบา ๆ ในตอนแรกจินเฟยเทียนก็แอบมีชะงักเล็กน้อย เพราะหยางหมิงเซียนไม่ชอบให้เขาไปลูบหัวของผู้อื่นนอกจากหัวของเจ้าตัว แต่พอคิดได้ว่าจินเฟยหลงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเขา และอีกอย่างตอนนี้เจ้าลูกกวางก็ไม่อยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงขอทำตามใจตัวเองเลยแล้วกัน
จินเฟยเทียนที่รู้ว่ายามนี้จินเฟยหลงกำลังมีเรื่องรบกวนอยู่ในใจ แต่เพราะอีกฝ่ายมีนิสัยที่ชอบเก็บความรู้สึกไม่ต่างไปจากเขา และด้วยเพราะจินเฟยหลงเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ของตัวเองออกมาให้ผู้อื่นได้เห็นมากนัก ดังนั้นหากไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนที่ได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายจริง ๆ ก็แทบจะดูไม่ออกและไม่รับรู้เลยว่า จินเฟยหลงกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
“ถ้ามีอะไรก็บอกกับข้าได้นะเฟยหลง อย่างไรเจ้าก็ยังมีพี่ชายคนนี้อยู่กับเจ้าเสมอ”
“ขอรับพี่ใหญ่” จินเฟยหลงเอ่ยตอบคนเป็นพี่
จากนั้นจินเฟยหลงก็จับมือของจินเฟยเทียนที่กำลังลูบหัวของเขาลงมา แล้วนำมือของอีกฝ่ายมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะแนบใบหน้าของตัวเองลงไปนอนบนฝ่ามือของคนตรงหน้า
“พี่ใหญ่ขอรับ ข้าขออยู่แบบนี้สักพักนะขอรับ”
“ได้สิ”
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
จินเฟยหลงยืนมองเหรินเหยียนชิงสอนเรื่องการคัดเลือกสมุนไพรและการทำบัญชีให้กับจินเฟยฮวา เพราะยามนี้น้องสาวของเขาเริ่มสนใจสองเรื่องนี้เป็นพิเศษ หลังจากที่เจ้าตัวตกลงหมั้นหมายให้กับเกาเล่อ ซึ่งการหมั้นหมายระหว่างจินเฟยฮวากับเกาเล่อก็เพิ่งผ่านมาได้เพียงแค่สองเดือน เพราะด้วยเรื่องฐานะ รวมไปเรื่องในอดีตเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเกาเล่อ จึงทำให้อีกฝ่ายดูไม่เหมาะสมกับจินเฟยฮวาไปเสียหมดทุกทาง แต่ก็ด้วยเพราะความรัก ความดีและความซื่อสัตย์ของเกาเล่อ จึงสามารถเอาชนะใจผู้เป็นน้องสาว รวมไปถึงบิดาและคนในครอบครัวของเขามาได้ แต่ความรักของคนทั้งคู่ก็ยังคงมีเงื่อนไขจากผู้เป็นบิดาอยู่อีกหนึ่งข้อ นั่นก็คือทั้งสองคนจะต้องทำการหมั้นหมายและคบหากันต่อจากนี้ไปอีกหนึ่งปี จากนั้นค่อยมาพูดคุยกันเรื่องงานมงคลสมรส ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่องงานมงคลก็คงจะต้องพูดถึงคู่ของจิงเสี่ยวเจี้ยนกับเยว่ซือซือ เพราะสองคนนี้เพิ่งเข้าพิธีมงคลสมรสกันไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ถึงแม้ว่าในอดีตคนทั้งสองอาจจะเคยเป็นอริกั
ช่วงค่ำเหรินเหยียนชิงหลังจากแยกเข้าไปจัดการดูแลตัวเองในกระโจมเสร็จ เมื่อเขากลับออกมา...เขาก็เห็นจินเฟยหลงยืนสั่งงานหยงหมินอยู่ที่ข้างกระโจมเพียงสองคน เขาจึงทำเป็นไม่สนใจ แล้วเดินเข้าไปนั่งกับพวกชิงหลวนคุนที่ข้างกองไฟ แต่สายตาของเขาก็ยังคงแอบมองไปที่นายบ่าวคู่นั้นเป็นระยะ ยามนี้เหรินเหยียนชิงเริ่มสงสัยแล้วว่าตอนที่จินเฟยหลงเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ อีกฝ่ายเข้าไปเจอกับอะไร? หรือว่า...จินเฟยหลงจะเข้าไปเจอร่องรอยของศัตรูที่กำลังแอบซุ่มดูพวกเขาอยู่ในตอนนี้! จนเวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกันไปนอนพัก จะเหลือก็เพียงแค่ทหารกลุ่มหนึ่งที่คอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าระวังความปลอดภัย “เจ้าจะไปไหน?” เหรินเหยียนชิงถามขึ้น เมื่อเห็นจินเฟยหลงกำลังจะเดินออกจากกระโจม หลังจากที่พวกเขาเข้ามานอนพักพร้อมกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม “เจ้ายังไม่หลับหรือเหยียนชิง พอดีข้ารู้สึกร้อน ๆ หนาว
วันนี้เป็นวันที่จินเฟยหลงต้องออกเดินทางไปตรวจงานที่ชายแดนฝั่งทางตอนใต้ของแคว้นตง ซึ่งแน่นอนครั้งนี้เขาได้พาเหรินเหยียนชิงผู้เป็นภรรยาของเขาไปด้วย แล้วเมื่อเขาฝากงานส่วนต่าง ๆ กับรองแม่ทัพแต่ละฝ่ายในช่วงที่เขาไม่อยู่เสร็จ จินเฟยหลงก็รีบเดินทางกลับจวนทันที “เหยียนชิง ข้ากลับมาแล้ว” จินเฟยหลงกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มซ้ายของอีกฝ่าย แล้วมองลงไปยังห่อสัมภาระที่เจ้าตัวกำลังจัดเรียงไว้เป็นกอง ๆ บนโต๊ะกลมกลางห้อง “เจ้าเตรียมของเสร็จแล้วหรือ?” “อืม...เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเรียกให้พวกบ่าวเข้ามานำห่อสัมภาระพวกนี้ออกไปไว้ในรถม้าเท่านั้น” “อย่างนั้นพวกเราก็เหลือเวลาก่อนออกเดินทางเกือบหนึ่งชั่วยามเลยน่ะสิ ข้าว่า...พวกเราสองคนมาสานต่อเรื่องเมื่อ...” “เฟยหลง! คือข้า ยามนี้ข้า...ข้าควรออกไปตรวจดูพวกเสบียง ยาและสมุนไพรที่จะใช้
จินเฟยหลงเมื่อเห็นว่าเหรินเหยียนชิงกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการปรนเปรอของเขาแล้ว เขาจึงค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างกลางลำตัวของอีกฝ่ายทันที ก่อนจะกดจุมพิตต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบ และเพียงไม่นานเขาก็ใช้ริมฝีปากครอบครองเครื่องแสดงความเป็นบุรุษโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว “อ่ะ! เฟยหลง อย่า! อือ...” ริมฝีปากบางพยายามขบเม้มเพื่อเก็บเสียงครางหวานของตนเองเอาไว้ ก่อนที่คนตัวเล็กจะเผลอเลื่อนมือลงมากดที่ศีรษะของเขาอย่างลืมตัว ยามนี้เหรินเหยียนชิงรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วในขณะที่เขารู้สึกได้ว่าตัวเขาเหมือนกำลังจะปลดปล่อย... เขาจึงพยายามขยับเอาอาวุธประจำกายออกมาจากริมฝีปากของจินเฟยหลง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ต้องการให้เขาทำเช่นนั้น “เฟยหลง ข้า...อ่า...” “หวานยิ่งนัก น้ำวิสุทธิ์แรกของเจ้า” “เจ้า!” เหรินเหยียนชิงมองจินเฟยหลงที่กลืนกินและไล่เลียน้ำวิสุทธิ์แรกของเขาอย่างไม่รัง
หลังจากพิธีการต่าง ๆ ในงานมงคลสมรสจบลง เหรินเหยียนชิงก็ถูกพาตัวเข้าไปนั่งรอเขาอยู่ในห้องหอ ส่วนตัวจินเฟยหลงก็ทำได้เพียงนั่งอยู่ในห้องโถงแล้วยกสุราขึ้นดื่ม เนื่องจากยามนี้มีผู้คนตรงเข้ามาชนสุราเพื่อแสดงความยินดีกับเขาอย่างไม่ขาดสาย โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็เพียงต้องการกลั่นแกล้งเขาในคืนเข้าหอเท่านั้น ซึ่งตัวจินเฟยหลงเองได้กินยาแก้อาการเมาสุราที่ได้รับจากผู้เป็นพี่ชายมาแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวต่อฤทธิ์สุราที่ต้องดื่มในตอนนี้มากนัก จินเฟยเทียนนั่งมองสีหน้าของจินเฟยหลงแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ แต่เพราะในวันส่งตัวของเขากับหยางหมิงเซียน ผู้เป็นน้องชายได้ร่วมมือกับชิงหลวนคุนทำกับเจ้าลูกกวางไว้แสบ โดยหยางหมิงเซียนมาเล่าให้เขาฟังว่า...จินเฟยหลงกับชิงหลวนคุนได้พาทหารในกองทัพแวะเวียนเข้ามาชนสุรากับเจ้าตัวก่อน วันนี้เจ้าลูกกวางก็เลยขอเอาคืนด้วยการชวนทั้งคู่ค้า คนที่เจ้าตัวรู้จัก หรือแม้แต่คนป่วยที่เขาเคยทำการรักษา เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับผู้เป็นน้องชายของเขาแบบจัดเต็ม
หลังจากผ่านเหตุการณ์การสูญเสีย จินเฟยหลงก็เริ่มใช้ชีวิตให้ผ่านไปเป็นวัน ๆ โดยแต่ละวันของเขาก็แทบจะไม่พูดคุยกับผู้ใดอีกเลย แม้แต่สหายร่วมเรือนอย่างเหรินเหยียนชิง ยามนี้จินเฟยหลงหมดกำลังใจที่จะก้าวเดินหรือใช้ชีวิตต่อไปอีกแล้ว ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาคิดจะจบชีวิตของตนเองลง แต่เหรินเหยียนชิงก็ดันเข้ามาเจอตอนที่เขากำลังจะลงมือทำเสียก่อน “เฟยหลงลุกขึ้น...ได้ยินหรือไม่! ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้น!!” จินเฟยหลงหันมามองเหรินเหยียนชิงที่เข้ามาตวาด และกระชากแขนของเขาให้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้กับเขาเลยสักครั้ง“ไม่...ข้าจะนอน” “ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้นมา!!” จินเฟยหลงถูกเหรินเหยียนชิงกระชากแขนจนต้องลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยามนี้เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าเข้ามาล้ำเส้นในชีวิตของเขามากจนเกินไปเสียแล้ว!&nb





![ผมก็แค่พี่เลี้ยงเด็ก ที่ดันได้พ่อเค้าเป็นสามี [PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

