หยงว่านชิงตื่นขึ้นในตอนเช้า เมื่อนางค่อยๆขยับตัวขึ้นก็รู้สึกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปปวดร้าวมากจนแทบจะลุกไม่ขึ้น เพราะคุณชายของนางทำเอาเหนื่อยเกือบทั้งคืนกว่าจะยอมให้นางได้พักผ่อน นางตกใจอีกครั้งเมื่อประตูเปิดออกมาพร้อมกับสาวใช้อีกสามคนที่เดินเข้ามา
“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยชื่อว่าอาลี่ มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับจากนี้เจ้าค่ะ”
“อาลี่งั้นหรือ ข้าชื่อ..”
“คุณหนูหยง ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเชิญไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋องทรงรออยู่ที่ห้องอักษรแล้วเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่เจ้าเรียกว่า....ท่านอ๋องงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ จวนนี้เป็นจวนตากอากาศของท่านอ๋องชิงเย่หาน ผู้ที่พาท่านมาก็คือท่านอ๋องของพวกเราเจ้าค่ะ”
“ท่านอ๋อง….อ๋องชิง..ผู้ที่จะมาปกครองเมืองเฉินตูแทน..ท่านเจ้าเมืองคนเก่า”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านเดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าเดินไหว ขอบคุณเจ้ามาก”
“คุณหนูอย่าได้เกรงใจอาลี่เลยเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะอยู่ข้างกายท่าน เรียกอาลี่เฉยๆก็ได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นอาลี่ รบกวนเจ้าด้วย”
นางเดินไปทำธุระและอาบน้ำอุ่นที่สาวใช้ตระเตรียมให้ อาลี่แอบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นร่องรอยบนกายของว่านชิง นางเองก็รู้สึกอายเล็กน้อย แต่อาลี่ได้แค่อมยิ้มและแอบหยอกนางอย่างสนิทสนมเพื่อสร้างความคุ้นเคย
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ไม่นานมันก็จะค่อยๆจางไปเองเจ้าค่ะคุณหนู”
“อาลี่ เจ้าอย่าพูดอีกเลย”
“คุณหนูอย่าได้อายไปเจ้าค่ะ ไม่สิ อีกไม่นานท่านคงเลื่อนขั้นเป็นพระสนมหรือไม่ก็พระชายาของท่านอ๋องเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ไม่หรอก จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน”
ว่านชิงอาบน้ำไปพร้อมกับคิดบางอย่าง เขาเป็นถึงท่านอ๋อง ชิงอ๋องที่จะมาปกครองแทนท่านพ่อของนางงั้นหรือ แต่เขามิได้พูดอะไรกับนาง และนางเองก็มิได้ถามเขาให้ชัดเจน แต่เหตุใดเขาต้องสั่งโจรพวกนั้นให้มาลอบฆ่าตนเองด้วย
“แผนปิดประตูตีแมว”
“เจ้าคะคุณหนู ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ”
“เปล่าๆ ข้าอาบเสร็จแล้ว อาลี่ช่วยข้าทีสิ”
“เจ้าค่ะๆ มาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะผัดหน้าทำผมให้ท่านสวยๆจนท่านอ๋องตกตะลึงไปเลยเจ้าค่ะ”
“ตามใจอาลี่เลย”
“เชื่อใจข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
อาลี่บรรจงทำผมให้นางอย่างดี นางรู้สึกถูกชะตากับหยงว่านชิงตั้งแต่ท่านอ๋องพานางเข้ามาในจวนเมื่อคืนนี้ จึงขอท่านอ๋องมาปรนนิบัติว่านชิง
ตอนนี้ว่านชิงหันไปมองรอบๆห้องก็พบว่าทั้งชุดและเครื่องประดับที่วางอยู่ล้วนเป็นของใหม่ที่เขาคงจัดเตรียมเอาไว้ นางไม่แน่ใจว่าเขาทำเช่นนี้บ่อยๆหรือไม่แต่นางก็ยังไม่กล้าถามอาลี่เพราะนางก็พึ่งจะรู้จักอาลี่ได้เพียงวันเดียว
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านงดงามเหลือเกิน ท่านอ๋องสายตาช่างแหลมคมยิ่งนัก ผิวท่านทั้งขาวและเนียนละเอียดน่าอิจฉายิ่งนัก ไปเจ้าค่ะ ท่านอ๋องรอท่านนานแล้ว”
“ขอบใจนะอาลี่ แล้วข้าต้องไปที่ใด”
"ตามอาลี่มาเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปเอง
ห้องหนังสือ
“ท่านอ๋อง คุณหนูมาแล้วเพคะ”
“ให้นางเข้ามาได้ จงหมิงเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จงหมิงเดินจะออกไปตามคำสั่งเมื่อเปิดประตูให้หยงว่านชิงเข้ามา จงหมิงถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่านชิงที่หน้าประตู ท่านอ๋องเองก็แอบเห็นแล้วเช่นกัน
“จงหมิง ยังไม่รีบไปอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จงหมิงรีบเดินออกไปทันทีพร้อมกับอาลี่ที่ปิดประตูลงเมื่อนางเข้าไปด้านในห้องหนังสือแล้ว ว่านชิงหันไปมองประตูที่ปิดลงอย่างนึกสงสัยก่อนจะเดินมาถวายคำนับอย่างเต็มพิธีตามที่ได้ร่ำเรียนมา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“มารยาทเจ้าดีเยี่ยมสมกับเป็นบุตรีของใต้เท้าหยงเหิงจริงๆ”
“ท่านอ๋องทรงทราบ!! พระองค์ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว นี่เป็นสาเหตุที่พระองค์….ช่วยหม่อมฉันงั้นหรือเพคะ”
เขาวางพู่กันในมือลงและเงยหน้ามามองนางเต็มๆตาเป็นครั้งแรก เขารู้แล้วว่าเพราะอะไรจงหมิงจึงได้ตกตะลึงไปชั่วขณะ นางงดงามถึงเพียงนี้จะมีผู้ใดที่เห็นแล้วไม่ตกตะลึงบ้าง ผิวขาวดุจหิมะปากแดงระเรื่อเมื่อแต่งเติมเพียงเล็กน้อยกับชุดสีชมพูอ่อนพร้อมเครื่องประดับที่เข้ากับตัวนาง
“ข้า…..ใช่ ข้าได้ยินเจ้าตะโกนบอกแม่เล้านั่นว่าเจ้าเป็นผู้ใดจึงได้ช่วยเจ้าไว้”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงกรุณาช่วยหม่อมฉันเพคะ ส่วนเรื่อง..”
“เรื่องที่เราตกลงกันไว้ คิดว่าคุณหนูหยงคงไม่ทำผิดคำพูดหรอกนะ หากคิดว่ารู้ฐานะของข้าและคิดว่าเมื่อคืนนี้ได้ตอบแทนบุญคุณแล้วคิดจะจากไป คงมิใช่เรื่องง่ายๆเช่นนั้นแน่ ข้าคิดว่าคุณหนูสกุลหยง บุตรีอดีตเจ้าเมือง เฉินตูคงมีสัจจะวาจามากพอใช่หรือไม่”
หยงว่านชิงปากสั่นไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปเช่นไร เดิมทีก็กะจะพูดเรื่องนี้เช่นกันแต่เขากลับรู้ทันนาง เช่นนี้นางคงออกจากจวนอ๋องไปไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว
“นั่น…เพคะ หม่อมฉันรับปากพระองค์ไปแล้วย่อมไม่คืนคำ เพียงแต่ว่าหากเป็นเพียงคณิกาของพระองค์ มิได้ทำสิ่งใดที่เกิดประโยชน์หรือมีค่า หม่อมฉันคิดว่าคงเสียเวลาท่านอ๋องที่มีภารกิจมากเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่า…”
“ข้ามีงานและภารกิจให้เจ้าช่วยอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่เกี่ยวกับข้อตกลงของเรา ข้ามีงานให้เจ้าทำเพื่อเจ้าจะได้รู้สึกว่าตนเองมิได้ไร้ค่าและยังมีเบี้ยหวัดให้เจ้าด้วย เป็นเช่นไร ยุติธรรมดีหรือไม่”
ว่านชิงหายใจไม่ทั่วท้อง เขาคิดการรอบคอบล้อมนางเอาไว้หมดทุกด้าน นางคงหนีไม่ได้อีกแล้วจริงๆ
“เช่นนั้น หม่อมฉันต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่เห็นความสามารถของหม่อมฉันเพคะ”
“ข้าเหนื่อยแล้ว วันนี้เจ้านวดไหล่ให้ข้าได้หรือไม่”
“เพคะ”
ว่านชิงเดินไปด้านหลังของเขาเพื่อนวดให้เขาเบาๆที่ไหล่ นางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ท่าทางจึงดูเงอะงะเมื่อจับไปที่ไหล่ของเขาและท่านอ๋องก็ร้องขึ้นมา
“โอ๊ย!!”
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัน…ขออภัยเพคะพระองค์เจ็บหรือเพคะ”
“ใช่สิ เจ้านวดไม่เป็นงั้นหรือ”
เขาแกล้งทำเป็นเจ็บทั้งๆที่นางยังไม่ทันได้ออกแรงนวดเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำอย่างอื่นมากกว่า
“คือว่าหม่อมฉันไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าเรื่องนี้ อุ๊ย!!…”
นางไม่ทันได้พูดจบเขาก็ดึงนางลงมานั่งตรงตักและสบตานางทันที
“เช่นนั้นเจ้าก็คงต้องฝึกแล้ว แต่ตอนนี้…ข้าต้องการนวดที่อื่น…”
มือหนาเชยคางนางขึ้นให้รับจูบเขาทันที ว่านชิงไม่มีทางเลือก เขาไม่มีทางปล่อยนางไปในเร็ววันนี้เป็นแน่ นางคงต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดีๆ หากวันใดเขานึกไม่ต้องการนางขึ้นมานางจะได้หาที่ทางสำหรับตัวเองได้
แต่ตอนนี้นางแทบจะคิดสิ่งใดไม่ออก ชุดที่บรรจงสวมเมื่อครู่ถูกเขาดึงออกจนหมด หน้าอกเปลือยตอนนี้อยู่ที่ปากและมือที่ล่วงล้ำเข้ามา
“อ๊ะ ท่านอ๋อง ที่นี่ไม่ได้นะเพคะ”
“เช่นนั้นก็ไปที่ห้องกัน”
“แต่ว่า…มีคนอยู่มากมายเช่นนี้....”
“หากผู้ใดกล้ามอง ข้าจะควักลูกตาพวกเขาเสียดีหรือไม่”
“ไม่ได้นะเพคะ อ๊าา ท่านอ๋อง”
“เจ้ากำลังทำผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้านะ ห้ามเถียงอย่างไรเล่า จูบข้าสิว่านชิง”
ว่านชิงโอบรอบคอเขาเอาไว้พร้อมกับท่านอ๋องที่ดึงเสื้อนางขึ้นมา สวมทับเพื่อบังคนข้างนอก นางยังจูบเขาตามคำสั่งเมื่อถูกเขาอุ้มออกจากห้องหนังสือไปยังห้องนอนใหญ่ของเขาฝั่งตรงข้ามห้องที่นางนอนพักเมื่อคืนนี้
ร่างนางถูกวางลงที่เตียงกว้างกว่าที่ห้องของนางพร้อมกับชุดที่พร้อมจะถูกถอดออกได้ทันที ไม่นานร่างเปลือยเปล่าของนางก็ไม่เหลืออาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว
“งดงามราวภาพวาด กลิ่นหอมราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่ง หวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า …ว่านชิง ข้าจะไปที่ใดได้อีก เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก”
“อ๊าา ท่านอ๋องเพคะ อื้อ…”
“อย่ากลั้น ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่มีผู้ใดได้ยินพวกเรา ข้าสั่งให้พวกเขาออกไปแล้ว ไม่มีใครมารบกวนเราหรอก”
สามวันก่อนวันอภิเษก“หย่งผิง เหตุใดครั้งนี้เจ้าพากู้เซียงหยีมากับเจ้าด้วยเล่า”“ข้ามิได้พานางมา นางมาของนางเองโดยทูลขอเสด็จพ่อข้า”“ท่านอ๋องฟ่านไม่น่าจะยอมโดยง่ายเช่นนี้”“หึ นางให้พ่อนางมาขอน่ะ บอกว่าอยากหาประสบการณ์ใหม่นอกเมือง เห็นว่าข้าจะเดินทางมาที่ต้าเฉินเลยถือโอกาสขอให้พานางมาด้วย แต่ข้าปฏิเสธ นางบอกว่ายินยอมตามมาและจะดูแลตัวเอง”“แต่ที่ข้าเห็น นางแทบจะตัวติดกับเจ้า”“ข้าหาได้สนใจไม่ ว่าแต่เรื่องของเจ้ากับหลินเนี่ยเฟย…เหตุใดจึง…”“นี่เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ นางไม่ได้ชอบข้าตั้งแต่แรก นางไม่รู้ใจตัวเอง นางยังเด็กแยกแยะความรักระหว่างชายหญิงไม่เป็น นางพึ่งรู้ตัวว่าข้าน่ารำคาญก็ตอนนางได้ว่านชิงเป็นพี่สาวนางนั่นแหละ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าคอยหวงพี่สาวตลอด”“เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร ข้าจำได้ว่าตอนเรียนด้วยกันที่นั่น พวกเจ้า…..”“เจ้าลองนึกดูให้ดีๆ ว่าที่นางทำเรื่องนี้เพราะอะไร ข้าเองก็รู้แต่ก็ต้องยอมอยู่กับนางเพราะนางเหมือนน้องสาวข้า นางไม่มีญาติที่นั่นมีเพียงข้าที่ไปกับนาง ย่อมต้องดูแลกันเป็นธรรมดา จากนั้นนางเลยยึดติดว่าสิ่งที่ทำกับข้าคือความรัก แต่แท้จริงแล้วมันคือรักแบบพี่น้องเท่านั้น ข
จวนเสนาบดีหลิน“พี่ใหญ่ท่านคุ้นชินกับเมืองหลวงแล้วหรือยังเจ้าคะ”“ข้าอยู่ที่ใดก็ได้ ว่าแต่วันนี้เจ้ากินยาแล้วหรือยัง”“กินแล้วสิเจ้าคะ นี่พี่ใหญ่อีกไม่กี่วันท่านก็ต้องแต่งเข้าตำหนักท่านอ๋องแล้ว ตลอดสิบวันที่ย้ายมาจากเฉินตูเราก็อยู่ด้วยกันตลอด ท่านแต่งออกไปแล้วข้าต้องเหงาแน่เลยเจ้าค่ะ”“เจ้าน่ะเป็นลูกคนเดียวมาตลอดมิใช่หรือ”“ก็ใช่น่ะสิ เพราะมีท่านมาเป็นพี่สาวข้าจึงมีคนให้อ้อนได้บ้าง ใครจะรู้ว่าพอมีก็จะถูกแย่งไปกันเล่า”“อีกหน่อยเจ้าเองก็จะมีคนมาแย่งไปเช่นกัน เจ้าน่ะไม่ได้ถูกใจผู้ใดเลยงั้นหรือ”“ท่านพี่อย่าล้อข้าเล่น ในชีวิตของข้าพบเจอบุรุษมาไม่กี่คนหรอกเจ้าค่ะ”“เนี่ยเฟย อาการของเจ้าตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว อาการแพ้ก็ไม่มีแล้ว ต่อไปก็ทำตามใจได้แล้วล่ะ เจ้าอยากไปไหนหรือไม่ ข้าจะได้ชวนท่านอ๋องพาเจ้าไปเที่ยว”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ไปกับพี่เย่หานที่เอาแต่ตามท่านตลอดเวลา ข้าเห็นแล้วอึดอัดแทนจริงๆ เขาไม่คิดอยากให้ท่านได้พักหายใจบ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ เอาแต่ตาม ท่านหายไปเพียงแค่ครึ่งก้านธูปก็ตามหาเสียทั่วตำหนัก ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าไม่เหมาะกับคนเช่นนี้จริงๆ ขืนมาเดินหาข้าจนทั่วเช่นนี้ ข้าคงเป็
“ไม่ได้เพคะ!! หม่อมฉันนัดท่านพ่อกับเนี่ยเฟยเอาไว้แล้วว่าจะเอายาไปให้พวกเขา”“แต่ข้าส่งจงหมิงไปยกเลิกแล้ว ส่วนยาที่เจ้าเตรียมเดี๋ยวข้าให้คนเอาไปให้เนี่ยเฟยเอง มาเถอะ ไปกับข้า”“เดี๋ยวก่อนเพคะ พระองค์จะพาหม่อมฉันไปที่ใด รถม้ายังรออยู่ข้างนอก”“ข้าเอาม้ามา เจ้าไปกับข้า”“ไปที่ใดเพคะ”“ไปถึงก็รู้เอง มาเถอะ”“เย่หาน เดี๋ยวก่อนสิ”ท่านอ๋องอุ้มนางเดินออกจากจวนสกุลหยงและขึ้นหลังม้าพร้อมกับพานางขี่ออกไปทางด้านหลังเขาเมืองเฉินตู ระยะทางเริ่มห่างจากตัวเมืองเฉินตูและเป็นเนินเขาสูงที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ด้านหลังเป็นภูเขาเซียงชีของเฉินตู“ที่นี่ งดงามยิ่งนักเพคะ”“ลงมาสิ”ชิงเย่หานพานางเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้บนหลังม้า เนินเขาสูงในทุ่งดอกไม้ ด้านล่างเป็นลำธารเขาเลือกปูผ้าตรงนี้พร้อมกับพาว่านชิงมานั่งพิงเขาพร้อมกับมองไปยังทิวทัศน์ด้านล่างที่เป็นป่าเขาสุดลูกหูลูกตา“เจ้าเห็นนั่นหรือไม่ นั่นคือเส้นทางไปเมืองหลวง”“ข้าไม่เคยออกจากเมืองเฉินตูมาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่ว่านชิง”“พระองค์
จงหมิงมองหน้าท่านอ๋องราวกับว่าตนเองกำลังทำผิดอย่างร้ายแรงที่บังอาจรู้ว่าหยงว่านชิงไปที่ใดในเวลานี้“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูหยง เอ้ย คุณหนูหลินบอกกระหม่อมให้เตรียมรถม้าเพื่อจะไปจวนท่านเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเหตุใดอาลี่จึงไม่รู้เล่า!!”“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้ามัวรออะไรอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบไปเอาม้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่นั่งรถม้า ข้าจะเอาม้า!!”“พ่ะย่ะค่ะ”จงหมิงรีบไปนำม้าของท่านอ๋องออกมาให้โดยเร็วด้วยเกรงว่าจะถูกลงโทษอีกเพราะความใจร้อนของท่านอ๋องในตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่าเขาโมโหและร้อนใจเพียงใดที่ตื่นมาแล้วไม่พบว่านชิงจวนเสนาบดีหลิน“ว่านชิง …..ว่านชิง”“พี่เขย ท่านมาหาพี่ว่านชิงงั้นหรือ”“เนี่ยเฟย ว่านชิงเล่า เห็นบอกว่านางมาที่นี่”“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหลินขออภัยที่มากะทันหัน แต่ว่าว่านชิงได้มาที่นี่หรือไม่”เนี่ยเฟยและเสนาบดีหลินหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจและสงสัยพร้อมกับหันไปตอบกับคนที่ดูร้อนใจที่สุดตรงหน้าในตอนนี้“พี่ว่านชิงบอกว่าจะมาหาข้าในวันนี้จริงเพคะ แต่ว่านางยังมาไม่ถึง ไม่คิดว่านางจะออกมาจากตำหนักท่านแล้ว”“นั่นสิ กระหม่อมเองก็รอนางอยู่เช่นกันเพราะวันนี้นางน
เจ้าเมืองเหมินหันไปทางท่านอ๋อง ตัวสั่นทั้งตัว เขาเองก็รู้ตัวดีว่าทำสิ่งใดลงไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมู่เสียนอี่ถูกเปิดโปงแล้วเขาจะโดนด้วย“ไม่จริงพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมเพียงแค่….แค่…มอบเป็นสินน้ำใจ หาใช่ซื้อตำแหน่งไม่ เรื่องย้ายมาที่เมืองเฉินตูนี้ เป็น…เรื่องนี้ท่านมหาเสนบดีหลินเป็นผู้แนะนำกระหม่อมต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีหลินเดินเข้ามายังเหมินสั่วถังที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับขอความเมตตาต่อท่านอ๋องอยู่จึงพูดเพื่อให้เขาได้รับรู้ความจริง“ใต้เท้าเหมิน ที่ข้าเสนอชื่อท่านต่อฝ่าบาท นั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการกำจัดขุนนางชั่วมู่เสียนอี่ เพราะเขารับสินบนจากท่านเพื่อเสนอชื่อเป็นเจ้าเมืองเฉินตูทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ท่านเป็นเพียงขุนนางในกรมวังที่แทบจะไม่มีผลงานใดๆมาก่อน ฝ่าบาทเรียกข้าเข้าไปหารือหลายรอบ และเพื่อจะล้อมจับพวกขุนนางชั่วทั้งหมดจึงได้เสนอชื่อเจ้าเพื่อมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่”เหมินสั่วถังหมดแรงล้มไปกับพื้น ที่แท้เรื่องที่เขาจะมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เสนาบดีหลิน ชิงอ๋องและฝ่าบาทวางแผนล่อพวกเขามาติดกับนี้“นำตัวเขาไป ขังที่คุกรอการตัดสินโทษ”“พ่ะย่ะค่ะ”ต
“ใต้เท้ามู่ไม่ต้องรีบร้อน ว่านชิง เจ้าว่ามา เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องที่ข้ายักยอกเงินคลังหลวงงั้นหรือ”“หม่อมฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำว่าที่มาวันนี้เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องยักยอกเงินพระคลังหลวง”มู่เสียนอี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็ว คนในห้องโถงต่างก็ตกใจเช่นเดียวกันกับมู่เสียนอี่ นั่นสิ นางเพียงแค่ยกสมุดบัญชีออกมาและบอกว่าท่านอ๋องทราบดีว่าที่นางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แต่…..“เจ้า….ว่านชิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร!!”ว่านชิงหันมามองหน้ามู่เสียนอี่พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเขาทำท่าตกใจและมือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข“ใต้เท้ามู่ ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าที่ข้ามาวันนี้เพื่อจะมาส่งรายงานของผู้ใด เหตุใดท่านจึงรีบร้อนด่วนตัดสินว่าข้าจะใส่ร้ายท่านอ๋อง ดูท่านมั่นใจเหลือเกินว่ารายงานบัญชีที่ข้าถืออยู่นี่เกี่ยวกับท่านอ๋องแล้วยังมีรายงานแก้ต่างเตรียมมาด้วย เรื่องนี้ ข้าคิดว่าท่านควรจะมีคำอธิบายหน่อยหรือไม่”“ใต้เท้ามู่ ว่าอย่างไร ที่ว่านชิงพูดมาท่านมีสิ่งใดจะแก้ต่างหรือไม่”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นาง…เรื่องนี้นาง….”มู่เสียนอี่ทำตัวไม่ถูก เขาติดกับแล้ว เขาพลาดเองที่พูดออกไปโพล่งๆโดยไม่