เสียงเพลงดังกระหึ่มพร้อมกับแสงสีที่สาดส่องไปทั่ว ในตรอกเล็กๆ ย่านกลางกรุงนั่นคือแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ต่างหลอกล่อให้เหล่าฝูงพี่เสื้อราตรีออกมาร่ายรำกันอย่างสนุกสนาน ผิดกับเด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าสถานบันเทิงด้วยหัวใจอันแสนอ้างว้าง ไม่รู้จะไปทางไหนดี แม้แต่บ้านที่ใครๆ ชอบพูดว่าหากไม่มีที่ไปก็ให้กลับบ้าน แต่สำหรับคนดี บ้านไม่ใช่ที่พึ่งพิง บ้านก็แค่เป็นที่ซุกหัวนอนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เธอไม่มีมันแล้ว
“อีหนูทำไมมายืนทำอะไรตรงนี้ ไม่กลับบ้านกลับช่อง ถ้าตำรวจมาตรวจร้านก็ซวยกันหมดหรอก”
เสียงแหบแห้งของหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาเอ่ยทักจากด้านหลัง เธอใส่ชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพร้อมกับกับกางเกงสีเดียวกัน ดูจากการแต่งกาย คาดเดาว่าเธอคนนี้คงเป็นพนักงานทำความสะอาดให้กับร้านนี้อย่างแน่นอน
“หนูมาสมัครงานค่ะ ใช้ร้าน Popcorn bar หรือเปล่าคะ”
“ใช่...ว่าแต่เราสิบแปดแล้วเหรอ ถึงจะมาสมัครงานน่ะ”
“ใช่ค่ะ หนูติดต่อพี่เปียไว้แล้ว เขาบอกให้มาสัมภาษณ์งานได้เลย” ป้าแม่บ้านดูลังเลใจอยู่ไม่น้อย เพราะดูจากรูปร่างหน้าตาเด็กคนนี้แล้ว ไม่น่าจะเกินสิบแปด ไหนจะการแต่งตัวของเจ้าหล่อน บ่งบอกว่าไม่น่าจะมาสมัครงานที่นี่ได้เลย
“ถ้างั้น เดี๋ยวป้าพาเข้าไปแล้วกัน แต่เราไม่โกหกป้าแน่นะเรื่องอายุน่ะ รู้ไหมว่าถ้าเด็กต่ำกว่าอายุสิบแปดเข้ามา ร้านนี้จะต้องโดนปิด แล้วป้าก็จะต้องตกงาน” ป้าแม่บ้านอธิบายเธอ เธอแก่แล้ว หากตกงานตอนแก่ก็ไม่รู้ไปสมัครงานที่อื่นเขาจะรับไหม
คนดีพยักหน้างึกๆเป็นคำตอบ ก่อนจะหยิบบัตรประชาชนจากกระเป๋าสะพายยื่นให้ป้าแม่บ้านดูเป็นการยืนยันว่าเธออายุยี่สิบเอ็ดปีเต็มแล้ว สามารถจะทำงานหรือเข้ามาสถานบันเทิงแห่งนี้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่
ป้าแม่บ้านพาคนดีเดินมาที่หลังร้าน ก่อนจะพาเธอเข้าไปรอในห้องรับรองเล็กๆ ที่เอาไว้ใช้เป็นห้องสัมภาษณ์งาน เธอสั่งให้คนดีรออยู่ที่ห้อง โดยที่เธอจะไปตามหัวหน้ามาให้ ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ มีเพียงเก้าอี้งานวัดเก่าๆ วางระเกะระกะ กลิ่นเหม็นอับจากควันบุหรี่คละคลุ้งทั่วห้องจนต้องเอามือมาปิดจมูก คนดีไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่เท่าไรนัก แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่อดทนไปก่อน เลือกเก้าอี้สีแดงตัวที่สมบูรณ์ที่สุด หย่อนกายนั่ง ก่อนจะควักมือถือขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอ
ตอนนี้เวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้ว ปกติเวลานี้เธอต้องเข้านอนแล้วด้วย หวนคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ พลันรู้สึกน้อยใจที่หลังจากโอนเงินก้อนสุดท้ายไปให้แม่ของเธอ อีกฝ่ายกลับไม่โทรหาหรือแสดงความเป็นห่วงเธออีกเลย แต่ช่างมันเถอะ...ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาคนดีก็ไม่คิดจะอยู่บ้านหลังนั้นไปตลอดอยู่แล้ว สู้มาตายเอาดาบหน้าเสียยังดีกว่า
ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น คนดีรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะเงยหน้ามองผู้มาเยือน หญิงวัยประมาณยี่สิบปลายๆ เธอสวมสายเดี่ยวกางเกงยีนขาดเผยให้เห็นบริเวณต้นขาขาวดูเซ็กซี่ ใบหน้าสวยคมแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนาเพื่อปิดริ้วรอยของอายุ ผมยาวเต็มหลังสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนปลาย เดินเข้ามาก่อนจะหยิบเก้าอี้พลาสติกที่อยู่ใกล้มือมานั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
“หนูคนดีที่โทรหาเจ๊เมื่อตอนหัวค่ำใช่ไหม”
เปีย ควบตำแหน่ง HR และเจ้าของร้าน Popcorn bar เอ่ยถามหญิงสาว ตาเฉี่ยวสำรวจมองคนมาใหม่อย่างชั่งใจพร้อมกับก้มดูใบสมัครที่คนดีกรอกไว้
“คะ ค่ะ” รู้สึกประหม่าจนพูดตะกุกตะกัก สองมือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นรัวเหมือนกับตอนที่เธอโดนสัมภาษณ์ตอนขอทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยก็ไม่ปาน
“ยี่สิบเอ็ดจริงเหรอ” ถามย้ำด้วยความสงสัยเช่นเดียวกับป้าแม่บ้าน
เป็นอีกครั้งที่คนดีต้องหยิบบัตรประชาชนยื่นให้ดู เปียรับมาพร้อมกับก้มดูบัตรและเงยหน้ามองหน้าคนดีเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หลายครั้งที่เธอต้องปวดหัวกับคนที่มาสัมภาษณ์ หลายคนอายุไม่ถึง บ้างปลอมแปลงเอกสารเพื่อหวังมาเข้าทำงานกับเธอ สุดท้ายโดนจับได้ก็ต้องไล่ออกไปอยู่ดี
“ทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่” ยิงคำถามใส่คนตัวเล็ก เพราะดูจากรูปร่างภายนอกของคนดี เธอดูเหมือนไม่เคยเที่ยวสถานบันเทิงเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่เหมือนคนแต่งตัวไม่เป็นอีก
“หนูพึ่งออกจากบ้านมาค่ะ เลยมาหางานทำ อีกอย่างหนูไม่มีที่ไปด้วย เห็นใบสมัครบอกว่าที่นี่รับคนพร้อมกับที่พักฟรี” คนดีตอบตามตรงพร้อมกำมือตัวเองแน่น เอาจริงๆ ถ้ามีทางเลือกดีกว่านี้เธอก็คงไม่ทำ แต่ตอนนี้ทางเลือกของเธอไม่ได้มีมากนัก หญิงสาวจึงจำเป็นต้องคว้าโอกาสเอาไว้เสียก่อน
“รู้ใช่ไหมว่างานนี้คืองานอะไร” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
คนดีไม่ได้ตอบก่อนจะพยักหน้าเบาๆ งานที่เธอมาสมัครก็คือการเชียร์แขกให้ซื้อเครื่องดื่มต่อแก้ว หรือเรียกง่ายๆ ก็คือเด็กนั่งดริ๊งก์ หน้าที่ของเธอขอแค่เรียกแขกกระเป๋าหนักให้ยอมจ่ายก็เพียงพอแล้ว
แต่ความยากของงานนี้ก็คือ การที่เธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน แต่พอคิดถึงเม็ดเงินที่จะได้ ทำให้ข้อกังวลนี้ถูกปัดตกไป
“งั้นดี อย่างแรกเราถอดแว่นแล้วก็ถอดเสื้อออกให้เจ๊ดูหน่อย”
“คะ ค่ะ”
“อยากได้งานทำหรือเปล่า ถ้าอยากก็ถอดออกซะ เจ๊ไม่มีเวลามาสัมภาษณ์เราทั้งคืนหรอกนะ” เปียเอ่ยพลางเอามือกอดอกปรายตามองหญิงสาวตรงหน้า
คนดีเม้มปากแน่น เธอกำลังลังเลว่าจะทำดีไหม ทว่าตอนนี้เธอเหมือนหมาจนตรอก ไม่มีทางเลือกให้เดินมากนัก มีเพียงแต่ต้องลุยไปข้างหน้าเพื่อมองหาแสงสว่างที่ดูริบหรี่ หญิงสาวตัดสินใจปลดกระดุมออกทีละเม็ดแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อเชิ้ตด้านในออกเผยให้เห็นเนินอกใหญ่เกินตัวห่อหุ้มด้วยบราเซียร์สีขาวเด้งออกมาสู่สายตาอวดความขาวผ่อง ใบหน้าหวานแดงแปร๊ดด้วยความเขินอาย ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเปิดหน้าอกให้ใครดูมาก่อน และดูเหมือนว่าทรวดทรงของเธอจะถูกใจเจ้าของร้าน Popcorn bar อยู่ไม่น้อย
“งั้นเจ๊รับ” เจ้าของร้านสาวตอบรับด้วยความพึงพอใจ เธอดูไม่ผิดจริงๆว่าเด็กคนนี้ซ้อนรูป หากจับแต่งองค์ทรงเครื่องหน่อยขี้คร้านลูกค้าต้องต่อคิวกันเป็นพรวน
“เจ๊รับหนูแล้วใช่ไหมคะ ขอบคุณมากเลยนะคะเจ๊ หนูจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยค่ะ” คนดีพูดพร้อมกับพนมมือไหว้ฉีกยิ้มจนเห็นฟันด้วยความดีใจ ตอนนี้เธอมีที่ซุกหัวนอน มีงานให้ทำแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กคนนึง
“ใช่...ที่เจ๊รับเพราะเจ๊สงสาร อีกอย่างสภาพของเราตอนนี้คงไม่พร้อมที่จะเริ่มงานหรอก เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานแล้วกัน”
“แต่หนูไม่มีที่ไปจริงๆ นะคะเจ๊ ให้หนูนอนที่นี่ได้ไหมคะ ถ้าห้องนี้ว่างให้หนูนอนที่นี่ก็ได้” พูดอ้อนวอนขอที่ซุกหัวนอนในค่ำคืนนี้ คิดเพียงว่านอนที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องนอนข้างถนน
เปียชะงักไป พลันคิดว่าเด็กคนนี้ช่างเหมือนกับตัวเธอเสียจริงๆ ในวัยรุ่นเธอก็เคยหนีออกจากบ้าน ไม่มีที่ซุกหัวนอนจนต้องมาทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์อยู่พักใหญ่ ด้วยความสาวความสวยของเธอทำให้หนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ต่างติดเธองอมแงม ค่าทิปวันๆ หนึ่งเหยียบแสน จนเธอสามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วออกมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง
“เจ๊มีห้องอยู่ที่แฟลตใกล้ๆ ปกติต้องผ่านโปรก่อนเจ๊ถึงให้พักฟรี แต่เอาเถอะเจ๊เห็นว่าหนูไร้ที่พึ่งจริงๆ เจ๊จะยอมให้เราอยู่ไปก่อนก็ได้” เห็นใบหน้าเศร้าของเด็กสาวก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้จริงๆ
“จริงเหรอคะเจ๊ ขอบคุณนะคะเจ๊” ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับพนมมือไหว้ขอบคุณ อย่างน้อยวันนี้เธอจะมีที่ซุกหัวนอนแล้ว
“อืม งั้นเดี๋ยวเจ๊โทรบอกปันให้แล้วกัน แล้วอย่ามีปัญหากันล่ะ ถ้าเจ๊รู้ เจ๊ไม่ให้อยู่ทั้งคู่”
คนดีพยักหน้างึกๆก่อนจะเข้าไปกอดร่างบางด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะคะเจ๊ บุญคุณครั้งนี้หนูจะไม่ลืมเลยค่ะ” พูดพร้อมกับพนมมือไหว้อีกครั้ง
“เอาล่ะๆ เดี๋ยวเจ๊เอากุญแจห้องมาให้ แล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนก่อนที่พรุ่งนี้ต้องมาลุยงานจริง เข้าใจไหม”
“ค่ะ”
เจ้าของร้านสาวพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับหมุนตัวเดินออกไป ไม่นานเธอก็เอากุญแจสำรองอีกดอกมาให้คนดี ก่อนที่คนดีจะรีบเดินไปยังแฟลชที่อยู่จากร้านเพียงหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น อาคารขนาดห้าชั้น ไม่มีลิฟต์ ทุกการสัญจรใช้การเดินเท้าเท่านั้น แฟลชแห่งนี้ส่วนใหญ่คนที่มาพักก็ทำงานอยู่แถวๆ นี้ด้วยกัน ส่วนห้องที่เปียซื้อไว้ให้เด็กของเธอนั้นอยู่ชั้นสี่ทั้งชั้น
ร่างบางเคาะประตูห้องก่อนจะออกมายืนห่างๆ รอคนมาเปิดให้ ไม่นานก็มีหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับคนดีออกมาเปิดประตู เธออยู่ชุดเดรสหนังสีดำ ผมสั้น ตัวเล็ก ตาเฉี่ยว ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางหนา ท่าทางเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก สีหน้าเธอดูไม่ค่อยพอใจคนดีเท่าไหร่นัก
“คนดีใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ใช่...เธอชื่อปันใช่ไหม”
“อืม...เข้ามาสิ ฉันกำลังจะออกไปพอดี แต่ว่านะ...อย่าพึ่งมายกเค้าห้องของฉันเหมือนรูมเมทคนก่อนล่ะ ฉันขี้เกียจไปโรงพักอีก”
คำทักทายรูมเมทที่เจอกันครั้งแรกทำให้คนดีถึงกับยิ้มแห้ง ก่อนที่เธอจะถูกอีกฝ่ายเดินชนไหล่
เธอทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่านะ ถึงจะสงสัยแต่ก็ช่างมันเถอะ หญิงสาวถอนหายใจยาว ตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ร่างบางเดินเข้าไปสำรวจห้องด้านใน ภายในห้องเป็นห้องขนาดใหญ่ มีห้องนอนหนึ่งห้อง มีห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องรับแขกหนึ่งห้อง ทั้งชั้นจะเป็นห้องของเปียทั้งหมด เธอเช่าไว้ให้เด็กในร้านของเธอ ถึงจะอยู่ฟรี แต่ค่าน้ำค่าไฟจะต้องออกกันเอง ส่วนกฎเหล็กของการอยู่ร่วมกันนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการห้ามพาแขกหรือแฟนเข้ามาหลับนอนเป็นอันขาด อีกทั้งรวมถึงการทะเลาะวิวาท ซึ่งเจ้าของร้านสาวไม่อยากมีปัญหากับพวกตำรวจมากนัก ถ้าหากจับได้ ก็มีแต่เชิญออกสถานเดียว
คนดีเดินเข้าไปยังห้องนอน ซึ่งมีเตียงสองชั้นตั้งอยู่ เตียงด้านบนดูเหมือนจะว่างไร้เจ้าของเพราะไม่ให้มีการปูผ้าปูที่นอน ตัดสินใจปีนขึ้นไปล้มนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน หันมองดูนาฬิกาแขวนผนัง บ่งบอกว่าเป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนยาวนานสำหรับเธอเหลือเกิน
เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงพร้อมปล่อยน้ำใสๆ ไหลลงที่นอน งอตัวกอดตัวเอง และตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น อีกแค่ไม่กี่เดือนชีวิตของเธอก็จะดีขึ้นแล้วเชียว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้ว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะมีชีวิตที่สดใส ทำไมกันนะ ทำไมเธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ด้วย
แต่ถึงชีวิตเธอจะบัดซบเพียงใด...ยังไงซะคนดีก็ไม่มีวันที่จะละทิ้งความฝันของเธอไปอย่างแน่นอน ของเพียงโอกาส หากใครสักคนหยิบยื่นมาให้ เธอก็จะรับมันเอาไว้โดยไม่ลังเล