Home / วัยรุ่น / คลั่งรักคุณนักแข่ง / ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

Share

คลั่งรักคุณนักแข่ง
คลั่งรักคุณนักแข่ง
Author: เธียรนรา

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

last update Last Updated: 2025-07-23 11:04:44

           คุณเคยมีใครสักคน ที่สะดุดสายตาทุกครั้งตั้งแต่แรกเห็นไหมคะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความเป็นเขาก็จะยังทำให้เราสนใจได้เสมอ

            ฉันเองก็มีคนคนนั้นอยู่ในใจเหมือนกัน เรื่องมันเริ่มเมื่อปีที่แล้วในงานแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลตอนที่ฉันอยู่ปีหนึ่ง คณะวิศกรรมศาสตร์

            “แก พี่คิณหล่อเวอร์ ไม่กรี๊ดหน่อยเหรอ” ฉันหันไปมอง มน หรือกชมน ที่เขย่าแขน นิดา หรือฐานิดา พลางชี้มือชี้ไม้ไปทางรุ่นพี่ที่ยืนอยู่กลางสนาม ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของฉันมาตั้งแต่สมัยมัธยมเลยรู้ใจกัน

มาก ๆ ฉันได้แต่ถอนหายใจพลางกวาดสายตามองชายหนุ่มนักกีฬาบาสเกตบอลที่ยืนเรียงรายกันอยู่กลางสนามอย่างละลานตา

             ก็ยอมรับว่ามีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น แต่มันจะไม่มีบ้างเหรอคนที่สะดุดสายตาจนน่าจดจำน่ะ

             วันนี้เป็นนัดดุเดือดการแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างคณะแพทยศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เรียกได้ว่าสาว ๆ ค่อนมหาวิทยาลัยต้องมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ส่วนฉันน่ะเหรอ ก็โดนยายนิดาลากมาเชียร์สุดที่รักน่ะสิ

             “แกก็อีกคนเงียบเชียวยายวิ” วิ หรือเทวิกา คือชื่อของฉันเอง ฉันหันมาสบตากับมนที่ซักถามก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่สนามดังเดิม สายตาดันไปจดจ้องเข้ากับร่างกายสูงโปร่ง มีกล้ามเนื้อพอดูดีในชุดนักกีฬาสีขาวสะอาด เดาไม่ยากคณะแพทย์ฯ แน่ ๆ

             “ก็น่าสนใจดีนะ” ฉันเผยรอยยิ้มอ่อน ๆ แต่ก็ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย ผิวเนียนกระจ่างใสถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยสักรูปดอกไม้อะไรสักดอกที่ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่ที่น่าสนใจคือรอยสักที่ต้นคอนั่นเป็นลาย Dream catcher หรือตาข่ายดักฝันร้าย มันสะกดสายตาฉันเอามาก ๆ

             “เบอร์ไหนจิ้มมาสิ ฉันไม่รู้นะยะ” มนว่า

             “เบอร์สิบสอง” ทั้งนิดาและมนต่างหันขวับไปมองตามที่ฉันบอกด้วยแววตาลุกวาว อย่าจ้องกันอย่างนั้นสิเดี๋ยวเขาก็รู้ตัวหมดหรอก

             “คณะแพทย์ฯ นี่ สักได้ด้วยเหรอ” มนเอ่ยถามอย่างสงสัย

             “เพราะแบบนี้ไง ถึงได้น่าสนใจอะ” ฉันหันไปพูดกับเพื่อนสาวทั้งสอง

             “แกไม่ชอบคนพี่มีรอยสักไม่ใช่เหรอ” นิดาหันมาถามฉันด้วยความสงสัย

             “ก็ตอนแรกโฟกัสแค่หน้านี่นา”

             “สาว ๆ เขาเริ่มแข่งแล้วนะ” พี่ธิดาเดินเข้ามาหากลุ่มเราก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น แน่นอนว่ารอบข้างฉันตอนนี้มีแต่เพื่อนและรุ่นพี่คณะวิศวะฯ รายล้อมเต็มไปหมด เสียงโฮ่เชียร์ก็ย่อมต้องเชียร์ฝั่งตัวเองอยู่แล้ว แต่ฉันนั้นแอบเชียร์หนุ่มหน้าคมคนนั้นเสียมากกว่า

             ฉันหัวใจสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อหนุ่มเบอร์สิบสองเข้ามาแย่งลูกบาสฯ จากมือของพี่คิณ หนุ่มรุ่นพี่ผู้เป็นหวานใจของนิดาเพื่อนรัก ก่อนที่เขาจะโยนเข้าห่วงไปได้อย่างง่ายดายทำแต้มให้คณะแพทย์ฯ นำขึ้นมาก่อนเป็นแต้มแรก

             “ว้าว อย่างเท่อะ” ฉันเอ่ยชมออกไปทำเอาเพื่อนทั้งสองของฉันหันขวับมาทางฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

            “แกเป็นใคร คายเพื่อนฉันออกมาเดี๋ยวนี้นะ” มนว่า

            “เราเคยบอกแล้วไง คนที่ใช่ แค่มองก็รู้สึกใช่” ฉันยักคิ้วให้เพื่อนรักทั้งสองก่อนจะคลี่ยิ้มหันกลับไปมองในสนามเหมือนเดิม

            ทั้งสองทีมสู้กันอย่างสูสี ผลัดกันทำแต้มเดี๋ยวคณะวิศวะฯ นำบ้างเดี๋ยวก็คณะแพทย์ฯ นำบ้าง เอาซะคนดูแทบจะอยู่ไม่สุข แต่ในท้ายที่สุดพี่คิณก็ทำแต้มให้ทีมได้อย่างเฉียดฉิวจนคณะเราเอาชนะมาได้เรียกเสียงร้องเฮลั่นจากฝั่งกองเชียร์คณะวิศวะฯ

             แต่คนที่ดีใจอย่างเกินหน้าเกินตาก็คงจะเป็นยายนิดาที่ส่งเสียงกรี๊ดลั่นพลางกระโดดเข้ามาสวมกอดฉันและมนด้วยความดีใจเล่นทำเอาฉันตัวเกือบปลิว

            ฉันได้แต่ยกมือตีไหล่ของเพื่อนรักแปะ ๆ และคลี่ยิ้มให้ ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปทางชายหนุ่มที่อยู่ในสนาม หลังจากที่นิดาผละกอดออก ฉันก็ได้ชะโงกหน้าผ่านฝูงชนมองไปที่ชายนักศึกษาแพทย์คนนั้นอย่างชัด ๆ

            เหงื่อที่ไหลผ่านกรอบหน้าเสริมให้เขาดูดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ เจ้าตัวยกขวดน้ำขึ้นดื่มด้วยความเมื่อยล้าก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เพื่อนแล้วเดินเก็บกระเป๋าออกไป โดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาเข้ามาต่อคิวให้น้ำดื่มพลางยื่นผ้าขนหนูซับเหงื่อวิ่งไล่ตามหลังเขาไปเลยแม้แต่น้อย

             แบบนี้เรียกหยิ่งไหมนะ หรือว่าเขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิงกัน

             ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงของบาร์แห่งหนึ่งใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย บาร์แห่งนี้เป็นบาร์ของรุ่นพี่ในคณะที่จบไปเลยสั่งปิดร้านเพื่อเลี้ยงรุ่นน้องและหนึ่งในนั้นคือฉันและกลุ่มเพื่อน

             ฉันยกแก้มค็อกเทลขึ้นดื่มด่ำกับบรรยากาศพลางโยกร่างกายไปตามจังหวะเพลงเบา ๆ วันนี้ฉันอยู่ในชุดเซ็กซี่อย่างที่ไม่เคยแต่งมาก่อนแถมยังแต่งหน้าจัดเต็มโดยฝีมือของยายมน ทำเอาเวลาฉันส่องกระจกแล้วตะลึงกับตัวเอง

             ในบาร์วันนี้เต็มไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องคณะวิศวะฯ ที่พากันดื่มและออกลวดลายเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง คนในร้านต่างเบียดเสียดกันไปมาจนฉันออกห่างมาจากเพื่อน ๆ ท่ามกลางแสงไฟวิบวับและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มทำเอาฉันรีบปลีกตัวออกมาอยู่ที่ริมร้านด้วยความเบื่อหน่าย

              คนเยอะเกินไปฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร ด้วยความเซ็งฉันเลยเดินมาที่หลังร้าน ผู้คนเริ่มบางตาลงเรื่อย ๆ จนฉันมาเจอกับทางหนีไฟซึ่งเป็นทางออกไปสู่หลังร้าน ฉันเลยเปิดประตูออกไปดูเพื่อหวังจะสูดอากาศแต่กลิ่นควันบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งทำเอาฉันต้องรีบถอยหลังกลับมาตั้งหลักใหม่ทันที

              “เอาปะ ไอ้ธีร์” ฉันแอบแง้มช่องประตูออกดูเล็กน้อยเพื่อมองหาเจ้าของบทสนทนา

              “ไม่อะ กูเลิกแล้ว” คนถูกถามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

              “โธ่ว่าที่คุณหมอครับ ไม่สูบเป็นเพื่อนหน่อยเหรอ”

              “ไม่เอาว่ะ กูไม่ชอบกลิ่นบุหรี่กูไปที่เคาน์เตอร์ก่อนวันนี้ลูกค้าเยอะ” ฉันมองไปที่เจ้าของแผ่นหลังภายใต้ชุดสูทของหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่ลุกขึ้นจากการยืนพิงกำแพงในมือยื่นกระป๋องเบียร์คืนให้กับคู่สนทนา ชายหนุ่มหันหน้ามาทางประตูเผยให้เห็นโฉมหน้าหล่อของอีกฝ่าย

               นั่นมัน... นายคณะแพทย์ฯ นี่

               ฉันรีบถอยหลังกรูแล้วเอนหลังชิดกับผนังทางเดินทำเป็นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไถเล่นเพื่อให้ดูปกติก่อนที่ประตูหนีไฟจะถูกเปิดออกมาพร้อมกับเขาที่เดินเข้ามา เขาแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฉันมายืนอยู่ตรงนี้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเดินกลับเข้าไปในร้าน

               ฉันรีบมองตามแผ่นหลังนั้นไปเมื่อเห็นมามีระยะห่างพอควรแล้วก็ค่อยเดินตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ

               ชื่อธีร์ที่เองสินะ ชื่อเท่เหมือนหน้าเลยแฮะ

               ชายหนุ่มไปประจำที่เคาน์เตอร์เช่นเดิมก่อนจะถูกสาว ๆ รายล้อมรอบโต๊ะแถมสั่งเครื่องดื่มกันให้ควัก เสน่ห์แรงไม่เบาเลย

               ฉันได้แต่ถอนหายใจเมื่อไม่มีช่องว่างอะไรให้ฉันได้เข้าไปแทรก ฉันเลยกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมก่อนจะหยิบแก้วเหล้าของเพื่อนขึ้นมาดื่มด้วยความเซ็ง

               “แก้วนั้นมันเข้มนะแก” มนรีบเอื้อมมือมาห้ามแต่ก็ไม่ทันการแล้วเมื่อฉันกระดกมันเข้าปากไปจนหมด ความขมตีขึ้นมาก่อนจะร้อนผ่าวในร่างกายจนขนลุก

               “เชี่ย” ฉันอุทานออกมาเบา ๆ

               “ล่อซะหมดเลย เอานี่ล้างปากก่อน” มนรีบรินน้ำเปล่าตามให้ฉันก่อนที่ฉันจะยกดื่มอึกใหญ่ ตากลมโตกวาดสายตามองหาเพื่อนอีกคน

               “นิดากับพี่คิณหายไปไหนแล้วล่ะ”

               “กลับไปแล้ว เห็นบอกว่าไม่สบายน่ะ”

               “เมื่อกี้ก็ยังปกติดีอยู่เลยนี่” ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะยังไงพี่คิณแฟนของยายนิดาก็คงจะดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เวลาผ่านไปในขณะที่มนเริ่มเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ฉันก็เริ่มซึมเสียจนร่างกายเกือบจะไหลลงไปกองบนพื้น

               ในหัวของฉันมันหนักอึ้งเสียจนยกไม่ขึ้นได้แต่เอนลงซบบนแขนที่วางบนโต๊ะสูงแล้วปิดเปลือกตาลงเพียงชั่วครู่ เสียงดนตรีที่ดังเข้ามาในหัวเริ่มหรี่เสียงเบาลงจนน่าประหลาด รู้ตัวอีกทีมันก็ดับไปตอนไหนก็ไม่รู้

                “น้องครับ น้องครับ” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนมองซ้ายมองขวาพบกับความว่างเปล่า ในร้านเปิดไฟสว่างจ้ายิ่งตอกย้ำว่าในร้านไม่เหลือใครแล้ว

                “ร้านปิดแล้วเหรอคะ” ฉันหันไปถามกับพี่พนักงานที่เข้ามาปลุก

                “ครับน้อง คนเขากลับกันหมดแล้ว แล้วน้องกลับยังไงครับเนี่ย”

                “กลับหมดแล้วเหรอคะ” ฉันถามด้วยความตระหนก

                “ครับ”

                แล้วยายมนแกหายไปไหนของแกเนี่ย

               ฉันได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกร้านอย่างโซซัดโซเซ ในหัวปวดตึบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ หน้าร้านมืดสนิทไร้รถสักคันผ่านไปมา ทำเลที่ตั้งของร้านอยู่ในซอยเปลี่ยวถ้าไม่มีรถก็คงจะมาลำบาก แต่ตอนฉันมาฉันติดรถของรุ่นพี่ในคณะมาแต่ตอนขากลับเนี่ยสิ

               พี่พนักงานบอกว่าข้างหน้าซอยโบกรถแท็กซี่ได้ แต่ในเวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแบบนี้ ข้างทางก็มืดสนิท ใครจะกล้าเดินไป

               “กลับยังไงล่ะ” ฉันหันไปตามน้ำเสียงทุ้มของใครบางคนก่อนที่ใจจะสั่นระรัวเพราะชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคร่อมมอเตอร์ไซค์เข้ามาขนาบข้างเธอแถมยังดึงม่านกันลมที่หมวกกันน็อกขึ้นแล้วทอดสายตามาที่เธอ

               “ว่าจะเดินไปหน้าปากซอยแล้วโบกแท็กซี่เอาค่ะ”

               “คนเดียวเหรอ”

              “ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบ

              “เวลานี้ซอยมันเปลี่ยว แท็กซี่ก็ไม่ค่อยมี จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปส่ง” ฉันกำโทรศัพท์มือถือของตัวเองไว้แน่นเพื่อข่มความตื่นเต้น

              “นายพอจะมีโรงแรมแถวนี้แนะนำหรือเปล่า เรากลับหอในไม่ทันอะ” ฉันคลี่ยิ้มเจื่อนส่งไปให้ชายหนุ่มเพื่อเรียกความสงสาร

              “แถวนี้เหรอ” ชายหนุ่มมีท่าทีครุ่นคิด “มีแต่ม่านรูดอะดิ นอนก่อนได้ใช่ไหม”

              ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังอึกก่อนจะหยักหน้าอย่างช้า ๆ

              “แค่อาศัยนอนคืนเดียวก็คงจะไม่เป็นไรละมั้งคะ”

              “งั้นขึ้นรถมาสิ” ธีร์ยื่นหมวกกันน็อกส่งมาให้ฉัน ฉันรับมันมาก่อนที่จะสวมมันเข้าที่หัวแล้วเกาะบ่าของอีกฝ่ายปีนขึ้นไปซ้อนท้าย

              “ขอบใจนะ”

              “เกาะดี ๆ ล่ะ” ฉันมองซ้ายมองขวาหาที่ยึดเกาะอย่างงุนงง

              “เกาะไหล่ผมไว้ก็ได้”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 2 เพื่อนเจ้าสาว

    ตั้งแต่งานหมั้นฉันก็ผันตัวมาเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว จะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่องานมีปัญหาแล้วทำงานอยู่ที่บ้านแทนเพราะจะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่ธีร์มากขึ้น ใช้ชีวิตแบบนี้มาเป็นเวลาเกือบจะเข้าปีที่สาม “กลับบ้านแล้วเหรอคะ” วันนี้พี่ธีร์เลิกเวรค่อนข้างดึก ฉันนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านของพี่ธีร์เพื่อรอให้แฟนหนุ่มกลับบ้าน พ่อให้พี่ธีร์มาประจำการที่คลินิกใหญ่ในกรุงเทพฯ พวกเราเลยได้ใช้เวลาร่วมกันบ้างเวลาที่พี่ธีร์เลิกงาน “อื้อ นั่งรอพี่เหรอ” “ค่ะ พี่ธีร์ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวหนูอุ่นกับข้าวให้นะ” “ครับ แต่วิต้องทานเป็นเพื่อนพี่นะ” “อื้อ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปอุ่นอาหารในห้องครับโดยมีพี่ธีร์เดินตามเข้ามาเพื่อช่วยก่อนที่พวกเราจะมานั่งทานอาหารที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยกัน “วันนี้ที่คลินิกเป็นยังไงบ้างคะ” ฉันเอ่ยถามระหว่างที่เรานั่งทานอาหารด้วยกัน “วันนี้คนไข้เยอะเป็นพิเศษเลย เป็นช่วงวันหยุดด้วย ยิ่งเยอะไปใหญ่” พี่ธีร์ถอนหายใจเพื่อไล่ความเมื่อยล้าแล้วตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนพิเศษที่ 1 ลูกเขยคนโปรด

    เวลาผ่านมาเนิ่นนานหลังจากที่เราทั้งสองตกลงคบกัน นี่ก็ปามาปีที่สี่ของการคบกัน ฉันเรียนจบก่อนพี่ธีร์จนออกมาทำงานในบริษัทในเครือของพ่อ ส่วนพี่ธีร์ที่เพิ่งจบออกมาได้หมาด ๆ ก็ต้องไปทำงานเพื่อใช้ทุนตามข้อตกลงที่ต้องไปประจำการที่โรงพยาบาลตามต่างจังหวัด เรามีโอกาสได้เจอกันน้อยลง ถึงแม้แต่จะติดต่อกันไม่ขาด แต่ยอมรับเลยว่าฉันคิดถึงพี่เขาเอามาก ๆจนในที่สุดเวลาเราก็ตรงกัน ไหน ๆ เราก็คิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วฉันเลยคิดว่าถึงโอกาสแล้วที่พ่อกับแม่จะต้องได้เจอกับพี่ธีร์สักที แม้ที่ผ่านมาพวกท่านจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ธีร์แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที “พี่โอเคหรือยัง” พี่ธีร์เอ่ยถามฉันเป็นรอบที่สิบของวันนี้ ชายหนุ่มแสดงอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ฉันเอื้อมมือไปจัดผมของคนพี่ที่ยุ่งเหยิงเพราะหมวกกันน็อก “ดูดีแล้วค่ะ เข้าบ้านกัน” ฉันสิ่งยิ้มหวานให้อีกคนได้ผ่อนคลายก่อนจะจูงมือพี่ธีร์เดินเข้ามาในตัวบ้าน คุณแม่กำลังจัดโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมรอต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน แต่ก่อนแม่ก็ไม่โอเคนักที่ฉันไม่ได้ชอบพี่รันเวย์คนที่

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 25 The End (NC ส่งท้าย)

    เราทั้งสองนัวเนียกันอยู่ในเต็นท์ ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อคิดถึงบรรยากาศรอบข้างที่เป็นป่าตีนภูเขายิ่งทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ฉันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน “พี่ธีร์คะตรงนี้จะดีจริง ๆ เหรอ หนูรู้สึกแปลก ๆ” ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมจนลามมาถึงใบหู ในใจสั่นระรัวราวกับว่าเลือดลมกำลังสูบฉีดเป็นอย่างดี “ตื่นเต้นดีใช่ไหมครับ” พี่ธีร์ไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในฉันเองก็ทนไม่ไหวแล้วเลยถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดเกลี้ยง ความมืดในเต็นท์ไม่ได้เป็นอุปสรรคของพวกเราเลย แต่ความแคบเนี่ยสิที่เป็นอุปสรรค “ระวังเต็นท์สั่นนะคะ” ฉันแอบเห็นชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากก่อนจะเข้ามาคลอเคลียที่ลำคอขบเม้มเล็กน้อยแล้วไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาวไร้อาภรณ์ปิดบัง จังหวะของหัวใจฉันเต้นถี่กระชั้นเสียจนเหมือนจะระเบิดออกมา ลมหายใจที่รินลดบนผิวหนังของฉันย้ำเตือนว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยอดอกของฉันถูกครอบครองด้วยลิ้นอุ่นก่อนที่สติของฉันมันจะเริ่มขาวโพลนไปหมด ไม่มีอะไรเลยน

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 24 แคมปิง

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างจนแยงตา ดวงตาเคลื่อนไปมองบานหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้รับลมเพราเมื่อคืนไฟดับจนไม่มีพัดลมคอยเปิดเพื่อระบายความร้อน ฉันยันตัวเองขึ้นมานั่งพลางบิดขี้เกียจจากอาการเมื่อยล้า ความโล่งประหลาดทำเอาฉันต้องก้มหน้ามองเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าของตัวเองแล้วหน้าแดงแจ่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทีตอนทำไม่รู้จักอายยายวิเอ๊ย ฉันยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกาย พี่ธีร์นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินตรงไปอาบน้ำ หลังจากที่ทำร่างกายให้สดชื่นแล้วฉันก็เดินลงบันไดมาที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกดู ในตู้เย็นโล่งโจ้งมีเพียงแผงไข่ไก่ อยากซื้อของมาเติมจัง ไม่เป็นไรทำไปก่อนแล้วกัน ฉันหยิบแผงไข่ไก่ออกมาก่อนจะเริ่มทำอาหารเช้าทันที เห็นอย่างนี้ฉันก็ทำอาหารเป็นนะ สกิลเด็กหอไง ผ่านไปสักพักหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเก้าเหยียบลงมาจากบันไดก่อนที่พี่ธีร์จะเดินเข้ามาในห้องครัว “ทำไรกินเหรอ” พี่ธีร์เดินงัวเง

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 23 ไฟดับ NC

    วันนี้เพื่อน ๆ ของฉันชวนมาเที่ยวส่งท้ายเทอมที่ผับของรุ่นพี่ในคณะที่จบไปแล้ว ซึ่งก็เป็นผับเดียวกันกับที่ที่พี่ธีร์ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี่ ฉันเลยถือโอกาสมาเช็กซะเลยว่าพี่ธีร์ของฉันจะฮอตสักแค่ไหน “รับอะไรดีครับคุณลูกค้า” พี่ธีร์ส่งยิ้มพราวเสน่ห์มาให้ฉันที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของเคาน์เตอร์ แพรวพราวชะมัด “มาตินีหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนที่พี่ธีร์จะหันไปจัดตามที่ฉันบอก ฉันทอดสายตามองชายหนุ่มด้วยความชื่นชม คนอะไรครบเครื่องชะมัด ฉันเดินมาตามทางเดินที่มีแสงไฟหลากสีสาดส่องไปมาเพื่อมุ่งตรงไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ผู้คนไม่ค่อยหนาตาเท่าไรเลยไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านไปมาชวนปวดหัว แต่แล้วก็มีแรงกระชากที่ข้อมือก่อนจะดันให้ฉันติดกำแพง “พี่รันเวย์” ฉันเรียกชื่อของอีกคนเสียงตื่น แต่คนพี่ก็ยกนิ้วขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากของฉันไว้เพื่อบอกใหฉันเงียบลง “น้องวิ พี่วานอะไรหน่อยได้ไหม” พี่รันเวย์มองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่าง “ช่วยแกล้งเป็นแฟนพี่ทีได้ไหม” “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันรีบดันให้

  • คลั่งรักคุณนักแข่ง    ตอนที่ 22 อาหารมื้อที่ดีที่สุด

    “หงอยเลยอะดิ พี่ธีร์ไปค่ายแค่สามวัน นั่งหงอยเหมือนไม่เคยตัวห่างกันเลยเนอะ” นิดาเอ่นแซวเมื่อเห็นว่าฉันนั่งเขี่ยข้าวในจานด้วยความเบื่อหน่าย พี่ธีร์ไปค่ายอาสากับทางคณะตั้งสามวันแล้ว ขึ้นไปบนเขาไม่มีสัญญาณติดต่อกลับมาก็ไม่ได้ “แผลเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ฉันบ่นพึมพำกับสองเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “สติค่ะสาวค่ายคณะแพทย์ฯ แปลว่าอะไรคะ แปลว่ามีหมอเต็มไปหมดค่ะ ยิ่งกว่าแขกวีไอพีอีกนะ หมอล้อมขนาดนั้นอะ” มนตอกย้ำสติหลุดลอยของฉันให้กลับคืนมา “จริงด้วย พี่ธีร์เรียนหมอนี่” “แกลืมไปแล้วเหรอว่าแฟนแกเป็นนักศึกษาแพทย์ แล้วแกลืมไปหรือเปล่าว่าแกเรียนวิศวะฯ ไม่ใช่พยาบาล เก่งจังนะดูแลผู้ชายเนี่ย” นิดาเข้ามาซ้ำเติมเพิ่มอีกคน “แล้วเวลาแฟนแกป่วยแกไม่อยากดูแลหรือไง ขนาดพี่คิณเมื่อยยังไปนวดให้เลย แกเป็นหมอนวดเหรอ” “เจ็บแสบมาก รู้เลยว่าได้ความปากแจ๋วมาจากใคร” นิดายกมือขึ้นทาบอกตัวเองก่อนจะแอบชำเรืองหางตามามองทางมนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับเธอ “นี่ยายวิ พี่ธีร์เขากลับเย็นนี้ไม่ใช่เหรอ ยิ้มหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status