‘ถ้าลูบเกียร์แล้วจะได้เป็นเมียวิศวะ แล้วถ้าหนูลูบเฮียละคะจะเป็นเมียเฮียได้อะเปล่า!!!’ เมื่ออยากลูบเกียร์ตั้งใจฝากตัวเป็นเมียวิศวะ แต่พลาดท่าตกหลุกลึก พร้อมอุทานว่าเหี้ย...ฉันก็ได้เป็นเมียพี่เขาสมใจ
View Moreถ้าการตื้อคือกีฬา...ฉันคงได้แชมป์โอลิมปิก... เพราะอะไรน่ะเหรอ...ฮึฮึ...ฟังนี่นะ~
ฉันชื่อพริกแกงหรือพระนามเต็มคือพิรัญญา พิมลพรรณ ลูกสาวคนสวยของคุณนายงามพริ้ง พิมลพรรณ เจ้าของร้านขายข้าวแกงและอาหารตามสั่งที่รสชาติเด็ดสุดในย่านมหาวิทยาลัย XX
แต่บอกเลยว่าร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่ข้าวแกง พริกแกงคนสวยก็เด็ดไม่แพ้กัน ฮิ้ววววว~
อวยยศเก้าพุ่มเงินเก้าพุ่มทองให้ตัวเองหนึ่งกรุบ
และที่สำคัญแม่ฉันได้ทำการเช่าผูกขาดร้านกึ่งฟู้ดคอร์ตในคอนโดสุดหรูหราหมาเห่าอีกด้วย ฉันไม่รู้ว่าแม่ฉันไปเป็นกิ๊กกับนิติคอนโดนี้หรือเปล่า ถึงได้มาง่าย ๆ
นั่นยังเป็นความลับของคุณนายงามพริ้งคนสวยอยู่ดี
แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปเมื่อฉันได้พบกับใครคนหนึ่งเข้าล่ะ
ไม่รู้โลกกลมหรือพรหมลิขิตบันดาลชักพาดลให้ฉันได้พบกับรุ่นพี่ในโรงเรียนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่เรียนม. 1 ตอนนั้นเขาอยู่ม.3 ฉันเป็นเด็กกะโปโลใส ๆ เอาดอกไม้ไปให้เขาตอนวันวาเลนไทน์ ที่สาว ๆ นิยมให้ดอกกุหลาบกับคนหล่อ ๆ กัน
และฉันด้วย...แต่ทว่าขนาดช่อที่มันเอ่อ...ค่อนข้างใหญ่ไปนิดนึงนั้นทำให้ชื่อเสียงเรื่องการทุ่มเทให้ผู้ชายของฉันดังขจรขจายไปทั่ว เพราะผู้สนับสนุนหลักก็คือคุณนายงามพริ้ง ที่อยากให้ลูกสาวมีความสุขนั่นเอง
เรื่องสปอยลูกยกให้นางที่หนึ่ง!
‘ทำอะไรก็ทำ...จะเอาใหญ่แค่ไหนก็สั่ง เดี๋ยวเขาจะหาว่าแม่ค้าขายข้าวแกงอย่างฉันเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้’
นั่นแหละแม่ฉัน ผู้สนับสนุนให้ฉันมีสามีตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย...แฮ่ ๆ ล้อเล่น
แต่เพราะฉันกับแม่นิสัยวัยรุ่นเหมือนกัน ต่อให้อายุห่างกันแต่แม่ฉันไม่ยอมแก่เลย พร้อมกับแต่งตัวเป็นเพื่อนลูกด้วยซ้ำ
แต่เหมือนสวรรค์ยังไม่เห็นใจ ทำให้ช่อดอกไม้ช่อโตที่ถือมานั้นโดนลูกบอลอัดมันกระเด็นติดกำแพง
‘ให้ตายเถอะ...ฉันมาเดินทำไมอยู่แถวสนามฟุตบอลกันนะ’
ดอกไม้ช่อสวยในสภาพที่ดูไม่ได้จึงไม่ได้ส่งถึงมือรุ่นพี่คนนั้น และจากนั้นฉันก็ไม่มีโอกาสอีกเลยเพราะแม่ของฉันย้ายที่อยู่ด้วยปัญหาเรื่องการเช่าที่ทำมาหากิน ทำให้ต้องย้ายโรงเรียนตามไปด้วย
โคตรน้ำเน่า...เฮ้อ...น่าเศร้า!
แต่ยังไม่โจ้บบบบ....ใจเย็นท่านผู้ชมเรื่องมันยังมีต่อ เมื่อคอนโดที่สร้างใหม่ได้จัดสร้างคอมมูนิตี้ที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆ กับฟู้ดคอร์ต คุณนายงามพริ้งผู้มีรสมือระดับซังกงจากห้องเครื่องหลวงที่แดจังกิมยังต้องคารวะ ยื่นเรฟอาหารปิ่นโตชุดใหญ่ไฟกะพริบพร้อมกับยื่นซองประมูลได้มา และนั่นทำให้วาสนาด้ายแดงทำงานอีกครั้งหลังจากมันห่างกันไปนาน 5 ปีเต็ม
เรื่องนี้ว่าไม่ได้นะ...หากใช่คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกัน และตอนนี้คนที่ฉันชอบก็มาฝากท้องกับร้านของแม่ฉันทุกวัน จนพี่ ๆ เขาอยู่ปีสามกันแล้ว และฉันก็อยู่ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แค่อยู่คณะศิลปะศาสตร์ เอกอังกฤษ ที่มีเพื่อนร่วมหวีดผู้ชายวิศวะด้วยกันอีกสองชีวิต คือนังลูกฟูกลูกเจ้าของโรงงานกระดาษ กับนังจูเน่ลูกเจ้าของเครื่องดื่มเจ้าดังที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ
ด้วยความแน่วแน่อยากจะเป็นเมียวิศวะ...ภารกิจลับในการลูบเกียร์จึงบังเกิดขึ้น
คืนวันจันทร์พระจันทร์เต็มดวงเขาว่าแรง!
ลานเกียร์คณะวิศวกรรมศาสตร์เวลาห้าทุ่มห้าสิบเพราะหมอดูบอกว่าต้องเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ ๆ จะขลังมากเป็นพิเศษและพวกฉันสามสาวสวยคณะศิลปะศาสตร์โดดกิจกรรมรับน้องและเดินเตร็ดเตร่อยู่ในมหาวิทยาลัยจนกระทั่งถึงตอนนี้
ตอนที่บอกว่าของแรง เสน่ห์เมตตามหานิยม
ลูบเกียร์ครั้งนี้อีพริกต้องได้ผู้ ลูบเกียร์ครั้งนี้อีพริกจะต้องได้นั่งเฟอร์รารี ลูบเกียร์ครั้งนี้อีพริกต้องกินเฮียปัณณ์!
ฉันภาวนาในใจ
“อีพริก...มึงจำได้ใช่ไหม~ หมอดูบอกว่าเดินลูบชื่อคณะจนไปถึงเกียร์แล้วก็วนสามรอบร่อนเอวไปด้วยแล้วท่องชื่อคนที่อยากได้เป็นผัว”
นี่คือเสียงนังจูเน่ที่ชอบให้เกียรติเรียกสเตจเนมที่เพิ่ม ‘อี’ เข้าไป และไม่เข้าใจพริกแกงก็สองพยาง แต่ว่าเพื่อนชอบเรียกอีพริกมากกว่าพริกแกง ดูจิก ๆ ยังไงก็ไม่รู้
แม่ฉันยังไม่เรียกอีเลยพวกมันจะรู้ไหม๊...ให้ตายสิเพื่อนรักเพื่อนชั่ว
“เออ...รู้แล้วน่า...กูกำลังตั้งสติคำแรกกูจะเอ่ยชื่อพี่ปัณณ์ ปัณณธร วรานันท์โอเคนะ”
ฉันหันไปบอกเพื่อนพลางท่องในใจ ส่วนเพื่อน ๆ นั้นดูต้นทางเผื่อคุณลุงรปภ. จะมาขับไสไล่ส่งเพราะว่ามาทำ ลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ตึกคณะวิศวะและท่าทางไม่น่าไว้ใจ
“เออ...เร็ว ๆ เข้ายุงกัดกู...กูก็ไม่รู้ว่ามึงชอบคนเลว รู้อยู่พวกวิศวะมีแต่ถ่อย ๆ เถื่อน ๆ ทั้งนั้นก็อยากจะได้เป็นผัว ส่วนกูขอมองหมอหล่อ ๆ สะอาด ๆ ดีกว่า”
นั่นคือลูกฟูก อีลูกคุณหนูคือฉายา และไม่ได้มาด้วยโชคช่วยมันคือคุณหนูจริง ๆ แม้ต่อหน้าแม่จะเรียบร้อย แต่บอกเลยว่าตอนอยู่กับพวกฉันก็แรดไม่ต่างจากฉันสักนิด ที่สำคัญมีคอนโดอยู่ตึกเดียวกับร้านข้าวแกงของแม่ฉันด้วย
เรียกได้ว่าตัวแม่...ตัวมัม...ตัวมารดา...ตัวให้นมบุตรมาก สวย รวยครบ
“ถ้ามึงได้เห็นตอนเขากระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วงก้นเนียน ๆ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อน่าลูบกับท่อนใหญ่ ๆ ขนาด 56 มึงจะเปลี่ยนใจ”
ฉันอวดสรรพคุณผู้ชายที่กล้ามบึกบักใหญ่โตทันที
“ขอบาย...สาบานต่อหน้าเกียร์เลยกูจะไม่เอาวิศวะทำผัว”
ฮึ ๆ...พวกสาบานแบบนี้ สุดท้ายก็เห็นได้กันอยู่ดี แต่เรื่องนั้นฉันจะไม่โต้เถียงใด ๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้สวรรค์ลงโทษคนปากไม่ดีอย่างนังลูกฟูกด้วยตัวเองเถอะ
ตอนนี้สิ่งเดียวที่จะโฟกัสคือลูบเกียร์แล้วก็ท่องชื่อคนที่ฉันจะไปเป็นเมียให้ขึ้นใจ ก่อนจะดูเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่เที่ยงคืนวันจันทร์ในคืนจันทร์เต็มดวงที่ปีนี้มีแค่วันเดียว และต้องรออีกสี่ปีจึงจะเวียนมาอีกครั้ง
ซึ่งอีพริกแกงรอขนาดนั้นไม่ได้
5 4 3 2 1
เวลาถอยหลังเข้าสู่ฤกษ์เสน่หาแล้วพริกแกงก็ไม่รอช้าเดินลูบป้ายคณะวิศวกรรมอย่างรวดเร็ว ก่อนเวลาจะเคลื่อนเลยไปยังเที่ยงคืนหนึ่งนาทีต้องทำให้เสร็จ แต่เมื่อถึงตรงรูปเกียร์เท่านั้นแหละ ใจของอีพริกแกงเต้นกระหน่ำยิ่งกว่ากลองชุดตอนเล่นเพลงร็อกท่อนโซโล
จากนั้นขาขาว ๆ สวมด้วยรองเท้าผ้าใบก็ก้าวเข้าไปก่อนจะตกหลุมลึก
ใช่...หลุมลึกเลย...ไม่ใช่หลุมรัก
พรวด โครม~
เหี้ย~
แค่ก แค่ก แค่ก!!!
ฉันสำลักน้ำในบ่อน้ำและใช่มันใสจนฉันไม่เห็นอะไรเลย
“เฮ้ย...อีพริกมึงร้องเหี้ยทำไมก่อน บอกให้ท่องชื่อผัว เดี๋ยวก็ได้ผัวเป็นเหี้ยหรอก” อีจูเน่ ที่ยังมองด้านหน้าแต่ทว่าปากด่าฉันฉอด ๆ โดยไม่หันมาดูเลยว่าเพื่อนมันสำลักน้ำในบ่อน้ำตรงรอบป้ายเกียร์แล้ว
“พวกมึงมานี่”
สองเพื่อนซี้ปึ๊กเดินเข้ามาพร้อมกับเห็นสภาพฉันจากนั้นมันก็หัวเราะจนกลิ้งอยู่ที่ลานเกียร์
เหี้ยจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อนนะ ชีวิตฉันเนี่ยเหี้ยมาก
“มึงลงไปนอนเล่นทำอะไรในนั้น” จูเน่ถามไปหัวเราะไปแล้วแทนที่จะช่วยกลับปล่อยให้ฉันอยู่ในบ่อน้ำ
“มึงเห็นบ่อน้ำตรงใต้เกียร์ไหม”
“เห็น” สองคนตอบพร้อมกัน
“เออ...กูไม่เห็น”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า....นอกจากมันจะไม่ขยับลุกขึ้นมาจากพื้นที่กำลังนอนขำกลิ้งแล้ว มันยังยกมือถือขึ้นมาถ่าย
“จูเน่...ลูกฟูก...ช่วยกูก๊อนนนน”
นั่นคือเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่สุดแสนอนาถใจของฉันตอนที่ตั้งใจมาลูบลานเกียร์ขอฝากตัวเป็นเมียวิศวะ
Rip
ขอยืนไว้อาลัยให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเองหนึ่งนาทีค่ะ
นี่แค่เกริ่นนะ...เดี๋ยวไปชมกันต่อว่าที่บอกว่า * ถ้าการตื้อคือกีฬา...ฉันคงได้แชมป์โอลิมปิก...* มันคือยังไง
ฉันถูกเฮียขโมยไปนอนบ้านข้าง ๆ บ่อย ๆ แม้ไอ้สองแฝดตัวแสบจะชอบกวนก็เถอะ แต่พวกมันก็ยอมให้เฮียพาน้องสาวของพวกมันไปได้ แม้ว่าจะยอมปล่อยแต่ละวันก็ไม่ง่าย พวกเราเอนจอยกันมากขึ้น บ้านนั้นไม่มาวุ่นวาย แม่มีความสุขมาก และกิจการของแม่ดูจะใหญ่โตไม่เบาเลยทีเดียวจากที่แม่ของเฮียช่วยโพรโมต ทั้งเลือกจัดเลี้ยงเป็นเซตปิ่นโตในงามสัมมนาบริษัท และงานต่าง ๆ ที่จัดในห้าง ส่วนเรื่องวารีมุกดาฉันไม่อยากรื้อฟื้น แต่รู้ข่าวมาว่าเลือกจะลาออกจากมหาวิทยาลัยออกไป เพราะว่าพี่ปุณณ์ไม่ยอมจบแค่ตกลงกัน หลังรู้ว่ายาที่ใช้กับเฮียอันตรายมาก ถึงขนาดล้มช้างหากเฮียเป็นอะไรไปก็ไม่อาจจะเรียกคืนกลับมาได้ ฉันเองก็ไม่ออกความคิดเห็นก็แล้วกัน ถือว่าเขาก็ได้บทเรียนจากสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ฉันนั่งยิ้มให้กับความวุ่นวายในบ้าน จนคิดว่าบางทีความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่มีเงินเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าพวกเราได้อยู่กับใครยิ่งเวลาอาหารเย็นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ พี่รินเองก็มาช่วยแม่ทำกับข้าว ฉันที่หายดีแล้วก็ช่วยด้วย และกลับมากินอาหารอร่อยขึ้น แถมน้ำหนักเริ่มขึ้นจนแก้มป่องและหลายครั้งไอ้แฝดนรกที่ทำตัวเป็นพี่ชายหว
“เฮียพูดจริง พริกทำหน้าได้ยั่วมาก จนอยากกดให้ลึกสุดลำ” โอ๊ย เสียวทั้งท้องน้อยบอกเลย เฮียทำไมแซ่บแบบนี้ “ปะ...เปล่านะเฮีย...อย่ามาใส่ร้าย...อะ...โอ๊ย” “นี่ยั่วอยู่ อยากให้เห็นจริง ๆ” ฉันก็อยากเห็นหน้าตัวเองตอนทำหน้ายั่วเฮียเหมือนกันว่าเป็นยังไง มันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แต่ตอนที่เฮียยั่วฉันน่ะ มันยิ่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรือไง สองมือของเฮียปล่อยมือออกจากมือของฉันแล้วสอดเข้าไปใต้สะโพกแล้วขยำหนัก ๆ จนฉันสะดุ้ง ขณะที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของเฮียก็ดูดที่หน้าอกอวบแล้วก็ดึงเบา ๆ ทำให้ฉันรู้สึกวาบไปทั้งอก ปลายยอดอกตอนนี้ชาหนึบเพราะฝีมืออีกคนไปแล้ว “เฮีย...พริก...พริกเสียว” “ใจเย็น ๆ ...น้ำยังออกน้อย” คำว่าน้ำยังออกน้อยทำให้ฉันนึกถึงตอนที่จีบเฮีย แรก ๆ บอกว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินจะกร่อนเอง แต่ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นหินหยดลงน้ำไปแล้ว แต่คิดฟุ้งซานได้ชั่วครู่ เฮียก็ดึงสติฉันกลับมาด้วยการขยำหน้าอกของฉันแรง ๆ “เฮียเจ็บอย่าบีบแรง” “หน้าอกก็ใหญ่ เมียวัวพันธุ์ดีจนเฮียอยากกินนมทุกวัน แต่ก้าง
“ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้หัวใจแข็งแรงนะครับ” คุณหมอเจ้าของไข้บอก พร้อมกับยิ้มให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้คุณหมอเพื่อจะลากลับ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ” “ผมมีครับ...แล้วสามารถทำเรื่องบนเตียงได้ไหมครับ” เฮียยยย~ “ทำได้ครับ...เรื่องนี้ก็เหมือนได้ออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะครับ แต่อย่าหักโหม อย่านอนดึก” หมอพูดยิ้ม ๆ จนฉันรู้สึกเขินแล้ว จากนั้นเอามือบิดที่สีข้างคนหื่น “กลับได้แล้วแม่รอกินข้าวเย็น” ฉันว่าก่อนจะลุกขึ้น ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนจนแทบควบคุมไม่ไหว ถ้ามาเจอหมออีกหนฉันคงเขินตัวแตก แต่คนหน้าด้านกว่าฉันกลับยิ้มเบิกบานใจ “รับยาแล้วกลับกัน” “เฮีย...พริกว่าจะแวะ...” “แวะคอนโดเฮียก่อน” เฮียทำเสียงเข้ม แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกไปเชือดชอบกล ยิ่งเห็นกล่องสีเงิน ๆ คุ้น ๆ คล้ายมีขายตามร้านสะดวกหรือในห้าง ที่บอกขนาด 56 ทำเอาฉันต้องหลบตาหนี ให้ตายสิ! เมื่อมาถึงคอนโดของเฮียที่ไม่ได้มานานแล้วเพราะย้ายไปอยู่บ้าน ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ นิดหน่อย จากนั้นเมื่อลิฟต์เปิดออก
“งั้นวันนี้เราไปเปลี่ยนนามสกุลตอนบ่ายเลย กูประสาทแดกแน่ถ้าแม่งให้กูกลับไปอีก” ไอ้แฝดทิวเขาพูด “มาใช้นามสกุลฉันสิ...คืนนามสกุลเขาไป จะได้ไม่มายุ่งอีก น่ากลัวเหมือนกัน” พวกเราที่ยื่นหน้าไปดูที่หน้าต่างจากหลังโซฟาปรึกษาหารือกัน ส่วนแม่กับพี่หมอเมฆเดินออกไปด้านนอกเหมือนไม่กลัวอะไรเลย “นี่แฝดนรก...เขาจะทำร้ายแม่ฉันเปล่า” “ไม่น่าจะกล้านะ...จากที่รู้มา” พวกมันรู้อะไรกันมาวะ ทำไมฉันไม่รู้ บางทีก็ไม่ต้องปิดฉันก็ได้ ฉันรับได้หมดนั่นแหละ “แล้วผู้ชายคนนั้น” ฉันเลิกคิ้วถาม “ก็คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อน่ะสิ” “กล้ามาก...ฉันไม่ค่อยอยากเจอเลย แม่จะชวนเข้าบ้านทำไมวะ” ฉันบ่นแต่สุดท้ายก็ต้องไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่มีกับข้าวพร้อมแล้วเหลือตักข้าว ส่วนฉันให้ไอ้สองแฝดประกบ กับเฮียที่เดินมาพอดีเลยนั่งข้างฉันด้วย ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเฮียเอาไว้ ราวกับจะหาหลักยึด “พริก...นี่คุณเมธีวัฒน์...พ่อของ...” “อ้อ...สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทันทีไม่ทันให้แม่แนะนำตัวจนจบ แล้วไม่สนใจทั้งลงมือกินข้าวก่อน และกระทุ้งไอ้เจ้า
เมื่อเข้าใจกันดี พวกเราก็ฉลองวันที่อยู่กันพร้อมหน้าด้วยหมูกระทะรสเด็ด ที่ฉันอยากได้สูตรแม่ไปเปิดจะตาย แต่แม่ไม่ให้เพราะมันเหนื่อย ที่สำคัญแม่ดันได้ลูกชายเพิ่ม ลูกชายที่ทำให้ฉันปวดประสาท“ไอ้แฝดนรก...นี่หมึกของฉัน”“ใครไวใครได้”ย้อนเวลากลับไปได้ไหม ฉันจะไม่ชวนไอ้แฝดเวรที่สถาปนาว่าเป็นพี่ชายของฉัน ที่ไม่ค่อยอยากรับเท่าไรกลับมาบ้าน“ฉันเป็นลูกคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว...ใครก็ได้บอกทีนี่เรื่องล้อกันเล่น และไอ้แฝดเวรนรกนี่ไม่ใช่พี่ชายฉันนนน”เสียงโวยวายของฉันดันเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน นอกจากแย่งของอร่อยบนเตาหมูกระทะแล้ว พวกมันยังแย่งที่นอนฉัน แต่เรื่องนั้นมันยอมกันไม่ได้“พวกนายมาขลุกอยู่นี่ทุกวัน ได้ข่าวว่าแพทย์ต้องเรียนหนัก และอ่านหนังสือหนักไม่ใช่หรือไง พวกนายทำไมลอยไปลอยมา ทำเหมือนหมอปลามือปราบสัมภเวสีล่ะ”“อ่านทำไมพวกเราเก่ง”เออ...ยอม...ยอมแล้ว บางทีก็น้อยใจแม่ที่เอาความฉลาดยกให้พี่หมอเมฆหมด เหลือแต่ความปากดีกับสมองน้อย ๆ ไว้ให้ให้ตายเถอะ“ติดเอฟแล้วจะขำให้”“ไม่เอฟหรอก...คราวก่อนเขียนเล่น ๆ ได้คะแนนเต็มเฉย”นี่ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อวัดไร่ขิงจะเป็นใครได้อีก ทำไมขิงข่าเก่งอย่างนี้~~~ฉันที
“แต่หนูคือข้อยกเว้น...คนที่ชอบหนูคนแรกคือไอ้ริน แล้วมันจะจัดการพี่ถ้าทำหนูร้องไห้”โหย...ได้ยินคำนี้แล้วซึ้งวะ...ทำไมมิตรภาพดี ๆ พวกนี้ฉันถึงได้เจอนะ ฉันทำบุญด้วยอะไรวะเมื่อประตูบ้านข้าง ๆ เปิดเฮียก็ผลักฉันเข้าไปแล้วก็นั่งที่โซฟา เฮียดึงฉันขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้แน่น“เฮีย...อย่ากอด...อึดอัดหายใจไม่ออก” ฉันท้วง แต่เฮียแค่คลายอ้อมกอดแต่ไม่ยอมให้ฉันลงจากตักของเฮีย จนฉันถอนหายใจใบหน้าของเฮียฝังอยู่ตรงแผ่นหลังของฉันนิ่ง ราวกับว่ากำลังคิดว่าควรจะเริ่มยังไง ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น“คนที่ชื่อมุกทำไมเรียกเฮียว่าปุณณ์ ทำไมไม่เรียกปัณณ์คะ” จุดนี้คือจุดที่ค้างคาใจฉันมาก ฉันอยากจะถามหลายครั้งแล้ว แต่พอมีโอกาสฉันกลับไม่กล้าถามคราวนี้คงถึงเวลา“พี่มันเหี้ยเอง”“อื้อ...อันนี้พริกก็รู้”“หนู!!!”อ้าว ไม่ใช่เหรอ...ก็เฮียเป็นคนแบบนั้นนี่ เพื่อนก็ด่าอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง“เฮียใช้ชื่อไอ้ปุณณ์ไปจีบเขา แต่ว่าตอนนั้นดันตกหลุมรักจริง ๆ เข้า แต่สุดท้ายเราต่างก็เลิกกัน”ฉันถอนหายใจดูก็รู้ว่าเฮียตั้งใจข้ามดีเทลเล็ก ๆ น้อยๆไป“ขอรายละเอียดมีเวลาสองชั่วโมง”“ครับ...ได้ครับ”แล้วเฮียก็เล่าตั้งแต่เจอกันยังไ
Comments