ภายในห้องตรวจ
"คุณหมอสวัสดีค่ะ" แพทย์หญิง ชารันญา ทักทายผู้บริหารที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูอัลตราซาวด์ข้าง ๆ สกาวและค่อยมองจอที่ปรากฏ ขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ขึ้นที่ละคน"มาทำงานสายนะครับ" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจคนเดินเข้ามาใหม่อย่างหมอ ชารันญา เพราะเขากำลังสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์มารดา"ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" แพทย์หญิงชารันญา กล่าวบอกกับคุณหมอทักษ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของคุณหมอเขาก็มาทำหน้าที่แทนเธอทำให้เธอปลื้มใจเขาอยู่ไม่น้อย"ไม่เป็นไร" เขายังคนสนใจสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในครรภ์ของแฟนสาว"พี่หมอคะลูกตัวเล็กไปไหมค่ะ" สกาวมองในจอและถามเขาเพราะขนาดของเด็กแต่ละคนไม่เคยตามเกณฑ์"ยังอยู่ในเกณฑ์ครับไม่ต้องกังวล" เขาหันมามองหน้าสบตากับเธอแล้วก็กลับไปมองจอ เพื่อดูพัฒนาการของเด็ก ๆ ในครรภ์"พี่หมอซาวด์สี่มิติได้ไหมคะ" สกาวถามเขาเพราะความอยากเห็นหน้าตาของทารกในครรภ์"ได้สิครับ" เขามองแพทย์หญิงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยบอกให้เธอทำงานในหน้าที่ของเธอ"คุณชารันญาครับ ช่วยต่อสายคอมให้หน่อย เสร็จแล้วคุณไปรอรับคิวคนไข้คนต่อไปได้เลยนะครับส่วนคนนี้ผมดูเกิดอะไรขึ้น !! เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม "ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม "ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก "หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ "ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!" "นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป"ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น "ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม
“คนไข้ต้องการบลอกหลังค่ะคุณหมอ อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลรีบบอกและเดิมตามหมอทักษ์เข้าไปในห้องผ่าคลอดฉุกเฉินของแผนทันที“คุณหมอมาแล้วอุปรกรณ์พร้อม ทำการฆฆ่าเชื้อเรียบร้อย” บุรุษพยาบาลที่เตรียมอุปกรณ์ในห้องคลอดรีบบอกทันทีเหมือนหมอประจำแผนกเข้ามาทำการผ่าคลอดให้กับคนไข้ฉุกเฉิน “ทุกคนพร้อมนะ เริ่มเลย” หลังจากนั่นทั้งผู้ช่วยและบุรุษพยาบาลก็เริ่มทำหน้าที่องตนเอตามคำสั่งของหมอใหญ่แบบทักษ์ เป็นอย่างดี จนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากทำการผ่าคลอดจบลง ทุกคนก็ค่อยดูแลทารกน้อยที่ร้องเสียงดังลั่นในห้องคลอด ทำให้ครอบครัวคนไข้ที่รอลุ้นอยู่ข้างนอกตื่นต้นและดีใจมาก ๆ หลังจากได้ยินเสียงเด็กร้อง แอด~ เสียงเปิดประตูห้องคลอดออกมาพร้อมกับหมอใหญ่ เด็กและคุณแม่ผ่าคลอด “ดีใจด้วยนะครับคุณได้ลูกสาวสมบูรณ์ แะแข็งแรงดี ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเดียวพยาบาลจะไปส่งคุณแ่ที่ห้องพักและส่งเด็กไปที่ห้องเด็กอ่อนก่อนนะครับ หลังจากนั้นคุณพ่อไปขอเอกสารการแจ้งเกิดน้องที่เค้าเตอร์การเงินได้เลยนะครับ มีพยาบาลคอยให้บริการอยู่ครับ” หมอทักษ์บอกกับคนเป็นสามีของคนไข้ด้วยรอยยิ้มยิ
"ห้องไหนครับที่คนไข้หนีออกไปจากโรงพยาบาล" ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที "ห้องVvip09 ค่ะคุณหมอ" ผู้ช่วยพยาบาลบอกผมด้วยทางทีรู้สึกผิด "ฮ้ะ!! เธอพึ่งคลอดลูกไปไม่ใช่หรือไง คุณปล่อยให้คาดสายตาได้ไงเนี่ย รปภ.ก็ไม่มีใครสังเกตเลยสักคนเหรอ" ผมถามออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ผมพึ่งทำคลอดให้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไม่แล้ว ร่างกายฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ~ แล้วทารกละ ทารกก็เอาไปด้วยเหรอทำไมไม่มีให้สังเกตนะ ผมเอามือกุมขมับทันที ให้ตายสิวุ่นวายทั้งวันจริง ๆ ทำไงละทีนี้อะไรก็ยังไม่ได้ตรวจผลค่าเกล็ดเลือดทารกก็ยังไม่ออก จะไปก็ไปเลย แผลเย็บคุณแม่ก็ยังไม่ได้ตรวจอีก ผมรีบต่อสายหาคุณอาทันที จริงสิกล้องวงจรปิด มีทั่วทั้งตึกนี่นา!! ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~ 'ฮะโหลว่าไงตาทักษ์' เสียงอาทิวเขาดังขึ้นจากปรายสาย "อาครับ! คนไข้หนีออกจากโรงบาลช่วยเช็คกล้องตึกผู้ป่วย Vvipให้ผมหน้อยครับ ห้อง Vvip09 ครับอา" ผมกำลังรอคำตอบจากคุณอาอย่างใจเย็น 'อะไรนะคนไข้หนีออกจากโรงบาลเหรอเป็นไปได้ไงเนี่ย~' ทิวเขาถามด้วยความสับสน เพราะโรงพยาบาลเขาไม่เคยมีประวัติคนไข้หนีออกจากโรงบาลเลย ไม
“เตรียมของหรือยัง นี้ถ้าคุณยายไม่มีธุระด่วนที่ต่างประเทศนะแกได้กลับไทยตั้งแต่วันนี้แล้วยัยสกาว ยัยเด็กดื้อกล้าลั้นคำสั่งคุณยายถือว่าเก่งมากน้องสาวพี่ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” ใช้แล้วละคุณยายมีธุระด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าที่ต่างประเทศเพราะบริษัทมีปัญหาใหญ่ แน่นอนว่าฉันไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้แน่นอน รอพี่สการับปริญญาปัญหาภายในบริษัทจะแก้ไขเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ “นี้ชมหรือด่าเอาสักอย่างเถอะน่า กาวเตรียมเสร็จแล้วพี่เองเหอะน้ำยังไม่ได้อาบมายังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอว่าเตรียมของเสร็จยัง” ฉันมองพี่ชายที่ใส่ชุดนอนที่มีแค่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงในสีดำที่เลยง้ามขามาแค่หนึ่งนิ้ว! เป็นภาพที่ชินตามาตั้งแต่มัธยมต้นยันมหาลัย ไม่รู้ชอบอะไรกับการอยู่บ้านลุคนี้นักหนา “ดูสะภาพตัวเองต่างกันตรงไหน ไอชุดนอนไม่ได้นอนนี้ใส่ให้ใครดูไม่ทราบผัวก็ไม่มี” ฉันฟังพี่ตอบกลับอย่างไม่สนใจมากนักหรอก“แต่ฉันมีลูก~” ฉันตอบกลับทันทีโดนไม่สนใจคนทำตาโตด้วยความอึ้งอยู่หน้าห้อง “เหอะให้ตายสินี้ฉันแน่ใจแล้วนะเนี่ยว่าแกจงใจตั้งท้องแถมยังแอบเลือกพ่อพันธุ์ดีอีกด้วยใช่ไหม ยอมรับมาเลยนะไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณยาย! ยัยเด็กตัวแสบ” พี
ติ๊งติ๊งติ๊ง ในขณะที่สกายพูดสายอยู่เสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันการเงินก็ดังขึ้นระหว่างรอคำตอบ จนทำให้หัวคิ้วของสกายขมวดเข้าหากัน "สกาว!!" เสียงของสกายส่งดสียงออกมาดังมากจนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาสดุ้งตัวหันกลับมามอง "ขอโทษครับ ๆ" สกายน้อมตัวขอโทษที่เผลอคุยโทรศัพท์เสียงดัง 'เฮือก! อะ..อะไรพี่สกายเรียกสะดังเลย' ไม่เว้นแม้แต่ปรายสายก็ยังตกใจกับชื่อตัวเองที่ถูกพี่ชายตะโกนเรียก "อยู่ไหน" สกายพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้พุ่งพล่าน แม้หัวคิ้วจะกระตุกนิด ๆ ก็ตาม ท่องเอาไว้ในใจ พุธทนหนอ โธทนหนอ อยู่อย่างนั้น'อยู่ชอปกระเป๋าค่ะ กาวจองกระเป๋าไว้สามใบ~' น้ำเสียงของปรายสายยังคงไม่รู้ตัวว่าทำคนขี้เหนียวโกรธมากจนแทบอยากจะบีบคนถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องตัวเอง "เคเดียวพี่ไปหา เอาแบล็กการ์ดพี่ไปใช้คือไม่คิดจะขอกันเลยนะ หยิบไปตอนไหน" สกายพยายามที่จะไม่เอาเรื่องน้องสาวตัวเอง 'ก็ยืมเอามาใช้ก่อน เฉย ๆ นะคะเห็นพี่รีบกาวก็เลยไม่ได้บอก' เสียงปลายสายพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่ได้ใช้เงินพี่ชายของเธอที่ขี้งก ที่ 1 ไม่รู้จะเก็บสะสมเงินไว้ใช้ไปทำอะไรนักหนา แบ่งให้น้องอย่างเธอใช้บ้างขนหน้าแข้
ทางด้านประชาสัมพันธ์ "แกโอเคป่ะยันวัชพืชมงคล" เพื่อนสาวที่สังเกตการณ์และรู้ดี ยิ่งกว่าตัวเธอทักถามขึ้นมาทันทีเมื่อ คนไข้สองชายหญิงเดินจากไป "ชื่อใบหม่อน เรียกดี ๆ ดิ ยัยโคลน ทำไม่จะไม่โอเคละ คนอย่างใบหม่อนเลิกคือเลิกไง" หญิงสาวพูดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีทางกลับไปคืนดีกับอดีตแฟนหนุ่มอย่างสกาย "ชื่อชาโคลเหอะ แล้วทำไมถึงเลิกกันได้วะเห็นแกสองคนรักกันออก ขนาดนั้นไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องเลิกลากัน คนเชียร์อย่างฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ" ชาโคลยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้เพื่อนสาว "อืม ก็ไม่คิดเหมือนกัน เขาไม่ง้อจะหน้าด้านกลับไปขอคืนดีก็ไม่ได้แล้วป่ะเป็นคนบอกเลิกเองก็ต้องทำใจอยู่ดีว่ะ" ใบหม่อน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ เพราะความที่เธอปากไว(พล่อย)ไปหน่อย เลยขอเลิกไปอย่างนั้นและไม่คิดว่าจะต้องเลิกกันจริง ๆ "ถามจริง! แกได้พกสมองมาด้วยป่ะเนี่ย~" ชาโคลมองเพื่อนสาวตัวเองอย่างอึ้ง ๆ รักกันปานจะกลืนกินจะเลิกก็เลิกกันง่าย ๆ ขนาดนี้เลยหรอวะ คนสวยไม่เข้าใจ! "ถ้าไม่พกมาจะเรียนจนจะจบแล้วต้องมาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ไหมล่ะ ถามอะไรโง่ ๆ ไม่สมกับชาโคลเลยนะ" ก็ไม่ต้
ร่างบางเดินตามหาพี่ชาย ทันทีที่เก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง เดินไปหาทั่วแผนกก็ยังไม่เจอไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน "ไปไหนของเขานะ" ฉันเดินออกมาจากแผนกฝากครรภ์แล้ว พอมองหาพี่ชายตัวเองก็ไม่พบโทรศัพท์ก็ทิ้งไว้มันหน้านัก พ่อคนรวยพ่อจอมงก 'สกาย ใบหม่อนขอโทษ ใบหม่อนอยากขอบคุณช่วงเวลาดี ๆ ที่เรามีด้วยกันแล้วก็ขอโทษที่เผลอพูดบอกเลิกไปวันนั้นใบหม่อนไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ' 'เราจบกันไปตั้งนานแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาขอโทษเราหรอก ใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ดีนะ' ฉันที่เดินตามหาพี่ชายตัวเองก็เผอิญได้ยินเสียงคุยกันครั้งแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคนชื่อเหมือนกันก็มีตั้งเยอะแยะ จนได้ยินเสียงพี่ชายของฉันพูดขึ้นมานั่นแหละ นี่พี่เราไปแอบมีแฟนตอนไหนเนี่ย อย่าให้รู้นะว่าแอบปิดบังแม่จะฟ้องคุณยายให้หมดเลย "พี่คะ หนูเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า" ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชายตัวเองทันทีเมื่อเห็นร่างของสองคนคุยกันอยู่แล้วยังเข้าไปถามอย่างคนไม่รู้อีโนอีเน กลายเป็นคนอินโนเซ้นท์ไปชั่วขณะ ใครใช้ให้พี่หน้าแกล้งล่ะ "เปล่าไม่ได้มาขัดจังหวะอะไร แค่บังเอิญคุยกันถูกคอเฉย ๆ นะเสร็จแล้วหรอไปกันเถอะ" สก
"___" ..."___!?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบและยังไม่ตอบอะไรสกาวก็ได้แต่เงียบและรอฟังอย่างใจเย็น "นั่งก่อนสิคะ" ฉันบอกกับคุณใบหม่อนที่ยังไม่เคยปากพูดอะไรไม่รู้ว่าแค่แวะมาทักทายเฉย ๆ จริง ๆหรือเปล่าหรือมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ท่าทางดูเหมือนว่าจะคิดหนักมากเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ" หลังจากคำเชิญชวนใบหม่อนก็นั่งลงข้าง ๆ สกาวทันทีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยราวกับว่ามีความในใจมากมายอยู่เต็มเปี่ยมที่อยากจะคุยกับสกาว "คุณใบหม่อนมีอะไรจะคุยกับกาวหรือเปล่าคะมีเรื่องหนักใจหรือทุกข์ร้อนใจอะไรระบายกับกาวได้นะคะกาวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอค่ะแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็เถอะ" ระหว่างรอรับยาฉันก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีคนเข้ามาทักมาคุยด้วย "คือจริง ๆ แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอคุณกาวนิดหน่อยนะคะไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณกาวเข้าใจดี" ใบหม่อนพูดออกมาทันทีหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นมา "พูดได้นะคะเรารับฟังเสมอค่ะ" สกาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วมองคนที่อยากจะคุยกับเธอ "ว่าแต่คุณกาวอายุเท่าไหร่หรอคะ ส่วนหม่อนตอนนี้อายุ 25ปี แล้วค่ะ" เธอถามอายุของสกาวพร้อม
ภายในห้องตรวจ"คุณหมอสวัสดีค่ะ" แพทย์หญิง ชารันญา ทักทายผู้บริหารที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูอัลตราซาวด์ข้าง ๆ สกาวและค่อยมองจอที่ปรากฏ ขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ขึ้นที่ละคน "มาทำงานสายนะครับ" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจคนเดินเข้ามาใหม่อย่างหมอ ชารันญา เพราะเขากำลังสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์มารดา "ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" แพทย์หญิงชารันญา กล่าวบอกกับคุณหมอทักษ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของคุณหมอเขาก็มาทำหน้าที่แทนเธอทำให้เธอปลื้มใจเขาอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไร" เขายังคนสนใจสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในครรภ์ของแฟนสาว "พี่หมอคะลูกตัวเล็กไปไหมค่ะ" สกาวมองในจอและถามเขาเพราะขนาดของเด็กแต่ละคนไม่เคยตามเกณฑ์ "ยังอยู่ในเกณฑ์ครับไม่ต้องกังวล" เขาหันมามองหน้าสบตากับเธอแล้วก็กลับไปมองจอ เพื่อดูพัฒนาการของเด็ก ๆ ในครรภ์ "พี่หมอซาวด์สี่มิติได้ไหมคะ" สกาวถามเขาเพราะความอยากเห็นหน้าตาของทารกในครรภ์ "ได้สิครับ" เขามองแพทย์หญิงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยบอกให้เธอทำงานในหน้าที่ของเธอ"คุณชารันญาครับ ช่วยต่อสายคอมให้หน่อย เสร็จแล้วคุณไปรอรับคิวคนไข้คนต่อไปได้เลยนะครับส่วนคนนี้ผมดู
ภายในร้านอาหาร ทั้งสองคนนั่งรออาหารมาเสิร์ฟและคุณแม่ท้องโตที่โวยวายเมื่อครู่ก็สงบลงเพราะได้สั่งในสิ่งมี่อยากลองกินสมใจ "หายงอนยังครับ" คนที่นั่งมองเธอตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จก็ถามออกมา "ก็พี่หมอพูดจาไม่ดีทำให้หนูเข้าใจผิด ไม่รู้แหละแต่หนูไม่ได้งอนสักหน่อย" สกาวรีบปฏิเสธทันทีที่ถูกกล่าวหา "ครับพี่เชื่อว่าหนูไม่ได้งอนแต่โวยวายไม่หยุดเลยนะครับ" หมอทักษ์ เองก็อดไม่ได้ที่จะแซวคุณแม่จอมขี้โวยวายในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์รู้สึกว่าตัวเธอจะท้องโตขึ้นมากเลยทีเดียว "กาวจะไม่คุยกับคุณหมอ" สกาวมองหน้าเขาก่อนพนักงานจะเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน และเดินกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ .หลังจากนั้นเขาก็พาเธอมาห้องของเขาที่เซ็นสัญญาซื้อขาย ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน "ห้องสวยมากเลยค่ะ ใหญ่ด้วยห้องกว้างมาก" สกาวเดินอุ้ยอ้ายสำรวจห้องของชายหนุ่มที่พาเธอขึ้นมาดูซึ่งเธอชอบมาก ใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนที่บ้านของเธอเลย "ชอบไหม ห้องนี้มีห้องนอนตั้งสี่ห้อง" หมอทักษ์บอกกับเธอก่อนจะพาเธอเดินสำรวจขนทั่ว ห้องพักสุดหรูที่เขาจ้างรีโนเวท ทั้งอาทิตย์ และมันก็พึ่งเสร็จเมื่อสองวั
ห้องพักพิเศษ สำหรับคนไข้vvip ของเขาเป็นห้องที่เพิ่มความสะดวกสบายและกว้างขวางราวกับอยู่ในคอนโดหรู หากป้ายทางเข้าไม่มีคำว่าโรงพยาบาลติดอยู่หลายครอาจจะคิดว่านี้คือคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นภายใต้อาคารอเนกประสงค์ของทางโรงพยาบาล "เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งมาเอาติดตั้งเลยไหมครับ" เลขาที่เขาพึ่งรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจทานเอกสารและค่อยนำเนินแผนงานต่าง ๆ ให้ถามเจ้านายหนุ่มอายุน้อย "ครับคุณ นรินทร์จัดการได้เลยนะครับตามแบบที่ผมส่งให้ในเมล" หมอทักษ์บอกกับเลขาและคอยตรวจสอบเอกสารงานต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทำไมเอกสารถึงล้นมือจนเขาแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย ..ทางด้านสกาวตอนนี้เธอมาอยู่ที่ประเทศไทยได้เกือบสัปดาห์แต่ก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน "ยายจะเดินทางไปต่างประเทศเราอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม" ยายนีน่าเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาหาหลานสาวในห้องนั่งเล่น "ไปทำไมคะ" สกาวมองกระเป๋าใบใหญ่ของคุณยายรางกับว่าจะไปนานขนไปทั้งบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ "ไปทำงานและไปเที่ยวคนแกอยู่บ้านเฉย ๆ มันก็เหงา รอหลานคลอดยายจะกลับมาช่วยเลี้ยงเหลนแล้วกันนะ" คุณยายนีน่าบอกหลายสาวไ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองที่เดินทางมาหลายสัปดาห์เรือสำราญก็จอดเข้าแทบท่าที่อ่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว และคนที่มีจุดหมายลงที่ประเทศได้ก็เริ่มเช็คเอาท์ออก และบัตรการ์ดที่เชื่อมบัตรของแต่ละคน ทางเรือก็ไม่คิดเก็บคืนถือว่าเป็น ของกำนันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักท่องเที่ยวไว้สะสม"มาพี่ช่วยถือให้ครับ" หมอทักษ์ยืนมือไปรับกระเป๋าสัมภาระของเธอมาถือเอง "พี่สกายแชทมาบอกว่าคุณยายมารอรับ" สกาวรู้สคกใจคอไม่ดีเพราะเขาและยายของเธอเคยมีปากเสียงกันมาก่อน กลัวว่าพอเจอกันแล้วทันเขาและยายเธอคงเข้าหน้ากันไม่ติด "ครับ" เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นคนโหมงานหนักและไม่ค่อยได้เที่ยวสังสรรค์ทั้งยังพอจะรู้สึกถึงความประหม่าของเธอได้ "ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นหรอกครับ" หมอทักษ์เอามือข้างที่ว่างขยี้ผมเธอเล่นเบา ๆ "ก็จะไม่ให้คิดหนักได้ไงค่ะ คุณหมอกับคุณยายเคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น" สกาวยังคงมีสีหน้ากังวลมาก เพราะไม่รู้จะอธิบายกับคุณยายยังไงอีกทั้งกลัวว่าคุณยายของเธอกับคุณหมอจะปะทะฝีปากกันอีก คนหนักใจคงไม่พ้นเธออีกเช่นเคย "พี่สัญญาว่าจะไม่ตอบโต้จะไม่ปา
"ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอครับ ถอดได้ไหมถ้าถอดไม่ได้เดี๋ยวพี่ถอดให้" หมอทักษ์เดินเข้ามาเห็นคนที่กำลังพยายามจะถอดชุดตัวเองออก เธอเหนื่อยจนต้องนั่งถอนหายใจออกมากหลายครั้งเพราะ ชุดที่ตัวเธอเองเลือกที่จะใส่ ทั้ง ๆ ที่คุณหมอเตือนแล้วก่อนออกจากห้องไปชมวิว แต่คนดื้อแบบเธอมีเหรอที่จะฟังเขา ไม่ได้ดั่งใจก็มีบีบน้ำตาบ้างเล็กน้อย จนคนเตือนต้องยอมจำนน "ช่วยหน่อยนะคะ มันติดพุงค่ะ" สกาวมองชุดที่สวมใส่มันสวยและเธอชอบมาก สุดท้ายก็ต้องมาลำบากตอนที่จะถอดเนี่ยแหละ "ถอดง่ายที่ไหนละ พี่ห้ามแล้วเธอไม่ฟังพี่เองนะครับ" หมอทักษ์เดินเข้ามาช่วยเธอถอดชุดออกพร้อมซ้อนตัวเธอ เข้าไปแช่ในอ่างพร้อมกับเขาที่ลงไปนั่งแช่ตัวด้วยเช่นกัน "อืม" สกาวเริ่มรู้สึกว่าเธอมีอารมณ์เพราะถูกปรายนิ้วของคุณหมอคนหื่นขยี้ตรงจุดคริสตัลเพื่อทำให้เธอน้ำเดินและมีอารมณ์ในเรื่องเพศศึกษา "พี่หมอ" ดวงตาหยาดเยิ้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดแนบชิดแผ่นหลังของเธอ "ครับ หนูจะเสร็จแล้วเหรอ" หมอทักษ์มองเธอที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เขาเธอก็นึกสนุกอยากให้เธอขึ้นขย่มบ้าง "หมอ หยุดทำไมคะหนูใกล้จะเสร็จแล้ว" สกาวเริ่มรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่
ทั้งสองคนอาศัยอยู่บนเรือสำราญนานนับสัปดาห์เพราะเรือสำราญเข้าเทียบท่าหลายประเทศเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่เสียเงินเป็นจำนวนมากได้เปิดหูเปิดตาในสิ่งใหม่ ๆ และภูมิอากาศของแต่ละประเทศด้วยตัวเอง "อีกสามวันเรือก็เข้าเทียบท่าประเทศไทยแล้ว" หมอทักษ์ยืนกอดอกมองชมวิวอยู่บนดาดฟ้าของเรือพร้อมกับหญิงสาวที่อยากออกจากห้องพักมารับลมทะเล ในช่วงสาย ๆ ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าไร้ก้อนเมฆ ทำให้น้ำทะเลสะท้อนความแวววาว อย่างน่าอัศจรรย์ "ค่ะ ท้องฟ้าไร้เมฆบดบังมันก็ดูสวยดีนะคะ" สกาวนั่งมองวิวบนดาดฟ้าทั้งยังเอาโทรศัพท์มาถ่ายเก็บรูปภาพแห่งความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเรือสำราญที่จอดเทียบท่าเรือให้ได้ชื่นชมในเมืองต่าง ๆ "คงจะสวยสู้ใครบางคนแถวนี้ไม่ได้หรอกครับ" หมอทักษ์หันหน้ามาสบสายตาคนที่กำลังสนใจในการถ่ายรูปตัวเองให้ติดวิวธรรมชาติเข้าในเฟรมกล้องเยอะ ๆ อยู่ "ใครเหรอคะ" สกาวเอ่ยถามทั้งที่มือของเธอ ก็ยังคงจับกล้องโทรศัพท์ถ่ายตัวเองและวิวบนท้องฟ้าที่สวยงามสะดุดตา ในความแวววาวของท้องฟ้ากลางมหาสมุทร "คนข้าง ๆ" หมอทักษ์หันไปมองคนที่กำลังสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเขา แต่พอจังหวะม
ผมมองคนที่กำลังจ้องมองถาดอาหารของผมทั้งสีหน้าและท่าทางเหมือนคนที่กำลังร้องของในสิ่งที่ต้องการแต่เธอคงจะมีความเกรงใจอยู่ไม่น้อยเลยไม่กล้าขออีก"แลกกันไหมครับ" ผมถามเธอทันทีที่เห็นสายตาแบบนั้นรู้สึกเอ็นดูอาการที่แสดงออกมาของเธอ มันก็น่ารักดีนะครับ สกาวรีบพยักหน้าตอบรับทันทีอย่างไม่ต้องคิด "แลกค่ะ" น้ำเสียงตอบกลับมีความรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่เธอได้รับในสิ่งที่ต้องการ "ครับ" หมอทักษ์ค่อย ๆ ยกอาหารของเขาให้เธอ "ขอบคุณนะคะ" สกาวมองหน้าคุณหมอที่กำลังสลับสับเปลี่ยน อาหารที่อยู่บนโต๊ะกล่าวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มหวานจนทำให้คนได้รับบาดใจจนใจสั่นทุกครั้ง "อืม ครับ" มองทักษ์ก็เริ่มลองทานในสิ่งที่หญิงสาวชอบ ก็พอได้นะสำหรับอาหารฟาสฟู๊ดของเธอคนรักสุขอย่างคุณหมอก็ต้องมีหลุดลุคบางใครบางเวลาที่จำเป็น โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาวที่ทำให้เขาใจสั่นโดยไม่รู้ตัวว่าเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ..เมื่อทั้งสองร่วมรับประทานอาหารเสร็จก็พากันกลับขึ้นห้องพักเลย ทั้งยังมีอาหารที่แทบจะไม่ได้แตะต้องเอาให้พนักงานบริการหรือผู้ช่วยในห้องอาหาร เอาไปห่อมาให้อีก สามสี่ถุง "อยากทำอะไรอีกไห
"หืมคนเยอะมากเลยค่ะ มอง ๆ เข้าไปในร้านแล้วดูอึดอัดอยู่นะ" สกาวที่ถูกหมอหนุ่มขอร้องให้นั่งรถเข็นวีแชร์ บ่นทั้งเงยหน้ามองคนที่คนซัพพอร์ตด้วยการเข็นรถให้เธอ "ครับ ปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแบรนด์ใหม่พึ่งเข้าและกำลังดังมาก สินค้าตัวใหม่มักจะได้ขึ้นโชว์บนเรือสำราญก่อนจะถูกนำไปวางจำหน่ายในห้าง" หมอทักษ์มองกระเป๋าแบรนด์ดังราคาหลักหมิ่นที่ครองตลาดในช่วงนี้ และทางแบรนด์มักจะส่งมันมาให้ตั้งโชว์สินค้าและขายลองตลาดภายในเรือสำราญที่มีห้างขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสินค้าหลาย ๆ ส่งมาไม่ต่างกัน เพราะนักท่องเที่ยวของเนืองสำราญจะเป็นกลุ่มใหญ่และเฉพาะเจาะจง ชนชั้นได้ดีกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป "จริงเหรอคะ" หน้าตาตื่นเต้นต่อการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ทำให้สกาวอยากเข้าไปมองและชมสินค้าด้านในแต่ติดที่คนเยอะจนดูเหมือนจะแออัดเกินไป "จริงครับ ลองเข้าไปดูอีกร้านก็ได้ หรูกว่าราคาดีกว่า ซื้อมาไว้ใช้หรือไว้โชว์ก็ไม่เสียหาบยนะครับ" เขาเลื่อนวีลแชร์พาเธอเดินเข้าไปในร้านที่เรียบหรูและดูเหมือนว่าจะแพงกว่าร้านอื่น ๆ "สัวสดีครับ" พนักงานตอนรับเข้าชาร์จและบริการลูกค้าตามที่ได้อบรมมาก่อนที่ทางเจ้าของแบรนด์
ผ่านมาสองชั่วโมง ทั้งสองคนก็เผลอหลับไหลไปโดยไม่รู้ตัวร่างกายกอดก่ายกันมอบความอบอุ่นบนเตียงนอน เสียงลมหายใจแผ่วเบาและคลื่นทะเลอันมืดหม่นและเงียบสงบกลมทั้งสองให้หลับสบายได้เป็นอย่างดี ..ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้หมอทักษ์จำใจต้องตื่นขึ้นมาและมองคนที่หลับสนิท ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูห้องดู "อ่าหารเช้าที่สั่งให้เตรียมไว้เมื่อวานมาเสิร์ฟครับ" พนักงานบอกกลับคนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอเขา "ขอบคุณ" หมอทักษ์รับอาหารมื้อเช้าที่เขาบอกกับพ่อครัวไปเมื่อวานให้นำมาส่งที่ห้องเพราะไม่สะดวกออกไปรับประทานพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ผมมองคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแม้ว่าคลื่นลมในยามเช้าจะแรงมากกว่าช่วงสาย แต่น้ำทะเลกลับนิ่งสงบ "สกาวครับ สกาวตื่นได้แล้วอาหารเช้ามาส่งแล้วนะ" หมอทักษ์เดินเข้าไปนั่งบนเตียงพร้อมเรียกคนที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาทานข้าว มือก็สัมผัสหน้าท้องที่นู้นขึ้นมาตามไตรมาสแต่อาจจะใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเพราะเป็นเด็กแฝด "อืมอย่าพึ่งกวนนะคะ ขอนอนต่อ" สกาวยังคนนอนเซานัวเนียอยู่บนเตียง "ครับ" เขามองคนที่นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนและให้เธอได้พักผ่อน