พอนึกถึงวันนั้นก็แอบหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่มาก จุดเริ่มต้นของการอยากลองของมันมาจากตรงนี้สินะ
วันนั้นที่ทะเลาะกับคุณยายแล้วแอบหนีเที่ยว! "ยัยตัวแสบมานี้สิยายมีเรื่องจะคุยด้วย เร็ว ๆ อย่ามาทำหน้าทำตาอาลัยอาวรณ์อย่างนั้น" ยายผู้ที่คอยดูและและกำหนดชีวิตหลาน ๆ ทั้งหลายของนางเรียกยัยสกาวอย่างฉันเข้าไปคุยไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร คนพึ่งเรียนจบพร้อมกลับมานอนสลบอยู่ที่บ้านก็ต้องฝืนร่างกายตัวเองมานั่งเป็นกลุสตรี ต่อหน้าคุณยาย "มีอะไรคะ กาวง่วงอยากนอนอ่อนล้าไปหมดรีบคุยมาได้เลยคะคุณยายขา~" ฉันหันไปตอบรับเสียงหวานเพราะง่วงมากจริง ๆ "เรียนจบแล้วใช่ไหม พอดียายมีคนแนะนำอยากให้รู้จักสนิทสนมกันไว้ไหน ๆ ก็ต้องเป็นคู่หมั้นคูหมายกันอยู่แล้ว" และนั่นแหละหลังจากที่คุณยายพูดจบก็เหมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายฟ้าถล่มดินทลาย ไปในพริบตาคนที่กำลังสะลึมสะลือพร้อมนอนหลับอย่างฉันสะดุ้งตัวตื่นได้เต็มตาทันที "เดี๋ยวนะคะใครจะหมั้นกับใคร แล้วใครจะหมั้นกันตอนไหน คุณยายคงไม่ได้หมายถึงกาวหรอกใช่ไหมคะ" ฉันถามออกมากทันทีเพื่อคลายความสงสัย "ยายก็หมายถึงหลานนั่นแในที่สุดจดหมายตอบรับการเข้าฝึกงานเป็นนักศึกษา Extern ของสถานพยาบาลแห่งรัฐในกรุงเทพฯ "ในที่สุดพวกเราก็ใกล้จบแล้วสินะ" หนูนาสวมกอดเพื่อนก่อนจะเดินทางเพื่อไปเตรียมตัวเขารับการฝึกงานเป็นปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ "อืมโชคดีที่มีพวกแกค่อยพยุงให้ผ่านช่วงเวลาที่สอบกับอาจารย์ใหญ่" สกาวยิ้มมองเพื่อน ๆ ที่ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันแล้ว "เดินทางปลอดภัยนะแกถึงแล้วคอลสายมาด้วยเข้าใจไหม" หนูนาเข้ามาสวมกอดเพราะเพื่อนสาวจะต้องไปฝึกงานไกลกว่าคนอื่น ๆ ในคลาสเรียน กรุงเทพมหานคร "ไงเราจะเข้าฝึกงานวันไหน" พี่สกายถามฉันทันทีที่เจอหน้าเพราะฉันให้พี่ชายมารับกลับไปหาสุดหล่อกับสุดสวย "วันจันทร์หน้ามีเวลาพักอีกสามวันขอกลับไปฟัดเจ้าแฝดให้ชื่นใจก่อนนะคะ" สกาวสวมกอดพี่ชายก่อนจะพากันเดินออกจากสนามบิน "หิวไหมพี่ว่าเราแวะหาอะไรกินก่อนไหม หรือจะไปกินที่บ้าน" สกายถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว "ไม่หิวกินมาแล้วค่ะ กลับบ้านเลย" สกาวตอบพี่ชายของเธอก่อนจะไถ่โทรศัพท์เล่น และดูความเคลื่อนไหวอัพเดทสถานะของคุณหมอ อดีตแฟนของเธอ จะว่าอดีตเลยก็ไม่ได้เพราะเธอกับเข้ายังไม่ได้จบกันจริง ๆ "เฟียสกับซีเฟีย โตไวมากเลย
หลังจากวันนั้นการเรียนของสกาวและเพื่อน ๆ ก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว "แกจะฝึกงานตอนไหนเหรอ" ข้าวปุ้นหันมาถามเพื่อนสาวที่กำลังแต่งหน้าอย่างมีสมาธิตอนนี้ทุกคนกำลังจบหลักสูตรและสาว ๆ แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นสาวร้อนแรงแห่งคณะแพทยศาสตร์ "ยังไม่รู้กำลังดู ๆ อยู่เหมือนกันคงจะเรียนจบก่อนค่อยฝึกมั้ง" สกาวตอบทั้งยังกำลังลงสีลิปสติกของพี่ชายที่กำลังเริ่มลงทุนสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง "เหรอ ดีจังแกเลือกลงเองแต่ฉันนี้สิโคตรเซ็ง" หนูนาทำหน้าบึ้งหลังจากได้ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง "ทำไมไหนเล่ามา" ข้าวปั้นที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนรวมถึงเรื่องหัวใจด้วย "พ่อฉันนะสิชอบบงการชีวิตไม่ชอบเลย ที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเป็น อีสเทอร์ ที่เดียวกับพวกแกคงไม่ได้แล้วนะ พ่อฉันจับลงฝึกกับลูกเพื่อนเขา เซ็ง ๆ เซ็ง" หนูนาทั้งบ่นทั้งทำหน้าบึ้งและไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมรับ ชาตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ด้วยฝีมือคุณพ่อ "อ้าวงั้นก็เหงาแย่เลยไม่มีสาวฮอตประจำกลุ่ม" สกาวมองเพื่อนอย่างเห็นใจเพราะเธอเข้าใจดี "โอ้ ๆ น๊าเพื่อนร๊าก" ข้าวปุ้นกอดแขนปลอบเพื่อนอย่างเห็นใจ "แล้ว
สกาวยังคงนั่งมองคนที่เสนอแผนการนิ่งอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเธอไม่ได้สนใจแค่ฟังเฉย ๆ "ตกลงไหม" เรย์ถามขึ้นหลักจากบอกเล่าแผนการของตัวเองจบลงในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น "แล้วทำไมไม่ไปจ้างนักแสดงหรือดาราละ ไม่มีเวลามาเล่นอะไรแผลง ๆ ด้วยหรอกนะคะ" สกาวนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน "มีแค่ช่วยกับช่วยเท่านั้น" คนที่ทำทีมาดเข้มตั้งแต่ที่แรกกับลังเข้าสู่โหมดบังคับเธออยู่ซึ่งเธอไม่ชอบ "เฮ่อ ครั้งเดียวนะคะฉันบอกคุณไปแล้วนะว่าฉันรีบหากเล่นไม่สมจริงก็อย่ามาโทษกันละ" คุณแม่ลูกสองหงุดหงิดกับการที่ถูกบังคับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี "อืม" เรย์ที่ยิ้มอย่างพึงพอใจและจ้องมองสีหน้าอารมณ์ของคนที่ตนเองบีบบังคับแล้วรู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย กรุงเทพมหานคร เครื่องบินที่ถูกบังคับด้วยลูกน้องผู้ชำนาญของเรย์ก็ลงจอดที่สนามบินต้นทางอย่างปลอดภัย "เริ่มงานคืนนี้อย่าให้ต้องรอ" สกาวมองคนที่พูดแล้วเดินผ่านไหล่เธอไปอย่างคนเร่งรีบทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้มากกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเอง "ชิ อย่าให้ต้องรอ" ร่างบางเลียนแบบและพูดตามเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อไปเยี่ยมแฟนหนุ่มที่ตกลงคบหากั
การเริ่มต้นใหม่มันไม่ง่ายอยากที่คิดแหะ ความคิดถึงยังคงอยู่ภายในใจ ซีเฟีย และ เฟียส อยู่ในการดูและของพี่ชายคุณยายหายไปเลยหลักจากสร้างเรื่องวุ่น ๆ ให้หลานสาวต้องเสียน้ำตาคุณหมอก็ยังคงคอยห่วงใยเธอทั้งยังค่อยช่วยเลี้ยงเจ้าแฝดให้เพราะพี่สกายโทรมารายงานเธอ ส่งรูปคนเป็นแฟนเธอเข้ามาให้เห็นทุกครั้งที่เขาเข้าไปหาเด็ก ๆ "สกาวคิดอะไรอยู่เหรอ" นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ เพื่อนใหม่ของเธอเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเหม่อใจลอย "ตกใจหมดเลยข้าวปุ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงหัวใจจะวายตาย" สกาวมองเพื่อนใหม่อยากคาดโทษชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาให้ตกใจทำเอาเธอขวัญเสียหมด "เอ้า ก็เห็นนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงใครอยู่เหรอจ๊ะ" ข้าวปุ้นมองเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ เพราะเธอสอบติดคณะแพทย์เพียงคนเดียวของโรงเรียนมัธยมปลาย ส่วนเพื่อน ๆของเธอก็สอบติดคณะอื่น ๆ เช่นกัน "ไม่บอกหรอก" สกาวทำเป็นไม่สนใจเพื่อนสาวคนสวยของเธอก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบข้าวกล่องที่ข้าวปุ้นเตรียมมาอย่างเนียน ๆ โดยเจ้าของข้าวกล่องนั้นเอาแต่สนใจโทรศัพท์ "เฮ้! ไปอดไปอยากมาจากที่ไหนเนี่ย" ข้าวปุ้นมองข้าวกล่องของตัวเองที่ถูกฉกไปด้วยมือของเพื
สองวันต่อมา จะบอกว่ามาทั้งครอบครัวก็คงไม่ถูกเพราะมีเพียงยายของเธอพี่ชายและแฟนของพี่ชายเท่านั้น ส่วนพ่อกับแม่ก็คงจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกเสมอ เธอเริ่มชินชาไปแล้ว "ไหนเหลนยายอยู่ไหน" คนที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาโดยไม่เคาะรีบสาวเท้าเดินเข้ามาในห้องมองหาเหลนตัวน้อยทันทึ "ชิทำไมเขาอยู่ในนี้ละ" เหมือนเห็นคุณหมอที่เธอเคยมีปากเสียงด้วยกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ก็หันหน้าไปถามหลานสาวทันที "คุณยาย" สกาวเรียกยายนีน่าเสียงเบาเธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องราวระหว่างเขากับเธอยังไงดีให้คุณยายเข้าใจ "ตอบยายมาทำไมตานี่ถึงมาอยู่ในนี้ ทั้งยังมาอุ้มเหลนยายอีก" คุณยายนีน่าอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหมอทักษ์และเหลนน้อยในวงแขนของชายหนุ่ม "คือหนูกับพี่หมอตกลงคบกันค่ะ" สกาวบอกคุณยายของเธอทั้งลุ้นไปด้วยเพราะเกรงว่าคุณยายจะโกรธเธอ "เหอะ" คุณยายนีน่าไม่มีคำที่จะพูดออกมาในตอนนี้เพราะกำลังเห่อเหลนตัวน้อยทั้งสองคน เดินเอาไปแยกเด็กน้อยในอ้อมแขนหมอทักษ์มาอุ้มเอง "ส่งเหลนฉันมาสิ" คนที่ยืนประจันหน้ากันคนที่อายุอย่างคุณยายนีน่าก็ยังเกลียดเขาอยู่พร้อมแค่ด่าเขาไปด้วย ถามว่าด่าแล้วจำได้ไหมคุณยายได้เคยจำเพราะเน
"อะแฮ่ม" เสียงของสกายดังขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูใส่ใจกันมากกว่าคนไข้กับคุณหมอ "อ้าวพี่สกายว่างมาเยี่ยมน้องด้วนเหรอคะ" สกาวทำหน้าเหมือนสงสัยทั้งยังปั้นหน้าทำงอนใส่พี่ชายแท้ ๆ ของเธออีกด้วย "เอ๊ะ..มากับใครคะเนี่ย" สกาวมองหน้าบุคคลที่นั่งข้าง ๆ พี่ชายเธอหน้าตาสาวสวยคนนั้นดูคุ้น ๆ เหมือนเธอเคยไปเจอที่ไหนมานะจำไม่ได้แต่ก็ช่างมันเถอะ "น้ำครับ" หมอทักษ์ไม่สนใจบทสนทนาของพี่น้องแต่ก็ฟังพวกเขาพูดคุยกันและยื่นแก้วน้ำให้เธอ "เด็ก ๆ ละคะ" สกาวถามเขาทั้งยังไม่ได้มองไปข้างเตียงอีกฝังของตัวเองเพราะในห้องมันเงียบมาก "อยู่ตรงนั้นครับยธงหลับอยู่เลย" หมอทักษ์ชี้ไปตรงข้างเตียงอีกฝั่งให้เธอได้หันไปมอง "ขี้เซา" สกาวมองลูก ๆ ของเธอทั้งแอบบ่นออกมาเล็กน้อยพอหมอทักษ์ได้ยินก็ยิ้ม "เหมือนแม่" บอกกับเธอที่ยังคงจับตามองลูกแฝดโดยไม่ได้สนใจพี่ชายตัวเองเลย และคนเป็นพี่อย่างสกายก็ไม่คิดจะเย้าแหย่หรือวุ่นวายกับน้องสาวมากนัก "ไม่เหมือนสักหน่อย" เธอมองเด็กน้อยด้วยความสุขจนล้นหัวใจ "อีกสองวันคุณยายจะเดินทางกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยละ" สกายพูดขึ้นหลังจากที่น้องสาวเขาได้นอนพักผ่อนอีกครั้ง "เตรี