"ห้องไหนครับที่คนไข้หนีออกไปจากโรงพยาบาล" ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที
"ห้องVvip09 ค่ะคุณหมอ" ผู้ช่วยพยาบาลบอกผมด้วยทางทีรู้สึกผิด "ฮ้ะ!! เธอพึ่งคลอดลูกไปไม่ใช่หรือไง คุณปล่อยให้คาดสายตาได้ไงเนี่ย รปภ.ก็ไม่มีใครสังเกตเลยสักคนเหรอ" ผมถามออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ผมพึ่งทำคลอดให้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไม่แล้ว ร่างกายฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ~ แล้วทารกละ ทารกก็เอาไปด้วยเหรอทำไมไม่มีให้สังเกตนะ ผมเอามือกุมขมับทันที ให้ตายสิวุ่นวายทั้งวันจริง ๆ ทำไงละทีนี้อะไรก็ยังไม่ได้ตรวจผลค่าเกล็ดเลือดทารกก็ยังไม่ออก จะไปก็ไปเลย แผลเย็บคุณแม่ก็ยังไม่ได้ตรวจอีก ผมรีบต่อสายหาคุณอาทันที จริงสิกล้องวงจรปิด มีทั่วทั้งตึกนี่นา!! ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~ 'ฮะโหลว่าไงตาทักษ์' เสียงอาทิวเขาดังขึ้นจากปรายสาย "อาครับ! คนไข้หนีออกจากโรงบาลช่วยเช็คกล้องตึกผู้ป่วย Vvipให้ผมหน้อยครับ ห้อง Vvip09 ครับอา" ผมกำลังรอคำตอบจากคุณอาอย่างใจเย็น 'อะไรนะคนไข้หนีออกจากโรงบาลเหรอเป็นไปได้ไงเนี่ย~' ทิวเขาถามด้วยความสับสน เพราะโรงพยาบาลเขาไม่เคยมีประวัติคนไข้หนีออกจากโรงบาลเลย ไม่มี เลย! "เป็นไปแล้วครับคุณอา เธอพึ่งคลอดลูกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เองครับ" ผมบอกคุณอาทันทีตอนนี้ผมไม่ได้ชีเรียสเรื่องค่าใช้จ่ายของคนไข้แต่เป็นห่วงคนไข้ของตัวเองมากกว่า 'เดียวอาเช็คให้ทักษ์รอสักครึ่งชั่วโมงนะ อากำลังเลื่อนดูอยู่' คนปรายสายบอกก่อนจะเลื่อนดูคนไข้ห้องพัก Vvip09 ทันที "ครับ ขอบคุณครับอา" ให้ตายสิทำไมวันนี้มันวุ่นวายขนาดนี้ตั้งแต่เช้ายันดึง เป็นวันที่หนักหน่วงกว่าทุกวันจริง ๆ . ทางด้านแอลเอ "ไปละ จะกลับก็กลับกันเลยนะเอาลูกออกมานานแล้ว แม่หนูคงคิดถึงหนูแย่แล้วใช่ไหมคะ หมูแฮม~" คนไม่รู้เรื่องยังคงหยอกล้อกับลูกสาว ยิ้มบอกกับน้องชายและคนไข้คนสำคัญของตัวเอง "นี้แอบเอาลูกห่างอกแม่นานขนาดนี้ไม่หิวนมแย่เลยเหรอนั่น" โรมเมดทักพี่ชายตัวเอง จะว่าไปเขาก็เอาลูกออกมานานจริง ๆ นั่นแหละควรกลับเอาไปคืนแม่ได้แล้ว "อืมไปล่ะ แล้วเจอกันเราไปหาม๊ามี๊หนูกันเถอะยัยหมูอ้วนของป๊า~" แอลเอเดินอุ้มทารกกลับเข้ามาในตึก พักแม่ลูกของของโรงพยาบาลทันที "ไหนเอ่ยม๊ามี๊จะคิดถึงยัยหมูของป๊าไหมน๊า~" คนเห่อลูกกำลังหยอกล้อโดยไม่ได้เอ๊ะใจอะไรเปิดประตูเข้าห้องพัก ก็ไม่ทันได้สังเกตุอะไรเพราะมั่วแต่คุยกับหนูน้อยในอ้อมแขน "อ่ะแฮม!" เสียงกระแอ่มของทักษ์เรียกคนที่นั่งคุยกับลูกอยู่บนโซฟา ต้องหันหน้าไปมอง "อ้าวมาตรวจคนไข้เหรอหมอ อินเตอร์ นอนอยู่บะ..บนเตียง~" เสียงของแอลเอแผ่วลงใจกระตุกวูบ ดวงตาสั่นไหวมองเตียงนอนไร้ซึ่งคนนอนอยู่ ก้มมองลูกน้อยในอ้อมกอด 'หลังจากคลอดลูก อินเตอร์ก็ไม่อยู่เป็นมารขวางทางความรักของหมอหรอกค่ะ' เสียงนี้เขาจำได้ดี จำได้ขึ้นใจเลย "คนไข้หนีออกไปแล้ว พึ่งคลอดลูกแท้ ๆ อารมณ์คุณแม่นี้มันรุนแรงจริง ๆ" ทักษ์เอ่ยขึ้นมองสามีของหญิงสาวคนนั้น พร้อมส่ายให้กับคนตรงหน้าเขา "อืมรุนแรงจริง ๆ" แอลเอพยักรับโดยในอ้อมกอดก็กอดลูกเอาไว้ "แล้วลูกผมจะออกจากโรงบาลได้วันไหน" แอลเอยังคงถามต่อโกรธมากแค่ไหนก็ได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้ "รอผลค่าเลือดและค่าตัวถ้าน้องตัวเหลืองก็ต้องอยู่ต่อ ตอนนี้แม่เด็กไม่อยู่แล้วคงต้องพึ่งนมผง รอผลค่าต่าง ๆ ก่อนแล้วกันดูว่าน้องแพ้อะไรบ้างจะได้ไม่ต้องกังวล อีกสิบห้านาทีผลแลบก็ออกแล้ว ยังหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอีกนะยัยหนูแฮม" ผมมองทารกร่างเล็กที่ตอนนี้หลับปุ๋ยในอ้อมกอดของพ่อ คงอบอุ่นน่าดูไม่มีการงอแงสักแอะ "อ่อ ตอนคลอดเห็นแม่เด็กบอกว่าชอบชื่อนี้มาก ผมว่าก็เพราะดีนะครับ" ผมยิ้มเอ็นน่าดูจริง ๆ ชื่อก็เพราะแม่ก็ช่างสรรหามาตั้งให้ "ครับผมเข้าใจแล้ว" แอลเอมองลูกยิ้ม ๆ นี้สินะที่บอกจะไม่อยู่ จะไปก็ไปจะมาก็มาแม่หนูนี้ยัยไงนะหมูแฮม "งั้นผมขอตัวก่อน ต้องการพักผ่อนมาก~" ผมลากเสียงยาวทันทีหมดปัญหาวันนี้ไปแล้วอีกหนึ่งเคส เห้อให้ตายสิทำงานแก้เบื่อ สุดท้ายเครียดแทน ชีวิตวัยทำงาน!! จะอยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อมาทำงานก็วุ่นวาย วุ่นวายดีสีสันของชีวิตสินะ . "คุณหมอคะ ผลตรวจเลือดของเด็กหญิง ณเวฬา ออกแล้วค่า อยู่ในเกณฑ์เกือบเหลืองแต่ค่าตัวเหลืองของน้องผ่านค่ะ ส่วนใบนี้เอกสารการแพ้สารอาหารน้องไม่แพ้อะไรเลยค่ะ ทานนมผงได้" ผู้ช่วยพยาบาลรายงานผลกับผมก่อนที่ผมจะเอาไปแจ้งพ่อเด็ก "อืมดีแล้ว ถ่ายเอกสารสำรองให้ผมด้วย แล้วเก็บใส่แฟ้มเอาไว้แล้วกันส่วนเอกสารตัวจริงเดียวผมเอาไปให้พ่อเด็กเอง" ผมบอกพยาบาลผู้ช่วยก่อนที่จะนั่งพักอีกสักประเดี๋ยวคงมีเรื่องต้องคุยกับพ่อเด็ก . ห้องพัก Vvip09 แง้ แง้~ แง้ แง้~ "จุ ๆ จุ โอ๋ ๆ น่าเด็กดีย์ ป๊าอยู่นี้ไงคะหนูเป็นอะไรไม่ร้องสิลูก" แอดปัง! "อินเตอร์~ หายไปไหนมา" แอลเอถามออกมาทันทีที่เห็นหญิงสาวอยู่ตรงหน้า "ลูกร้องไห้ใหญ่เลยดูสิ" อินเตอร์ที่ห่วงลูกจนทำใจจากไปในตอนนี้ไม่ได้ ก็ต้องกลับมาที่เดิมอีกครั้ง 'ทำไมการตัดใจมันถึงยากขนาดนี้นะ' "ส่งลูกมาสิ" อินเตอร์เดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะยื่นมือมารับลูกและกอดเอาไว้ ฉี่เลอะนี้เองไม่น่างอแงใหญ่เลย "ไงคะเด็กดีหนูอึดอัดใช่ไหนคะ ฉี่เลอะเต็มเพิสเลยน๊า~ แม่เปลี่ยนเพิสใหม่ให้หนูดีกว่า" อินเตอร์พยามที่จะไม่เรียกชื่อลูกให้คนที่ไม่พอใจก่อนหน้านี้ได้ยิน ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขออนุญาตนะครับ อ้าวคุณแม่หายไปไหนมาครับเนี่ยผมคิดว่าคุณหนีไปแล้วสะอีก เอาผลตรวจน้องมาให้ครับ" ผมมองคนที่พึ่งคลอดลูกใหม่อย่างแปลกใจคนอะไรอึดชะมัด สามารถเดินเหินได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย จะว่าไปก็คงไม่ใช้ทุกคนหรอกมั้ง เพราะปกติผมจะเห็นแม่หลังคลอดบางคนก็นอนป้อนมลูกอยู่เฉย สามสี่วันเลย "พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อยนะคะคุณหมอ ขอโทษนะคะที่ออกจากโรงพยาบาลโดยภาระการ" อินเตอร์กล่าวขอโทษทันที ความจริงเธอจะไปแล้วไม่กลับมาอีกก็ได้ แต่ใจห่วงลูกเกินไปแถมยังมีอารมณ์แปรปรวนหลังคลอดอีก "คุณหมอจะตรวจคนไข้อีกไหมครับ" แอลเอถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นแม่ของลูกคุยกับหมอเจ้าของไข้โดยลืมว่าเขาเองก็อยู่ห้องนี้เหมือนกัน "เอ้าคุณพ่อยังไม่พักผ่อนอีกเหรอครับ ผมออกเวรแบบจริงจังแล้วน่ะ เลยแวะเอาเอกสารยัยตัวเล็กมาให้ครับ คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วยผมขอตัวก่อนดีกว่า สงสัยอารมณ์คุณพ่อจะสวิงด้วยอีกคนครับ" ผมรับขอปลีกตัวออกมาจากรังสีของคุณพ่อลูกหนึ่ง ไม่รู้ที่จ้องผมตาเขม็งทำไมเป็นเพราะหึงหรือหวง ถ้าเดาผมว่าน่าจะทั้งสองอย่าง แต่ก็ยังสงสัยหวงขนาดนี้ปล่อยเมียมาคลอดเองได้ไง ช่างเถอะ ๆ ไม่ใช้เรื่องของเราสักหน่อย ไปดีกว่า. . "หายไปไหนมาอินเตอร์ยังไม่ตอบพี่เลยนะ" ผมถามออกมาทันที่หลังที่หมอเจ้าของไข้ออกไปแล้ว "ไปทำธุระ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละอินเตอร์เหนื่อย อยากพักแล้วพี่จะกลับบ้านเลยไหม" ถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็กลับนั่นแหละ "กลับ" "อืมเดินทางปลอดภัยค่ะ" ฉันยิ้มได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะฝืนยิ้มมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว "พี่กลับไปเอาเสื้อผ้า เดี๋ยวมานอนเฝ้าพี่ลาพักร้อนสามเดือน จะได้เลี้ยงลูกด้วย" แอลเอมองยัยตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บน รถเข็นเด็ก "เดี๋ยวป๊ามานะครับ" แอลเอเขาไปกระซิบบอกลูกใกล้ ๆ ก่อนจะหอมเบา ๆ ที่แก้มยุ้ย ๆ นั่น "เดี๋ยวพี่มาอย่าหนีไปไหนละ ครั้งนี้คงออกไปไหนไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะมีพยาบาลพิเศษมาเฝ้าหน้าห้องให้ตั้งสองคน" คนรู้ทันรีบดักทางเธอทันที ให้ตายสิคิดว่าแค่กลับมาเอาลูกไปด้วย ก็จะไม่ต้องคิดถึงไม่ต้องเป็นห่วงและไม่ต้องเปลี่ยนชื่อลูกตามคนที่เขารักต้องการแล้ว แท้ ๆ ทำยังไงดีล่ะคราวนี้ . สามสิบนาทีต่อมา "หนูแฮมคะ แม่ควรทำยังไงดีนะเป็นห่วงหนูมากเลยนะรู้ไหมคะเด็กดีเราจะอยู่กันไปเรื่อย ๆ กับพ่อของหนูไม่ได้หรอกเขาไม่ได้รักแม่ ตอนนี้แม่มีหนูที่ควรทุ่มเททั้งใจให้หนู" อินเตอร์มองหน้าลูกอย่างสงสาร หากเขารักเราสักเสี้ยวใจก็คงบอกลูกได้เต็มปาก "หรือว่าแม่จะรอให้หนูโตก่อนแล้วเราค่อยปรึกษากันอีกทีว่าหนูอยากอยู่กับใครมากกว่ากันระหว่างพ่อกับแม่ ดีไหมคะหนูแฮม" อินเตอร์ยังคงนั่งมองลูกน้อยพร้อมกับพูดไปเรื่อย ๆ ตามความคิดของเธอ โดยไม่ทันได้สังเกตุเลยว่ามีคนอยู่ในห้องด้วย แอลเอรีบเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ก่อนที่จะอุ้มเอาแม่ของลูกมานั่งบนตักตัวเองทันที "ฝันไปเถอะว่าจะได้ทำอย่างนั่นนะ" แอลเอสวมกอดเธอเอาไว้หลวม ๆ "อะไรของหมอเนี่ย~" อินเตอร์เงยหน้ามองด้วยความงุนงง "หนูแฮมพี่ตั้งใจทำมากนะ อย่ามาพรากพ่อพรากลูกนะ" แอลเอกระซิบบอกข้างหูเบา ๆ "นะ..ไหนบอกว่าไม่อยาก..หะ...ให้หนูฮะ..แฮมเกิดมาไง" อินเตอร์ถามด้วยอาการมึนงง "พี่ตั้งใจ~" อินเตอร์ขนลุกซู่ทันทีที่มือหนาลูบหน้าท้องบางที่ยังมีพุงออกมาเพราะพึ่งคลอดลูก " "มะ..หมอ กะ..โกหก" "พี่พูดจริง ๆ ลองคิดดูดี ๆ สิ" เพียงไม่นานดวงตาสวยก็เบิกกว้าง!! "หมอคิดจะผูกมัดอินเตอร์ด้วยวิธีนี้ดเหรอคะ!!" "ความจริงอยากผูกมัดด้วยทะเบียนสมรสและนามสกุลที่พ่อให้มา แต่ว่าเมียพี่ขี้น้อยใจขี้งอนและมโนเก่งคิดไปเองและไม่เคยถาม เพราะพี่รู้ว่ายังไงหนูก็ทิ้งหนูแฮมไปไม่ได้หรอก" "ชิไอ้ผู้ชายเจ้าเล่ห์!!" . ด้านหมอทักษ์ บ้านพักแพทย์ "เห้อวุ่นวายทั้งวันทั้งคืนของพักสักสิบปีเลยได้ไหมเนี่ย~" ผมบ่นออกมาทันที จากที่จะเป็นวันสบาย ๆ กลายเป็นเหนื่อยมาก สรุปคนไข้ไม่ได้หนี แค่ออกจากห้องไปชั่วคราว อะไรทำให้สามีของเธอมั่นใจว่าเธอจะกลับมานะ และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ตอนแรกผมก็แอบสงสัยว่าทำไมสามีของเธอไม่เป็นเดือด เป็นร้อน ช่างเป็นผู้ชายที่ใจเย็นรู้ใจเมียตัวเอง จริง ๆ "ถ้าเรามีเมียจะเป็นแบบไหนกันนะ" ผมพึมพำเบา ๆ แล้วก็ดันไปคิดถึงเหตุการเมื่อช่วง สาย ๆ ของวันนี้ ป้าคนนั่นกล่าวหาว่าผมเลว ทั้ง ๆ ที่ผมอยู่แต่บ้านพักกับโรงพยาบาล เอาเวลาไหนไปทำใครเขาท้อง!! แต่ความจริงจะว่าไปเวลาว่างผมก็เยอะอยู่นะในที่สุดจดหมายตอบรับการเข้าฝึกงานเป็นนักศึกษา Extern ของสถานพยาบาลแห่งรัฐในกรุงเทพฯ "ในที่สุดพวกเราก็ใกล้จบแล้วสินะ" หนูนาสวมกอดเพื่อนก่อนจะเดินทางเพื่อไปเตรียมตัวเขารับการฝึกงานเป็นปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ "อืมโชคดีที่มีพวกแกค่อยพยุงให้ผ่านช่วงเวลาที่สอบกับอาจารย์ใหญ่" สกาวยิ้มมองเพื่อน ๆ ที่ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันแล้ว "เดินทางปลอดภัยนะแกถึงแล้วคอลสายมาด้วยเข้าใจไหม" หนูนาเข้ามาสวมกอดเพราะเพื่อนสาวจะต้องไปฝึกงานไกลกว่าคนอื่น ๆ ในคลาสเรียน กรุงเทพมหานคร "ไงเราจะเข้าฝึกงานวันไหน" พี่สกายถามฉันทันทีที่เจอหน้าเพราะฉันให้พี่ชายมารับกลับไปหาสุดหล่อกับสุดสวย "วันจันทร์หน้ามีเวลาพักอีกสามวันขอกลับไปฟัดเจ้าแฝดให้ชื่นใจก่อนนะคะ" สกาวสวมกอดพี่ชายก่อนจะพากันเดินออกจากสนามบิน "หิวไหมพี่ว่าเราแวะหาอะไรกินก่อนไหม หรือจะไปกินที่บ้าน" สกายถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว "ไม่หิวกินมาแล้วค่ะ กลับบ้านเลย" สกาวตอบพี่ชายของเธอก่อนจะไถ่โทรศัพท์เล่น และดูความเคลื่อนไหวอัพเดทสถานะของคุณหมอ อดีตแฟนของเธอ จะว่าอดีตเลยก็ไม่ได้เพราะเธอกับเข้ายังไม่ได้จบกันจริง ๆ "เฟียสกับซีเฟีย โตไวมากเลย
หลังจากวันนั้นการเรียนของสกาวและเพื่อน ๆ ก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว "แกจะฝึกงานตอนไหนเหรอ" ข้าวปุ้นหันมาถามเพื่อนสาวที่กำลังแต่งหน้าอย่างมีสมาธิตอนนี้ทุกคนกำลังจบหลักสูตรและสาว ๆ แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นสาวร้อนแรงแห่งคณะแพทยศาสตร์ "ยังไม่รู้กำลังดู ๆ อยู่เหมือนกันคงจะเรียนจบก่อนค่อยฝึกมั้ง" สกาวตอบทั้งยังกำลังลงสีลิปสติกของพี่ชายที่กำลังเริ่มลงทุนสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง "เหรอ ดีจังแกเลือกลงเองแต่ฉันนี้สิโคตรเซ็ง" หนูนาทำหน้าบึ้งหลังจากได้ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง "ทำไมไหนเล่ามา" ข้าวปั้นที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนรวมถึงเรื่องหัวใจด้วย "พ่อฉันนะสิชอบบงการชีวิตไม่ชอบเลย ที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเป็น อีสเทอร์ ที่เดียวกับพวกแกคงไม่ได้แล้วนะ พ่อฉันจับลงฝึกกับลูกเพื่อนเขา เซ็ง ๆ เซ็ง" หนูนาทั้งบ่นทั้งทำหน้าบึ้งและไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมรับ ชาตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ด้วยฝีมือคุณพ่อ "อ้าวงั้นก็เหงาแย่เลยไม่มีสาวฮอตประจำกลุ่ม" สกาวมองเพื่อนอย่างเห็นใจเพราะเธอเข้าใจดี "โอ้ ๆ น๊าเพื่อนร๊าก" ข้าวปุ้นกอดแขนปลอบเพื่อนอย่างเห็นใจ "แล้ว
สกาวยังคงนั่งมองคนที่เสนอแผนการนิ่งอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเธอไม่ได้สนใจแค่ฟังเฉย ๆ "ตกลงไหม" เรย์ถามขึ้นหลักจากบอกเล่าแผนการของตัวเองจบลงในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น "แล้วทำไมไม่ไปจ้างนักแสดงหรือดาราละ ไม่มีเวลามาเล่นอะไรแผลง ๆ ด้วยหรอกนะคะ" สกาวนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน "มีแค่ช่วยกับช่วยเท่านั้น" คนที่ทำทีมาดเข้มตั้งแต่ที่แรกกับลังเข้าสู่โหมดบังคับเธออยู่ซึ่งเธอไม่ชอบ "เฮ่อ ครั้งเดียวนะคะฉันบอกคุณไปแล้วนะว่าฉันรีบหากเล่นไม่สมจริงก็อย่ามาโทษกันละ" คุณแม่ลูกสองหงุดหงิดกับการที่ถูกบังคับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี "อืม" เรย์ที่ยิ้มอย่างพึงพอใจและจ้องมองสีหน้าอารมณ์ของคนที่ตนเองบีบบังคับแล้วรู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย กรุงเทพมหานคร เครื่องบินที่ถูกบังคับด้วยลูกน้องผู้ชำนาญของเรย์ก็ลงจอดที่สนามบินต้นทางอย่างปลอดภัย "เริ่มงานคืนนี้อย่าให้ต้องรอ" สกาวมองคนที่พูดแล้วเดินผ่านไหล่เธอไปอย่างคนเร่งรีบทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้มากกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเอง "ชิ อย่าให้ต้องรอ" ร่างบางเลียนแบบและพูดตามเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อไปเยี่ยมแฟนหนุ่มที่ตกลงคบหากั
การเริ่มต้นใหม่มันไม่ง่ายอยากที่คิดแหะ ความคิดถึงยังคงอยู่ภายในใจ ซีเฟีย และ เฟียส อยู่ในการดูและของพี่ชายคุณยายหายไปเลยหลักจากสร้างเรื่องวุ่น ๆ ให้หลานสาวต้องเสียน้ำตาคุณหมอก็ยังคงคอยห่วงใยเธอทั้งยังค่อยช่วยเลี้ยงเจ้าแฝดให้เพราะพี่สกายโทรมารายงานเธอ ส่งรูปคนเป็นแฟนเธอเข้ามาให้เห็นทุกครั้งที่เขาเข้าไปหาเด็ก ๆ "สกาวคิดอะไรอยู่เหรอ" นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ เพื่อนใหม่ของเธอเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเหม่อใจลอย "ตกใจหมดเลยข้าวปุ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงหัวใจจะวายตาย" สกาวมองเพื่อนใหม่อยากคาดโทษชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาให้ตกใจทำเอาเธอขวัญเสียหมด "เอ้า ก็เห็นนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงใครอยู่เหรอจ๊ะ" ข้าวปุ้นมองเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ เพราะเธอสอบติดคณะแพทย์เพียงคนเดียวของโรงเรียนมัธยมปลาย ส่วนเพื่อน ๆของเธอก็สอบติดคณะอื่น ๆ เช่นกัน "ไม่บอกหรอก" สกาวทำเป็นไม่สนใจเพื่อนสาวคนสวยของเธอก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบข้าวกล่องที่ข้าวปุ้นเตรียมมาอย่างเนียน ๆ โดยเจ้าของข้าวกล่องนั้นเอาแต่สนใจโทรศัพท์ "เฮ้! ไปอดไปอยากมาจากที่ไหนเนี่ย" ข้าวปุ้นมองข้าวกล่องของตัวเองที่ถูกฉกไปด้วยมือของเพื
สองวันต่อมา จะบอกว่ามาทั้งครอบครัวก็คงไม่ถูกเพราะมีเพียงยายของเธอพี่ชายและแฟนของพี่ชายเท่านั้น ส่วนพ่อกับแม่ก็คงจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกเสมอ เธอเริ่มชินชาไปแล้ว "ไหนเหลนยายอยู่ไหน" คนที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาโดยไม่เคาะรีบสาวเท้าเดินเข้ามาในห้องมองหาเหลนตัวน้อยทันทึ "ชิทำไมเขาอยู่ในนี้ละ" เหมือนเห็นคุณหมอที่เธอเคยมีปากเสียงด้วยกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ก็หันหน้าไปถามหลานสาวทันที "คุณยาย" สกาวเรียกยายนีน่าเสียงเบาเธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องราวระหว่างเขากับเธอยังไงดีให้คุณยายเข้าใจ "ตอบยายมาทำไมตานี่ถึงมาอยู่ในนี้ ทั้งยังมาอุ้มเหลนยายอีก" คุณยายนีน่าอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหมอทักษ์และเหลนน้อยในวงแขนของชายหนุ่ม "คือหนูกับพี่หมอตกลงคบกันค่ะ" สกาวบอกคุณยายของเธอทั้งลุ้นไปด้วยเพราะเกรงว่าคุณยายจะโกรธเธอ "เหอะ" คุณยายนีน่าไม่มีคำที่จะพูดออกมาในตอนนี้เพราะกำลังเห่อเหลนตัวน้อยทั้งสองคน เดินเอาไปแยกเด็กน้อยในอ้อมแขนหมอทักษ์มาอุ้มเอง "ส่งเหลนฉันมาสิ" คนที่ยืนประจันหน้ากันคนที่อายุอย่างคุณยายนีน่าก็ยังเกลียดเขาอยู่พร้อมแค่ด่าเขาไปด้วย ถามว่าด่าแล้วจำได้ไหมคุณยายได้เคยจำเพราะเน
"อะแฮ่ม" เสียงของสกายดังขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูใส่ใจกันมากกว่าคนไข้กับคุณหมอ "อ้าวพี่สกายว่างมาเยี่ยมน้องด้วนเหรอคะ" สกาวทำหน้าเหมือนสงสัยทั้งยังปั้นหน้าทำงอนใส่พี่ชายแท้ ๆ ของเธออีกด้วย "เอ๊ะ..มากับใครคะเนี่ย" สกาวมองหน้าบุคคลที่นั่งข้าง ๆ พี่ชายเธอหน้าตาสาวสวยคนนั้นดูคุ้น ๆ เหมือนเธอเคยไปเจอที่ไหนมานะจำไม่ได้แต่ก็ช่างมันเถอะ "น้ำครับ" หมอทักษ์ไม่สนใจบทสนทนาของพี่น้องแต่ก็ฟังพวกเขาพูดคุยกันและยื่นแก้วน้ำให้เธอ "เด็ก ๆ ละคะ" สกาวถามเขาทั้งยังไม่ได้มองไปข้างเตียงอีกฝังของตัวเองเพราะในห้องมันเงียบมาก "อยู่ตรงนั้นครับยธงหลับอยู่เลย" หมอทักษ์ชี้ไปตรงข้างเตียงอีกฝั่งให้เธอได้หันไปมอง "ขี้เซา" สกาวมองลูก ๆ ของเธอทั้งแอบบ่นออกมาเล็กน้อยพอหมอทักษ์ได้ยินก็ยิ้ม "เหมือนแม่" บอกกับเธอที่ยังคงจับตามองลูกแฝดโดยไม่ได้สนใจพี่ชายตัวเองเลย และคนเป็นพี่อย่างสกายก็ไม่คิดจะเย้าแหย่หรือวุ่นวายกับน้องสาวมากนัก "ไม่เหมือนสักหน่อย" เธอมองเด็กน้อยด้วยความสุขจนล้นหัวใจ "อีกสองวันคุณยายจะเดินทางกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยละ" สกายพูดขึ้นหลังจากที่น้องสาวเขาได้นอนพักผ่อนอีกครั้ง "เตรี