“คนไข้ต้องการบลอกหลังค่ะคุณหมอ อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลรีบบอกและเดิมตามหมอทักษ์เข้าไปในห้องผ่าคลอดฉุกเฉินของแผนทันที
“คุณหมอมาแล้วอุปรกรณ์พร้อม ทำการฆฆ่าเชื้อเรียบร้อย” บุรุษพยาบาลที่เตรียมอุปกรณ์ในห้องคลอดรีบบอกทันทีเหมือนหมอประจำแผนกเข้ามาทำการผ่าคลอดให้กับคนไข้ฉุกเฉิน “ทุกคนพร้อมนะ เริ่มเลย” หลังจากนั่นทั้งผู้ช่วยและบุรุษพยาบาลก็เริ่มทำหน้าที่องตนเอตามคำสั่งของหมอใหญ่แบบทักษ์ เป็นอย่างดี จนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากทำการผ่าคลอดจบลง ทุกคนก็ค่อยดูแลทารกน้อยที่ร้องเสียงดังลั่นในห้องคลอด ทำให้ครอบครัวคนไข้ที่รอลุ้นอยู่ข้างนอกตื่นต้นและดีใจมาก ๆ หลังจากได้ยินเสียงเด็กร้อง แอด~ เสียงเปิดประตูห้องคลอดออกมาพร้อมกับหมอใหญ่ เด็กและคุณแม่ผ่าคลอด “ดีใจด้วยนะครับคุณได้ลูกสาวสมบูรณ์ แะแข็งแรงดี ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเดียวพยาบาลจะไปส่งคุณแ่ที่ห้องพักและส่งเด็กไปที่ห้องเด็กอ่อนก่อนนะครับ หลังจากนั้นคุณพ่อไปขอเอกสารการแจ้งเกิดน้องที่เค้าเตอร์การเงินได้เลยนะครับ มีพยาบาลคอยให้บริการอยู่ครับ” หมอทักษ์บอกกับคนเป็นสามีของคนไข้ด้วยรอยยิ้มยินดีปรีดาเล็ก ๆ ในวันที่เขาวุ่ยวายก็ยังมีสมาธิดีเสมอมา “ครับขอบคุณคุณหมอมากครับ ที่ดูแลและบริการอย่างดี เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพทั้งบุคลลากรจริง ๆ ครับ” ญาติคนไข้รีบขอบคุณ คุณหมอและหันไปขอบคุณกับบุคคลอื่น ๆ ที่คอยแนะนำตั้งแต่นาทีเร่งรีบที่ภรรยาของเขาเจ็บท้องคลอด สมแล้วที่เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมในต่างแดนแบบนี้าได้ยากมากนักที่ทางรัฐของประเทศจะสนับสนุนโรงพยาบาลของชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช้้ดินแดนบ้านเกิด “มันเป็นหน้้าที่และสวัสดิการของทางโรงพยาบาลอยู่แล้วครับเชิญคุณพ่อไปดูแลคุุณแม่ก่อนก็ได้นะครับแล้วค่อยมาห้องการเงินเพื่อดำเนินเรื่องอีกที” หมทักษ์บอกกับญาติคนไข้ก่อนจะขอตัวไปพักที่ห้องทำงานของตนเองทันทีเพราะความเหนื่อยล่าจากการผ่าตัวด่วน .เพียงหลับตาก็้มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวสมองของเขาทันที ‘ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!’ จนทำให้ตัวเขาเบกตากว้างแทบจะนอนไม่หลับอีกเลย ทำไมชีวิตเขามันช่างดูวุ่นวายขนาดนี้นะยิ่งโตยิ่งเหนื่อย ทำไมเสีงยัยป้าคนนั้นต้องมาหลอกหลอนในหูและหัวสมองเขาด้วยเนี่ย ชิหงุดหงิดชะมัดเลย “คุณหมอคะมีเคว คนไข้เตรียมคลอดค่ะเควฉุกเฉิน คุณแม่น้ำคล่ำแตกกำลังเดินทางมาค่ะ ทางเรากำลังเตรียมห้อคลอดรอแล้วค่ะคุณหมอ” เสียงผู้ช่วยพยาบาสทำให้ทักษ์กลับมามีสติอีกครั้ง “ครับ ตอนนี้คนไข้ยัังมาไม่ถึงใช่ไหม” ผมมถามออกไปในขณะที่ฟังเธออยู่ ความจริงคือรู้อยู่แล้วหลังจากที่ฟังผ้ช่วยพยาาลกล่าวจบเพื่อความแน่ใจผมจึงต้องถามซ้ำออกมาอีกครั้ง “ใช้ค่ะคุณหมอมีเวลาเตรียมตัวสิบนาทีนะคะ คนไข้ใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลกล่าวย้ำอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปเตรียมตัวเพื่อความพร้อมทางการแพทย์และบุคคลากรของทางโรงพยาบาลตามหน้าที่ ของตัวเอง หลังจากที่ผู้ช่วยพยาบาลของผมเดินจากไป ผมก็รีบเตรียมตัวทำหน้าที่ของตัวเอง และเดินตามเธอออกมาเลยเพื่อมาตรวจเช็คความพร้อมอีกรอบ “คุณหมอะคนไข้มาถึงแล้วค่ะทางเราดูแล้วปากมดลูกเปิดยังไม่ครบแปดเซนยังทำการคลอดไม่ได้ค่ะคุณหมอ” พยาบาล ผู้ช่วยบอกปัญหาเบื้องต้นของคนใข้เคสใหม่ "อืม เด็กกลับหัวใช่ไหมเช็คละเอียดหรือยัง" ผมถ้าพยาบาลผู้ช่วยอีกครั้ง เพราะ ผมเองก็พึ่งมาดูเคสใหม่โชคดีมากที่ผมยังอยู่เวร ตอนนี้เพื่อรอเปลี่ยนเวรกับเพื่อนอีกคนซึ่งก็ยังไม่มาสักที ตึก ๆ ตึก เสียงวิ่งอย่างเหนื่อยหอบย่างกายเข้ามาอย่างรีบร้อน “มาแล้ว ๆ โทษทีนะที่มาช้าไปหน่อยเกือบไม่ทัน เฮ่อ ๆ” สิ้นเสียงพูดก็ยังคงมีเสียงลมหายใจที่หอบเหนื่อย ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ "มาก็ดีแล้วรอรับเคสอื่นไป เดียวเคสนี้ผมรับเองไหน ๆ ก็รับมาตั้งแต่แรกแล้ว ไปพักเถอะครับ” ผมบอกกับคนที่กำลังดูเหนื่อย ๆ อย่างหมอดิน "ขอบคุณมากครับหมอทักษ์" หมอดินกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเดินไปห้องพักอีกฝังหนึ่งของตัวเองเพื่อเตรียมตัวรับเคสอื่น . “คุณหมอคะคนไข้ปากมดลูกเปิดแปดเซนแล้วค่ะ กำลังย้ายคนไข้ไปห้องคลอดค่ะคุณหมอ” พยาบาลผู้ช่วยแจ้งให้ผมทราบเรื่องของคุณแม่รอคลอดขอเคสที่ผมรับมาดูแล “โอเคคุณเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบและพร้อมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผมมองตรงไปยังเธอที่พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเตรียมคลอดก่อนผม ะ ‘ขอให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ฟู้ว’ ผมภาวนาในใจเพราะนี้คงเป็นเคสสุดท้ายของวันนี้ และผมจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักที ความจริงผมไม่จำเป็นต้องรับคนไข้ก็ได้หมอที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้คลาดแคลน และที่ผมรับเคสคนไข้บ่อย ๆ เพราะผมว่างจริง ๆ ว่างมากเลยละ ห้องคลอด “คุณแม่หายใจเข้าลึก ๆ นะครับ เตรียมเบ่งนะครับไม่ต้องเกรง ปล่อยตามธรรมชาติ เบ่งตามจังหวะลมหายใจนะครับ” ผมบอกคุณแม่ท้องแรกเพราะดูจากความกังวลแ้วเธอยังตื่นเต้นมาก ๆอีกด้วยนะ “ค่ะคุณหมอ” คนไข้ของผมทำตามอย่างใจเย็น ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงกว่าเด็กทารกจะยอมออกมาและส่งเสียงร้องดังลั่นห้องคลอด "ยินดีด้วยนะครับคุณแม่น้องเป็นเด็กผู้หญิงนะครับ น้ำหนักตัว 2970กรัม อยู่ในเกณฑ์ปกติครับ" ผมบอกคุณแม่ลูกหนึ่งที่ตอนนี้พยายามน้องเด็กทารกตัวน้อยที่กำลังถูกผู้ช่วยพยาบาลไปนำไปอาบน้ำเช็ดตัวอยู่ "อะ อะไรนะคะ นะ...น้องเป็นเด็กผู้หญิงเหรอคะคุณหมอ" เธอถามผมดวงตามีน้ำตาคลออยู่ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ แต่ดูแล้วน่าจะดีใจมากกว่านะ "ครับเด็กผู้หญิงสมบูรณ์มากเลยครับ" ผมตอบเธอออกไปเด็กทารกน่ารักจ้ำม่ำมาก "ขอบคุณนะคะคุณหมอ อินเตอร์ขอดูหน้าลูกหน่อยได้ไหมคะ" เธอถามออกมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม "ได้ครับเดียวผมอุ้มน้องมาให้คุณแม่นะครับรอพยาบาลทำความสะอาดน้องแปบหนึ่งนะครับ" ผมบอกเธอแล้วยิ้มออกมาด้วยความยินดี "ว่าแต่คุณแม่ตั้งชื่อน้องยังครับ" เพราะผมต้องเขียนชื่อของทารกที่ไว้ที่ข้อมือกันผิดฝาผิดตัว เดียวจะวุ่นวายกันทั้งแผนก "อินเตอร์ตั้งแล้วนะ น้องแฮม เด็กหญิง ณเวฬา อินเตอร์ชอบชื่อนี้ค่ะคุณหมอ" ้ํอบอกผมยิ้ม ๆ แต่แววตาทำไมมันดูเศร้าแปลก ๆ นะ ผมคงคิดไปเองละมั้ง ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย . น้องมาแล้วครับคุณแม่" ผมอุ้มเด็กทารกมาให้เธอทันทีที่เด็กน้อยได้อาบน้ำเสร็จ "คุณหมอช่วยถ่ายรูปให้อินเตอร์หน่อยได้ไหมคะ" เธอถามผมด้วยแววตาน่าสงสารมากแล้วใครมันจะไปปฎิเสธลง! "ได้ครับ ๆ" หลังจากนั้นผมก็ถ่ายรูปให้เธออีกหลาย ๆรูป "ขอบคุณนะคะคุณหมอ คุณหมอช่วยเขียนชิ่อเล่นกับชื่อจริงให้หนูแฮนด้วยนะคะ ส่วนนามสกุลเดียวพ่อเขาคงใส่ให้เองค่ะ อินเตอร์อยากพักแล้ว" ผมมองคนไข้ด้วยความงุนงง อะไรของเขาว่ะ แปลก ๆ แต่ช่างมันเถอะ ผมก็ทำตามที่คนไข้บอกและให้บุรุษพยาบาลพาไปห้องพักที่จ้องไว้ทันที . ภายในห้องพักของอินเตอร์ "ลูกอยู่ไหน แอลเอถามออกมาทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก" "สนใจด้วยเหรอคะ คิดว่าสนใจแต่งานกับคนที่หมอรักสะอีก เดียวก็คงมีคนมาส่งมั้งคะ" อินเตอร์ตอบและมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพัก ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด นี้สินะความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายหลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้วละ "ผมถามคุณดี ๆ แล้วนะอินเตอร์เลิกทำตัวประชดกันสักทีได้ไหม ผมไม่เคยขอให้มารัก ไม่เคยขอความรักจากคุณเลย!!" นี้สินะดีแล้วละหลังจากนี้ไปคงจากกันแบบไม่หวนมาเจอกันอีกแน่นอน 'แม่ขอโทษนะหนูแฮม แม่หนูที่สุด' ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ "ขอโทษนะครับเอาน้องมาส่งคุณแม่ครับ" ผมเอาเด็กทารกน่ารักมาส่งด้วยตัวเอง นี้สินะพ่อเด็กตอนคลอดก็ไม่อยู่คงยุ่งมายังสวมชุดกาวน์อยู่เลย "ขอบคุณนะคะคุณหมอ" แม่เด็กหันมาะยายามส่งยิ้มให้ผม ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่านะ "ครับนี้ครับเอาตัวเล็กมาส่งหลับปุ๋ยเลย คงต้องรออีกสักพักเดี๋ยวพยาบาลเข้ามาสอนวิธีให้น้องกินนมแม่นะครับหมอขอตัวก่อน" ผมปลีกตัวออกมาทันทีที่บรรยากาศในห้องมันช่างมาคุเหลือเกิน เห้อ~ ได้พักจริงจังสักที "อินเตอร์!! ทำไมตั้งชื่อลูกไม่ปรึกษากันสักคำฮะ!" "ไม่ชอบเหรอ หึไม่ชอบก็เปลี่ยนเลยก็ได้นะไม่ได้สำคัญอยู่แล้วนิ จะปรึกษาคนที่หมอรักก็ได้นะอินเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับคนสำคัญของหมออยู่แล้ว เหนื่อยอยากพัก กลับไปสักทีเอาลูกกับไปด้วยเลยก็ดี!" สิ้นเสียงพูดอินเตอร์ก็ล้มตัวนอนทันที หลับตาลงเพื่อปกปิดความเจ็บปวดเอาไว้ เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าก็ก้าวออกจากห้องไปพร้อมกับเด็กทารก อินเตอร์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง 'ลาก่อน' ข้อความสั้น ๆ เขียนทิ้งไว้บนหัวเตียงพร้อมกับร่างบางที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาใช้ชุด ธรรมดา แล้วออกจากห้องนั่นไปทันที ห้องพักแอลเอ "ไอ้หมอลูกใครวะ" โรมเมท ที่มาหาพี่ชายพร้อมกับเวียงพริ้งก็ถามขึ้นมาทันที "ลูกหมอแอลเหรอคะ น่าชังจังเลย" เวียงพริ้งถามด้วยรอยยิ้ม "ชื่อน้องอะไรเหรอคะ" เวียงพริ้งถามอีกครั้ง จะได้เรียกตัวเล็กถูก อีกฝั่งหนึ่งคนที่อยากเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายก็ยื่นอยู่หน้าห้องของแอลเอ "อยากตั้งไหมล่ะ" เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วอินเตอร์ ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาแล้วค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไปทันที "ละ..ลาก่อนนะคะหนู แฮมของแม่" . สนามบิน อินเตอร์รออย่างใจเย็นพยายามที่จะไม่ร้องไห้ เธอไม่ได้กังวลอะไรเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนสำคัญคงไม่มีใครตามหาเธออยู่แล้วที่ผ่านมาที่เธอทนเพราะเธอรักมากใจก็เตรียมพร้อมที่จะเจ็บมากเช่นกัน . ด้านโรงพยาบาล "คุณหมอคะ! คนไข้หาย!!" หลังจากที่ทักษ์กะจะได้พักผ่อนยาว ๆ ต้องมาวุ่นวายอีกแล้ว!! ให้ตายสิวะ หมดแล้วเวลาพักผ่อนต้องมาตามหาคนไข้อีก ห้องไหนเนี่ย~"ห้องไหนครับที่คนไข้หนีออกไปจากโรงพยาบาล" ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที "ห้องVvip09 ค่ะคุณหมอ" ผู้ช่วยพยาบาลบอกผมด้วยทางทีรู้สึกผิด "ฮ้ะ!! เธอพึ่งคลอดลูกไปไม่ใช่หรือไง คุณปล่อยให้คาดสายตาได้ไงเนี่ย รปภ.ก็ไม่มีใครสังเกตเลยสักคนเหรอ" ผมถามออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ผมพึ่งทำคลอดให้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไม่แล้ว ร่างกายฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ~ แล้วทารกละ ทารกก็เอาไปด้วยเหรอทำไมไม่มีให้สังเกตนะ ผมเอามือกุมขมับทันที ให้ตายสิวุ่นวายทั้งวันจริง ๆ ทำไงละทีนี้อะไรก็ยังไม่ได้ตรวจผลค่าเกล็ดเลือดทารกก็ยังไม่ออก จะไปก็ไปเลย แผลเย็บคุณแม่ก็ยังไม่ได้ตรวจอีก ผมรีบต่อสายหาคุณอาทันที จริงสิกล้องวงจรปิด มีทั่วทั้งตึกนี่นา!! ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~ 'ฮะโหลว่าไงตาทักษ์' เสียงอาทิวเขาดังขึ้นจากปรายสาย "อาครับ! คนไข้หนีออกจากโรงบาลช่วยเช็คกล้องตึกผู้ป่วย Vvipให้ผมหน้อยครับ ห้อง Vvip09 ครับอา" ผมกำลังรอคำตอบจากคุณอาอย่างใจเย็น 'อะไรนะคนไข้หนีออกจากโรงบาลเหรอเป็นไปได้ไงเนี่ย~' ทิวเขาถามด้วยความสับสน เพราะโรงพยาบาลเขาไม่เคยมีประวัติคนไข้หนีออกจากโรงบาลเลย ไม
“เตรียมของหรือยัง นี้ถ้าคุณยายไม่มีธุระด่วนที่ต่างประเทศนะแกได้กลับไทยตั้งแต่วันนี้แล้วยัยสกาว ยัยเด็กดื้อกล้าลั้นคำสั่งคุณยายถือว่าเก่งมากน้องสาวพี่ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” ใช้แล้วละคุณยายมีธุระด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าที่ต่างประเทศเพราะบริษัทมีปัญหาใหญ่ แน่นอนว่าฉันไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้แน่นอน รอพี่สการับปริญญาปัญหาภายในบริษัทจะแก้ไขเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ “นี้ชมหรือด่าเอาสักอย่างเถอะน่า กาวเตรียมเสร็จแล้วพี่เองเหอะน้ำยังไม่ได้อาบมายังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอว่าเตรียมของเสร็จยัง” ฉันมองพี่ชายที่ใส่ชุดนอนที่มีแค่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงในสีดำที่เลยง้ามขามาแค่หนึ่งนิ้ว! เป็นภาพที่ชินตามาตั้งแต่มัธยมต้นยันมหาลัย ไม่รู้ชอบอะไรกับการอยู่บ้านลุคนี้นักหนา “ดูสะภาพตัวเองต่างกันตรงไหน ไอชุดนอนไม่ได้นอนนี้ใส่ให้ใครดูไม่ทราบผัวก็ไม่มี” ฉันฟังพี่ตอบกลับอย่างไม่สนใจมากนักหรอก“แต่ฉันมีลูก~” ฉันตอบกลับทันทีโดนไม่สนใจคนทำตาโตด้วยความอึ้งอยู่หน้าห้อง “เหอะให้ตายสินี้ฉันแน่ใจแล้วนะเนี่ยว่าแกจงใจตั้งท้องแถมยังแอบเลือกพ่อพันธุ์ดีอีกด้วยใช่ไหม ยอมรับมาเลยนะไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณยาย! ยัยเด็กตัวแสบ” พี
ติ๊งติ๊งติ๊ง ในขณะที่สกายพูดสายอยู่เสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันการเงินก็ดังขึ้นระหว่างรอคำตอบ จนทำให้หัวคิ้วของสกายขมวดเข้าหากัน "สกาว!!" เสียงของสกายส่งดสียงออกมาดังมากจนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาสดุ้งตัวหันกลับมามอง "ขอโทษครับ ๆ" สกายน้อมตัวขอโทษที่เผลอคุยโทรศัพท์เสียงดัง 'เฮือก! อะ..อะไรพี่สกายเรียกสะดังเลย' ไม่เว้นแม้แต่ปรายสายก็ยังตกใจกับชื่อตัวเองที่ถูกพี่ชายตะโกนเรียก "อยู่ไหน" สกายพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้พุ่งพล่าน แม้หัวคิ้วจะกระตุกนิด ๆ ก็ตาม ท่องเอาไว้ในใจ พุธทนหนอ โธทนหนอ อยู่อย่างนั้น'อยู่ชอปกระเป๋าค่ะ กาวจองกระเป๋าไว้สามใบ~' น้ำเสียงของปรายสายยังคงไม่รู้ตัวว่าทำคนขี้เหนียวโกรธมากจนแทบอยากจะบีบคนถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องตัวเอง "เคเดียวพี่ไปหา เอาแบล็กการ์ดพี่ไปใช้คือไม่คิดจะขอกันเลยนะ หยิบไปตอนไหน" สกายพยายามที่จะไม่เอาเรื่องน้องสาวตัวเอง 'ก็ยืมเอามาใช้ก่อน เฉย ๆ นะคะเห็นพี่รีบกาวก็เลยไม่ได้บอก' เสียงปลายสายพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่ได้ใช้เงินพี่ชายของเธอที่ขี้งก ที่ 1 ไม่รู้จะเก็บสะสมเงินไว้ใช้ไปทำอะไรนักหนา แบ่งให้น้องอย่างเธอใช้บ้างขนหน้าแข้
ทางด้านประชาสัมพันธ์ "แกโอเคป่ะยันวัชพืชมงคล" เพื่อนสาวที่สังเกตการณ์และรู้ดี ยิ่งกว่าตัวเธอทักถามขึ้นมาทันทีเมื่อ คนไข้สองชายหญิงเดินจากไป "ชื่อใบหม่อน เรียกดี ๆ ดิ ยัยโคลน ทำไม่จะไม่โอเคละ คนอย่างใบหม่อนเลิกคือเลิกไง" หญิงสาวพูดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีทางกลับไปคืนดีกับอดีตแฟนหนุ่มอย่างสกาย "ชื่อชาโคลเหอะ แล้วทำไมถึงเลิกกันได้วะเห็นแกสองคนรักกันออก ขนาดนั้นไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องเลิกลากัน คนเชียร์อย่างฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ" ชาโคลยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้เพื่อนสาว "อืม ก็ไม่คิดเหมือนกัน เขาไม่ง้อจะหน้าด้านกลับไปขอคืนดีก็ไม่ได้แล้วป่ะเป็นคนบอกเลิกเองก็ต้องทำใจอยู่ดีว่ะ" ใบหม่อน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ เพราะความที่เธอปากไว(พล่อย)ไปหน่อย เลยขอเลิกไปอย่างนั้นและไม่คิดว่าจะต้องเลิกกันจริง ๆ "ถามจริง! แกได้พกสมองมาด้วยป่ะเนี่ย~" ชาโคลมองเพื่อนสาวตัวเองอย่างอึ้ง ๆ รักกันปานจะกลืนกินจะเลิกก็เลิกกันง่าย ๆ ขนาดนี้เลยหรอวะ คนสวยไม่เข้าใจ! "ถ้าไม่พกมาจะเรียนจนจะจบแล้วต้องมาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ไหมล่ะ ถามอะไรโง่ ๆ ไม่สมกับชาโคลเลยนะ" ก็ไม่ต้
ร่างบางเดินตามหาพี่ชาย ทันทีที่เก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง เดินไปหาทั่วแผนกก็ยังไม่เจอไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน "ไปไหนของเขานะ" ฉันเดินออกมาจากแผนกฝากครรภ์แล้ว พอมองหาพี่ชายตัวเองก็ไม่พบโทรศัพท์ก็ทิ้งไว้มันหน้านัก พ่อคนรวยพ่อจอมงก 'สกาย ใบหม่อนขอโทษ ใบหม่อนอยากขอบคุณช่วงเวลาดี ๆ ที่เรามีด้วยกันแล้วก็ขอโทษที่เผลอพูดบอกเลิกไปวันนั้นใบหม่อนไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ' 'เราจบกันไปตั้งนานแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาขอโทษเราหรอก ใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ดีนะ' ฉันที่เดินตามหาพี่ชายตัวเองก็เผอิญได้ยินเสียงคุยกันครั้งแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคนชื่อเหมือนกันก็มีตั้งเยอะแยะ จนได้ยินเสียงพี่ชายของฉันพูดขึ้นมานั่นแหละ นี่พี่เราไปแอบมีแฟนตอนไหนเนี่ย อย่าให้รู้นะว่าแอบปิดบังแม่จะฟ้องคุณยายให้หมดเลย "พี่คะ หนูเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า" ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชายตัวเองทันทีเมื่อเห็นร่างของสองคนคุยกันอยู่แล้วยังเข้าไปถามอย่างคนไม่รู้อีโนอีเน กลายเป็นคนอินโนเซ้นท์ไปชั่วขณะ ใครใช้ให้พี่หน้าแกล้งล่ะ "เปล่าไม่ได้มาขัดจังหวะอะไร แค่บังเอิญคุยกันถูกคอเฉย ๆ นะเสร็จแล้วหรอไปกันเถอะ" สก
"___" ..."___!?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบและยังไม่ตอบอะไรสกาวก็ได้แต่เงียบและรอฟังอย่างใจเย็น "นั่งก่อนสิคะ" ฉันบอกกับคุณใบหม่อนที่ยังไม่เคยปากพูดอะไรไม่รู้ว่าแค่แวะมาทักทายเฉย ๆ จริง ๆหรือเปล่าหรือมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ท่าทางดูเหมือนว่าจะคิดหนักมากเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ" หลังจากคำเชิญชวนใบหม่อนก็นั่งลงข้าง ๆ สกาวทันทีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยราวกับว่ามีความในใจมากมายอยู่เต็มเปี่ยมที่อยากจะคุยกับสกาว "คุณใบหม่อนมีอะไรจะคุยกับกาวหรือเปล่าคะมีเรื่องหนักใจหรือทุกข์ร้อนใจอะไรระบายกับกาวได้นะคะกาวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอค่ะแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็เถอะ" ระหว่างรอรับยาฉันก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีคนเข้ามาทักมาคุยด้วย "คือจริง ๆ แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอคุณกาวนิดหน่อยนะคะไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณกาวเข้าใจดี" ใบหม่อนพูดออกมาทันทีหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นมา "พูดได้นะคะเรารับฟังเสมอค่ะ" สกาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วมองคนที่อยากจะคุยกับเธอ "ว่าแต่คุณกาวอายุเท่าไหร่หรอคะ ส่วนหม่อนตอนนี้อายุ 25ปี แล้วค่ะ" เธอถามอายุของสกาวพร้อม
"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน "ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ""กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที "ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที ."คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง "โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน "ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย ..ภายในรถ "น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอ
พอนึกถึงวันนั้นก็แอบหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่มาก จุดเริ่มต้นของการอยากลองของมันมาจากตรงนี้สินะ วันนั้นที่ทะเลาะกับคุณยายแล้วแอบหนีเที่ยว! "ยัยตัวแสบมานี้สิยายมีเรื่องจะคุยด้วย เร็ว ๆ อย่ามาทำหน้าทำตาอาลัยอาวรณ์อย่างนั้น" ยายผู้ที่คอยดูและและกำหนดชีวิตหลาน ๆ ทั้งหลายของนางเรียกยัยสกาวอย่างฉันเข้าไปคุยไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร คนพึ่งเรียนจบพร้อมกลับมานอนสลบอยู่ที่บ้านก็ต้องฝืนร่างกายตัวเองมานั่งเป็นกลุสตรี ต่อหน้าคุณยาย "มีอะไรคะ กาวง่วงอยากนอนอ่อนล้าไปหมดรีบคุยมาได้เลยคะคุณยายขา~" ฉันหันไปตอบรับเสียงหวานเพราะง่วงมากจริง ๆ "เรียนจบแล้วใช่ไหม พอดียายมีคนแนะนำอยากให้รู้จักสนิทสนมกันไว้ไหน ๆ ก็ต้องเป็นคู่หมั้นคูหมายกันอยู่แล้ว" และนั่นแหละหลังจากที่คุณยายพูดจบก็เหมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายฟ้าถล่มดินทลาย ไปในพริบตาคนที่กำลังสะลึมสะลือพร้อมนอนหลับอย่างฉันสะดุ้งตัวตื่นได้เต็มตาทันที "เดี๋ยวนะคะใครจะหมั้นกับใคร แล้วใครจะหมั้นกันตอนไหน คุณยายคงไม่ได้หมายถึงกาวหรอกใช่ไหมคะ" ฉันถามออกมากทันทีเพื่อคลายความสงสัย "ยายก็หมายถึงหลานนั่นแ
ภายในห้องตรวจ"คุณหมอสวัสดีค่ะ" แพทย์หญิง ชารันญา ทักทายผู้บริหารที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูอัลตราซาวด์ข้าง ๆ สกาวและค่อยมองจอที่ปรากฏ ขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ขึ้นที่ละคน "มาทำงานสายนะครับ" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจคนเดินเข้ามาใหม่อย่างหมอ ชารันญา เพราะเขากำลังสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์มารดา "ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" แพทย์หญิงชารันญา กล่าวบอกกับคุณหมอทักษ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของคุณหมอเขาก็มาทำหน้าที่แทนเธอทำให้เธอปลื้มใจเขาอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไร" เขายังคนสนใจสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในครรภ์ของแฟนสาว "พี่หมอคะลูกตัวเล็กไปไหมค่ะ" สกาวมองในจอและถามเขาเพราะขนาดของเด็กแต่ละคนไม่เคยตามเกณฑ์ "ยังอยู่ในเกณฑ์ครับไม่ต้องกังวล" เขาหันมามองหน้าสบตากับเธอแล้วก็กลับไปมองจอ เพื่อดูพัฒนาการของเด็ก ๆ ในครรภ์ "พี่หมอซาวด์สี่มิติได้ไหมคะ" สกาวถามเขาเพราะความอยากเห็นหน้าตาของทารกในครรภ์ "ได้สิครับ" เขามองแพทย์หญิงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยบอกให้เธอทำงานในหน้าที่ของเธอ"คุณชารันญาครับ ช่วยต่อสายคอมให้หน่อย เสร็จแล้วคุณไปรอรับคิวคนไข้คนต่อไปได้เลยนะครับส่วนคนนี้ผมดู
ภายในร้านอาหาร ทั้งสองคนนั่งรออาหารมาเสิร์ฟและคุณแม่ท้องโตที่โวยวายเมื่อครู่ก็สงบลงเพราะได้สั่งในสิ่งมี่อยากลองกินสมใจ "หายงอนยังครับ" คนที่นั่งมองเธอตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จก็ถามออกมา "ก็พี่หมอพูดจาไม่ดีทำให้หนูเข้าใจผิด ไม่รู้แหละแต่หนูไม่ได้งอนสักหน่อย" สกาวรีบปฏิเสธทันทีที่ถูกกล่าวหา "ครับพี่เชื่อว่าหนูไม่ได้งอนแต่โวยวายไม่หยุดเลยนะครับ" หมอทักษ์ เองก็อดไม่ได้ที่จะแซวคุณแม่จอมขี้โวยวายในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์รู้สึกว่าตัวเธอจะท้องโตขึ้นมากเลยทีเดียว "กาวจะไม่คุยกับคุณหมอ" สกาวมองหน้าเขาก่อนพนักงานจะเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน และเดินกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ .หลังจากนั้นเขาก็พาเธอมาห้องของเขาที่เซ็นสัญญาซื้อขาย ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน "ห้องสวยมากเลยค่ะ ใหญ่ด้วยห้องกว้างมาก" สกาวเดินอุ้ยอ้ายสำรวจห้องของชายหนุ่มที่พาเธอขึ้นมาดูซึ่งเธอชอบมาก ใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนที่บ้านของเธอเลย "ชอบไหม ห้องนี้มีห้องนอนตั้งสี่ห้อง" หมอทักษ์บอกกับเธอก่อนจะพาเธอเดินสำรวจขนทั่ว ห้องพักสุดหรูที่เขาจ้างรีโนเวท ทั้งอาทิตย์ และมันก็พึ่งเสร็จเมื่อสองวั
ห้องพักพิเศษ สำหรับคนไข้vvip ของเขาเป็นห้องที่เพิ่มความสะดวกสบายและกว้างขวางราวกับอยู่ในคอนโดหรู หากป้ายทางเข้าไม่มีคำว่าโรงพยาบาลติดอยู่หลายครอาจจะคิดว่านี้คือคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นภายใต้อาคารอเนกประสงค์ของทางโรงพยาบาล "เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งมาเอาติดตั้งเลยไหมครับ" เลขาที่เขาพึ่งรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจทานเอกสารและค่อยนำเนินแผนงานต่าง ๆ ให้ถามเจ้านายหนุ่มอายุน้อย "ครับคุณ นรินทร์จัดการได้เลยนะครับตามแบบที่ผมส่งให้ในเมล" หมอทักษ์บอกกับเลขาและคอยตรวจสอบเอกสารงานต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทำไมเอกสารถึงล้นมือจนเขาแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย ..ทางด้านสกาวตอนนี้เธอมาอยู่ที่ประเทศไทยได้เกือบสัปดาห์แต่ก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน "ยายจะเดินทางไปต่างประเทศเราอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม" ยายนีน่าเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาหาหลานสาวในห้องนั่งเล่น "ไปทำไมคะ" สกาวมองกระเป๋าใบใหญ่ของคุณยายรางกับว่าจะไปนานขนไปทั้งบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ "ไปทำงานและไปเที่ยวคนแกอยู่บ้านเฉย ๆ มันก็เหงา รอหลานคลอดยายจะกลับมาช่วยเลี้ยงเหลนแล้วกันนะ" คุณยายนีน่าบอกหลายสาวไ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองที่เดินทางมาหลายสัปดาห์เรือสำราญก็จอดเข้าแทบท่าที่อ่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว และคนที่มีจุดหมายลงที่ประเทศได้ก็เริ่มเช็คเอาท์ออก และบัตรการ์ดที่เชื่อมบัตรของแต่ละคน ทางเรือก็ไม่คิดเก็บคืนถือว่าเป็น ของกำนันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักท่องเที่ยวไว้สะสม"มาพี่ช่วยถือให้ครับ" หมอทักษ์ยืนมือไปรับกระเป๋าสัมภาระของเธอมาถือเอง "พี่สกายแชทมาบอกว่าคุณยายมารอรับ" สกาวรู้สคกใจคอไม่ดีเพราะเขาและยายของเธอเคยมีปากเสียงกันมาก่อน กลัวว่าพอเจอกันแล้วทันเขาและยายเธอคงเข้าหน้ากันไม่ติด "ครับ" เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นคนโหมงานหนักและไม่ค่อยได้เที่ยวสังสรรค์ทั้งยังพอจะรู้สึกถึงความประหม่าของเธอได้ "ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นหรอกครับ" หมอทักษ์เอามือข้างที่ว่างขยี้ผมเธอเล่นเบา ๆ "ก็จะไม่ให้คิดหนักได้ไงค่ะ คุณหมอกับคุณยายเคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น" สกาวยังคงมีสีหน้ากังวลมาก เพราะไม่รู้จะอธิบายกับคุณยายยังไงอีกทั้งกลัวว่าคุณยายของเธอกับคุณหมอจะปะทะฝีปากกันอีก คนหนักใจคงไม่พ้นเธออีกเช่นเคย "พี่สัญญาว่าจะไม่ตอบโต้จะไม่ปา
"ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอครับ ถอดได้ไหมถ้าถอดไม่ได้เดี๋ยวพี่ถอดให้" หมอทักษ์เดินเข้ามาเห็นคนที่กำลังพยายามจะถอดชุดตัวเองออก เธอเหนื่อยจนต้องนั่งถอนหายใจออกมากหลายครั้งเพราะ ชุดที่ตัวเธอเองเลือกที่จะใส่ ทั้ง ๆ ที่คุณหมอเตือนแล้วก่อนออกจากห้องไปชมวิว แต่คนดื้อแบบเธอมีเหรอที่จะฟังเขา ไม่ได้ดั่งใจก็มีบีบน้ำตาบ้างเล็กน้อย จนคนเตือนต้องยอมจำนน "ช่วยหน่อยนะคะ มันติดพุงค่ะ" สกาวมองชุดที่สวมใส่มันสวยและเธอชอบมาก สุดท้ายก็ต้องมาลำบากตอนที่จะถอดเนี่ยแหละ "ถอดง่ายที่ไหนละ พี่ห้ามแล้วเธอไม่ฟังพี่เองนะครับ" หมอทักษ์เดินเข้ามาช่วยเธอถอดชุดออกพร้อมซ้อนตัวเธอ เข้าไปแช่ในอ่างพร้อมกับเขาที่ลงไปนั่งแช่ตัวด้วยเช่นกัน "อืม" สกาวเริ่มรู้สึกว่าเธอมีอารมณ์เพราะถูกปรายนิ้วของคุณหมอคนหื่นขยี้ตรงจุดคริสตัลเพื่อทำให้เธอน้ำเดินและมีอารมณ์ในเรื่องเพศศึกษา "พี่หมอ" ดวงตาหยาดเยิ้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดแนบชิดแผ่นหลังของเธอ "ครับ หนูจะเสร็จแล้วเหรอ" หมอทักษ์มองเธอที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เขาเธอก็นึกสนุกอยากให้เธอขึ้นขย่มบ้าง "หมอ หยุดทำไมคะหนูใกล้จะเสร็จแล้ว" สกาวเริ่มรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่
ทั้งสองคนอาศัยอยู่บนเรือสำราญนานนับสัปดาห์เพราะเรือสำราญเข้าเทียบท่าหลายประเทศเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่เสียเงินเป็นจำนวนมากได้เปิดหูเปิดตาในสิ่งใหม่ ๆ และภูมิอากาศของแต่ละประเทศด้วยตัวเอง "อีกสามวันเรือก็เข้าเทียบท่าประเทศไทยแล้ว" หมอทักษ์ยืนกอดอกมองชมวิวอยู่บนดาดฟ้าของเรือพร้อมกับหญิงสาวที่อยากออกจากห้องพักมารับลมทะเล ในช่วงสาย ๆ ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าไร้ก้อนเมฆ ทำให้น้ำทะเลสะท้อนความแวววาว อย่างน่าอัศจรรย์ "ค่ะ ท้องฟ้าไร้เมฆบดบังมันก็ดูสวยดีนะคะ" สกาวนั่งมองวิวบนดาดฟ้าทั้งยังเอาโทรศัพท์มาถ่ายเก็บรูปภาพแห่งความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเรือสำราญที่จอดเทียบท่าเรือให้ได้ชื่นชมในเมืองต่าง ๆ "คงจะสวยสู้ใครบางคนแถวนี้ไม่ได้หรอกครับ" หมอทักษ์หันหน้ามาสบสายตาคนที่กำลังสนใจในการถ่ายรูปตัวเองให้ติดวิวธรรมชาติเข้าในเฟรมกล้องเยอะ ๆ อยู่ "ใครเหรอคะ" สกาวเอ่ยถามทั้งที่มือของเธอ ก็ยังคงจับกล้องโทรศัพท์ถ่ายตัวเองและวิวบนท้องฟ้าที่สวยงามสะดุดตา ในความแวววาวของท้องฟ้ากลางมหาสมุทร "คนข้าง ๆ" หมอทักษ์หันไปมองคนที่กำลังสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเขา แต่พอจังหวะม
ผมมองคนที่กำลังจ้องมองถาดอาหารของผมทั้งสีหน้าและท่าทางเหมือนคนที่กำลังร้องของในสิ่งที่ต้องการแต่เธอคงจะมีความเกรงใจอยู่ไม่น้อยเลยไม่กล้าขออีก"แลกกันไหมครับ" ผมถามเธอทันทีที่เห็นสายตาแบบนั้นรู้สึกเอ็นดูอาการที่แสดงออกมาของเธอ มันก็น่ารักดีนะครับ สกาวรีบพยักหน้าตอบรับทันทีอย่างไม่ต้องคิด "แลกค่ะ" น้ำเสียงตอบกลับมีความรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่เธอได้รับในสิ่งที่ต้องการ "ครับ" หมอทักษ์ค่อย ๆ ยกอาหารของเขาให้เธอ "ขอบคุณนะคะ" สกาวมองหน้าคุณหมอที่กำลังสลับสับเปลี่ยน อาหารที่อยู่บนโต๊ะกล่าวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มหวานจนทำให้คนได้รับบาดใจจนใจสั่นทุกครั้ง "อืม ครับ" มองทักษ์ก็เริ่มลองทานในสิ่งที่หญิงสาวชอบ ก็พอได้นะสำหรับอาหารฟาสฟู๊ดของเธอคนรักสุขอย่างคุณหมอก็ต้องมีหลุดลุคบางใครบางเวลาที่จำเป็น โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาวที่ทำให้เขาใจสั่นโดยไม่รู้ตัวว่าเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ..เมื่อทั้งสองร่วมรับประทานอาหารเสร็จก็พากันกลับขึ้นห้องพักเลย ทั้งยังมีอาหารที่แทบจะไม่ได้แตะต้องเอาให้พนักงานบริการหรือผู้ช่วยในห้องอาหาร เอาไปห่อมาให้อีก สามสี่ถุง "อยากทำอะไรอีกไห
"หืมคนเยอะมากเลยค่ะ มอง ๆ เข้าไปในร้านแล้วดูอึดอัดอยู่นะ" สกาวที่ถูกหมอหนุ่มขอร้องให้นั่งรถเข็นวีแชร์ บ่นทั้งเงยหน้ามองคนที่คนซัพพอร์ตด้วยการเข็นรถให้เธอ "ครับ ปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแบรนด์ใหม่พึ่งเข้าและกำลังดังมาก สินค้าตัวใหม่มักจะได้ขึ้นโชว์บนเรือสำราญก่อนจะถูกนำไปวางจำหน่ายในห้าง" หมอทักษ์มองกระเป๋าแบรนด์ดังราคาหลักหมิ่นที่ครองตลาดในช่วงนี้ และทางแบรนด์มักจะส่งมันมาให้ตั้งโชว์สินค้าและขายลองตลาดภายในเรือสำราญที่มีห้างขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสินค้าหลาย ๆ ส่งมาไม่ต่างกัน เพราะนักท่องเที่ยวของเนืองสำราญจะเป็นกลุ่มใหญ่และเฉพาะเจาะจง ชนชั้นได้ดีกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป "จริงเหรอคะ" หน้าตาตื่นเต้นต่อการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ทำให้สกาวอยากเข้าไปมองและชมสินค้าด้านในแต่ติดที่คนเยอะจนดูเหมือนจะแออัดเกินไป "จริงครับ ลองเข้าไปดูอีกร้านก็ได้ หรูกว่าราคาดีกว่า ซื้อมาไว้ใช้หรือไว้โชว์ก็ไม่เสียหาบยนะครับ" เขาเลื่อนวีลแชร์พาเธอเดินเข้าไปในร้านที่เรียบหรูและดูเหมือนว่าจะแพงกว่าร้านอื่น ๆ "สัวสดีครับ" พนักงานตอนรับเข้าชาร์จและบริการลูกค้าตามที่ได้อบรมมาก่อนที่ทางเจ้าของแบรนด์
ผ่านมาสองชั่วโมง ทั้งสองคนก็เผลอหลับไหลไปโดยไม่รู้ตัวร่างกายกอดก่ายกันมอบความอบอุ่นบนเตียงนอน เสียงลมหายใจแผ่วเบาและคลื่นทะเลอันมืดหม่นและเงียบสงบกลมทั้งสองให้หลับสบายได้เป็นอย่างดี ..ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้หมอทักษ์จำใจต้องตื่นขึ้นมาและมองคนที่หลับสนิท ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูห้องดู "อ่าหารเช้าที่สั่งให้เตรียมไว้เมื่อวานมาเสิร์ฟครับ" พนักงานบอกกลับคนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอเขา "ขอบคุณ" หมอทักษ์รับอาหารมื้อเช้าที่เขาบอกกับพ่อครัวไปเมื่อวานให้นำมาส่งที่ห้องเพราะไม่สะดวกออกไปรับประทานพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ผมมองคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแม้ว่าคลื่นลมในยามเช้าจะแรงมากกว่าช่วงสาย แต่น้ำทะเลกลับนิ่งสงบ "สกาวครับ สกาวตื่นได้แล้วอาหารเช้ามาส่งแล้วนะ" หมอทักษ์เดินเข้าไปนั่งบนเตียงพร้อมเรียกคนที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาทานข้าว มือก็สัมผัสหน้าท้องที่นู้นขึ้นมาตามไตรมาสแต่อาจจะใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเพราะเป็นเด็กแฝด "อืมอย่าพึ่งกวนนะคะ ขอนอนต่อ" สกาวยังคนนอนเซานัวเนียอยู่บนเตียง "ครับ" เขามองคนที่นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนและให้เธอได้พักผ่อน