“คนไข้ต้องการบลอกหลังค่ะคุณหมอ อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลรีบบอกและเดิมตามหมอทักษ์เข้าไปในห้องผ่าคลอดฉุกเฉินของแผนทันที
“คุณหมอมาแล้วอุปรกรณ์พร้อม ทำการฆฆ่าเชื้อเรียบร้อย” บุรุษพยาบาลที่เตรียมอุปกรณ์ในห้องคลอดรีบบอกทันทีเหมือนหมอประจำแผนกเข้ามาทำการผ่าคลอดให้กับคนไข้ฉุกเฉิน “ทุกคนพร้อมนะ เริ่มเลย” หลังจากนั่นทั้งผู้ช่วยและบุรุษพยาบาลก็เริ่มทำหน้าที่องตนเอตามคำสั่งของหมอใหญ่แบบทักษ์ เป็นอย่างดี จนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากทำการผ่าคลอดจบลง ทุกคนก็ค่อยดูแลทารกน้อยที่ร้องเสียงดังลั่นในห้องคลอด ทำให้ครอบครัวคนไข้ที่รอลุ้นอยู่ข้างนอกตื่นต้นและดีใจมาก ๆ หลังจากได้ยินเสียงเด็กร้อง แอด~ เสียงเปิดประตูห้องคลอดออกมาพร้อมกับหมอใหญ่ เด็กและคุณแม่ผ่าคลอด “ดีใจด้วยนะครับคุณได้ลูกสาวสมบูรณ์ แะแข็งแรงดี ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเดียวพยาบาลจะไปส่งคุณแ่ที่ห้องพักและส่งเด็กไปที่ห้องเด็กอ่อนก่อนนะครับ หลังจากนั้นคุณพ่อไปขอเอกสารการแจ้งเกิดน้องที่เค้าเตอร์การเงินได้เลยนะครับ มีพยาบาลคอยให้บริการอยู่ครับ” หมอทักษ์บอกกับคนเป็นสามีของคนไข้ด้วยรอยยิ้มยินดีปรีดาเล็ก ๆ ในวันที่เขาวุ่ยวายก็ยังมีสมาธิดีเสมอมา “ครับขอบคุณคุณหมอมากครับ ที่ดูแลและบริการอย่างดี เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพทั้งบุคลลากรจริง ๆ ครับ” ญาติคนไข้รีบขอบคุณ คุณหมอและหันไปขอบคุณกับบุคคลอื่น ๆ ที่คอยแนะนำตั้งแต่นาทีเร่งรีบที่ภรรยาของเขาเจ็บท้องคลอด สมแล้วที่เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมในต่างแดนแบบนี้าได้ยากมากนักที่ทางรัฐของประเทศจะสนับสนุนโรงพยาบาลของชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช้้ดินแดนบ้านเกิด “มันเป็นหน้้าที่และสวัสดิการของทางโรงพยาบาลอยู่แล้วครับเชิญคุณพ่อไปดูแลคุุณแม่ก่อนก็ได้นะครับแล้วค่อยมาห้องการเงินเพื่อดำเนินเรื่องอีกที” หมทักษ์บอกกับญาติคนไข้ก่อนจะขอตัวไปพักที่ห้องทำงานของตนเองทันทีเพราะความเหนื่อยล่าจากการผ่าตัวด่วน .เพียงหลับตาก็้มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวสมองของเขาทันที ‘ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!’ จนทำให้ตัวเขาเบกตากว้างแทบจะนอนไม่หลับอีกเลย ทำไมชีวิตเขามันช่างดูวุ่นวายขนาดนี้นะยิ่งโตยิ่งเหนื่อย ทำไมเสีงยัยป้าคนนั้นต้องมาหลอกหลอนในหูและหัวสมองเขาด้วยเนี่ย ชิหงุดหงิดชะมัดเลย “คุณหมอคะมีเคว คนไข้เตรียมคลอดค่ะเควฉุกเฉิน คุณแม่น้ำคล่ำแตกกำลังเดินทางมาค่ะ ทางเรากำลังเตรียมห้อคลอดรอแล้วค่ะคุณหมอ” เสียงผู้ช่วยพยาบาสทำให้ทักษ์กลับมามีสติอีกครั้ง “ครับ ตอนนี้คนไข้ยัังมาไม่ถึงใช่ไหม” ผมมถามออกไปในขณะที่ฟังเธออยู่ ความจริงคือรู้อยู่แล้วหลังจากที่ฟังผ้ช่วยพยาาลกล่าวจบเพื่อความแน่ใจผมจึงต้องถามซ้ำออกมาอีกครั้ง “ใช้ค่ะคุณหมอมีเวลาเตรียมตัวสิบนาทีนะคะ คนไข้ใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลกล่าวย้ำอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปเตรียมตัวเพื่อความพร้อมทางการแพทย์และบุคคลากรของทางโรงพยาบาลตามหน้าที่ ของตัวเอง หลังจากที่ผู้ช่วยพยาบาลของผมเดินจากไป ผมก็รีบเตรียมตัวทำหน้าที่ของตัวเอง และเดินตามเธอออกมาเลยเพื่อมาตรวจเช็คความพร้อมอีกรอบ “คุณหมอะคนไข้มาถึงแล้วค่ะทางเราดูแล้วปากมดลูกเปิดยังไม่ครบแปดเซนยังทำการคลอดไม่ได้ค่ะคุณหมอ” พยาบาล ผู้ช่วยบอกปัญหาเบื้องต้นของคนใข้เคสใหม่ "อืม เด็กกลับหัวใช่ไหมเช็คละเอียดหรือยัง" ผมถ้าพยาบาลผู้ช่วยอีกครั้ง เพราะ ผมเองก็พึ่งมาดูเคสใหม่โชคดีมากที่ผมยังอยู่เวร ตอนนี้เพื่อรอเปลี่ยนเวรกับเพื่อนอีกคนซึ่งก็ยังไม่มาสักที ตึก ๆ ตึก เสียงวิ่งอย่างเหนื่อยหอบย่างกายเข้ามาอย่างรีบร้อน “มาแล้ว ๆ โทษทีนะที่มาช้าไปหน่อยเกือบไม่ทัน เฮ่อ ๆ” สิ้นเสียงพูดก็ยังคงมีเสียงลมหายใจที่หอบเหนื่อย ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ "มาก็ดีแล้วรอรับเคสอื่นไป เดียวเคสนี้ผมรับเองไหน ๆ ก็รับมาตั้งแต่แรกแล้ว ไปพักเถอะครับ” ผมบอกกับคนที่กำลังดูเหนื่อย ๆ อย่างหมอดิน "ขอบคุณมากครับหมอทักษ์" หมอดินกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเดินไปห้องพักอีกฝังหนึ่งของตัวเองเพื่อเตรียมตัวรับเคสอื่น . “คุณหมอคะคนไข้ปากมดลูกเปิดแปดเซนแล้วค่ะ กำลังย้ายคนไข้ไปห้องคลอดค่ะคุณหมอ” พยาบาลผู้ช่วยแจ้งให้ผมทราบเรื่องของคุณแม่รอคลอดขอเคสที่ผมรับมาดูแล “โอเคคุณเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบและพร้อมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผมมองตรงไปยังเธอที่พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเตรียมคลอดก่อนผม ะ ‘ขอให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ฟู้ว’ ผมภาวนาในใจเพราะนี้คงเป็นเคสสุดท้ายของวันนี้ และผมจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักที ความจริงผมไม่จำเป็นต้องรับคนไข้ก็ได้หมอที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้คลาดแคลน และที่ผมรับเคสคนไข้บ่อย ๆ เพราะผมว่างจริง ๆ ว่างมากเลยละ ห้องคลอด “คุณแม่หายใจเข้าลึก ๆ นะครับ เตรียมเบ่งนะครับไม่ต้องเกรง ปล่อยตามธรรมชาติ เบ่งตามจังหวะลมหายใจนะครับ” ผมบอกคุณแม่ท้องแรกเพราะดูจากความกังวลแ้วเธอยังตื่นเต้นมาก ๆอีกด้วยนะ “ค่ะคุณหมอ” คนไข้ของผมทำตามอย่างใจเย็น ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงกว่าเด็กทารกจะยอมออกมาและส่งเสียงร้องดังลั่นห้องคลอด "ยินดีด้วยนะครับคุณแม่น้องเป็นเด็กผู้หญิงนะครับ น้ำหนักตัว 2970กรัม อยู่ในเกณฑ์ปกติครับ" ผมบอกคุณแม่ลูกหนึ่งที่ตอนนี้พยายามน้องเด็กทารกตัวน้อยที่กำลังถูกผู้ช่วยพยาบาลไปนำไปอาบน้ำเช็ดตัวอยู่ "อะ อะไรนะคะ นะ...น้องเป็นเด็กผู้หญิงเหรอคะคุณหมอ" เธอถามผมดวงตามีน้ำตาคลออยู่ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ แต่ดูแล้วน่าจะดีใจมากกว่านะ "ครับเด็กผู้หญิงสมบูรณ์มากเลยครับ" ผมตอบเธอออกไปเด็กทารกน่ารักจ้ำม่ำมาก "ขอบคุณนะคะคุณหมอ อินเตอร์ขอดูหน้าลูกหน่อยได้ไหมคะ" เธอถามออกมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม "ได้ครับเดียวผมอุ้มน้องมาให้คุณแม่นะครับรอพยาบาลทำความสะอาดน้องแปบหนึ่งนะครับ" ผมบอกเธอแล้วยิ้มออกมาด้วยความยินดี "ว่าแต่คุณแม่ตั้งชื่อน้องยังครับ" เพราะผมต้องเขียนชื่อของทารกที่ไว้ที่ข้อมือกันผิดฝาผิดตัว เดียวจะวุ่นวายกันทั้งแผนก "อินเตอร์ตั้งแล้วนะ น้องแฮม เด็กหญิง ณเวฬา อินเตอร์ชอบชื่อนี้ค่ะคุณหมอ" ้ํอบอกผมยิ้ม ๆ แต่แววตาทำไมมันดูเศร้าแปลก ๆ นะ ผมคงคิดไปเองละมั้ง ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย . น้องมาแล้วครับคุณแม่" ผมอุ้มเด็กทารกมาให้เธอทันทีที่เด็กน้อยได้อาบน้ำเสร็จ "คุณหมอช่วยถ่ายรูปให้อินเตอร์หน่อยได้ไหมคะ" เธอถามผมด้วยแววตาน่าสงสารมากแล้วใครมันจะไปปฎิเสธลง! "ได้ครับ ๆ" หลังจากนั้นผมก็ถ่ายรูปให้เธออีกหลาย ๆรูป "ขอบคุณนะคะคุณหมอ คุณหมอช่วยเขียนชิ่อเล่นกับชื่อจริงให้หนูแฮนด้วยนะคะ ส่วนนามสกุลเดียวพ่อเขาคงใส่ให้เองค่ะ อินเตอร์อยากพักแล้ว" ผมมองคนไข้ด้วยความงุนงง อะไรของเขาว่ะ แปลก ๆ แต่ช่างมันเถอะ ผมก็ทำตามที่คนไข้บอกและให้บุรุษพยาบาลพาไปห้องพักที่จ้องไว้ทันที . ภายในห้องพักของอินเตอร์ "ลูกอยู่ไหน แอลเอถามออกมาทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก" "สนใจด้วยเหรอคะ คิดว่าสนใจแต่งานกับคนที่หมอรักสะอีก เดียวก็คงมีคนมาส่งมั้งคะ" อินเตอร์ตอบและมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพัก ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด นี้สินะความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายหลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้วละ "ผมถามคุณดี ๆ แล้วนะอินเตอร์เลิกทำตัวประชดกันสักทีได้ไหม ผมไม่เคยขอให้มารัก ไม่เคยขอความรักจากคุณเลย!!" นี้สินะดีแล้วละหลังจากนี้ไปคงจากกันแบบไม่หวนมาเจอกันอีกแน่นอน 'แม่ขอโทษนะหนูแฮม แม่หนูที่สุด' ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ "ขอโทษนะครับเอาน้องมาส่งคุณแม่ครับ" ผมเอาเด็กทารกน่ารักมาส่งด้วยตัวเอง นี้สินะพ่อเด็กตอนคลอดก็ไม่อยู่คงยุ่งมายังสวมชุดกาวน์อยู่เลย "ขอบคุณนะคะคุณหมอ" แม่เด็กหันมาะยายามส่งยิ้มให้ผม ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่านะ "ครับนี้ครับเอาตัวเล็กมาส่งหลับปุ๋ยเลย คงต้องรออีกสักพักเดี๋ยวพยาบาลเข้ามาสอนวิธีให้น้องกินนมแม่นะครับหมอขอตัวก่อน" ผมปลีกตัวออกมาทันทีที่บรรยากาศในห้องมันช่างมาคุเหลือเกิน เห้อ~ ได้พักจริงจังสักที "อินเตอร์!! ทำไมตั้งชื่อลูกไม่ปรึกษากันสักคำฮะ!" "ไม่ชอบเหรอ หึไม่ชอบก็เปลี่ยนเลยก็ได้นะไม่ได้สำคัญอยู่แล้วนิ จะปรึกษาคนที่หมอรักก็ได้นะอินเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับคนสำคัญของหมออยู่แล้ว เหนื่อยอยากพัก กลับไปสักทีเอาลูกกับไปด้วยเลยก็ดี!" สิ้นเสียงพูดอินเตอร์ก็ล้มตัวนอนทันที หลับตาลงเพื่อปกปิดความเจ็บปวดเอาไว้ เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าก็ก้าวออกจากห้องไปพร้อมกับเด็กทารก อินเตอร์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง 'ลาก่อน' ข้อความสั้น ๆ เขียนทิ้งไว้บนหัวเตียงพร้อมกับร่างบางที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาใช้ชุด ธรรมดา แล้วออกจากห้องนั่นไปทันที ห้องพักแอลเอ "ไอ้หมอลูกใครวะ" โรมเมท ที่มาหาพี่ชายพร้อมกับเวียงพริ้งก็ถามขึ้นมาทันที "ลูกหมอแอลเหรอคะ น่าชังจังเลย" เวียงพริ้งถามด้วยรอยยิ้ม "ชื่อน้องอะไรเหรอคะ" เวียงพริ้งถามอีกครั้ง จะได้เรียกตัวเล็กถูก อีกฝั่งหนึ่งคนที่อยากเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายก็ยื่นอยู่หน้าห้องของแอลเอ "อยากตั้งไหมล่ะ" เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วอินเตอร์ ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาแล้วค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไปทันที "ละ..ลาก่อนนะคะหนู แฮมของแม่" . สนามบิน อินเตอร์รออย่างใจเย็นพยายามที่จะไม่ร้องไห้ เธอไม่ได้กังวลอะไรเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนสำคัญคงไม่มีใครตามหาเธออยู่แล้วที่ผ่านมาที่เธอทนเพราะเธอรักมากใจก็เตรียมพร้อมที่จะเจ็บมากเช่นกัน . ด้านโรงพยาบาล "คุณหมอคะ! คนไข้หาย!!" หลังจากที่ทักษ์กะจะได้พักผ่อนยาว ๆ ต้องมาวุ่นวายอีกแล้ว!! ให้ตายสิวะ หมดแล้วเวลาพักผ่อนต้องมาตามหาคนไข้อีก ห้องไหนเนี่ย~ในที่สุดจดหมายตอบรับการเข้าฝึกงานเป็นนักศึกษา Extern ของสถานพยาบาลแห่งรัฐในกรุงเทพฯ "ในที่สุดพวกเราก็ใกล้จบแล้วสินะ" หนูนาสวมกอดเพื่อนก่อนจะเดินทางเพื่อไปเตรียมตัวเขารับการฝึกงานเป็นปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ "อืมโชคดีที่มีพวกแกค่อยพยุงให้ผ่านช่วงเวลาที่สอบกับอาจารย์ใหญ่" สกาวยิ้มมองเพื่อน ๆ ที่ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันแล้ว "เดินทางปลอดภัยนะแกถึงแล้วคอลสายมาด้วยเข้าใจไหม" หนูนาเข้ามาสวมกอดเพราะเพื่อนสาวจะต้องไปฝึกงานไกลกว่าคนอื่น ๆ ในคลาสเรียน กรุงเทพมหานคร "ไงเราจะเข้าฝึกงานวันไหน" พี่สกายถามฉันทันทีที่เจอหน้าเพราะฉันให้พี่ชายมารับกลับไปหาสุดหล่อกับสุดสวย "วันจันทร์หน้ามีเวลาพักอีกสามวันขอกลับไปฟัดเจ้าแฝดให้ชื่นใจก่อนนะคะ" สกาวสวมกอดพี่ชายก่อนจะพากันเดินออกจากสนามบิน "หิวไหมพี่ว่าเราแวะหาอะไรกินก่อนไหม หรือจะไปกินที่บ้าน" สกายถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว "ไม่หิวกินมาแล้วค่ะ กลับบ้านเลย" สกาวตอบพี่ชายของเธอก่อนจะไถ่โทรศัพท์เล่น และดูความเคลื่อนไหวอัพเดทสถานะของคุณหมอ อดีตแฟนของเธอ จะว่าอดีตเลยก็ไม่ได้เพราะเธอกับเข้ายังไม่ได้จบกันจริง ๆ "เฟียสกับซีเฟีย โตไวมากเลย
หลังจากวันนั้นการเรียนของสกาวและเพื่อน ๆ ก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว "แกจะฝึกงานตอนไหนเหรอ" ข้าวปุ้นหันมาถามเพื่อนสาวที่กำลังแต่งหน้าอย่างมีสมาธิตอนนี้ทุกคนกำลังจบหลักสูตรและสาว ๆ แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นสาวร้อนแรงแห่งคณะแพทยศาสตร์ "ยังไม่รู้กำลังดู ๆ อยู่เหมือนกันคงจะเรียนจบก่อนค่อยฝึกมั้ง" สกาวตอบทั้งยังกำลังลงสีลิปสติกของพี่ชายที่กำลังเริ่มลงทุนสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง "เหรอ ดีจังแกเลือกลงเองแต่ฉันนี้สิโคตรเซ็ง" หนูนาทำหน้าบึ้งหลังจากได้ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง "ทำไมไหนเล่ามา" ข้าวปั้นที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนรวมถึงเรื่องหัวใจด้วย "พ่อฉันนะสิชอบบงการชีวิตไม่ชอบเลย ที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเป็น อีสเทอร์ ที่เดียวกับพวกแกคงไม่ได้แล้วนะ พ่อฉันจับลงฝึกกับลูกเพื่อนเขา เซ็ง ๆ เซ็ง" หนูนาทั้งบ่นทั้งทำหน้าบึ้งและไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมรับ ชาตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ด้วยฝีมือคุณพ่อ "อ้าวงั้นก็เหงาแย่เลยไม่มีสาวฮอตประจำกลุ่ม" สกาวมองเพื่อนอย่างเห็นใจเพราะเธอเข้าใจดี "โอ้ ๆ น๊าเพื่อนร๊าก" ข้าวปุ้นกอดแขนปลอบเพื่อนอย่างเห็นใจ "แล้ว
สกาวยังคงนั่งมองคนที่เสนอแผนการนิ่งอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเธอไม่ได้สนใจแค่ฟังเฉย ๆ "ตกลงไหม" เรย์ถามขึ้นหลักจากบอกเล่าแผนการของตัวเองจบลงในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น "แล้วทำไมไม่ไปจ้างนักแสดงหรือดาราละ ไม่มีเวลามาเล่นอะไรแผลง ๆ ด้วยหรอกนะคะ" สกาวนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน "มีแค่ช่วยกับช่วยเท่านั้น" คนที่ทำทีมาดเข้มตั้งแต่ที่แรกกับลังเข้าสู่โหมดบังคับเธออยู่ซึ่งเธอไม่ชอบ "เฮ่อ ครั้งเดียวนะคะฉันบอกคุณไปแล้วนะว่าฉันรีบหากเล่นไม่สมจริงก็อย่ามาโทษกันละ" คุณแม่ลูกสองหงุดหงิดกับการที่ถูกบังคับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี "อืม" เรย์ที่ยิ้มอย่างพึงพอใจและจ้องมองสีหน้าอารมณ์ของคนที่ตนเองบีบบังคับแล้วรู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย กรุงเทพมหานคร เครื่องบินที่ถูกบังคับด้วยลูกน้องผู้ชำนาญของเรย์ก็ลงจอดที่สนามบินต้นทางอย่างปลอดภัย "เริ่มงานคืนนี้อย่าให้ต้องรอ" สกาวมองคนที่พูดแล้วเดินผ่านไหล่เธอไปอย่างคนเร่งรีบทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้มากกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเอง "ชิ อย่าให้ต้องรอ" ร่างบางเลียนแบบและพูดตามเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อไปเยี่ยมแฟนหนุ่มที่ตกลงคบหากั
การเริ่มต้นใหม่มันไม่ง่ายอยากที่คิดแหะ ความคิดถึงยังคงอยู่ภายในใจ ซีเฟีย และ เฟียส อยู่ในการดูและของพี่ชายคุณยายหายไปเลยหลักจากสร้างเรื่องวุ่น ๆ ให้หลานสาวต้องเสียน้ำตาคุณหมอก็ยังคงคอยห่วงใยเธอทั้งยังค่อยช่วยเลี้ยงเจ้าแฝดให้เพราะพี่สกายโทรมารายงานเธอ ส่งรูปคนเป็นแฟนเธอเข้ามาให้เห็นทุกครั้งที่เขาเข้าไปหาเด็ก ๆ "สกาวคิดอะไรอยู่เหรอ" นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ เพื่อนใหม่ของเธอเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเหม่อใจลอย "ตกใจหมดเลยข้าวปุ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงหัวใจจะวายตาย" สกาวมองเพื่อนใหม่อยากคาดโทษชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาให้ตกใจทำเอาเธอขวัญเสียหมด "เอ้า ก็เห็นนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงใครอยู่เหรอจ๊ะ" ข้าวปุ้นมองเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ เพราะเธอสอบติดคณะแพทย์เพียงคนเดียวของโรงเรียนมัธยมปลาย ส่วนเพื่อน ๆของเธอก็สอบติดคณะอื่น ๆ เช่นกัน "ไม่บอกหรอก" สกาวทำเป็นไม่สนใจเพื่อนสาวคนสวยของเธอก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบข้าวกล่องที่ข้าวปุ้นเตรียมมาอย่างเนียน ๆ โดยเจ้าของข้าวกล่องนั้นเอาแต่สนใจโทรศัพท์ "เฮ้! ไปอดไปอยากมาจากที่ไหนเนี่ย" ข้าวปุ้นมองข้าวกล่องของตัวเองที่ถูกฉกไปด้วยมือของเพื
สองวันต่อมา จะบอกว่ามาทั้งครอบครัวก็คงไม่ถูกเพราะมีเพียงยายของเธอพี่ชายและแฟนของพี่ชายเท่านั้น ส่วนพ่อกับแม่ก็คงจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกเสมอ เธอเริ่มชินชาไปแล้ว "ไหนเหลนยายอยู่ไหน" คนที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาโดยไม่เคาะรีบสาวเท้าเดินเข้ามาในห้องมองหาเหลนตัวน้อยทันทึ "ชิทำไมเขาอยู่ในนี้ละ" เหมือนเห็นคุณหมอที่เธอเคยมีปากเสียงด้วยกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ก็หันหน้าไปถามหลานสาวทันที "คุณยาย" สกาวเรียกยายนีน่าเสียงเบาเธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องราวระหว่างเขากับเธอยังไงดีให้คุณยายเข้าใจ "ตอบยายมาทำไมตานี่ถึงมาอยู่ในนี้ ทั้งยังมาอุ้มเหลนยายอีก" คุณยายนีน่าอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหมอทักษ์และเหลนน้อยในวงแขนของชายหนุ่ม "คือหนูกับพี่หมอตกลงคบกันค่ะ" สกาวบอกคุณยายของเธอทั้งลุ้นไปด้วยเพราะเกรงว่าคุณยายจะโกรธเธอ "เหอะ" คุณยายนีน่าไม่มีคำที่จะพูดออกมาในตอนนี้เพราะกำลังเห่อเหลนตัวน้อยทั้งสองคน เดินเอาไปแยกเด็กน้อยในอ้อมแขนหมอทักษ์มาอุ้มเอง "ส่งเหลนฉันมาสิ" คนที่ยืนประจันหน้ากันคนที่อายุอย่างคุณยายนีน่าก็ยังเกลียดเขาอยู่พร้อมแค่ด่าเขาไปด้วย ถามว่าด่าแล้วจำได้ไหมคุณยายได้เคยจำเพราะเน
"อะแฮ่ม" เสียงของสกายดังขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูใส่ใจกันมากกว่าคนไข้กับคุณหมอ "อ้าวพี่สกายว่างมาเยี่ยมน้องด้วนเหรอคะ" สกาวทำหน้าเหมือนสงสัยทั้งยังปั้นหน้าทำงอนใส่พี่ชายแท้ ๆ ของเธออีกด้วย "เอ๊ะ..มากับใครคะเนี่ย" สกาวมองหน้าบุคคลที่นั่งข้าง ๆ พี่ชายเธอหน้าตาสาวสวยคนนั้นดูคุ้น ๆ เหมือนเธอเคยไปเจอที่ไหนมานะจำไม่ได้แต่ก็ช่างมันเถอะ "น้ำครับ" หมอทักษ์ไม่สนใจบทสนทนาของพี่น้องแต่ก็ฟังพวกเขาพูดคุยกันและยื่นแก้วน้ำให้เธอ "เด็ก ๆ ละคะ" สกาวถามเขาทั้งยังไม่ได้มองไปข้างเตียงอีกฝังของตัวเองเพราะในห้องมันเงียบมาก "อยู่ตรงนั้นครับยธงหลับอยู่เลย" หมอทักษ์ชี้ไปตรงข้างเตียงอีกฝั่งให้เธอได้หันไปมอง "ขี้เซา" สกาวมองลูก ๆ ของเธอทั้งแอบบ่นออกมาเล็กน้อยพอหมอทักษ์ได้ยินก็ยิ้ม "เหมือนแม่" บอกกับเธอที่ยังคงจับตามองลูกแฝดโดยไม่ได้สนใจพี่ชายตัวเองเลย และคนเป็นพี่อย่างสกายก็ไม่คิดจะเย้าแหย่หรือวุ่นวายกับน้องสาวมากนัก "ไม่เหมือนสักหน่อย" เธอมองเด็กน้อยด้วยความสุขจนล้นหัวใจ "อีกสองวันคุณยายจะเดินทางกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยละ" สกายพูดขึ้นหลังจากที่น้องสาวเขาได้นอนพักผ่อนอีกครั้ง "เตรี