ผมมาถึงที่ทำงาน แฟ้มประวัติของปภาดายังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ผมโยนมันส่ง ๆ ไปรวมกับของที่ต้องนำไปทิ้ง ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกำจัดเธอออกไปจากสมองให้ได้
“แม่ง!” ผมหยิบมันขึ้นมาใหม่ เอารูปถ่ายของเธอออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสาร
ผมเป็นอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับผมกันแน่
หลังจากพยายามตั้งสมาธิเพื่อเริ่มงานถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ผมเลยหยิบมือถือมาเล่นเกม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างสังเกตเห็นว่าคนมีเรื่องกัน จึงดึงดูดความสนใจของผม เหมือนว่าคนข้างล่างกำลังแย่งที่จอดรถกันอยู่ที่หน้าตึก คนขับลงจากรถมาด่ากันกลางถนนโดยไม่สนใจคนอื่นทำให้รถติดยาวเป็นพรวน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ๆ จึงหันกลับไปดู สงสัยว่าใครกล้ามารบกวนแต่เช้า แต่ทว่ากลับกลายเป็นเธอ
แววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมรู้ตัวทันทีว่าทำให้เธอตกใจกลัวอีกแล้ว เธอเดินถอยหลัง ทำให้อยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านปากผมได้ ผมจึงรีบรั้งเธอไว้ก่อนที่จะหนีเตลิดไปอีก แต่เธอไวมาก แป๊บเดียวก็ไปถึงที่ประตูแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเผลอตะโกนเรียกแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินก็ตาม
“ปภาดาเดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”
ผมหยุดเธอได้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกจากห้อง ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อตัวสั่นน้อย ๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังหวาดกลัว ผมหมุนตัวเธอกลับมาเพื่อมองชัด ๆ เธอคงกลัวผมมากจนทำจดหมายและมือถือร่วงจากมือ ผมรวบเอวบางและตรึงเธอไว้กับกำแพงเพื่อให้เธอหยุดต่อต้านและมองหน้าผมชัด ๆ จะได้รู้ว่าผมไม่ได้ไม่พอใจเธออยู่ แต่มาคิดได้เมื่อสายไปเสียแล้วว่านี่ยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเธอไม่สามารถได้ยินผมพูดยิ่งแล้วใหญ่
จะเอาไงดีวะ!
ผมควรปล่อยเธอไป แต่หากทำแบบนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้เจอเธออีกเลยในเมื่อเธอแสดงออกว่ากลัวผมซะขนาดนี้ ทว่าในขณะเดียวกันมันกลับปลุกความเป็นดอมในตัวผม สุดท้ายผมตัดสินใจปิดปากเธอด้วยปากผมเพื่อให้เธอสงบลง กลายเป็นว่ากลับทำให้เธอตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน ยกเว้นเสียแต่ริมฝีปากนุ่มที่ขยับตอบสนองจูบผม ผมครางด้วยความพึงพอใจกับสัมผัสอ่อนนุ่ม เธอถอนจูบเพื่อหยุดหายใจแล้วเริ่มจูบกันใหม่ ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าจูบตอบผม และผมบอกได้คำเดียวว่าโคตรรู้สึกดี
แต่เมื่อคิดถึงสถานะของเธอ เธอไม่ใช่ซับแต่เป็นพนักงานคนหนึ่งซึ่งสามารถฟ้องร้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศได้ ทำให้ผมต้องหยุดการกระทำทุกอย่างด้วยความเสียดาย ผมถอยหลังออกมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้เธอไปได้ แต่เจ้าหล่อนยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มือสองคู่ยังอยู่ในท่าเดิมที่ถูกผมยึดไว้ก่อนหน้า ท่าทางอ่อนน้อมเชื่อฟังยิ่งกระตุ้นความเป็นดอมของผม และผมจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้เธอหยุดทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นซับก่อนที่ผมจะจับเธอขึงพืดบนโต๊ะทำงานแล้วทำรักกับเธออย่างถึงใจ
ผมทำมือเป็นสัญญาณให้เธอเอาแขนลงได้ มองจนกระทั่งแขนทั้งสองข้างตกลงแนบลำตัว เธอก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ให้ตายเถอะ! เธอกำลังรอฟังคำสั่งจากผมเหรอ หยุดเลยนะ อย่าทำแบบนั้น ผมต้องการให้เธอไป ผมพยายามกรอกหูตัวเองว่าเธอแค่กำลังกลัวผม เธอไม่ใช่ซับ!
เมื่อคืนผมลองเรียนภาษามือตอนที่คิดเรื่องเธอ ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมพยายามสื่อสารภาษามือกับเธอว่าผมขอโทษ ผมเป็นคนหยิ่งไม่เคยเอ่ยปากขอโทษใคร แต่ถ้าคำนี้จะทำให้เธอเลิกตอบสนองผมแบบที่ทำอยู่ผมก็ยินดี
ไหล่ที่แข็งเกร็งตรงหน้าผ่อนคลายลง ใบหน้าสวยหวานปรากฏรอยยิ้มบาง เธอใช้ภาษามือโต้ตอบกับผมแต่เธอขยับมือเร็วเกินไปจนผมตาลายเพราะในคลิปยูทูปที่สอนภาษามือไม่ได้ขยับเร็วแบบนี้ สุดท้ายจึงไม่รู้ว่าเธอต้องการพูดอะไรด้วยอยู่ดี
หกเดือนต่อมากวินผมกลับถึงบ้านก่อนที่เข็มนาฬิกาจะแตะเลขสิบสองเพียงเล็กน้อย ช่วงนี้ผมต้องทำงานชดเชยเวลาที่หยุดไปฮันนีมูนที่ยุโรป ดังนั้นงานจึงกองสุมหัว พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเจ้าลาเต้ที่กระดิกหางต้อนรับอยู่ มันเดินตามผมเข้ามาถึงในห้องนอน“อ้าวยังไม่นอนอีกเหรอที่รัก”“ปรายนอนไม่หลับค่ะ กังวลเรื่องพรุ่งนี้กลัวว่าทุกสิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า”ผมเข้าใจ พรุ่งนี้เรามีนัดกับหมอเพื่อฟังผลการรักษาหลังจากที่ปรายเข้ารับการผ่าตัดเมื่อสามเดือนก่อนผมประคองหน้าเธอไว้ด้วยสองมือ โน้มลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ“ไม่ต้องกังวล เชื่อฉันสิ ทุกสิ่งจะผ่านไปได้ด้วยดี”คำปลอบใจไม่ช่วยให้เธอดีขึ้น ผมยิ้มมองคนที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา“ช่วยรักปรายหน่อยได้มั้ยคะ ปรายต้องการคุณ”คำขอร้องจากปากเธอทำให้ผมคราง ท่าทางและน้ำเสียงเว้าวอนแบบนี้ปลุกความเป็นดอมในตัวผม แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผมแทบละลายทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้ระหว่างมื้ออา
สองสัปดาห์ต่อมาปรายเพิ่งจะได้รับการตรวจเช็กจากหมอผู้เชี่ยวชาญที่นัดไว้ ตอนนี้กำลังรอฟังผลอยู่ ผมวางมือลงบนมือปรายที่วางอยู่บนหน้าตักเธอจึงหันมามองหน้า“ไม่ต้องกลัว” บอกพร้อมบีบมือให้กำลังใจ รู้ว่าการรอคอยเรื่องสำคัญเช่นนี้มันกระวนกระวายแค่ไหน“ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ คุณหมอให้เชิญพวกคุณเข้าไปด้านในค่ะ” ผู้ช่วยสาวเดินออกมาบอก ทำท่าผายมือไปทางห้องทำงานคุณหมอ“เชิญนั่งครับ” คุณหมอยิ้มเมื่อเห็นเรานั่งลงตรงข้าม “คุณคงอยากจะทราบผลแล้วนะครับ หลังจากที่ตรวจและวินิจฉัยแล้วผมขอแจ้งว่านี่เป็นข่าวดี จุดที่เสียหายในระบบการได้ยินของคุณไม่ใช่จุดหลัก เพราะฉะนั้นเราแค่ต้องจัดการอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ตรงเส้นประสาทการรับรู้ที่จะเป็นตัวแปรในการได้ยินเสียงของคุณ”ผมยิ่งฟังก็ยิ่งงง แต่เหนืออื่นใดคือยินดีมากที่รู้ว่าปรายจะสามารถกลับมาได้ยินอีกครั้ง“ยังไงคะ คุณหมอหมายถึงการใส่ประสาทหูเทียมแบบนั้นเหรอคะ” ปรายทำมือถาม เพราะนี่ถือเป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้รักษา“ครับผมการใส่ประสาทหูเทียมจะทำให้คุณกลับมาได้ยินอีกครั้ง
แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำไมเวลามีปรายในอ้อมกอดแล้วรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาเร็วเหลือเกิน สักพักรู้สึกว่าร่างบนตัวเริ่มขยับยุกยิกไปมา“เอ๊ะ! ปรายมาอยู่ท่านี้ได้ยังไงคะ” เสียงงัวเงียตามก่อนที่จะหัวเราะเมื่อผมรัดตัวเธอแน่นขึ้น ท่านี้ที่ว่าคือนอนคว่ำหน้าท้องพาดบนแขนที่ผมเพิ่งสอดมือลงไปกุมกุหลาบที่อยู่ตรงหว่างขา“ของฉัน” ผมบอก แกล้งเป่าลมหายใจรดข้างหูจนปรายขนลุก เธอพยายามขืนตัวออก เมื่อทำไม่ได้จึงเปลี่ยนมาจูบปากผมแทนผมอยากจะทำรักกับเธอเร็ว ๆ แต่รู้ว่าวันนี้พ่อแม่เธอจะมาหาจึงอดกลั้นไว้ผมตื่นเต้นประสาทแดกตั้งแต่เช้า ครั้งสุดท้ายที่จำความรู้สึกนี้ได้คือตอนที่ขายเรือลำแรกสำเร็จ แต่วันนี้เหมือนจะเป็นมากว่าตอนนั้นเสียอีก“ใจเย็น ๆ สิคะ” เสียงปรายดังแทรกเข้ามาในหัว แต่ผมอดมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความกังวลไม่ได้ “ยังไงปรายก็จะแต่งงานกับคุณอยู่ดี”ผมพยักหน้าเรียกความเชื่อมั่นกับตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็รู้ดีว่าปรายให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เธออยากให้พ่อแม่ยอมรับผม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมหันมองหน
ปรายคืนนี้ฉันไม่ได้อยากหยิบยกเรื่องนี้มาพูด แต่คุณกวินคิดมากและจริงจังเกินไป เขารู้ว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดแต่ไม่ยอมรับ“ไม่ นี่ไม่ใช่ทางออก ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่”“ปรายไม่เหมาะกับโลกของคุณหรอกค่ะ”“ใครอยากให้เธอเหมาะกับโลกของฉัน ไม่เหมาะก็ไม่เหมาะสิ”“เห็นมั้ยคะ คุณพูดออกมาเอง คิดมั้ยคะว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันไปนานเข้าแล้วปรายยังเข้ากับโลกของคุณไม่ได้คุณจะรู้สึกยังไง อาจะเบื่อหรือรำคาญ”“โลกบ้าบออะไร ช่างแม่ง เธอคิดไปเอง ฉันจะบอกให้นะ ที่ฉันทำโครงการช่วยเหลือคนพิการก็เพื่ออุทิศให้กวี ไม่ว่าตอนนี้เจ้านั่นจะอยู่ที่ไหนฉันเชื่อว่าจะต้องชอบเธอ ทุกคนในครอบครัวของฉันชอบเธอ โลกของฉันคือเธอ ฉันไม่เคยเป็นของใครจนกระทั่งได้พบกับเธอ เธอเองก็เป็นของฉันเหมือนกัน บอกสิว่าเธอคิดเหมือนกัน”“ค่ะ ปรายคิดเหมือนกันคุณก็รู้”คุณกวินถอนใจยาวเมื่อเห็นว่าฉันไม่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงอีก ฉันจะเอาอะไรมาเถียงในเมื่อเขาเปรียบดั่งลมหายใจ“ถ้างั้นทางออกอื่นล่ะ”“ทองออกที่สองคือคุณจะต้องตัดปรายออกจากงานท
กวินปาร์ตี้ใกล้จะเลิก ผมกับปรายนั่งในมุมค่อนข้างส่วนตัว เธอไม่ใช่สาวปาร์ตี้ ที่มานี่เพราะอยากเจอน้องสาวผมมากกว่า ผมเห็นแม่สอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ พอมองมาทางนี้ก็ยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วก็มองไปที่คู่ของมิรากับแฟนหนุ่มตรงข้างสระว่ายน้ำ ต่อด้วยพี่ตฤณกับหยกตรงข้างบาร์เครื่องดื่ม แล้วก็วกกลับมาทางผมกับปรายอีกครั้ง เป็นที่เข้าใจได้เพราะแม่ไม่เคยเห็นผมใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน ผมเลิกสนใจ หันมาหาปรายที่นั่งซบในอ้อมแขน โน้มหน้าจูบขมับเธอเบา ๆ แล้วก็เห็นพ่อผ่านทางหางตากำลังเดินไปหาแม่ คว้าตัวมาโอบกอดซึ่งเป็นภาพที่เห็นจนชินตา แล้วก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเห็นพ่อเช็ดน้ำตาให้แม่ แต่ก็คลายลงเมื่อเห็นแม่ตีอกพ่อที่หัวเราะเธอ เดาว่าพ่อน่าจะแซวแม่เรื่องอารมณ์อ่อนไหว ผมส่ายหัวก่อนที่จะหลับตาลงผ่อนคลายไปกับบรรยากาศผมน่าจะใจลอยเกินไปหน่อย มารู้ตัวอีกทีตอนที่ปลายขยับเข้ามากระซิบข้างหู“คุณกวินคะ ปรายขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”หลังจากที่ปรายลุกไปแล้วผมก็นั่งปล่อยใจมองคนโน้นคนนี้แต่ไม่เก็บมาใส่ใจจนกระทั่งสักพักเห็นปรายยืนข้างสระน้ำกับมิราและ
กวิน“ไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลง” ผมพูดขณะขับรถพาปรายไปร่วมปาร์ตี้ของน้องสาวที่บ้าน“ปรายว่าน่าจะสนุกดี แต่ความจริงแล้วปรายอยากเจอน้องสาวคุณมากกว่า”พอกันทีกับผู้หญิงที่ก่อนหน้าตื่นเต้นแทบตายเมื่อจะได้ไปเจอครอบครัวผม ผมได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง“คุณยิ้มอะไรคะ ““เปล๊า” ผมตอบแล้วขับรถต่อผมยังไม่ได้ประกาศเรื่องหมั้นของเราสองคนให้ครอบครัวได้รับรู้ เพราะพี่ชายปากมากผมเลยต้องเปลี่ยนแผน จำได้ว่าวันนั้นหลังจากกลับบ้าน เจอปรายรออยู่ในห้องนอน พอเธอเห็นผมก็ฉีกยิ้มกว้างต้อนรับ“เธออ่านปากพี่ตฤณใช่มั้ย”“คะ?” แกล้งทำหน้าใสซื่อ“เธอรู้ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร”“ก็…ค่ะ ปรายแค่จับใจความได้นิด ๆ หน่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องสวมแหวนอะไรนี่แหละค่ะ”ผมถอนใจ ยืนทิ้งสะโพกกับโต๊ะเครื่องแป้งมองปราย“ฉันอยากทำอะไรที่ถูกต้อง อยากไปคุยกับพ่อแม่เธอจริง ๆ จัง ๆ ขอให้พวกท่านยกลูกสาวให้ เชื่อมั้ยว่าฉันเกร็งแค่ไหนเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี”“แต่คุณยังไม่ได้ถามปรายก่อนเลย” เธอเดินมากอดคอ“อืม” ผ