ครั้งที่ อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน ยังเป็นนักศึกษาหนุ่มอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี เขาบังเอิญได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับโรส นักร้องสาวในบาร์ผู้มีอายุมากกว่าถึงสามปี และทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นทายาทของมหาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงของลอนดอน เธอก็ตัดสินใจใช้เสน่ห์ เรือนร่าง และกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างของผู้หญิง มัดใจชายหนุ่มอ่อนประสบการณ์อย่างเขาเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด ด้วยหวังว่าเธอจะมีชีวิตบั้นปลายอันแสนสุขสบาย ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราไม่ต่างจากคนในวงสังคมชั้นสูง
แต่ลางร้ายก็เริ่มปรากฏเสียตั้งแต่แรก เมื่อว่าที่พ่อสามีในขณะนั้นเกิดไม่เห็นดีเห็นชอบกับการแต่งงาน เพราะเห็นว่าบุตรชายของเขายังเด็กเกินไป ยังไม่เคยทำงานหรือแม้แต่รับผิดชอบชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำ
กระนั้นเคนเน็ธก็ยังพยายามทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่ออย่างดีที่สุด เขายกแมนชั่นขนาดใหญ่บนถนนพิกคาดิลลี ย่านใจกลางเมืองลอนดอนให้เป็นเรือนหอของทั้งคู่ มิหนำซ้ำยังมอบบัญชีเงินฝากจำนวนยี่สิบล้านปอนด์ให้เป็นทุนรอนติดตัวอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้นักร้องจากบาร์ข้างถนนอย่างโรสได้มีโอกาสใช้ชีวิตเฉิดฉายเหมือนในวิมานที่เธอวาดไว้อยู่หลายปี
แต่หลังจากแต่งงานแล้ว อัลเบิร์ตก็ไม่คิดจะทำงานทำการอะไร ฝ่ายภรรยาก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปวันๆ หากไม่ชักชวนเขาไปเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า ก็พากันตระเวนไปตามบ่อนการพนัน จนเงินยี่สิบล้านปอนด์ในธนาคารร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว... ในไม่ช้า เมื่อข่าวความเหลวแหลกของบุตรชายและสะใภ้ไปถึงหู เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน เขาจึงเรียกทั้งคู่ไปต่อว่าและสั่งห้ามไม่ให้เหยียบคฤหาสน์ชาร์ลสตันอีกอย่างเด็ดขาด
ช่วงเวลานั้นเอง โรสก็เริ่มตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายชื่อเจค็อบ หรือ เจโคบี ชาร์ลสตัน ในปีต่อมา ทำให้เคนเน็ธดีใจจนลืมความขุ่นเคืองที่มีต่ออัลเบิร์ตและภรรยาไปไม่น้อย... แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังลั่นวาจาว่าจะไม่มีทางให้ความช่วยเหลือด้านการเงินจนกว่าคนทั้งคู่จะเลิกใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่...
สามปีให้หลัง หลังจากเครื่องประดับราคาแพงที่โรสสะสมไว้ถูกขายและจำนำจนหมดแล้ว อัลเบิร์ตก็จำใจต้องเอาโฉนดแมนชั่นซึ่งเป็นบ้านที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ไปจำนองกับธนาคาร นำเงินที่ได้มาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไม่ต่างจากเดิม ยิ่งไปกว่านั้น จากเคยเล่นการพนันเพียงเพื่อความสนุกสนานและเพื่อการเข้าสังคม ไม่นานสองสามีภรรยาก็เริ่มหันมาทุ่มเทกับมันมากขึ้น เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะทำให้เงินทุนที่มีอยู่งอกเงยขึ้นมาจนสามารถปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหมดได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าคู่สามีภรรยา อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน จะมีโชคทางด้านนี้ไม่เลวทีเดียว ทั้งคู่จึงเอาแต่เข้าบ่อนทุกคืน ปล่อยให้พี่เลี้ยงเด็กค่าแรงต่ำที่ว่าจ้างมาจากไชนาทาวน์คอยดูแลเจโคบีเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
เคนเน็ธย่อมทนเห็นหลานชายคนเดียวถูกปล่อยปละละเลยอย่างนั้นไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาจึงยื่นข้อเสนอเพื่อนำตัวเด็กน้อยเจโคบีในวัยสามขวบกลับไปเลี้ยงดูที่คฤหาสน์ชาร์ลสตันด้วยตัวเอง แล้วคนอย่างอัลเบิร์ตกับภรรยามีหรือจะปฏิเสธ กลับยิ่งดีใจเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องคอยรับผิดชอบ ไม่ต้องคอยเสียเงินจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกทุกวัน
เป็นเวลาเกือบสี่ปีเต็มที่อัลเบิร์ตและโรสแทบไม่เคยแวะเวียนไปเยี่ยมคฤหาสน์ชาร์ลสตัน จนกระทั่งอายุของเด็กน้อยย่างเข้าสู่ปีที่เจ็ด ก็เป็นเวลาเดียวกับที่โชคทางด้านการพนันของผู้เป็นพ่อและแม่หมดลง เมื่อโรสเริ่มบังคับให้สามีไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเคนเน็ธ มหาเศรษฐีเฒ่าก็สบโอกาสในการดัดนิสัยบุตรชาย เพราะแทนที่เขาจะให้เงินก้อนใหญ่แก่อัลเบิร์ตเพื่อนำไปถลุงเล่นเหมือนเคย เขากลับให้เป็นเงินค่าใช้จ่ายจำนวนไม่มากนักในแต่ละสัปดาห์
อันที่จริงจะบอกว่าไม่มากนักก็ไม่ถูก เพราะเงินรายสัปดาห์ที่เคนเน็ธให้เป็นค่ากินอยู่ของบุตรชายและภรรยานั้น ตกเดือนละถึงสองหมื่นปอนด์ นั่นก็นับว่ามากเกินพอจะทำให้ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในลอนดอนได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายแล้ว
แต่แน่ล่ะ... มันย่อมก็ไม่เพียงพอต่อกิเลสของคนที่ตกเป็นทาสของปีศาจการพนัน...
***
“เจค็อบ... ลูกชายของเรายังไงล่ะ ที่จะเป็นเครื่องต่อรองชั้นเยี่ยม...” เสียงโรสกระซิบข้างหูของอัลเบิร์ตอย่างเย็นชา
ตั้งแต่รู้ตัวเองว่าตั้งครรภ์ หญิงสาวก็ไม่เคยคิดที่จะคลอดบุตรชายคนนี้เลยสักนิด แต่เพราะเห็นว่าพ่อสามีดูจะเห่อหลานคนแรกเสียเต็มประดา เธอถึงจำเป็นต้องเก็บเลือดก้อนนี้เอาไว้เพื่อเอาอกเอาใจเขา...
สุดท้ายผลมันเป็นอย่างไรล่ะ ไอ้แก่ขี้เหนียวนั่นก็เลยหันไปประคบประหงมไอ้เด็กมารหัวขนแทน แล้วถีบหัวเธอกับอัลเบิร์ตให้มาทนกัดก้อนเกลือกินอยู่อย่างนี้...
“เจโคบีน่ะเหรอ” ชายหนุ่มถามงงๆ
“คุณเองก็รู้นี่ว่าพ่อของคุณเลี้ยงเจค็อบมาอย่างกับจงอางหวงไข่” โรสอธิบายถึงเหตุผลแทนคำตอบ “ไอ้แก่เคนเน็ธน่ะ ทั้งรักทั้งหลงไอ้เด็กนั่นมากแค่ไหนคุณก็เห็น... เพราะฉะนั้น เราจะขู่พ่อของคุณว่า... ถ้าไม่ยอมให้เงินเราล่ะก็ เราจะเอาลูกกลับมาเลี้ยงเอง!”
“เอากลับมาเลี้ยงเอง!” ชายหนุ่มเบิกตาโพลง เบ้ปากราวกับได้ฟังเรื่องที่น่ารังเกียจเสียเต็มประดา “ผมไม่เอาด้วยหรอกนะโรส...” อัลเบิร์ตเองก็ไม่ต่างจากโรสนักหรอก เขาไม่เคยต้องการลูกคนนี้แม้แต่น้อย... การที่มหาเศรษฐีเฒ่าได้นำตัวเด็กน้อยไปเลี้ยงดูตั้งแต่ยังไม่รู้ความ มันทำให้เขาไม่มีความรู้สึกผูกพันใดๆ กับบุตรชายเลย...
ในทางตรงกันข้าม นับวันยิ่งได้เห็นเคนเน็ธแสดงความรักใคร่เจโคบีมากกว่าตนซึ่งเป็นลูกในไส้ คอยเอาอกเอาใจกันจนออกนอกหน้า นั่นก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มริษยาและจงเกลียดจงชังสายเลือดของตัวเองมากขึ้นทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว...
อย่างไอ้ลูกเวรนั่นน่ะ จะไปลงนรกที่ไหนเขาก็ไม่สนหรอก...
“อยู่ๆ จะให้เอาไอ้เด็กเปรตนั่นกลับมาก็เท่ากับหาเหาใส่หัวน่ะสิ... ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน ไหนจะต้องอยู่กับบ้านคอยเฝ้าดูแลมันอีก แล้วคุณกับผมจะเอาเวลาที่ไหนไปเข้าบ่อนหาเงินล่ะ... ปล่อยให้พ่อเลี้ยงมันอย่างเดิมนั่นแหละดีแล้ว”
“โอ๊ย!! ทำไมคุณถึงได้โง่นักนะ!!” โรสแผดเสียงใส่หน้าผู้เป็นสามีอย่างเหลืออด มือทั้งสองข้างผลักร่างเพรียวผอมจนเซไปด้านหลัง “ใครมันจะเอากลับมาจริงๆ ล่ะ!! ให้ฉันเลี้ยงสิ จะได้เอาขี้เถ้ายัดปากมันวันละสามมื้อ! นี่คือการขู่ เข้าใจไหมว่ามันคือการขู่! พ่อคุณเลี้ยงเจค็อบให้เป็นเทวดาขนาดนั้น คิดว่าจะยอมปล่อยให้มันกลับมาอยู่อดๆ อยากๆ กับเราที่นี่หรือไง”
อัลเบิร์ตย่นคิ้ว พยายามคิดตามกับสิ่งที่ภรรยาสาวชาวจีนกำลังสาธยาย ครู่เดียวก็ยิ้มออกมาได้ “คุณนี่ฉลาดจริงๆ โรส... นึกแล้วเชียวว่าซักวันไอ้เด็กนั่นจะต้องเป็นประโยชน์กับเราบ้าง”
“แน่ล่ะสิ ฉันทนอุ้มท้องมันมาตั้งเกือบปี ต้องทรมานมากแค่ไหน ท้องก็แตก ขาก็ลาย หลังก็ปวด นี่ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการเอาใจไอ้แก่เคนเน็ธที่ดันสาระแนมารู้เข้าเสียก่อนล่ะก็ ฉันไม่เก็บมันเอาไว้ให้ลำบากหรอก... ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เจค็อบมันควรจะต้องตอบแทนพ่อแม่ของมันบ้างแล้ว” โรสเหยียดยิ้มเยาะหยัน
“แล้วเราจะพูดกับพ่อยังไงดีล่ะ” อัลเบิร์ตเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“ก็ขอเงินกันตรงๆ ง่ายๆ นี่แหละ...” เธอนิ่งไปชั่วอึดใจ ดวงตาชั้นเดียวตวัดมองสามีหนุ่มด้วยประกายอันน่าพรั่นพรึง “แต่ถ้ายังดักดานไม่ยอมให้กันอีก เห็นทีเราก็คงต้องเล่นบทร้ายกับพ่อของคุณบ้างแล้วล่ะ!” พูดต่ออย่างเย็นเยียบ เชื่องช้า ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำ
เสียงของโรสทำให้อัลเบิร์ตหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ขนลุกชันตั้งแต่ต้นคอไล่ลงไปจนถึงสันหลัง “บทร้ายอย่างนั้นเหรอ...” ชายหนุ่มถามกลับไป แม้ยังไม่เข้าใจคำพูดของภรรยาสาว แต่ลางสังหรณ์บอกว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีงามหรือง่ายดาย ในขณะที่สายตาก็เหลือบมองหญิงสาวค่อยๆ เชิดใบหน้าขึ้น ก่อนจะแค่นรอยยิ้มที่แสนน่ากลัวออกมาพร้อมกับคำตอบ
“ใช่! ร้ายมากๆ ด้วย...”
นรินทร์นารถ ปิยบุตร ชาร์ลสตัน นึกถึงเมื่อแปดปีก่อน ในวันแรกที่เธอได้พบกับบิดาบุญธรรม ผู้ที่เธอไม่กล้าอาจเอื้อมแม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อเธอเป็นแค่เด็กสาวที่ติดตามนงนุช มารดาม่ายชาวไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในบริษัท ชาร์ลสตัน เทรดอิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชาร์ลสตัน... แม้จะเป็นแค่ลูกจ้างระดับล่างที่พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ แต่ความที่มารดาของเธอเป็นคนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เคนเน็ธจึงสะดุดตาและรู้สึกเมตตาเป็นพิเศษ...หลังจากทำงานอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี มารดาของเธอก็โชคร้ายล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเคนเน็ธผู้อยู่ในฐานะเจ้านายใหญ่ได้รับข่าวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีฝังศพด้วย... เขาพอจะรู้มาจากปากพนักงานคนอื่นๆ ว่าแม่บ้านชาวไทยยังมีบุตรสาววัยสิบห้าปีที่กำลังไร้ที่พึ่งพิงอยู่อีกหนึ่งคน และเพียงแค่พบนรินทร์นารถครั้งแรก เคนเน็ธก็เกิดความรักใคร่เอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก...เนื่องจากในเวลานั้นเขาก็กำลังผิดหวังกับความประพฤติของบุตรชายอยู่ เขาจึงเสนอความอุปการะด้านการศึกษาให้แก่เธอ หากเคนเน็ธก็ต้องประหลาดใจเมื่อเด็กสาวกลับปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ และเลือกที่จะขอ
“ลมแรงขึ้นทุกทีแล้ว ตากลมนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ปู่ว่าเรากลับไปที่บ้านกันดีกว่า” เคนเน็ธพยายามชักจูงให้หลานชายลืมเรื่องที่เขาพูดไปเสีย“จริงด้วยสิฮะ ป่านนี้นีนาคงรอนานแล้วล่ะ” เจโคบีพูดพลางกระชับนิ้วมือเล็กๆ เข้ากับฝ่ามือหยาบย่นตามกาลเวลาของเคนเน็ธ ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืน “คุณปู่ฮะ อาทิตย์หน้าคุณปู่ต้องกลับมาช่วยผมทาสีเจ้าซีเซอร์เพนต์นะฮะ”“มันคืออะไรกันเหรอ เจค็อบ” ชายสูงวัยถามด้วยความแปลกใจ“มันก็คือชื่อของเรือบังคับวิทยุที่คุณปู่ซื้อมาฝากผมเมื่อเช้านี้ยังไงล่ะฮะ ผมตั้งชื่อมันว่าเจ้างูทะเล” เด็กน้อยตอบฉะฉาน ขณะพยายามใช้สองมือจูงปู่ของเขาให้ก้าวตามไป“แล้วทำไมเราจะต้องไปทาสีมันด้วยล่ะ เรือที่ปู่ซื้อมาให้มันไม่สวยหรือไง หือ...”“ผมอยากให้มีรูปงูบนเรือด้วยนี่นา ไม่อย่างนั้นจะสมกับชื่อเจ้างูทะเลได้ยังไงกันล่ะฮะ” พูดจบก็กระโดดโลดเต้น วิ่งนำไปข้างหน้าเคนเน็ธส่ายหน้ายิ้มๆ กับความร่าเริงไร้เดียงสาของเจโคบี ก้าวเท้าตามเด็กน้อยไปด้วยความสบายใจ ชีวิตบั้นปลายในวัยหกสิบสี่ปี ถึงจะต้องผิดหวังกับลูก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีหลานที่เฉลียวฉลาดน่ารักมาทดแทน เพียงเท่านี้
บนเนินผาสูงชันซึ่งทอดยาวจนสุดอาณาเขตพื้นที่คฤหาสน์ชาร์ลสตัน มองไกลออกไปสุดสายตา เห็นผืนน้ำสีครามและท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกแสงสีทองอาบไล้ ตัดกับทุ่งหญ้าสูงซึ่งโบกสะบัดไปมาราวกับคลื่นสีเขียวสดยามลมทะเลโชยพัดเข้าสู่แผ่นดิน ประภาคารเก่าแก่ทาสีขาวนวลตั้งตระหง่านเป็นจุดดึงดูดสายตามองเห็นได้แต่ไกลบันไดไม้ที่นำขึ้นไปยังกระโจมไฟด้านบนถูกปิดตายและเริ่มผุพังตามเวลา เบื้องหน้ามีชายวัยหกสิบสี่ปียืนจับมืออยู่กับหลานชายตัวน้อย ทอดสายตาออกไปยังเวิ้งทะเล จ้องมองภาพของเรือยอชต์ลำใหญ่กำลังแล่นห่างและเลือนหายไปในแสงของดวงอาทิตย์“ถ้าผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเป็นกัปตันเรือลำใหญ่ๆ แบบเรือลำนั้นให้ได้เลยฮะคุณปู่!” เด็กชายวัยเจ็ดขวบหันมายิ้มอย่างเริงร่า ในแววตาไร้เดียงสาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและปรารถนา“จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เจค็อบ... เป็นกัปตันเรือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก...” ชายสูงวัยก้มลงสบตาเด็กน้อย “ลูกผู้ชายน่ะ ถ้าตัดสินใจแล้วต้องไม่ล้มเลิกกลางคันนะ”“ผมแน่ใจฮะ” เขาพยักหน้า ตอบชัดถ้อยชัดคำ“ดีมาก... ปู่เชื่อว่าซักวันเราจะต้องเป็นกัปตันเรือที่เก่งที่สุดในอังกฤษแน่ๆ...” พูดพลางหัวเราะอารมณ์ดี พร้อมกับขยี
ครั้งที่ อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน ยังเป็นนักศึกษาหนุ่มอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี เขาบังเอิญได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับโรส นักร้องสาวในบาร์ผู้มีอายุมากกว่าถึงสามปี และทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นทายาทของมหาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงของลอนดอน เธอก็ตัดสินใจใช้เสน่ห์ เรือนร่าง และกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างของผู้หญิง มัดใจชายหนุ่มอ่อนประสบการณ์อย่างเขาเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด ด้วยหวังว่าเธอจะมีชีวิตบั้นปลายอันแสนสุขสบาย ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราไม่ต่างจากคนในวงสังคมชั้นสูงแต่ลางร้ายก็เริ่มปรากฏเสียตั้งแต่แรก เมื่อว่าที่พ่อสามีในขณะนั้นเกิดไม่เห็นดีเห็นชอบกับการแต่งงาน เพราะเห็นว่าบุตรชายของเขายังเด็กเกินไป ยังไม่เคยทำงานหรือแม้แต่รับผิดชอบชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำกระนั้นเคนเน็ธก็ยังพยายามทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่ออย่างดีที่สุด เขายกแมนชั่นขนาดใหญ่บนถนนพิกคาดิลลี ย่านใจกลางเมืองลอนดอนให้เป็นเรือนหอของทั้งคู่ มิหนำซ้ำยังมอบบัญชีเงินฝากจำนวนยี่สิบล้านปอนด์ให้เป็นทุนรอนติดตัวอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้นักร้องจากบาร์ข้างถนนอย่างโรสได้มีโอกาสใช้ชีวิตเฉิดฉายเหมือนในวิมานที่เธอวาดไว้อยู่หลายปีแต่หลังจาก
เพล้ง!!เสียงแจกันดอกไม้บนโต๊ะริมผนังถูกมือหญิงสาวชาวจีนกวาดกระเด็นลงไปกระทบพื้นจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี คิ้วของเธอขมวดแน่น ขณะที่ดวงตาชั้นเดียวตวัดมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่อีกฟากของห้องด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มกัดจนแน่น ทำให้ใบหน้างดงามของเธอดูร้ายกาจราวกับคนละคน“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงคราวนี้คุณก็ต้องเอาเงินไอ้แก่นั่นมาให้ได้!” หญิงสาวตวาดลั่น ยิ่งเห็นสามีชาวอังกฤษเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดจาอะไร โรสก็ยิ่งเกิดโทสะ กระทืบรองเท้าส้นสูงลงบนดอกลิลีสองสามช่อที่ร่วงกระจายอยู่โดยไม่ใส่ใจว่าเศษแจกันอาจทิ่มตำพื้นรองเท้าของเธอจนทะลุได้ทำไมอัลเบิร์ตถึงไม่ได้เรื่องได้ราวขนาดนี้นะ... เสียแรงที่เป็นถึงลูกชายของมหาเศรษฐี กับอีแค่เงินแสนสองแสนปอนด์ เขาก็ยังไม่มีปัญญาหามาให้เธอได้... แล้วที่เธอยอมแต่งงานอยู่กินกับเขามาจนถึงป่านนี้มันเพื่ออะไรกัน... เพื่อเศษเงินที่พ่อผัวขี้เหนียวโยนมาให้ใช้เดือนละไม่กี่เพนนีอย่างนั้นน่ะหรือ...“ผมก็อ้อนวอนพ่อจนแทบจะกราบอยู่แล้วนะโรส แต่ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ...” ผู้เป็นสามีตอบเสียงอ่อย ยืนคอตก ไหล่ห่