Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-06-21 13:14:09

บนเนินผาสูงชันซึ่งทอดยาวจนสุดอาณาเขตพื้นที่คฤหาสน์ชาร์ลสตัน มองไกลออกไปสุดสายตา เห็นผืนน้ำสีครามและท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกแสงสีทองอาบไล้ ตัดกับทุ่งหญ้าสูงซึ่งโบกสะบัดไปมาราวกับคลื่นสีเขียวสดยามลมทะเลโชยพัดเข้าสู่แผ่นดิน ประภาคารเก่าแก่ทาสีขาวนวลตั้งตระหง่านเป็นจุดดึงดูดสายตามองเห็นได้แต่ไกล

บันไดไม้ที่นำขึ้นไปยังกระโจมไฟด้านบนถูกปิดตายและเริ่มผุพังตามเวลา เบื้องหน้ามีชายวัยหกสิบสี่ปียืนจับมืออยู่กับหลานชายตัวน้อย ทอดสายตาออกไปยังเวิ้งทะเล จ้องมองภาพของเรือยอชต์ลำใหญ่กำลังแล่นห่างและเลือนหายไปในแสงของดวงอาทิตย์

“ถ้าผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเป็นกัปตันเรือลำใหญ่ๆ แบบเรือลำนั้นให้ได้เลยฮะคุณปู่!” เด็กชายวัยเจ็ดขวบหันมายิ้มอย่างเริงร่า ในแววตาไร้เดียงสาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและปรารถนา

“จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เจค็อบ... เป็นกัปตันเรือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก...” ชายสูงวัยก้มลงสบตาเด็กน้อย “ลูกผู้ชายน่ะ ถ้าตัดสินใจแล้วต้องไม่ล้มเลิกกลางคันนะ”

“ผมแน่ใจฮะ” เขาพยักหน้า ตอบชัดถ้อยชัดคำ

“ดีมาก... ปู่เชื่อว่าซักวันเราจะต้องเป็นกัปตันเรือที่เก่งที่สุดในอังกฤษแน่ๆ...” พูดพลางหัวเราะอารมณ์ดี พร้อมกับขยี้ปลายนิ้วลงบนเรือนผมหยักศกสีดำอย่างรักใคร่เอ็นดู

“แน่นอนฮะ คุณปู่จะต้องได้เห็นผมเป็นกัปตันที่เก่งที่สุดในโลกเลย!”

เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน ย่อตัวลงนั่งบนปลายเท้า ดวงตาซึ่งขุ่นขาวไปตามวัยจ้องมองหลานชายสุดที่รักด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นความเฉลียวฉลาด ช่างพาที หรือจิตใจที่เข้มแข็งทว่าแฝงไว้ด้วยความโอบอ้อมอารีของเจโคบี ล้วนเป็นสิ่งที่สืบทอดจากเขาอย่างครบถ้วน

เมื่อหวนคิดถึงอัลเบิร์ต มหาเศรษฐีเฒ่าก็ต้องถอนหายใจหนักๆ... ทำไมหนอ บุตรชายถึงไม่ได้รับอุปนิสัยใจคอไปจากเขาบ้าง...

แม้ที่ผ่านมาเคนเน็ธจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมุ่งมั่นทำธุรกิจ แต่เขาก็มั่นใจว่าได้อบรมเลี้ยงดู ให้การศึกษาอัลเบิร์ตอย่างดีที่สุดแล้ว และมหาเศรษฐีเฒ่าก็ไม่เคยคาดหวังอะไรมากไปกว่าการที่ชายหนุ่มจะเติบโตเป็นสุภาพบุรุษที่ขยันขันแข็ง มีความรับผิดชอบ และเป็นคนที่มีคุณค่าของสังคม

หากในปีที่อัลเบิร์ตเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เอลิซา ผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง ทำให้เคนเน็ธที่กำลังเสียใจมาก ได้แต่โทษตัวเองว่าไม่เคยสังเกตเห็นอาการเจ็บป่วยของภรรยา จึงหันไปทุ่มเทกับงานมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ลืมความโศกเศร้า

ขณะนั้นอัลเบิร์ตเองก็เริ่มมีสังคมของตัวเองกับกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัย ทำให้สองพ่อลูกต่างก็ห่างเหินกันไปจนแทบไม่เคยได้เห็นหน้า มีเพียงเงินสดที่ถูกโอนให้ใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่านั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ชายหนุ่มจึงได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่โดยที่เคนเน็ธไม่เคยรับรู้เลยว่าบุตรชายกลายเป็นคนเหลวแหลกแค่ไหน

ครั้งแรกที่ข่าวเสื่อมเสียของอัลเบิร์ตมาถึงหูก็คือคืนที่เขาถูกจับด้วยข้อหาเสพยาเสพติด มหาเศรษฐีเฒ่าโกรธจัด ถึงกับเอ่ยปากไล่ให้เขาออกจากบ้าน ชายหนุ่มก็ยอมอดทนทำตัวเรียบร้อยอยู่ได้พักใหญ่ ก่อนจะไปสร้างปัญหาหนี้สินกับบ่อนแข่งสุนัข[1] อีกครั้ง แม้ว่ามันจะเป็นเงินไม่กี่หมื่นปอนด์ แต่นั่นก็ทำให้เคนเน็ธเริ่มเห็นอนาคตที่น่าเป็นห่วงของตระกูลชาร์ลสตัน

จนกระทั่งในปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย เมื่ออัลเบิร์ตได้พบรักกับนักร้องในบาร์ข้างถนนและยืนยันว่าจะแต่งงานกับเธอให้ได้ จนสองพ่อลูกมีปากเสียงกันถึงขั้นที่มหาเศรษฐีเฒ่าแทบจะตัดบุตรชายออกจากกองมรดก

หากเพราะความรักที่มีต่อทายาทเพียงคนเดียวของเขา ท้ายที่สุดเคนเน็ธจึงยอมตามใจอีกฝ่าย โดยหวังไว้ลึกๆ ว่าการปล่อยให้บุตรชายมีภรรยาและรู้จักความรับผิดชอบต่อครอบครัวของตัวเอง อาจจะทำให้อัลเบิร์ตกลายเป็นผู้ใหญ่ พร้อมจะดูแลและสืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลชาร์ลสตันได้อย่างที่เขามุ่งหวัง

แต่สิบปีที่ผ่านมา... ทุกอย่างก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเคนเน็ธคิดผิด...

ทว่าในโชคร้ายนั้นก็ยังมีโชคดีแฝงอยู่ด้วย เพราะมันทำให้เขาได้หลานชายสุดที่รักมาหนึ่งคน... ตลอดระยะเวลาสี่ปีเต็มที่เขาเลี้ยงดู เจโคบี ชาร์ลสตัน มา เด็กน้อยเปรียบเสมือนแหล่งน้ำอันชื่นฉ่ำ ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจที่เริ่มแห้งเหี่ยวของเขาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเคนเน็ธก็จะไม่ยอมปล่อยให้จิตใจที่บริสุทธิ์ของหลานชายต้องด่างพร้อยไปตามรอยเท้าของผู้เป็นพ่ออย่างเด็ดขาด

“พวกเขากำลังจะไปไหนกันเหรอฮะ คุณปู่” เจโคบีเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา ดวงตาจ้องมองไปยังภาพเรือลำใหญ่ที่เส้นขอบฟ้า

“ออกผจญภัยตามหาลายแทงสมบัติใช่ไหมฮะ”

“ก็อาจจะเป็นไปได้...” เคนเน็ธตอบยิ้มๆ

“แล้วคุณปู่คิดว่าพวกเขาจะต้องสู้กับโจรสลัดบ้างไหมฮะ” เด็กชายนิ่วหน้านึกฉงน เขาเคยอ่านนิทานและดูภาพยนตร์หลายเรื่องเกี่ยวกับโจรสลัดในยุคโบราณ แม้จะรู้ว่าโจรสลัดคือบุคคลนอกกฎหมายที่มีวิถีชีวิตอยู่กับการฆ่าฟัน จี้ปล้น และอุปนิสัยของแต่ละคนล้วนดุดันเหี้ยมโหด แต่เด็กผู้ชายอย่างเจโคบีก็ยังอดที่จะจินตนาการไปถึงเรื่องราวตื่นเต้นเหล่านั้นไม่ได้

“ปู่ก็ไม่รู้หรอกนะ... คำว่าผจญภัยมันก็หมายถึงความเสี่ยงนี่นา ยิ่งเป็นการผจญภัยในมหาสมุทรด้วยแล้ว ถึงไม่เจอโจรสลัดก็ยังต้องเจอคลื่นยักษ์สูงเป็นสิบๆ เมตรกับพายุลูกใหญ่ๆ อยู่ดี... เราไม่กลัวเหรอ...”

“ผมไม่กลัวฮะ... กะ...กัปตันเรือไม่มีทางกลัวเรื่องพวกนี้หรอกฮะ...” เด็กชายไม่กล้าสบตา พวงแก้มกลายเป็นสีชมพูเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้พูดความจริง เพราะลำพังแค่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง เขายังต้องวิ่งไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นนานสองนาน

“ฮ่ะๆๆ หลานปู่เก่งจริงๆ” เคนเน็ธอ่านปฏิกิริยาของหลานชายสุดที่รักออก “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะลูก เรือใหญ่ๆ ไม่จมง่ายๆ เพราะคลื่นลมหรือพายุหรอก... อีกอย่าง สมัยนี้ก็ไม่มีโจรสลัดเหลืออยู่อีกแล้วล่ะ...”

“ไม่มีโจรสลัดเหลืออยู่จริงๆ เหรอฮะ คุณปู่...” ช้อนสายตามองด้วยความผิดหวัง

“ถ้าหมายถึงโจรสลัดถือดาบสู้กันอย่างในหนังน่ะ เดี๋ยวนี้คงไม่มีแล้ว เจค็อบเอ๊ย... แต่ถ้าเป็นโจรที่ใช้ปืนกลปล้นเรือยอชต์ของพวกเศรษฐีก็ยังมีอยู่บ้าง เราไม่ค่อยได้เห็นข่าวพวกนี้กันนักหรอก...” เคนเน็ธจำใจตอบตามความจริง

เด็กชายฟังแล้วก็ถอนหายใจยาว นึกภาพกลุ่มชายฉกรรจ์หนวดเครารุงรัง สวมเสื้อเชิ้ตมอซอกับกางเกงหลวมๆ ยาวแค่เข่า บ้างโพกผ้าคาดศีรษะ บ้างคาดแผ่นหนังไขว้ปิดดวงตา ในมือถือดาบโค้ง เหน็บปืนโบราณเอาไว้ข้างเอว ขณะโหนเชือก โยนตัวลงไปบนเรือศัตรูเพื่อบุกโจมตี ภาพเหล่านี้มีแต่ในภาพยนตร์เท่านั้นจริงๆ หรือ...

[1] การแข่งวิ่งสุนัขเกรย์ฮาวนด์ (Grayhound Racing) เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของอังกฤษ กีฬาประเภทนี้กำเนิดขึ้นที่สนามแข่ง Belle Vue ในเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อ ปี ค.ศ.1926 และปัจจุบันเป็นกีฬาที่มีเงินหมุนเวียนกว่าสามพันล้านปอนด์ในแต่ละปี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทส่งท้าย

    ทันทีที่ประตูห้องชั้นบนสุดของตึกหน้าเปิดออก อัลเฟรโดก็ดึงแขนนรินทร์นารถซึ่งมีท่าทีไม่เต็มใจ ให้เดินตามเข้าไปจนถึงชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนด้านใน ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอนั่งตามตั้งแต่เขาพาตัวเธอและเจโคบีกลับมาถึงคฤหาสน์ทะเลทราย ชายหนุ่มก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ทำให้ในใจของนรินทร์นารถเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าหลังนี้เขาจะควบคุมตัวเธอเอาไว้แต่ในตึกหลังโดยไม่อนุญาตให้เจอกับเจโคบีเพื่อป้องกันไม่ให้เธอมีโอกาสพาเด็กชายหนีไปอีก“คุณอัลเฟรโดคะ...” หลังจากทิ้งตัวลงบนโซฟายาวที่อยู่เยื้องกัน ถึงจะยังหวั่นๆ กับความผิดของตัวเอง แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจเอ่ยปาก ดีกว่าต้องทนอยู่ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างนี้ต่อไป “ฉันรู้ว่าทำให้คุณโกรธ... แต่ว่าฉัน...” เธอเคยบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าเธอจำเป็นต้องพาเจโคบีกลับไปคืนให้เคนเน็ธ“ฉันไม่ได้โกรธเธอ...” ชายหนุ่มพูดขัดคอด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาไม่ถูก“แล้วคุณ... พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ...”นรินทร์นารถไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร แต่ไม่คิดว่าอัลเฟรโดจะพาเธอขึ้นมาถึงที่นี่เพื่อลงโทษด้วยการร่วมรักอย่างโหดเหี้ยมอำมห

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 55

    “นะ...นี่ตกลงว่าจะเอายังไงกันแน่!” เขาตะคอกอย่างลืมตัว“ฉันทิ้งลูกชายเอาไว้ที่ตลาด... ให้ฉันไปรับตัวเขามาที่นี่ก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็ยังให้ของคุณไม่ได้หรอกค่ะ...”ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งมายังใบหน้าของหญิงสาวชาวเอเชีย ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าเธอเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันเพราะเสียดายตุ้มหูเพชรคู่นั้นขึ้นมา เขาก็ยังพอตัดใจได้ แต่เมื่อได้เห็นสร้อยเพชรที่น่าจะหนักมากกว่าสามสิบกะรัต สตินึกคิดและความยับยั้งชั่งใจก็ขาดผึง“อย่าต่อรองกับฉันดีกว่าน่า! หรืออยากจะให้ฉันเรียกตำรวจมาก่อน หา!”กัปตันเรือสินค้าวัยกลางคนปักใจเชื่อว่านรินทร์นารถจะต้องเป็นทาสหรือไม่ก็นางบำเรอของเศรษฐีคนใดคนหนึ่งที่พยายามหลบหนีไปจากที่นี่พร้อมๆ กับของมีค่าที่เธอขโมยมา แล้วเรือของเขาก็เป็นทางเดียวที่จะช่วยเธอได้... เพราะฉะนั้น อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะรีดเอาเครื่องเพชรของเธอมาได้มากกว่าแค่ตุ้มหูคู่นั้น จึงเจตนาข่มขู่ให้เธอหมดทางเลือก...“ฉัน... ฉันไม่ไปกับคุณแล้ว... ฉันจะกลับไปหาเจค็อบ...” หญิงสาวละล่ำละลัก สภาพการณ์ที่เห็นทำให้เธอเกิดไม่ไว้เขาขึ้นมาหลังจากผ่านเหตุการณ์มากมาย ถูกสองกุ๊ยชาวจีนลักพาตัวมาขังบนเรือประมง ถูกคนหัวล้านท่าทาง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 54

    ขณะที่ยืนลังเลตัดสินใจอะไรไม่ถูกอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรที่ท่าเรือด้านใน จึงรีบหันไปมองด้วยความตกใจ หญิงสาวพบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ เขากำลังยืนชี้นิ้วตวาดคนงานที่ขนลังสินค้าอะไรสักอย่างขึ้นไปบนเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งชายคนนั้นมีศีรษะล้านเลี่ยน หนวดเครารุงรัง ดูจากการแต่งตัวลำลองแบบชาวตะวันตกและท่าทางวางอำนาจกับเหล่าคนงานพื้นเมืองแล้ว ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องเป็นกัปตันของเรือขนส่งสินค้าลำนั้นอย่างแน่นอน...ถึงแม้ว่าใบหน้าที่เธอมองเห็นจะบอกถึงความดุร้ายเจ้าอารมณ์ แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตานรินทร์นารถต้องเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึก ก็คือรูปร่างหน้าตาของเขา... มันเป็นลักษณะของชาวตะวันตกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะดวงตาสีฟ้าอมเทา ผมสีทอง หรือผิวที่กลายเป็นสีแดงจัดเพราะถูกแดดเผา...“เอ่อ... ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า...” ด้วยเวลาแห่งความปลอดภัยที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากเสี่ยงดวงเดินเข้าไปทักเขาตรงๆ“มีอะไร” เขาถามเธอกลับแทนคำตอบ “เห็นหรือเปล่าว่าฉันกำลังยุ่งอยู่ เธอมีธุระอะไรกับฉันก็รีบว่ามาเร็วๆ” น้ำเสียง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 53

    “เฮ้ย! อย่ามานอนแถวนี้ ลุกออกไปเร็วๆ เข้า ลุกๆ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของชายแปลกหน้าชาวโมร็อกโกปลุกร่างสองร่างที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้ากระสอบผืนใหญ่ให้ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ เดินเข้ามายกลังไม้เปล่าๆ สองสามใบที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอกลับออกไปถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาอาหรับที่เขาใช้ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาเมื่อสักครู่ เธอก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้เธอและเจโคบีอยู่ที่นั่นต่อนรินทร์นารถรีบประคองเด็กชายยืนขึ้น เขายังมีสีหน้างัวเงีย แต่ก็ยอมลุกเดินตามเธอออกจากซอกอาคารแคบๆ แห่งนั้นโดยดีหญิงสาวเหลือบมองชายวัยกลางคนคนเดิมวางลังไม้ลงบนพื้นแล้วปูด้วยเสื่อเก่าๆ ผืนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปยกเอาลังกระดาษใบใหญ่จากด้านในตัวอาคารมาวางตั้ง ก่อนที่จะหยิบอินทผลัมสุกหลายทะลายในลังออกมาวางเรียงรายบนนั้น“ยังจะมองอะไรอยู่อีก! ไปๆๆ! อย่ามายืนขวางหน้าร้าน” เขาเงยหน้าขึ้นพูดด้วยถ้อยคำที่เธอยังคงฟังไม่รู้เรื่องพลางโบกไม้โบกมือไล่ “แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดี หอบหิ้วลูกออกมาเร่ร่อนเป็นขอทานซะได้... ไม่ไหวจริงๆ ผู้หญิงสมัยนี้...” พ่อค้าผลไม้คนเดิมบ่นไล่หลังชายคนนั้นไม่ได้แปลกใจที่เห็นเธอและเจโคบี

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 52

    เช้าตรู่วันนั้น ภายในตึกเล็กของคฤหาสน์ทะเลทรายก็เกิดความวุ่นวายโกลาหล เมื่อบุตรชายของอัลเฟรโดพบว่าน้องชายคนใหม่ของเขาเกิดหายตัวไปจากห้องอย่างลึกลับ ตอนแรกอิสซามเข้าใจว่าเด็กชายคงจะตื่นและลงไปเดินเล่นที่สวนหน้าตึก แต่เมื่อถามจากปากยามซึ่งมีหน้าที่ดูแลประตู เขาจึงรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน“ใครบอกแกว่าเมื่อคืนนี้อัลวาโรไม่สบาย อามีน” อิสซามตะคอกใส่ยามวัยกลางคนที่กำลังยืนก้มหน้างุด ข้างๆ ยังมียามหนุ่มอีกคนซึ่งมีสีหน้าหวาดหวั่นไม่ต่างกันถึงแม้จะมีวัยแค่สิบขวบ แต่เด็กชายผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของพ่อค้าอาวุธสงครามผู้ทรงอิทธิพล โดยเฉพาะสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดและบุคลิกเปี่ยมด้วยอำนาจที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ ทำให้ไม่มีใครในคฤหาสน์ของอัลเฟรโดมองเขาเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“สะ...สาวใช้ที่ราเนียส่งมาดูแลครับ คุณอิสซาม...” อามีนตอบตะกุกตะกัก“ไอ้โง่! บอกแค่นั้นแกก็ยอมให้เข้ามาในตึกแล้วหรือไง ถ้าทำงานได้แค่นี้ฉันบอกให้พ่อเลี้ยงหมายังจะดีซะกว่า”“ไอ้หนู เอ่อ คุณอัลวาโร... หายไปอย่างนั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายถามกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ก็ใช่น่ะสิ รอให้พ่อ

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 51

    “หนาวไหมจ๊ะ” นรินทร์นารถกระซิบถามเจ้าของร่างน้อยๆ ที่เดินอยู่เคียงข้างเด็กชายส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่การที่เขาคอยเป่าลมหายใจใส่อุ้งมือทั้งสองข้างตลอดเวลามันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเจโคบีไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วงจริงอยู่ที่ทาร์ฟายาเป็นเมืองท่าติดทะเล ได้รับอิทธิพลจากลมทะเลในตอนกลางวัน ทำให้มีอุณหภูมิเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังคงรายล้อมไปด้วยทะเลทราย เมื่อถึงเวลากลางคืนอากาศจึงเย็นจัดเนื่องจากพื้นที่ที่เป็นทรายจะไม่สามารถกักเก็บความร้อนเอาไว้ได้เหมือนพื้นดินหญิงสาวเปลื้องผ้าคลุมบนศีรษะ ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาก่อนจะห่มผ้าผืนนั้นให้“ผมไม่หนาวหรอกฮะ... นีนาเอาเก็บไว้ห่มเองเถอะ...” ปากบอกอย่างนั้นแต่ฟันกระทบกันเสียงดังกึกกักพี่เลี้ยงสาวไม่ฟังคำพูดของเขา กระชับผืนผ้าให้แน่นแล้วยัดชายทั้งสองข้างใส่ไว้ในมือน้อยๆ“ห่มเอาไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด...” ยกมือขึ้นหยิกแก้มของเขาเบาๆ “เจค็อบเหนื่อยหรือยัง... อดทนอีกหน่อยนะจ๊ะ อีกไม่นานก็จะถึงในเมืองแล้ว...”“ทำไมเราไม่ไปตามถนนล่ะฮะ... ตอนที่มากับพวกโจรสลัดเราไม่เห็นต้องเดินบนทรายอย่างนี้เลย...”เจโคบีหันไปมองรอบๆ ตัวที่มีแต่ผืนทรายก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status