ในวันที่เด็กน้อย ‘เจโคบี้’ ทายาทมหาเศรษฐีวัยเจ็ดขวบ และ ‘นรินทร์นารถ’ พี่เลี้ยงสาวชาวไทย ถูกพาตัวไปจากคฤหาสน์ชาร์ลสตัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชะตากรรมของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แล้วชีวิตของเด็กชายและหญิงสาวก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเหตุการณ์อันเลวร้ายกลับชักนำให้เธอกลายเป็นนางในฮาเร็มของ ‘อัลเฟรโด วาลเดซ อัลทาซา’ มหาเศรษฐีหนุ่ม พ่อค้าอาวุธสงครามผู้ทรงอิทธิพลแห่งโมร็อกโก หากไม่ว่าอย่างไร เพื่อรักษาคำสัญญาที่มีต่อผู้มีพระคุณ นรินทร์นารถจะต้องหาทางดิ้นรนจากเงื้อมมือของอัลเฟรโด และนำตัวเจโคบี้กลับไปคืนยังแผ่นดินอังกฤษอีกครั้งให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเธอเองก็ตาม...
ดูเพิ่มเติมเพล้ง!!
เสียงแจกันดอกไม้บนโต๊ะริมผนังถูกมือหญิงสาวชาวจีนกวาดกระเด็นลงไปกระทบพื้นจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี คิ้วของเธอขมวดแน่น ขณะที่ดวงตาชั้นเดียวตวัดมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่อีกฟากของห้องด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มกัดจนแน่น ทำให้ใบหน้างดงามของเธอดูร้ายกาจราวกับคนละคน
“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงคราวนี้คุณก็ต้องเอาเงินไอ้แก่นั่นมาให้ได้!” หญิงสาวตวาดลั่น ยิ่งเห็นสามีชาวอังกฤษเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดจาอะไร โรสก็ยิ่งเกิดโทสะ กระทืบรองเท้าส้นสูงลงบนดอกลิลีสองสามช่อที่ร่วงกระจายอยู่โดยไม่ใส่ใจว่าเศษแจกันอาจทิ่มตำพื้นรองเท้าของเธอจนทะลุได้
ทำไมอัลเบิร์ตถึงไม่ได้เรื่องได้ราวขนาดนี้นะ... เสียแรงที่เป็นถึงลูกชายของมหาเศรษฐี กับอีแค่เงินแสนสองแสนปอนด์ เขาก็ยังไม่มีปัญญาหามาให้เธอได้... แล้วที่เธอยอมแต่งงานอยู่กินกับเขามาจนถึงป่านนี้มันเพื่ออะไรกัน... เพื่อเศษเงินที่พ่อผัวขี้เหนียวโยนมาให้ใช้เดือนละไม่กี่เพนนีอย่างนั้นน่ะหรือ...
“ผมก็อ้อนวอนพ่อจนแทบจะกราบอยู่แล้วนะโรส แต่ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ...” ผู้เป็นสามีตอบเสียงอ่อย ยืนคอตก ไหล่ห่อลู่จนร่างสูงเพรียวและซูบผอมดูคล้ายจะหดเล็กลงไปอีก
อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน นึกอยากจะหาเหตุผลอะไรแย้งออกไปสักอย่างแต่ก็ไม่กล้า เพราะนับตั้งแต่เขาพบรักกับนักร้องสาวชาวจีนในบาร์เหล้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน กระทั่งแต่งงานมีบุตรชายด้วยกันจนถึงป่านนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะกล้ามีปากเสียงหรือขัดใจเธอ จึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน หันไปมองนอกหน้าต่างอย่างคนอับจนปัญญา ปล่อยให้แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาทาทาบใบหน้าซีดเผือดและตาโหลลึก เขียวช้ำ ราวกับคนอดนอนมาตลอดทั้งชีวิต
ทำไมอัลเบิร์ตจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน บิดาของเขา หมดเงินไปกับเขาและภรรยาเป็นจำนวนมากมายมหาศาลแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคารจำนวนยี่สิบล้านปอนด์ หรือแม้แต่แมนชั่นมูลค่าร่วมสิบล้านที่ปัจจุบันติดจำนองอยู่และมีแนวโน้มอย่างมากว่ากำลังจะถูกยึดในไม่ช้า
เพราะสองสามีภรรยาใช้เวลาช่วงกลางวันหมดไปกับการนอน ตื่นขึ้นมาก็แต่งตัวเข้าบ่อน เล่นไพ่ ดื่มเหล้า ไม่คิดทำงานทำการเหมือนคนอื่นเขา การใช้ชีวิตประจำวันอย่างนี้นี่เองที่ทำให้มรดกส่วนน้อยที่ได้รับมาเป็นของขวัญเมื่อครั้งแต่งงานต้องมีอันมลายหายไปในเวลาไม่กี่ปี และมันก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกที่มหาเศรษฐีเฒ่าเคนเน็ธจะต้องทำใจแข็ง หยุดให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อเป็นการดัดนิสัยลูกชายเสเพลและสะใภ้ผู้เหลวแหลก ก่อนสมบัติทุกอย่างที่เขาสั่งสมมาชั่วชีวิตจะถูกผลาญไปจนหมดสิ้น
“จะให้คุณทำยังไงอย่างนั้นเหรอ! ฉันสิที่ต้องเป็นฝ่ายถามคุณ คุณจะให้ฉันทำยังไง!!... เหตุผลเดียวที่ฉันยอมตกลงแต่งงานกับคุณก็เพราะฉันเชื่อคุณ!!... คุณบอกว่าคุณเป็นลูกชายมหาเศรษฐี คุณจะเลี้ยงดูฉันให้สุขสบายไปตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ!!... แล้วนี่มันอะไร หา!... ชีวิตที่ต้องคอยแบมือรับเศษเงินอาทิตย์ละสี่ห้าพันนี่น่ะเหรอที่เรียกว่าสุขสบาย!... ทุเรศที่สุด!!”
ได้ยินคำพูดถากถางจากปากของผู้หญิงที่เขารัก ใบหน้าของอัลเบิร์ตก็ร้อนวูบไปด้วยความโกรธ แทบจะเผลอตัวตวาดกลับไปว่า ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับเขา ป่านนี้เธอก็ยังเป็นนักร้องในบาร์เก่าๆ ยอมให้พวกคนงานขี้เมาลูบสะโพกจับหน้าอกแลกกับการเลี้ยงเหล้าไปวันๆ อยู่ไม่ใช่หรือ
แต่ประกายความเดือดดาลในดวงตาสีเขียวก็จางหายไปแทบจะทันทีเมื่อสบเข้ากับดวงตาเรียวเล็กของโรส ชายหนุ่มจึงได้แต่ก้มหน้า ซ่อนสายตาไม่ให้ผู้เป็นภรรยารู้สึกถึงความคิดอันเป็นปฏิปักษ์
“ที่จริง... ตอนแต่งงาน... พ่อก็ให้เรามาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอโรส...”
“นั่นมันตั้งเป็นสิบปีแล้วนะอัลเบิร์ต... ไอ้แก่นั่นให้เงินคุณมาแค่ก้อนเดียว... แค่ครั้งเดียว... แล้วเงินสดอีกตั้งไม่รู้กี่ร้อยล้านล่ะอยู่ที่ไหน... คุณเป็นลูกชายคนเดียวของมันนะ... ถ้าแม้แต่เงินแค่แสนเดียวคุณก็ยังขอมาไม่ได้ คุณก็รอให้ไอ้แก่ขี้งกนั่นหอบเอามรดกทุกอย่างที่คุณควรได้ลงโลงไปด้วยเถอะ แต่ฉันไม่ขอทนรออยู่กับคุณอย่างนี้แน่ๆ!!” หญิงสาวแผดเสียงลั่นพลางสะบัดตัวกลับ ทำท่าจะก้าวออกไปจากห้อง ทว่าฝ่ามือผอมซูบของสามีชาวอังกฤษก็รีบฉวยต้นแขนของเธอเอาไว้ได้ทัน
“คุณ... คุณหมายความว่ายังไง แล้วนี่คุณจะไปไหน...”
“ฉันก็จะไปจากบ้านเฮงซวยหลังนี้เสียทีน่ะสิ! ฉันไม่ยอมอยู่อย่างอดๆ อยากๆ กับคุณอย่างนี้หรอกนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยสิ!!” โรสกรีดร้องพร้อมกับกระชากแขนของตัวเองออก
“คุณอย่าทำอย่างนี้สิโรส... คุณก็เห็นนี่ว่าผมก็บากหน้าไปพบพ่อทุกครั้ง พยายามทำทุกอย่างตามที่คุณสั่งแล้ว...”
“แต่คุณก็ไม่เคยทำสำเร็จ!!” เธอแค่นเสียงใส่ ตวัดหางตามองเขาราวกับคนที่เกลียดชังกันมานานแสนนาน “ฉันคิดว่าสิบปีที่ผ่านมา ฉันเสียเวลาไปกับคุณมากพอแล้วล่ะอัลเบิร์ต... เราหย่ากันเถอะ!”
“โรส!!...” ชายหนุ่มเบิกตาโพลง ละล่ำละลักออกมาด้วยความตกใจ “นี่คุณพูดเล่นใช่ไหม!... คุณไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม...” เขาเคยชินกับคำขู่และการตั้งท่าจะหนีออกจากบ้านของภรรยาสาวชาวจีนมาหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยปากขอหย่าออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันไม่ได้พูดเล่น! ในเมื่อคุณมันไม่เอาไหน ทำให้ฉันสุขสบายไม่ได้อย่างที่เคยสัญญา! ฉันก็จะไปหาคนอื่น... คนที่เขาทำให้ฉันได้ เข้าใจไหม!”
“ได้โปรดเถอะ... อย่าทำอย่างนี้เลยนะที่รัก...” อัลเบิร์ตทรุดตัวลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อยของกระเบื้องแจกันอย่างหมดเรี่ยวแรง แขนทั้งสองข้างรั้งสะโพกอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดใบหน้า ก่อนจะเงยขึ้นมองหญิงสาวด้วยแววตาวิงวอน “คุณก็รู้นี่นาว่าผมรักคุณ ผมขาดคุณไม่ได้... อย่าทำร้ายผมอย่างนี้เลยนะ... ผมยอมแล้ว ผมยอมทำทุกอย่าง ผมจะกลับไปขอร้องพ่ออีกครั้ง...” เสียงชายหนุ่มคร่ำครวญ
หญิงสาวเชิดหน้าอย่างผู้มีชัยชนะพลางเหยียดริมฝีปากยิ้มสาสมใจ “ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันหย่า พรุ่งนี้คุณก็ต้องกลับไปเอาเงินของพ่อคุณมาให้ได้ซักก้อน!”
“แต่... คุณรออีกซักอาทิตย์ไม่ได้เหรอ... ผมเพิ่งไปหาท่านมาเมื่อสามวันก่อนเองนะ แล้วพ่อเองก็เพิ่งจะขู่เรื่องตัดผมออกจากกองมรดก...”
“ไอ้แก่นั่นมันไม่กล้าหรอก ยังไงคุณก็เป็นลูกชายคนเดียว!”
“มันก็จริง... แต่ถ้าจะให้ผมบากหน้ากลับไปอีกในวันพรุ่งนี้... ยังไงพ่อก็ไม่มีทางยอมให้อยู่ดี...”
“คุณไม่มีทางเลือกแล้วนะอัลเบิร์ต เจ้าหนี้แต่ละคนก็นับวันรอแต่จะมาเคาะประตูบ้านแล้ว คุณไม่รู้เลยหรือไง! เราไม่มีเงินแล้วนะ! เข้าใจไหมว่าเราไม่มีเงินเหลือแล้ว!”
“ผมรู้ ตะ...แต่ว่า...” ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวลุกขึ้นจากพื้น ดึงมือภรรยาชาวจีนขึ้นมากุมไว้ที่อกด้วยความรักใคร่ สายตาก็ถ่ายทอดความกลัดกลุ้มใจให้อีกฝ่ายได้เห็นโดยไม่ปิดบัง
“ฉันเข้าใจว่าคนหัวอ่อนอย่างคุณคงจะขูดเกลือมาจากไอ้แก่นั่นได้ยาก... แต่อย่าลืมสิ อัลเบิร์ต... เรายังมีเครื่องต่อรองชั้นดีอยู่...” จู่ๆ โรสก็ก้าวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบกระซาบ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคนที่มีแผนการอยู่ในใจ
“เครื่องต่อรองอย่างนั้นเหรอ” คิ้วของอัลเบิร์ตขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
“ก็เจค็อบ... ลูกชายของเรายังไงล่ะ”
นรินทร์นารถ ปิยบุตร ชาร์ลสตัน นึกถึงเมื่อแปดปีก่อน ในวันแรกที่เธอได้พบกับบิดาบุญธรรม ผู้ที่เธอไม่กล้าอาจเอื้อมแม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อเธอเป็นแค่เด็กสาวที่ติดตามนงนุช มารดาม่ายชาวไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในบริษัท ชาร์ลสตัน เทรดอิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชาร์ลสตัน... แม้จะเป็นแค่ลูกจ้างระดับล่างที่พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ แต่ความที่มารดาของเธอเป็นคนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เคนเน็ธจึงสะดุดตาและรู้สึกเมตตาเป็นพิเศษ...หลังจากทำงานอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี มารดาของเธอก็โชคร้ายล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเคนเน็ธผู้อยู่ในฐานะเจ้านายใหญ่ได้รับข่าวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีฝังศพด้วย... เขาพอจะรู้มาจากปากพนักงานคนอื่นๆ ว่าแม่บ้านชาวไทยยังมีบุตรสาววัยสิบห้าปีที่กำลังไร้ที่พึ่งพิงอยู่อีกหนึ่งคน และเพียงแค่พบนรินทร์นารถครั้งแรก เคนเน็ธก็เกิดความรักใคร่เอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก...เนื่องจากในเวลานั้นเขาก็กำลังผิดหวังกับความประพฤติของบุตรชายอยู่ เขาจึงเสนอความอุปการะด้านการศึกษาให้แก่เธอ หากเคนเน็ธก็ต้องประหลาดใจเมื่อเด็กสาวกลับปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ และเลือกที่จะขอ
“ลมแรงขึ้นทุกทีแล้ว ตากลมนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ปู่ว่าเรากลับไปที่บ้านกันดีกว่า” เคนเน็ธพยายามชักจูงให้หลานชายลืมเรื่องที่เขาพูดไปเสีย“จริงด้วยสิฮะ ป่านนี้นีนาคงรอนานแล้วล่ะ” เจโคบีพูดพลางกระชับนิ้วมือเล็กๆ เข้ากับฝ่ามือหยาบย่นตามกาลเวลาของเคนเน็ธ ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืน “คุณปู่ฮะ อาทิตย์หน้าคุณปู่ต้องกลับมาช่วยผมทาสีเจ้าซีเซอร์เพนต์นะฮะ”“มันคืออะไรกันเหรอ เจค็อบ” ชายสูงวัยถามด้วยความแปลกใจ“มันก็คือชื่อของเรือบังคับวิทยุที่คุณปู่ซื้อมาฝากผมเมื่อเช้านี้ยังไงล่ะฮะ ผมตั้งชื่อมันว่าเจ้างูทะเล” เด็กน้อยตอบฉะฉาน ขณะพยายามใช้สองมือจูงปู่ของเขาให้ก้าวตามไป“แล้วทำไมเราจะต้องไปทาสีมันด้วยล่ะ เรือที่ปู่ซื้อมาให้มันไม่สวยหรือไง หือ...”“ผมอยากให้มีรูปงูบนเรือด้วยนี่นา ไม่อย่างนั้นจะสมกับชื่อเจ้างูทะเลได้ยังไงกันล่ะฮะ” พูดจบก็กระโดดโลดเต้น วิ่งนำไปข้างหน้าเคนเน็ธส่ายหน้ายิ้มๆ กับความร่าเริงไร้เดียงสาของเจโคบี ก้าวเท้าตามเด็กน้อยไปด้วยความสบายใจ ชีวิตบั้นปลายในวัยหกสิบสี่ปี ถึงจะต้องผิดหวังกับลูก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีหลานที่เฉลียวฉลาดน่ารักมาทดแทน เพียงเท่านี้
บนเนินผาสูงชันซึ่งทอดยาวจนสุดอาณาเขตพื้นที่คฤหาสน์ชาร์ลสตัน มองไกลออกไปสุดสายตา เห็นผืนน้ำสีครามและท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกแสงสีทองอาบไล้ ตัดกับทุ่งหญ้าสูงซึ่งโบกสะบัดไปมาราวกับคลื่นสีเขียวสดยามลมทะเลโชยพัดเข้าสู่แผ่นดิน ประภาคารเก่าแก่ทาสีขาวนวลตั้งตระหง่านเป็นจุดดึงดูดสายตามองเห็นได้แต่ไกลบันไดไม้ที่นำขึ้นไปยังกระโจมไฟด้านบนถูกปิดตายและเริ่มผุพังตามเวลา เบื้องหน้ามีชายวัยหกสิบสี่ปียืนจับมืออยู่กับหลานชายตัวน้อย ทอดสายตาออกไปยังเวิ้งทะเล จ้องมองภาพของเรือยอชต์ลำใหญ่กำลังแล่นห่างและเลือนหายไปในแสงของดวงอาทิตย์“ถ้าผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเป็นกัปตันเรือลำใหญ่ๆ แบบเรือลำนั้นให้ได้เลยฮะคุณปู่!” เด็กชายวัยเจ็ดขวบหันมายิ้มอย่างเริงร่า ในแววตาไร้เดียงสาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและปรารถนา“จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เจค็อบ... เป็นกัปตันเรือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก...” ชายสูงวัยก้มลงสบตาเด็กน้อย “ลูกผู้ชายน่ะ ถ้าตัดสินใจแล้วต้องไม่ล้มเลิกกลางคันนะ”“ผมแน่ใจฮะ” เขาพยักหน้า ตอบชัดถ้อยชัดคำ“ดีมาก... ปู่เชื่อว่าซักวันเราจะต้องเป็นกัปตันเรือที่เก่งที่สุดในอังกฤษแน่ๆ...” พูดพลางหัวเราะอารมณ์ดี พร้อมกับขยี
ครั้งที่ อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน ยังเป็นนักศึกษาหนุ่มอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี เขาบังเอิญได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับโรส นักร้องสาวในบาร์ผู้มีอายุมากกว่าถึงสามปี และทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นทายาทของมหาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงของลอนดอน เธอก็ตัดสินใจใช้เสน่ห์ เรือนร่าง และกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างของผู้หญิง มัดใจชายหนุ่มอ่อนประสบการณ์อย่างเขาเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด ด้วยหวังว่าเธอจะมีชีวิตบั้นปลายอันแสนสุขสบาย ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราไม่ต่างจากคนในวงสังคมชั้นสูงแต่ลางร้ายก็เริ่มปรากฏเสียตั้งแต่แรก เมื่อว่าที่พ่อสามีในขณะนั้นเกิดไม่เห็นดีเห็นชอบกับการแต่งงาน เพราะเห็นว่าบุตรชายของเขายังเด็กเกินไป ยังไม่เคยทำงานหรือแม้แต่รับผิดชอบชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำกระนั้นเคนเน็ธก็ยังพยายามทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่ออย่างดีที่สุด เขายกแมนชั่นขนาดใหญ่บนถนนพิกคาดิลลี ย่านใจกลางเมืองลอนดอนให้เป็นเรือนหอของทั้งคู่ มิหนำซ้ำยังมอบบัญชีเงินฝากจำนวนยี่สิบล้านปอนด์ให้เป็นทุนรอนติดตัวอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้นักร้องจากบาร์ข้างถนนอย่างโรสได้มีโอกาสใช้ชีวิตเฉิดฉายเหมือนในวิมานที่เธอวาดไว้อยู่หลายปีแต่หลังจาก
เพล้ง!!เสียงแจกันดอกไม้บนโต๊ะริมผนังถูกมือหญิงสาวชาวจีนกวาดกระเด็นลงไปกระทบพื้นจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี คิ้วของเธอขมวดแน่น ขณะที่ดวงตาชั้นเดียวตวัดมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่อีกฟากของห้องด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มกัดจนแน่น ทำให้ใบหน้างดงามของเธอดูร้ายกาจราวกับคนละคน“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงคราวนี้คุณก็ต้องเอาเงินไอ้แก่นั่นมาให้ได้!” หญิงสาวตวาดลั่น ยิ่งเห็นสามีชาวอังกฤษเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดจาอะไร โรสก็ยิ่งเกิดโทสะ กระทืบรองเท้าส้นสูงลงบนดอกลิลีสองสามช่อที่ร่วงกระจายอยู่โดยไม่ใส่ใจว่าเศษแจกันอาจทิ่มตำพื้นรองเท้าของเธอจนทะลุได้ทำไมอัลเบิร์ตถึงไม่ได้เรื่องได้ราวขนาดนี้นะ... เสียแรงที่เป็นถึงลูกชายของมหาเศรษฐี กับอีแค่เงินแสนสองแสนปอนด์ เขาก็ยังไม่มีปัญญาหามาให้เธอได้... แล้วที่เธอยอมแต่งงานอยู่กินกับเขามาจนถึงป่านนี้มันเพื่ออะไรกัน... เพื่อเศษเงินที่พ่อผัวขี้เหนียวโยนมาให้ใช้เดือนละไม่กี่เพนนีอย่างนั้นน่ะหรือ...“ผมก็อ้อนวอนพ่อจนแทบจะกราบอยู่แล้วนะโรส แต่ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ...” ผู้เป็นสามีตอบเสียงอ่อย ยืนคอตก ไหล่ห่
ความคิดเห็น