แชร์

หัวขบถ

ผู้เขียน: เมษเมษา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-11 17:49:14

20 ปีที่แล้ว

“เห้ย! เด็กคนนี้มาจากไหนวะเนี่ย ลูกสาวพวกเอ็งเหรอ” รถบรรทุกที่วิ่งมาไกลจากจังหวัดนครพนมกลับมีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆขดตัวอยู่ที่ท้ายรถ แต่คนขับรถก็งงงันไม่ต่างกัน เนื่องจากยิงยาวไม่ได้พักค้างคืนที่ไหนเลย นอกจากแวะเข้าห้องน้ำและกินข้าวแค่ไม่กี่จุด

เป็นไปได้ว่าเด็กคนนี้อาจจะปีนขึ้นมาตลอดไหนก็ได้

“อ้าว เอาดีวะ งั้นเดี๋ยวพาสถานีตำรวจแล้วกัน” หนึ่งในกลุ่มคนงานเสนอแนะ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร…คำพิพากษาจ่อเข้ามาแล้ว

“มัวโอ้เอ้อะไรกัน ทำไมไม่รีบขนของลง กูไม่มีเวลาให้พวมึงทั้งวันนะ” เถ้าแก่ขมวดคิ้วมุ่น โวยวายเสียงดังจนลูกน้องสะดุ้งกันเป็นแถว

“เฮียกวงครับพอดีว่ามี…” คนงานชี้ที่ท้ายรถ

“มีอะไรวะ อย่าบอกนะว่าสั่งของมาผิดน่ะ เดี๋ยวโดนตบกบาลรายตัว ชิ๊!” บุญกวงชะโงกหน้าไปดูก็เจอตาใสแป๋วคู่หนึ่งมองกลับมา ท่าทีดุดันก็อ่อนลงทันใดเพราะนึกว่าเด็กมาซุกซน ก่อนจะรู้ว่าเป็นเด็กหลงทางมา

จะไล่ให้ไปก็กระไรอยู่

ทุกคนรู้ดีว่าบุญกวงเป็นคนจู้จี้จุกจิก ปากร้าย แต่มีจิตเมตตากับเด็กเสมอจึงให้แม่บ้านมาพาตัวไปอาบน้ำ

เด็กท้ายรถเล่าว่าตัวเองชื่อถิงถิง อายุ 5 ขวบอาศัยอยู่กับพ่อกับแม่เลี้ยงในคาราวานสินค้าที่ตะเวนขายของตามงาน ล่าสุดปักหลักอยู่ที่งานกาชาดในจังหวัดนครพนม เธอมาแอบแม่เลี้ยงที่ท้ายรถจนผล็อยหลับไปรู้สึกตัวอีกทีรถก็แล่นออกมาไกลแล้ว

บุญกวงเองก็รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอจึงสั่งให้ลูกน้องไปขออุปการะมา ทุกอย่างง่ายเหมือนปอกกล้วยเพราะฝ่ายนั้นไม่ได้อยากจะเลี้ยงดูอยู่แล้ว ในที่สุดเธอก็มีผู้ปกครองใหม่ ถูกเลี้ยงดูในสถานะคนรับใช้มีหน้าที่ดูความเรียบร้อยทั่วไปในศาลเจ้า

ปรมาเติบโตมาเป็นสาวร่างเล็กหน้าหวานจิ้มลิ้ม ทว่าไม่ยักกะมีผู้ชายกล้าเฉียดเข้าใกล้เพราะลือกันว่าบุญกวงเลี้ยงต้อย เพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาก็มีเล็กมีน้อยไปเรื่อยตามประสาคนมีเงิน

ในเวลานี้ปรมากำลังซุ่มทำงานวิจัยชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก เพราะรู้ดีว่าไม่อาจพึ่งพาบุญกวงได้ตลอดชีวิต

แต่จงรู้อย่างหนึ่งว่าคนถูกอุปการะเรียกบุญคุณ…คนอุปการะเรียกลงทุนและมีแววจะได้ถอนทุนคืนในไม่ช้า แม้อีกฝ่ายกำลังจะมีอนาคตที่ดีก็ตาม

โรงพยาบาลเอกชนใจกลางเมืองภูเก็ต

ข่าวดีคือหายเป็นปกติแล้วพรุ่งนี้กลับบ้านได้ แต่ยังต้องพบจิตแพทย์ตามนัด

หลายวันมานี้จักรทัศน์ต้องอุดอู้อยู่โรงพยาบาลจนจะบ้ารายวัน ยังดีที่มีเพื่อนล่องหนอยู่ด้วยทำให้คลายความเหงาลงได้บ้าง แต่ที่ไม่คาดคิดคือมีคนเห็นจักรทัศน์พูดคนเดียว บ้างก็ว่าคุยกับแม่ซื้อ บ้างก็ว่าเจ้าที่มาทักทายหรือไม่ก็…เจ้าของห้องคนเก่าแวะมาเยี่ยม

พรุ่งนี้ก่อนออกจากโรงพยาบาลแพทย์เจ้าของไข้สั่งทำ CT สแกนสมองซ้ำอีกครั้งเพื่อส่งต่อให้แผนกจิตเวช

อัยยาลิณณ์ก็ไปไหนได้ไม่ไกลเช่นกัน

สถานะที่เป็นอยู่จะมนุษย์ก็ไม่ใช่จะผีก็ไม่เชิง

เพราะไม่รู้สึกหิวจึงไม่ต้องกินข้าวผ่านธูป เดินทะลุกำแพงไม่ได้ต้องเข้าออกประตูเหมือนคนปกติ สัมผัสร่างจักรทัศน์ได้แต่หยิบจับวัตถุอื่น ๆ ไม่ได้ ทำให้อัยยาลิณณ์ต้องวนเวียนอยู่ชั้น 12 ทั้งวันทั้งคืนจนบังเอิญได้ยินเรื่องซุบซิบที่เกี่ยวกับจักรทัศน์

‘แฟนเก่าของหมอเจย์กำลังดูใจอยู่กับลูกชาย ผอ. โรงบาล แต่หมอเจย์เหมือนจะยังไม่รู้และไม่รู้ว่า ผอ. จะรู้แล้วหรือยัง แล้วงี้ควรบอกเขาดีมั้ยวะไอ้ตาล’ หญิงสาวครุ่นคิด ปลายตามองไปทางคนที่กำลังเซ็งอยู่ข้างหน้าต่างเพราะไม่ได้ทำงานเกือบอาทิตย์

“คุณขนมต้ม นี่…คุณขนมต้ม!” จักรทัศน์พยักเพยิดเรียก

“ว่าไง…” หนนี้คนถูกเรียกขานรับตามปกติเพราะยิ่งทักท้วงยิ่งโดนแกล้ง

“คุณบอกว่าพยายามจะลงไปข้างล่าง แต่ไปได้กลางทางก็ถูกดึงกลับมาใช่มั้ย”

“ใช่ เหมือนมันจะมีรัศมีระยะห่างอยู่น่ะ คุณเป็นโลกส่วนฉันก็เป็นดวงจันทร์และฉันกำลังโคจรอยู่รอบตัวคุณ” อัยยาลิณณ์เปรียบเปรยได้ดีจนจักรทัศน์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

แบบนี้เหมือนอุกกาบาตมากกว่าดวงจันทร์

“คืนนี้ลงไปข้างล่างกัน รอพยาบาลเปลี่ยนเวรผมจะไปหยิบเสื้อกาวน์ในห้องพัก ขนมต้มช่วยดูต้นทางให้หน่อยนะ”

“ลงไปเดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก”

“ไม่ใช่ทุกคนที่รู้สักหน่อยว่าผมแอดมิทอยู่ ผมเบื่อน่ะ อยากไปเดินเล่นรับบรรยากาศห้องตรวจสักหน่อย” ช่วงหัวค่ำจักรทัศน์เปลี่ยนใส่ชุดแล้วสวมเสื้อกาวน์ลงไปทางบันไดหนีไฟ

ชั้นล๊อบบี้ของโรงพยาบาล

ร่างสูงชะลูดในชุดสีดำกำลังรอพบแพทย์เพื่อตรวจอาการก่อนถอดสายรัดข้อมือออก เดิมทีเอ็นข้อมือยังไม่ทันหายดีก็ไปออกแรงแบกคนเมาจนมันกลับมาอักเสบอีกรอบ ทำให้บาร์เทนเดอร์โชว์ของเจมีไนน์ต้องโดนยกเลิกไปอย่างเสียดาย

บรรยากาศหน้าห้องตรวจมีคนมาใช้บริการไม่มากนัก บุคคลากรทางการแพทย์ต่างคนต่างทำงานจนไม่มีใครสังเกตุเห็นนายแพทย์หนุ่มที่จู่ ๆ ก็โผล่มาคว้าแฟ้มประวัติคนไข้ขึ้นมาดู

‘เอ็นข้อมืออักเสบ ติดตามอาการครั้งสุดท้าย ชื่อ…เจมีไนน์ ดีแลน ออสเตรเลีย โอเค…’ ว่าแล้วก็หันไปเรียกชื่อคนไข้ด้วยตัวเอง โชคดีที่เจ้าตัวนั่งอยู่ใกล้ ๆ พอดีจึงรีบเดินนำคนไข้เข้าห้องตรวจที่ว่างอยู่

“เชิญนั่งครับ” จักรทัศน์สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษพลางผายมือเชิญให้นั่งอย่างมีมารยาท อ่านบันทึกการรักษากับวันเดือนปีเกิดคร่าว ๆ จนไม่ทันเห็นหน้าคนไข้…

“ไม่ทราบว่า เป็นหมอมานานหรือยังครับ” คนไข้จึงเป็นฝ่ายทักทายก่อน แพทย์หนุ่มเงยหน้าเบิกตาโตในทำนองที่ว่าเคสนี้จะตกใจอะไรก่อนดี

“เอ่อ…เพิ่งมาเป็นแค่สองปีเองครับ นี่…นี่ คุณผู้ชายพูดไทยได้ด้วยเหรอครับ”

เจมีไนน์พยักหน้า หยัดยิ้มอวดรอยบุ๋มจาง ๆ บนแก้ม

“เอ่อ…คนไข้อายุ…เอ่อ บนประวัติ อันนี้ถูกต้องแล้วเหรอครับ” เพราะแฟ้มประวัติระบุว่าปีนี้เขาอายุ 53 ย่าง 54 ปีแล้ว แต่หน้าตาเหมือนคนยังไม่ 40 ปีเลยด้วยซ้ำ

“ผมดูแก่กว่าอายุจริงเหรอครับหมอ”

“มะ ไม่ใช่อย่างงั้นเลยครับ คนไข้ไม่เหมือนคนอายุห้าสิบเลยครับ”

‘โอ้แม่เจ้า! ทำไมดูแลตัวเองดีจัง หน้าอย่างกะคนสามห้า ไม่มีความเป็นมนุษย์ลุงเลย’ อัยยาลิณณ์ที่ยืนดูต้นทางออกอาการวี๊ดว๊าด จักรทัศน์ส่งสายตาเป็นนัยว่าอย่าส่งเสียงรบกวนสมาธิ

คนไข้หันมองตามไปก็ไม่เห็นอะไร

“อย่างงั้นเองเหรอ ขอบคุณนะครับ เขินเลยเวลามีเด็กรุ่นลูกชม” เจมีไนน์ก้มมองสายรัดข้อมือกำลังถูกถอดออกสลับกับหน้าหล่อ ๆ ของจักรทัศน์ ในใจรู้สึกเอ็นดูจนอยากใช้มืออีกข้างลูบศีรษะแพทย์หนุ่มสักที

‘จำเรื่องคืนนั้นไม่ได้สินะหมอเจย์’ เขาคิดในใจปล่อยให้จักรทัศน์ลูบคลำขยับข้อมือตรวจเอ็นที่อักเสบ

“ถ้าไม่เจ็บแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ว่าแต่…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

“เรียกผมว่าลุงเจมส์ดีกว่า” ว่าแล้วคนตอบก็เอียงคอขยับหน้าหล่อเหลาแบบตี๋อินเตอร์เข้าประชิด “หมอคุ้นหน้าผมมั้ยล่ะ เวลามองใกล้ ๆ”

“เอ่อ ไม่ ไม่รู้สิครับ แต่รู้สึกคุ้น ๆ อยู่” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโตโพล่ง ตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“แต่ผมเจอหมอเจย์ประจำเลย รู้มั้ยตอนไหน…ตอนส่องกระจกน่ะ” เจมีไนน์กดหน้าเล็กน้อยแล้วขยิบตาขี้เล่นให้หนุ่มรุ่นหลานที่กำลังอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก

“มะ หมายความว่าไงครับ”

‘พูดงี้หมายความว่าไง’ คนดูต้นทางสุดแสนจะงงงันกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของคนไข้รายนี้

นี่มาหาหมอหรือจะมาจีบหมอกันแน่

ทว่าไม่ไกลนักอาจารย์หมอกับผู้ติดตามกำลังจ้ำอ้าวมายังแผนกผู้ป่วยนอก หลังได้รับแจ้งว่ามีคนไข้หายไปจากห้องพักและมีคนตาไวเห็นจักรทัศน์สวมเสื้อกาวน์เดินอยู่ชั้นล่าง

“หมอจักรทัศน์ นึกออกหรือยังว่าเราเคยเจอกันที่ไหน”

“เดี๋ยวนะครับ ทำไมรู้ชื่อจริงของหมอล่ะครับ ไม่สิ เมื่อกี้เรียกชื่อเล่นด้วย” รู้ได้ไง? เสื้อกาวน์ที่สวมก็เป็นของคนอื่น บาร์เทนเดอร์หนุ่มใหญ่กำลังจะเฉลยความจริง

แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

‘หมอ…เจย์ หมอเจย์ความแตกแล้ว’ อัยยาลิณณ์ตะโกนเตือน วินาทีนั้นประตูห้องก็เปิดออกคนกลุ่มหนึ่งพากันกรูเข้ามา

สายตาดุดันดั่งผู้มีอำนาจ น้ำเสียงทุ้มดั่งประกาศิตของพลตรี นายแพทย์เดชดำรงค์ทำเอาแพทย์หนุ่มหัวใจวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

“วางทุกอย่างลงเดี๋ยวนี้หมอจักรทัศน์!”

สถานการณ์ตึงเครียดจับขั้วหัวใจแต่กลับเจมีไนน์กลับโค้งมุมปากด้วยความพึงพอใจ

‘หัวขบถแบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อยนะหมอเจย์’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ตอนพิเศษ (เจมีไนน์)

    บาร์รูฟท๊อปที่คืนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่นและเสียงเปียโนคลอเบา ๆ เจมีไนน์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในสูทสีดำเข้ารูป เงาสะท้อนในแก้วคริสตัลทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย เขายิ้มต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นทุกคืน แต่สายตากลับสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาหนุ่มคนนั้นอายุราว 26 – 27 ปี หน้าตาคมคายเหมือนจะเคยเห็นผ่านจอทีวีหรือบทสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ที่สำคัญแววตาของเขายามสบกับตนมีแววเขินอายเล็ก ๆ จนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างเจมีไนน์ยังเผลอหัวใจสะดุด“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย จะรับอะไรดีครับ?” บาร์ทนเดอร์หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ…เอาเป็น เอ่อ อะไรก็ได่แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มบางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับบรรยากาศบาร์หรู“ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”เจมีไนน์โชว์ลีลาการผสมเครื่องดื่มที่ใครเห็นก้ต้องหยุดมอง ครู่ต่อมาค็อกเทลสีอำพันจะถูกดันมาตรงหน้า หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวลงเล็กน้อย แสงไฟนวลเหนือบาร์ทอดเงาบนกรอบหน้าคมเข้มที่แม้ผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี แต่ยังดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยกลางคนทั่วไปหรืออาจจะยิ่งกว่านั้น“ลองชิมดูสิครับ สูตรพิเศษคืนนี้

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   อีกปีให้หลัง...

    ปีแรกในนอร์เวย์คือการเดินทางที่โหดหินที่สุดของชีวิตอัยยาลิณณ์ที่นี่ไม่ใช่เชียงราย อุณหภูมิที่หนาวจัด การสื่อสารที่ไม่คล่องแคล่วและกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนกว่ามาก ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกครั้งที่เข้าสู่การทดลองปรับคลื่นสมอง เธอต้องนอนในห้องแล็บสีขาวที่มีเครื่องมือรุงรังติดเต็มศีรษะ แสงไฟจ้าและเสียงเครื่องจักรดังต่อเนื่อง จนบางทีแอบน้ำตาไหลเงียบ ๆ ใต้ผ้าห่มแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถอย เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองจากแดนไกล[สู้ ๆ นะ ตาลเอ๊ย พ่อแม่กับต้มอยู่ตรงนี้เสมอ][อีกไม่นานนะตาล รอเจย์ก่อน]ข้อความจากครอบครัว เพื่อนฝูงและจักรทัศน์ในวิดีโอคอลคือกำลังใจสำคัญแม้บางคืนเธอจะหลับลึกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าวิญญาณก็ไม่เคยหลุดจากร่างอีกเลย มันคือสัญญาณว่าการรักษากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง“อีกไม่นาน…เราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว” อัยยาลิณณ์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับกำมือแน่นและทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ภาพรอยยิ้มของเขาก็จะปรากฏขึ้นในความคิดเสมอหนึ่งปีเต็มหลังยื่นเอกสารขอทุนเรียนต่อ ชีวิตของจักรทัศน์คือการวิ่งวนระหว่างงานโรงพยาบาล การสอนรุ่นน้องแ

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   การเริ่มต้นใหม่

    วันนี้คฤหาสน์วิวทะเลอันดามันของเจมีไนน์บรรยากาศคึกคักกว่าทุกครั้งเพราะมีนัดถ่ายภาพครอบครัวประทานชัยเซ็ตใหม่ภาพที่มีสมาชิกพร้อมหน้าอย่างแท้จริงกล้องตั้งอยู่บนขาตั้งหันหน้าออกไปทางวิวทะเลสีคราม เด็กชายวัยสามขวบอย่างขุนพลซึ่งเป็นลูกชายของพลพยัคฆ์วิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้ากล้องทำเอาทุกคนเรียกหาด้วยความเอ็นดู เขาพยายามจะอุ้มแต่ก็โดนลูกชายดิ้นหนีเล่นซ่อนหากับคุณพ่อแทนสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่วัยเพียงหกเดือนในอ้อมกอดของคุณปู่สุดเฮี๊ยบอย่างเอื้อมพัฒน์ที่ประกาศกร้าวว่า…คืนนี้จะไม่เมาทำเอาทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน“ขอบใจที่ให้ยืมบ้านจัดปาร์ตี้นะแดน” เมธากรพูด“ยินดีครับพี่เรย์”เจมีไนน์เองก็ไม่นึกว่าจะได้มีช่วงเวลานี้ ขณะยืนมองทุกคนด้วยแววตาอิ่มเอม หันไปมองไดอาน่าแล้วเหลือบมาทางหลานฝาแฝด จักรทัศน์กับเจนีนที่กำลังจัดแจงยืนบังแสงไฟให้พอดี เขาสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนฝันที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้“ในที่สุด…ก็ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อโง่ ๆ อีกแล้วเนอะ” เขาพูดพลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วสารภาพกับทุกคนว่าเคยหยิบภาพถ่ายจากคอนโดมาสแกนตัต่อดตัวเองลงไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีส่วนอยู่ด้วยเจนีนที่นั่งแต่งหน้าเติมปากแดงอยู่ก็ร้อง

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ขึ้น

    หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของอัยยาลิณณ์ก่อนเดินทางไปนอร์เวย์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหลที่ไม่เคยหยุด ทุกวันเต็มไปด้วยการเตรียมตัว ทั้งด้านเอกสารและสภาพร่างกายเธอต้องจัดเก็บแฟ้มรายงานการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด เอกสารภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือรับรองแพทย์ที่จักรทัศน์ช่วยประสานมาให้อย่างละเอียดบนโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ในห้องนอนมีกองเอกสารที่เรียงเป็นตั้ง ๆ พร้อมปากกาไฮไลท์ที่ใช้เน้นข้อความสำคัญทุกคืนก่อนนอนเธอจะนั่งตรวจเช็กทีละหน้าเหมือนกลัวว่าจะตกหล่นอะไรสักอย่างในอีกด้านหนึ่ง อัยยาลิณณ์ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ห่างสายตา ทำอาหารโปรดให้แทบทุกมื้อ ตั้งแต่แกงฮังเลสูตรคุณแม่ ไปจนถึงข้าวซอยเนื้อที่พ่อภูมิใจนำเสนอบ่อยครั้งที่เธอนั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าทุกจานคือความรักและความห่วงใยที่ครอบครัวอยากส่งมอบให้ก่อนที่จะจากบ้านไปไกลแสนไกลอธิพงษ์ก็คอยตามติดแทบตลอดเวลา ชวนพี่สาวดูหนัง ตัดต่อคลิปเล่น ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมคอนโซลด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แม้จะเถียงกันหยอกล้อเหมือนเคย แต่ในแววตาของน้องชายก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิดคื

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ตกดิน

    สองอาทิตย์เต็ม ๆ นับจากวันที่ส่งเอกสารชุดสุดท้ายไปยังนอร์เวย์ อัยยาลิณณ์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยล้าเมื่อเดินไม่กี่ก้าวลดลง กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงกลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้แพทย์จะยังย้ำว่าเธอควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่อัยยาลิณณ์ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาหายใจเต็มปอดอีกครั้งส่วนจักรทัศน์ แม้งานโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะรุมเร้า ทั้งเวรกลางวันกลางคืน แต่เขาไม่เคยพลาดจะโทรหรือวิดีโอคอลหาอัยยาลิณณ์ บางวันคุยเพียงไม่กี่นาทีก่อนเขาเข้าเคสฉุกเฉิน บางวันคุยนานจนเสียงหัวเราะของเธอดังไปทั้งบ้าน เหมือนทุกวินาทีของวันไม่วุ่นวายเกินกว่าจะหาเวลาให้กันได้กระทั่งคืนหนึ่ง ที่ห้องพักแพทย์“หือ ใครอะ!?” จักรทัศน์สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างเตียง“ตาลไง จะใครเล่า” ร่างเล็กมือเล็กไขว้ไว้ด้านหลัง รอยยิ้มหวานส่งมาให้“อ๋อ ตาลเองเหรอ เอ่อ…อืม ๆ เดือนนึงแล้วสินะ” เขาดันร่างขึ้นจากที่นอนพร้อมใบหน้าสะลืมสะลือ แต่ยังจำรายละเอียดได้แม่น วันนี้ครบเดือนพอดี หลังการหลับยาวจนเข้าขั้นวิกฤตของเธอ“ไหน ๆ ตาลก็มาคือตาลมีเรื่องจะสารภาพน่ะ ตาลพูดกับหมอก็ไม่ได้ พูดที่บ้านไม่ได้ มันอึดอัดมากเลย”

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ไม่ยอมแพ้

    “หน๊อย! ไอ้ฝรั่งมึง”จักรทัศน์สบถออกมาโดยลืมไปว่าพ่อตัวเองก็เป็นฝรั่งกว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์ ครอบครัวอัยยาลิณณ์ช่วยกันแทบทุกวัน ทั้งถ่ายเอกสาร เก็บแฟ้ม เรียงผลตรวจย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการ ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันยุ่งยากสิ้นดี แต่ถ้านี่คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอหายขาด ทุกคนก็ยอมกัดฟันสู้โชคดีที่ระหว่างนั้นอัยยาลิณณ์ไม่ได้หลับลึกเพิ่ม อาการยังทรงตัวเมื่อเอกสารครบ ทุกอย่างก็ถูกสแกนส่งไปศูนย์วิจัยนอร์เวย์ ทุกคนถอนหายใจโล่งอก คิดว่าต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอผลการพิจารณาเท่านั้นแต่แล้วอีเมลตอบกลับก็มาพร้อมรายการยาวเหยียด ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติม หนังสือรับรอง และที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือยืนยันจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเชียงราย ว่าอัยยาลิณณ์เข้ารับการรักษาที่นั่นจริงปัญหาคือผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศและกว่าจะกลับอีกก็เกือบสองสัปดาห์ จักรทัศน์อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาจนแทบขึ้นใจ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“นี่มันอะไรกันนักหนา…หรือพวกนั้นกำลังเล่นตุกติก”“ถ้าต้องรออีกสองอาทิตย์…ตาลก็รอได้” อัยยาลิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ“สองอาทิตย์?” จักรทัศน์เงยหน้าขึ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status