Share

การพบกันครั้งแรก

last update Last Updated: 2025-10-11 17:49:47

จักรทัศน์วางแฟ้มประวัติ ถอดเสื้อกาวน์มือสั่น งุดหน้าเม้มปากแน่นด้วยความหวาดหวั่น หนนี้แย่แน่ ๆ เจตนาฝ่าฝืนชัดเจน

“ใครอนุญาตให้คุณลงมา คุณแอดมิทอยู่ไม่ใช่เหรอหมอจักรทัศน์” นายแพทย์ที่ยืนข้างเดชดำรงค์พูดขึ้น

“แล้วนี่เอาเสื้อใครมาใส่ล่ะเนี่ย....” เขาพลิกแฟ้มคนไข้ดูคร่าว ๆ หยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมาดูก็ถึงกับส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“นี่ตัวนี้ไม่ใช่ของคุณแถมคำนำหน้ายังเป็น…สัตวแพทย์หญิงอีกต่างหาก เดี๋ยวนะ! นี่มันโรง’บาลรักษาคนนะ ทำไมมีเสื้อหมอรักษาหมาหลุดรอดเข้ามาได้ล่ะ” ทุกคนพากันหลุดขำ

“ถือว่าโชคดีนะว่ามั้ยที่คนไข้เป็นชาวต่างชาติ งั้นคงโดนร้องเรียนว่าพาว่าโรง’บาลนี้ใช้สัตวแพทย์มาตรวจคนไข้” ผู้ติดตามอีกคนค่อนขอดซ้ำทำให้เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นกว่าเมื่อครู่

มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ขำแล้วยังรู้สึกโกรธแทน

“หมออนันต์หยุดพูด ทุกคนเงียบก่อน” เดชดำรงค์พูดจบความเงียบงันก็ปกคลุมภายในห้องตรวจนั้น

“มีอะไรจะอธิบายมั้ยหมอจักรทัศน์”

แพทย์หนุ่มเตรียมใจกับบทลงโทษไว้แล้วค่อย ๆ สารภาพความจริงออกมา

“เจย์ต้องขออภัยด้วยนะครับ คือเจย์รู้สึกเบื่อ ๆ ตั้งใจจะลงมาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่พอดีว่า…”

“พอดีว่าผมเห็นคุณหมอเดินมา ก็เลยเรียกให้มาช่วยตรวจเพราะผมต้องไปธุระต่อ มันก็แค่ตรวจอาการแล้วถอดสายรัด ไม่มีสั่งจ่ายยาหรือทำหัตถการอะไร อีกอย่างหมอจักรทัศน์ไม่ได้ทำอะไรขาดตกบกพร่องนะครับ” คนไข้ต่างชาติพูดแทรกหลังนั่งเงียบมาสักพัก

แน่นอนว่ามีคนอายแทบมุดแผ่นดินหนี

“คุณผู้ชายทราบเหรอครับว่าเขาเป็นหมอ” เดชดำรงค์ถามอย่างสุภาพ

“ผมรู้จักหมอจักรทัศน์ครับ ผมถึงเรียกให้มาตรวจไงครับ”

จักรทัศน์หันไปมองคนข้างตัวสลับกับอาจารย์แพทย์แล้วเหลือบมองไปนอกห้อง อัยยาลิณณ์กระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี

‘ลุงเจมส์สุดยอด ไม่สิงานนี้ต้องเรียกพี่เจมส์ซะล่ะมั้ง’

“จริงหรือเปล่าหมอเจย์”

“อ๋อ…ใช่ครับ จริงอย่างที่คุณผู้ชายบอกทุกประการครับ ยังไงเจย์ก็ขออภัยด้วยนะครับที่ไม่ทำตามขั้นตอน” แพทย์หนุ่มยกมือไหว้เดชดำรงค์

“งั้นถือว่าเป็นการเข้าใจผิดก็แล้วกัน” เดชดำรงค์กล่าวขอโทษและขอบคุณคนไข้ก่อนจากไป จักรทัศน์เป่าปากด้วยความโล่งจากนั้นก็ตามไปส่งเจมีไนน์ขึ้นรถ

“แล้วคุณผู้ชายกลับยังไงครับ”

“เรียกลุงเจมส์สิ” ยังอีก…ยังต้องให้ย้ำอีก

“ครับ ลุงเจมส์กลับยังไงครับ”

“เดี๋ยวเรียกรถผ่านแอปครับ” ระหว่างนี้จักรทัศน์จึงนั่งรอที่ล๊อบบี้ด้วยกันไปก่อน

“แล้วบ้านอยู่ไกลมั้ยครับ”

“หมอไปเที่ยวบ้านผมมั้ย ไปได้นะผมอยู่ตัวคนเดียว”

“โอ้ จะดีเหรอครับรบกวนลุงเจมส์เปล่า ๆ ฮ่า ๆ” แพทย์หนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน ไหงบอกอยู่ตัวคนเดียวแล้วแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายคืออะไรกัน รวมถึงเรื่องที่รู้ชื่อจริงกับชื่อเล่นนั่นอีก

จะถามให้เคลียร์หรือปล่อยมันไปดี

“หมอกำลังสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงรู้จักชื่อ หมอเป็นคนพูดให้ผมฟังเองนะ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่บาร์โรงแรมน่ะ” ตามคาดคนถูกรื้อฟื้นความทรงจำก็อึ้งตาค้างไปทันที พอรู้ว่าเป็นคนช่วยหามไปส่งถึงห้อง เปิดแอร์ ถอดรองเท้า ห่มผ้าห่มแล้วถอดรองเท้าให้ก็แทบจะกราบคลานเข่าไปขอบคุณเลยทีเดียว

“แล้วเจย์พูดอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

“หลายอย่างเลยนะ เช่น ถูกคนรอบข้างมองว่าไม่ชอบผู้ชายบ้างล่ะ มีพี่สาวเป็นนักเซิร์ฟอยู่ที่กะตะ อยากมีแฟนแต่รักคนยาก อยากเจ้าชู้แต่ทำไม่เป็น….และดาราที่ติดตามผลงานอยู่ เอ่อ…ชื่ออะไรนะ เร…เร อะไรสักอย่างเป็นคนญี่ปุ่น แต่ผมไม่ได้ถามหมอสักคำเลยนะ”

“ลุงเจมส์เก็บเป็นความลับหน่อยนะครับ เผื่อเจย์พูดอะไรบ้า ๆ ออกไป” คนเมามักพูดความจริง แต่ความจริงก็คือจักรทัศน์เป็นแฟนพันธุ์แท้ดาราหนังผู้ใหญ่คนหนึ่ง

คงต้องลงไปกอดขาร้องขอว่าอย่าแพร่งพรายไป

รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“จะบอกใครได้ล่ะ ผมไม่รู้จักคนใกล้ตัวหมอเจย์สักหน่อย แต่จะบอกให้นะผู้ชายรักเดียวใจเดียวว่าหายากแล้ว ถ้าหล่อแล้วไม่เจ้าชู้คือของล้ำค่าเลยนะ” บุคคลที่สามคนที่ไม่มีใครมองไม่เห็นแทบกรี๊ดสลบคาโซฟา

‘ลุงเจมส์น่ารักอะ ใครเป็นภรรยาคือโชคดีสุด ๆ

“อาจจะจริงนะครับ แด๊ดดี้เองก็หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงแถมรักเดียวใจเดียวกับมี๊อีกต่างหาก เจย์จะเทียบติดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แล้วลุงเจมส์มีลูกมั้ยครับ ลุงเจมส์ครับ เอ่อ…ลุงเจมส์ครับ”

เจมีไนน์กระพริบตาถี่ดึงสติกลับคืนหลังเหม่อลอยไปหลายวินาที

“เอ่อ ผมไม่มีลูกครับ ภรรยามีลูกไม่ได้น่ะ”

ทั้งสองใช้เวลาพูดคุยต่อจนได้รู้ว่าคู่ชีวิตของเจมีไนน์จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ยังสวมแหวนด้วยความเคยชินและไม่ยังอยากข้องเกี่ยวกับสาว ๆ จักรทัศน์แซวว่าถอดเมื่อไหร่คิวยาวถึงดาวอังคารแน่ ๆ ไม่นานนักรถที่เรียกไว้ก็มาถึงที่หมาย

“ลุงเจมส์ครับ เจย์อยากเลี้ยงข้าวขอบคุณจะสะดวกมั้ยครับ” แพทย์หนุ่มถามขณะอีกฝ่ายกำลังจะก้าวขึ้นรถ

“ได้สิ ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ ขอให้มีวันที่ดีนะหมอ”

จักรทัศน์มองรถคันนั้นแล่นไปจนลับสายตาถึงจะกลับเข้าห้องพัก

“เมื่อกี้มันจะอายม้วนอะไรขนาดนั้นล่ะคุณหนมต้ม”

“ก็ลุงเจมส์ทั้งหล่อ ทั้งอบอุ่น แถมรักภรรยามากซะด้วย ใครไม่อยากได้เป็นแฟนบ้างล่ะ” อัยยาลิณณ์เล่าสิ่งที่เห็นในห้องตรวจให้ฟังว่าจักรทัศน์หน้าแดงแปร๊ดตลอดตอนถูกอีกฝ่ายหยอดมุก ส่วนเจมีไนน์ก็พูดจาหว่านล้อมเก่งที่สำคัญเสียงยังเซ็กซี่ชวนหลงใหลสุด ๆ

“บ้าน่ะ ห้องตรวจมันร้อนเหอะ เจย์เลยหน้าแดง คิดไปเรื่อยนะหนมต้ม” ชี้โบ๊ชี้เบ๊กลบเกลื่อนไปเรื่อยแหละดูออก

“อะจ้ะ ร้อนก็ร้อนจ๊ะหมอ อย่าหวั่นไหวให้เห็นล่ะ”

เอาน่า…หยอกล้อวันละนิดสนิทยิ่งกว่าเดิม วันรุ่งขึ้นอัยยาลิณณ์ก็ไม่มาโคจรอยู่ข้าง ๆ แล้ว

‘ยินดีที่ได้รู้จักนะขนมตาล’

สถานที่พำนักครั้งสุดท้ายของอังศุมารินก็เป็นไปตามหลักศาสนาคริสต์ สถานที่แห่งนี้สงบร่มรื่น มีความเป็นส่วนตัวจนเหมือนตัดขาดความวุ่นวายจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

“ผมมันทำเรื่องชั่ว ๆ มาเยอะ ผมไม่ควรบอกความจริงกับเขาใช่มั้ยครับคุณแองจี้” เจมีไนน์ย่อตัวลงวางช่อดอกลิลลี่สีขาวหน้าป้ายหลุมศพที่แกะสลักเป็นรูปนางฟ้าด้วยหินอ่อนอย่างดีอย่างอิตาลี ครั้งหนึ่งเคยมาที่นี่เพื่อนั่งมองรูปภรรยาด้วยแววตาเชื่องซึมนานร่วมชั่วโมงจนผู้ดูแลสุสานต้องเข้ามาสะกิดเรียก

หนนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เจมีไนน์ถอดแหวนแต่งงานออกจากนิ้ว จูบเบา ๆ พร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินแล้ววางลงหน้าป้ายหลุมศพ

“จากนี้ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่คุณบอกไว้ แต่ผมจะรักคุณตลอดไป…ชั่วนิรันด์นะครับคุณแองจี้” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นโกยอากาศเข้าปอดและหันหลังเดินจากไป

จุดหมายต่อไปคือศาลเจ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา

หนึ่งในหน้าที่หลักของปรมาก็คือพับกระดาษเงินกระดาษทองและดูแลความเรียบร้อยทั่วไป ศาลเจ้าปึกกงเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานตั้งแต่เล็กจนโต แม้ทุกวันนี้จะต้องไปทำงานประจำในตัวเมืองภูเก็ต ทุกครั้งที่มีเวลาว่างปรมาจะอยู่ช่วยงานศาลเจ้าเสมอและด้วยความที่เป็นคนขี้อายจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนัก

ปรมาเพิ่งเข้าสู่วัยเบญจเพสก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคนรู้ใจเสียทีจนเหล่าลุงป้าออกปากแซวกันยกใหญ่ พวกเขาคิดว่าการหาคู่แล้วลงหลักปักฐานคือเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ออกไปตั้งหลักได้

เธอไม่อาจพึ่งพาอาศัยบารมีของเถ้าแก่บุญกวงไปได้ตลอดชีวิต

ทว่าชีวิตเรียบง่ายกำลังจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

เจมีไนน์เงยหน้ามองป้ายตัวอักษรจีนเหนือซุ้มประตูพลางอ่านออกเสียงเบา ๆ แล้วมุ่งหน้าเข้าไป บรรยากาศศาลเจ้าแลเงียบสงบมีชาวบ้านประปราย เขาได้รับคำแนะนำการไหว้สักการะจากผู้ดูแล ก่อนจะเริ่มทำไปตามขั้นตอน

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

เจ้าของดวงตาเรียวยาวแบบคนเอเชีย โครงคิ้วเข้มได้รูป สันกรามเฉียงรับกับรูปคางยาวกำลังดี โครงหน้าคมชัดแต่แลดูนุ่มละมุนเหมือนภาพวาดบุรุษในอุดมคติของจีนกำลังพนมมือขอพรด้วยความตั้งใจ

ไม่รู้เลยว่ามีคนแอยจับตามองตั้งแต่ก้าวแรกด้วยหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ

“ไม่ใช่…ไม่ใช่คนแถวนี้นี่นา หล่อออร่าจับมากเลย เขา…เป็นดาราหรือเปล่า ทำไมหล่อเหลือเกิน” ปรมาละมือจากงานที่ทำเพื่อตามดูชายแปลกหน้าอยู่ห่าง ๆ ด้วยความสูงที่คาดว่าจะราว 1.85 เมตรคงทำให้เธอที่สูงเพียง 1.58 เมตรกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยในพริบตา

ความรู้สึกอยากมีปฏิสัมพันธ์ อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากถูกครอบครองกำลังตีรวนในหัวสมองไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแทบทะลุอก

เจมีไนน์รับรู้ถึงการถูกจ้องมองเลยกวาดตามองจนได้เห็นร่างเล็กที่กำลังซ่อนตัวหลังกำแพง เขายิ้มมุมปากแล้วส่ายศีรษะแบบไม่คิดอะไร

“ทำยังไงเราถึงจะรู้จักเขาได้ คิดสิคิด” ปรมาทาบฝ่ามือบนแก้มร้อนวูบวาบ สูดลมหายใจ ย่างเท้าสั่นเทาตามดูเขาอีกครั้งจนไปถึงจุดสักการะจุดสุดท้ายถือว่าพิธีการเป็นอันเสร็จสิ้น

นาทีนั้นหญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าศาลเจ้ามีของที่ระลึกงานครบรอบ 30 ปีเมื่อเร็ว ๆ นี้แต่ว่าแจกไปหมดแล้ว

แต่เธอก็มีติดตัวอยู่หนึ่งชิ้น!

“ขออนุญาตนะคะคุณผู้ชาย ของที่ระลึกจากงานครบรอบสามสิบปีของศาลเจ้าค่ะ” ปรมายื่นพวงกุญแจเชือกถักคล้องกับเหรียญจีนโบราณให้เจมีไนน์ด้วยมือสั่นเทา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ตอนพิเศษ (เจมีไนน์)

    บาร์รูฟท๊อปที่คืนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่นและเสียงเปียโนคลอเบา ๆ เจมีไนน์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในสูทสีดำเข้ารูป เงาสะท้อนในแก้วคริสตัลทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย เขายิ้มต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นทุกคืน แต่สายตากลับสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาหนุ่มคนนั้นอายุราว 26 – 27 ปี หน้าตาคมคายเหมือนจะเคยเห็นผ่านจอทีวีหรือบทสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ที่สำคัญแววตาของเขายามสบกับตนมีแววเขินอายเล็ก ๆ จนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างเจมีไนน์ยังเผลอหัวใจสะดุด“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย จะรับอะไรดีครับ?” บาร์ทนเดอร์หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ…เอาเป็น เอ่อ อะไรก็ได่แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มบางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับบรรยากาศบาร์หรู“ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”เจมีไนน์โชว์ลีลาการผสมเครื่องดื่มที่ใครเห็นก้ต้องหยุดมอง ครู่ต่อมาค็อกเทลสีอำพันจะถูกดันมาตรงหน้า หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวลงเล็กน้อย แสงไฟนวลเหนือบาร์ทอดเงาบนกรอบหน้าคมเข้มที่แม้ผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี แต่ยังดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยกลางคนทั่วไปหรืออาจจะยิ่งกว่านั้น“ลองชิมดูสิครับ สูตรพิเศษคืนนี้

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   อีกปีให้หลัง...

    ปีแรกในนอร์เวย์คือการเดินทางที่โหดหินที่สุดของชีวิตอัยยาลิณณ์ที่นี่ไม่ใช่เชียงราย อุณหภูมิที่หนาวจัด การสื่อสารที่ไม่คล่องแคล่วและกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนกว่ามาก ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกครั้งที่เข้าสู่การทดลองปรับคลื่นสมอง เธอต้องนอนในห้องแล็บสีขาวที่มีเครื่องมือรุงรังติดเต็มศีรษะ แสงไฟจ้าและเสียงเครื่องจักรดังต่อเนื่อง จนบางทีแอบน้ำตาไหลเงียบ ๆ ใต้ผ้าห่มแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถอย เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองจากแดนไกล[สู้ ๆ นะ ตาลเอ๊ย พ่อแม่กับต้มอยู่ตรงนี้เสมอ][อีกไม่นานนะตาล รอเจย์ก่อน]ข้อความจากครอบครัว เพื่อนฝูงและจักรทัศน์ในวิดีโอคอลคือกำลังใจสำคัญแม้บางคืนเธอจะหลับลึกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าวิญญาณก็ไม่เคยหลุดจากร่างอีกเลย มันคือสัญญาณว่าการรักษากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง“อีกไม่นาน…เราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว” อัยยาลิณณ์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับกำมือแน่นและทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ภาพรอยยิ้มของเขาก็จะปรากฏขึ้นในความคิดเสมอหนึ่งปีเต็มหลังยื่นเอกสารขอทุนเรียนต่อ ชีวิตของจักรทัศน์คือการวิ่งวนระหว่างงานโรงพยาบาล การสอนรุ่นน้องแ

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   การเริ่มต้นใหม่

    วันนี้คฤหาสน์วิวทะเลอันดามันของเจมีไนน์บรรยากาศคึกคักกว่าทุกครั้งเพราะมีนัดถ่ายภาพครอบครัวประทานชัยเซ็ตใหม่ภาพที่มีสมาชิกพร้อมหน้าอย่างแท้จริงกล้องตั้งอยู่บนขาตั้งหันหน้าออกไปทางวิวทะเลสีคราม เด็กชายวัยสามขวบอย่างขุนพลซึ่งเป็นลูกชายของพลพยัคฆ์วิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้ากล้องทำเอาทุกคนเรียกหาด้วยความเอ็นดู เขาพยายามจะอุ้มแต่ก็โดนลูกชายดิ้นหนีเล่นซ่อนหากับคุณพ่อแทนสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่วัยเพียงหกเดือนในอ้อมกอดของคุณปู่สุดเฮี๊ยบอย่างเอื้อมพัฒน์ที่ประกาศกร้าวว่า…คืนนี้จะไม่เมาทำเอาทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน“ขอบใจที่ให้ยืมบ้านจัดปาร์ตี้นะแดน” เมธากรพูด“ยินดีครับพี่เรย์”เจมีไนน์เองก็ไม่นึกว่าจะได้มีช่วงเวลานี้ ขณะยืนมองทุกคนด้วยแววตาอิ่มเอม หันไปมองไดอาน่าแล้วเหลือบมาทางหลานฝาแฝด จักรทัศน์กับเจนีนที่กำลังจัดแจงยืนบังแสงไฟให้พอดี เขาสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนฝันที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้“ในที่สุด…ก็ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อโง่ ๆ อีกแล้วเนอะ” เขาพูดพลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วสารภาพกับทุกคนว่าเคยหยิบภาพถ่ายจากคอนโดมาสแกนตัต่อดตัวเองลงไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีส่วนอยู่ด้วยเจนีนที่นั่งแต่งหน้าเติมปากแดงอยู่ก็ร้อง

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ขึ้น

    หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของอัยยาลิณณ์ก่อนเดินทางไปนอร์เวย์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหลที่ไม่เคยหยุด ทุกวันเต็มไปด้วยการเตรียมตัว ทั้งด้านเอกสารและสภาพร่างกายเธอต้องจัดเก็บแฟ้มรายงานการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด เอกสารภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือรับรองแพทย์ที่จักรทัศน์ช่วยประสานมาให้อย่างละเอียดบนโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ในห้องนอนมีกองเอกสารที่เรียงเป็นตั้ง ๆ พร้อมปากกาไฮไลท์ที่ใช้เน้นข้อความสำคัญทุกคืนก่อนนอนเธอจะนั่งตรวจเช็กทีละหน้าเหมือนกลัวว่าจะตกหล่นอะไรสักอย่างในอีกด้านหนึ่ง อัยยาลิณณ์ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ห่างสายตา ทำอาหารโปรดให้แทบทุกมื้อ ตั้งแต่แกงฮังเลสูตรคุณแม่ ไปจนถึงข้าวซอยเนื้อที่พ่อภูมิใจนำเสนอบ่อยครั้งที่เธอนั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าทุกจานคือความรักและความห่วงใยที่ครอบครัวอยากส่งมอบให้ก่อนที่จะจากบ้านไปไกลแสนไกลอธิพงษ์ก็คอยตามติดแทบตลอดเวลา ชวนพี่สาวดูหนัง ตัดต่อคลิปเล่น ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมคอนโซลด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แม้จะเถียงกันหยอกล้อเหมือนเคย แต่ในแววตาของน้องชายก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิดคื

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ตกดิน

    สองอาทิตย์เต็ม ๆ นับจากวันที่ส่งเอกสารชุดสุดท้ายไปยังนอร์เวย์ อัยยาลิณณ์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยล้าเมื่อเดินไม่กี่ก้าวลดลง กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงกลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้แพทย์จะยังย้ำว่าเธอควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่อัยยาลิณณ์ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาหายใจเต็มปอดอีกครั้งส่วนจักรทัศน์ แม้งานโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะรุมเร้า ทั้งเวรกลางวันกลางคืน แต่เขาไม่เคยพลาดจะโทรหรือวิดีโอคอลหาอัยยาลิณณ์ บางวันคุยเพียงไม่กี่นาทีก่อนเขาเข้าเคสฉุกเฉิน บางวันคุยนานจนเสียงหัวเราะของเธอดังไปทั้งบ้าน เหมือนทุกวินาทีของวันไม่วุ่นวายเกินกว่าจะหาเวลาให้กันได้กระทั่งคืนหนึ่ง ที่ห้องพักแพทย์“หือ ใครอะ!?” จักรทัศน์สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างเตียง“ตาลไง จะใครเล่า” ร่างเล็กมือเล็กไขว้ไว้ด้านหลัง รอยยิ้มหวานส่งมาให้“อ๋อ ตาลเองเหรอ เอ่อ…อืม ๆ เดือนนึงแล้วสินะ” เขาดันร่างขึ้นจากที่นอนพร้อมใบหน้าสะลืมสะลือ แต่ยังจำรายละเอียดได้แม่น วันนี้ครบเดือนพอดี หลังการหลับยาวจนเข้าขั้นวิกฤตของเธอ“ไหน ๆ ตาลก็มาคือตาลมีเรื่องจะสารภาพน่ะ ตาลพูดกับหมอก็ไม่ได้ พูดที่บ้านไม่ได้ มันอึดอัดมากเลย”

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ไม่ยอมแพ้

    “หน๊อย! ไอ้ฝรั่งมึง”จักรทัศน์สบถออกมาโดยลืมไปว่าพ่อตัวเองก็เป็นฝรั่งกว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์ ครอบครัวอัยยาลิณณ์ช่วยกันแทบทุกวัน ทั้งถ่ายเอกสาร เก็บแฟ้ม เรียงผลตรวจย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการ ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันยุ่งยากสิ้นดี แต่ถ้านี่คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอหายขาด ทุกคนก็ยอมกัดฟันสู้โชคดีที่ระหว่างนั้นอัยยาลิณณ์ไม่ได้หลับลึกเพิ่ม อาการยังทรงตัวเมื่อเอกสารครบ ทุกอย่างก็ถูกสแกนส่งไปศูนย์วิจัยนอร์เวย์ ทุกคนถอนหายใจโล่งอก คิดว่าต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอผลการพิจารณาเท่านั้นแต่แล้วอีเมลตอบกลับก็มาพร้อมรายการยาวเหยียด ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติม หนังสือรับรอง และที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือยืนยันจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเชียงราย ว่าอัยยาลิณณ์เข้ารับการรักษาที่นั่นจริงปัญหาคือผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศและกว่าจะกลับอีกก็เกือบสองสัปดาห์ จักรทัศน์อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาจนแทบขึ้นใจ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“นี่มันอะไรกันนักหนา…หรือพวกนั้นกำลังเล่นตุกติก”“ถ้าต้องรออีกสองอาทิตย์…ตาลก็รอได้” อัยยาลิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ“สองอาทิตย์?” จักรทัศน์เงยหน้าขึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status