TW: เนื้อหามีการบรรยายถึงความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
          หลังจากสะสางภารกิจที่ได้รับการไหว้วานจากเซน มาร์ตินก็รีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเครือลูซโซ่ทันที และเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนของราฟาเอล จึงมาพักที่เซฟเฮาส์ใกล้เมืองหลวงระหว่างที่รอกลับฮ่องกง
          ระหว่างนี้จึงมีเวลาไปดูไนต์คลับชื่อดัง ที่เจ้าของเสนอให้เขาเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องออกแรงบริหาร เพียงแค่จ่ายเงินและดูแลเรื่องส่วยให้ก็พอ
          ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องให้จัดการส่วย เขานึกเพียงว่าเป็นเรื่องปกติของสถานบันเทิงที่อาจมีการปล่อยให้ผู้เยาว์เข้าสถานที่ หรือปิดเลยเวลาที่กำหนด
          แต่จากการได้เห็นอะไรดีๆ วันนี้ กอปรกับการที่คีย์รายงานเรื่องชั้นใต้ดิน
          ก็คงต้องมองเสี่ยวิฑูรย์เจ้าของไนต์คลับเสียใหม่
          ให้มันรู้ว่าคนอย่างมัน ไม่ควรมายุ่งกับเขาเสียแต่แรก!!
          ร่างหนาของเจ้าของไนต์คลับถูกมัดโยงกับขื่อในโกดังเก็บของหลังเซฟเฮาส์จอย่าไร้เรี่ยวแรง สภาพบอบช้ำทั่วร่างกาย และเด่นชัดที่ใบหน้าบ่งบอกว่าลูกน้องเขาไม่ได้ยั้งมือให้กับคนที่คิดขัดขืน
          "คะ คุณมาร์ติน ปะ ปล่อยผมเถอะ" พยายามเงยหน้าพูดคุยกึ่งขอความเห็นใจ "ขะ ขอโทษ อึก!"
          ตาข้างหนึ่งปิดสนิท เนื่องจากเลือดจากศีรษะไหลเข้าตา ฟันด้านหน้าที่หายระหว่างทาง ทำให้พูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำนัก
          "มึงหลอกกูให้ช่วยกันตำรวจ เพื่อจะให้มึงทำเรื่องสารเลวแบบนั้นเหรอ!!" ตวัดเสียงถามห้วนและดุดันด้วยความโกรธ
          ร่างใหญ่ของเสี่ยวิฑูรย์สะดุ้งโหยง สั่นเกร็งจนได้ยินเสียงต้นขากระทบกัน หากไม่ติดที่ถูดมัดมือห้อยโตงเตงคงกราบขอชีวิตจากคนตรงหน้าไปแล้ว
          "ขะ ขอโทษ!! ผมขอโทษ! ปล่อยผมเถอะ" เสี่ยใหญ่ร้องขอชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรี "วะ วันนี้วันเกิดลูกสาวผม แอนนาเพิ่งจะเจ็ดขวบ..."
          "พล่ามอะไร!!"
          "ฮึก...คะ แค่อยากให้เห็นแก่เด็ก"
          รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า มาร์ตินแค่นหัวเราะออกมาให้กับคุณพ่อดีเด่น
          "แล้วเด็กที่อยู่ชั้นใต้ดินไม่ดีไม่เท่าลูกมึงยังไง!!" ภาพที่เขาได้รับผ่านทางมือถือ เห็นการกระทำที่เจ้าขั้นเดนมนุษย์กระทำต่อกัน
          ถึงจะฆ่าคนมาจนนับไม่ไหว แต่ไม่เคยเห็นการกระทำระยำตำบอนแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
          งานกาสิโนที่เขาทำ คือการเล่นกับกิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ถูก แต่เขาเอาเงินที่เป็นวัตถุเข้าแลก
          ไม่ใช่ชีวิตของมนุษย์ที่ควรจะเท่าเทียมกัน!!
          มีทั้งเด็กชายและหญิงต่ำกว่าสิบห้าอยู่ในนั้น...
          ผู้หญิงที่ยังต้องการมีอนาคตที่ดีอีกจำนวนหนึ่ง ที่ต้องถูกกักขังเอาความเป็นคนเข้าแลกให้ตนเองมีชีวิตรอด!!
          มือหนาสวมถุงมือหนังอย่างดี ในขณะที่คนถูกพามามองเห็นและดิ้นทุรนทุราย
          "ผะ ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมเถอะ ฮืออออ"
          เสี่ยใหญ่ร้องไห้ออกมาท้ายที่สุด เหงื่อกาฬแตกพลั่กไม่ต่างจากของเสียอื่นๆ ที่ไหลออกมาจากร่างกายจนเปรอะเปื้อนกางเกง
          มือที่สวมถุงมือหนังรับเข็มขัดเส้นเดียวกับที่ตกอยู่ในห้องนั้นมาถือในมือ หลังจากที่สั่งให้คนจัดการเรื่องในห้องให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
          คีย์ก็ถือสิ่งนี้มามอบให้เขา พร้อมกับสันนิษฐานว่ารอยรอบคอเด็กคนนั้นมาจากเข็มขัดเส้นนี้
          ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าหนังย่ำบนพื้นซีเมนต์สร้างความตื่นตระหนกให้เสี่ยวิฑูรย์จนสติแตก ร้องไห้ฟูมฟายออกมาไม่ต่างจากคนบ้า
          "อย่าฆ่ากู ฮือออ อย่าทำกู..." ไม่อยากตายวันเกิดลูกสาวคนเดียว เสี่ยใหญ่ได้แต่คิดในใจ
          แต่ไม่เคยคิดได้ ว่าการลิดรอนเสรีภาพของคนอื่นตลอดระยะเวลาหลายเดือนหลายปี มันคือความผิด
          "คนอย่างมึงคุกมันขังไม่ได้หรอก"
          เดินอ้อมไปเบื้องหลัง ก่อนจะใช้เส้นหนังในมือรัดคอด้วยแรงทั้งหมด
          เสี่ยวิฑูรย์ดิ้นรนขัดขืนสุดแรง แต่เพราะมือถูกพันธนาการจึงเป็นการออกแรงที่ไร้ค่า
          ยิ่งดิ้น...เขายิ่งรัด
          เอียงใบหน้าหล่อเหลาดูรอยรอบคอที่เริ่มขึ้นมาเป็นริ้วๆ
          เป็นเขา...ยังต้องออกแรงมากขนาดนี้ จึงจะเกิดรอย
          แล้วเด็กคนนั้นต้องโดนกระทำขนาดไหน จึงจะเกิดรอยม่วงช้ำได้ขนาดนั้น
          "อึก! ฮือออ" คนถูกรัดดวงตาเริ่มเหลือกลอย ลิ้นจุกปากไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ทั่วไป
          เส้นเลือดรอบดวงตาปรากฏชัดเป็นเส้น พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
          แสยะยิ้มมุมปากออกมาเมื่อการขัดขืนสิ้นสุดลง มาเฟียหนุ่มปล่อยมือออกจากเข็มขัดหนัง และเดินกลับไปหาลูกน้องที่ถ่ายคลิปวิดีโอโอไว้ตามคำสั่ง
          เขาจะให้เป็นของขวัญเด็กคนนั้น หากเธอรอดตายในคืนนี้
          "ให้ตำรวจเข้าไปจัดการในไนต์คลับ อย่าให้ใครรู้เรื่องในห้องนั้น"
          จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนชั้นสามอีกยกเว้นเขา คีย์ และเด็กคนนั้น
          อาชญากรรมที่ก่อด้วยเด็กสาว ที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง...
          ประเทศนี้บูชาคนมีเงิน ขังได้แค่ชื่อ แต่ขังบาปในจิตใจที่มืดบอดไม่ได้ ติดคุกไม่นานก็ออกมาทำชั่วใหม่ วนลูปไม่จบไม่สิ้นชั่วกัปชั่วกัลป์
          อาการของเด็กสาวน่ากังวลกว่าที่คิด แม้จะผ่านคืนวิกฤติรอดชีวิตมาได้ แต่ผ่านไปสองวันแล้วเด็กคนนี้ก็ยังไม่ฟื้น
          มาร์ตินไม่ได้เข้ามาในห้องพักของเธอเลย เขาฟังรายงานจากลูกน้องเท่านั้น แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเด็กคนนั้นอาจจะอยู่ในภาวะช็อคจนหมดสติ ประกอบกับร่างกายที่เหนื่อยล้า ขาดสารอาหาร และเจอความเครียดมาอย่างหนักหน่วง สมองจึงสั่งปิดสวิตช์ร่างกายตอนเองเพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอด
          มาเฟียหนุ่มจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลเธอ มีหมอมาตรวจทุกวันเช้าเย็น
          ส่วนลุงกับป้าสารเลวที่จับหลานตัวเองมาขายซ่อง เขาจะไม่จัดการเอง เขาจะรอเธอฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถามว่าจะให้ทำอย่างไรกับญาติชั่วๆ แบบนี้
          ก๊อกๆ
          ประตูห้องนอนถูกเปิดออก พร้อมกับคีย์ที่เดินเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ
          "นายครับ เด็กคนนั้นตื่นแล้วครับ"
          มาเฟียหนุ่มดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่โลหะบนโต๊ะ หยัดกายสูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตรลุกขึ้น รุดหน้าไปยังห้องพักของเธอทันที
          ในระหว่างที่เดินไปยังห้องพักเด็ก คีย์ก็ยังคงกล่าวรายงานสถานการณ์ไปด้วย
          "ตื่นมาก็โวยวาย แล้วก็หนีเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำเลยครับ"
          "เรียกจิตแพทย์มาประเมินอาการ"
          "ครับ!"
          ประตูห้องนอนขนาดย่อมถูกเปิดออกด้วยฝีมือเจ้าของเซฟเฮาส์ เดินตรงเข้าไปยังห้องนอน ก็พบว่ามีเลือดหยดตามพื้นไหลเป็นทางจนถึงห้องน้ำ
          สาเหตุคงมาจากการกระชากเข็มน้ำเกลือ
          ร่างสูงเดินมาหยุดหน้าห้องน้ำ ซึ่งมีพยาบาลพิเศษกำลังเคาะประตูเรียกให้เธอออกมาจากห้องน้ำนั้น
          "ออกไป"
          สิ้นคำสั่ง พยาบาลคนนั้นก็โค้งรับก่อนเดินอ้อมด้านหลังออกจากห้องนอนไป
          "เปิด" เขาออกคำสั่งกับคนในห้องน้ำด้วยน้ำเสียงปกติ มั่นใจว่าเธอได้ยินสิ่งที่เขากำลังพูด
          "ฮึก ฮือออ..."
          เสียงร้องไห้สะอื้นจากด้านใน ทำให้เขาถอนหายใจออกมา
          "หิวข้าวหรือเปล่า" เขาถามหยั่งเชิงคนด้านใน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนเตียง "วันนี้มื้อเที่ยงเป็นข้าวผัดสับปะรด เอาอะไรเพิ่มไหม"
          "ฮึก! ฮึก! ฮือออ..."
          "ถ้าเธอออกมาไม่ทันมื้อเที่ยง ต้องรอกินข้าวอีกทีสองทุ่มนะ" ว่าแล้วก็ยกนาฬิกาข้อมือตนเองขึ้นมาดูประกอบ "อีกสองนาทีจะเที่ยง หิวก็กินน้ำรอไปก่อน ฉันไปละ"
          เขาไปจริงๆ
          มาร์ตินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเขาที่กำลังจะจากไปแน่นอน
          แกร๊ก~
          เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้เขาหยุดเดินพร้อมกับยกยิ้มกึ่งหนึ่ง ไม่ได้เดินกลับเข้าไปหา เพราะรู้ว่าเด็กอาจจะหนีกลับเข้าไปในนั้นอีก
          ชายหนุ่มจงใจเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้ ไม่ลืมที่จะบอกพยาบาลให้เตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปรอที่ห้องอาหาร
          วันนี้เขาเดินช้ากว่าทุกวัน เพราะรอให้เด็กสาวค่อยๆ พยุงตัวเล็กๆ ของตนเองเดินตามมาห่างๆ ส่งสายตาให้กับเหล่าบอดี้การ์ดให้เปลี่ยนไปคุ้มกันด้านนอกให้หมด
          ตอนนี้ห้องอาหารจึงมีแค่เขากับพยาบาล ส่วนคนที่แอบเดินตามหลังมายังไม่ยอมเข้ามาด้านใน
          เขารับประทานมื้อเที่ยงอย่างไม่รอช้า กินยั่วคนไม่ได้กินข้าวมาสองวันแบบไม่สะทกสะท้าน นอกจากจะมีข้าวผัดสับปะรด ยังมีกุ้งผัดพริกเกลือ กับยำปลากระพงทอดน้ำปลา
          อาหารไทยอร่อย แต่เพื่อนเขาที่ลงหลักปักฐานที่นี่กลับไม่ชอบ จะกินข้าวด้วยแต่ละทีก็เรื่องเยอะ
          "หิวก็มานั่ง" เหลือบมองหน้าประตูห้องอาหาร เห็นเด็กยืนหิ้วท้องตัวเองยืนมองอยู่ไม่ไกล
          "ขะ ขอเอาไปกินในห้อง..."
          "ห้ามกินข้าวในห้องนอน" ปฏิเสธโดยไม่รอให้พูดจบ
          กระทั่งได้ยินเสียงขยับตัวของเท้าเปลือยก็ยิ้มขึ้นมาอีกหน เด็กสาวเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างกันอย่างกล้าๆ กลัวๆ ส่งสัญญาณให้พยาบาลเดินเข้ามาทำแผล
          แน่นอนว่าเธอสะดุ้งเมื่อมีคนมานั่งข้าง ทำท่าจะขยับตัวลุกหนี
          "จะกินก็ทำแผลก่อน เหม็นกลิ่นเลือด กินข้าวไม่ลง"
          "..."
          ใบหน้าเล็กจึงก้มหน้างุด ยื่นแขนให้พยาบาลทำแผล ก่อนจะลงมือกินข้าวผัดบนโต๊ะอย่างหิวโหย
          มาร์ตินไม่ได้ใส่ใจกับความมูมมามนั้น เขายังนั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่สนใจเธอ ยกน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วลุกขึ้นพร้อมกับวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ
          "ฝากกินอีกสองจานด้วย อย่าให้เหลือ"