สำเนียงเมื่อครู่ของชายหนุ่มแม้จะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา หากแต่ก็ดังพอที่อรรวินทร์จะได้ยินสำเนียงภาษาฝรั่งเศสที่ชัดถ้อยชัดคำของชายหนุ่ม จนทำให้หญิงสาวอดสงสัยในที่มาที่ไปของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้
“หรือตานี่จะมาจากประเทศฝรั่งเศส แล้วเขาเกี่ยวอะไรกับบ้านของเราล่ะ” อรรวินทร์เอ่ยกับตนเองอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวสะบัดไล่ความคิดในหัวไปเสียดื้อๆ เวลานี้บุรษหนุ่มคนนี้ควรต้องไปพักผ่อน อรรวินทร์เดินอ้อมรถสปอร์ตคันหรูไปอีกทาง
อรรวินทร์เผชิญหน้ากับอามันด์ มือเรียวบางของหญิงสาวเอื้อมไปจับมือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วจนอามันด์สะดุ้งโหยง
“ตามมานายอามันด์” หญิงสาวเจ้าของฤหาสน์หลังโตเอ่ยเป็นสำเนียงภาษาฝรั่งเศสแล้วกึ่งลากกึ่งจูงอย่างถูลู่ถูกังชายหนุ่มที่เธอเพิ่งช่วยเหลือให้เดินตามเธอไปในคฤหาสน์
อรรวินทร์ออกแรงเพียงเล็กน้อย ไม่นานนัก..สองขาก็พาหญิงสาวและชายหนุ่มมาหยุดอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่โตมโหราฬหลังหนึ่ง
มือเรียวบางปล่อยมือของชายหนุ่มออกให้เป็นอิสระ หญิงสาวเจ้าของคฤหาสน์ผายมือเชื้อเชิญอามันด์เข้าไปพักในคฤหาสน์ของเธอทันที
“เข้าไปซิ ห้องนอนของนายอยู่ทางขวาติดกับห้องโถงใหญ่” อรรวินทร์กล่าวกับชายหนุ่มเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยน้ำเสียงปกติทว่าอามันด์ยังคงยืนนิ่งอย่างงุนงง นั่นทำให้หญิงสาวอดรู้สึกรำคาญใจไม่ได้
มือเรียวของหญิงสาวคว้าหมับเข้าที่มือหนาของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ร่างเพรียวออกแรงจูงชายหนุ่มอีกครั้งทันที
“ตามมา” หญิงสาวเอ่ยด้วยเพียงคำสั้นๆ แต่เป็นภาษาฝรั่งเศส
ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของอรรวินทร์สาวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตที่หญิงสาวเป็นเจ้าของอยู่อย่างไม่ทันที่อามันด์จะได้ตั้งตัวเตรียมใจอะไรทั้งสิ้น
เวลานี้อรรวินทร์ ‘ผู้จูง’ เดินนำอามันด์ผ่านห้องโถงใหญ่โออ่ากว้างขวาง และละลานตาไปด้วยรูปภาพ ศิลปะสมัยโกธิคที่เขวนผนังอยู่
ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนของอามันด์เบิกกว้าง ชายหน่มอดคิดไม่ได้ว่าเวลานี้อรวินทร์ได้พาเขากลับมายังบ้านเมืองของเขาทว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่ชนชั้นแรงงงาน ชาวนาอย่างพวกเขาควรอยู่และควรพบเจอ
ราวกับฝัน..อามันด์จ้องมองรูปภาพดอกกหุลาบสีดำสนิทที่อยู่ในโหลแก้วสะท้อนแสงอย่างลืมตัว ภาพที่ปรากฏแก่สายตาไม่อาจทำให้เขาละสายไปได้เลย
หยาดน้ำค้างในภาพวาดช่างเหมือนจริงยิ่งนัก ภาพเขียนสีน้ำมันตวัดลายเส้นอย่างบรรจงทว่าสีที่ละเลงลงไปนั้นเป็นสีดำเข้มสนิท...อามันด์อดนึกในใจไม่ได้
หากคะเนดูแล้วภาพนี้น่าจะใช้กฎสามเหลี่ยมทองคำของนักปรัชญาอย่างพีทากอรัสเป็นเส้นพื้นฐานสำคัญในการร่างภาพดอกกุหลาบในโหลแก้วขึ้นมา
อรรวินทร์สัมผัสได้ว่าอามันด์หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงหน้าคมขำเบือนหน้ากลับมามองยังชายหนุ่มที่มาเยือน
ภาพตรงหน้าของหญิงสาวหาดูได้ยากยิ่ง แสงแดดยามเช้าทอประกายอ่อนจางฉายอาบไล้ให้ดวงหน้าคมคายให้เข้มขึ้น...ยามเมื่อชายหนุ่มตรงหน้ากำลังมองสำรวจภาพวาดโกธิคของคุณย่าอย่างสนใจใคร่รู้
อรรวินทร์ ติวเตอร์สาวผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์รู้สึกราวกับแววตาทั้งสองข้างของอามันด์นั้นได้ดึงดูดความสนใจในตัวเธอ ห ญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างมีเสน่ห์เหลือเกินจนเธอเองก็ ‘รู้สึก’ ถึงบางอย่างที่กระเพื่อมในใจเธอเช่นกัน
“อามันด์” หญิงสาวเอ่ยพลางกระแอมไอเล็กน้อย
อามันด์หันมาสบดวงตาทั้งสองข้างของเธอที่มองมาทางเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ
วูบหนึ่งที่เขารู้สึกว่า อรรวินทร์เป็นสตรีชวนฝันที่กำลังหลงใหลในตัวเขา...ทว่าเพียงชั่วครู่แววตาคู่นั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นกระด้างแข็งอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ” อามันด์เอ่ยเป็นสำเนียงฝรั่งเศสอย่างลืมตัว
“ต่อไปนี้ไม่ต้องพูดว่าขอรับ ให้พูดว่าครับอย่างเดียวก็พอเข้าใจไหมคะ” อรรวินทร์เอ่ยสอนอามันด์เป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงเข้ม
“เข้าใจค...ครับ” อามันด์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ท้ายประโยคชายหนุ่มเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจในคำที่หญิงสาวตรงหน้าพาพูดนัก
“เชื่อมั่นในตัวนาย ฉันเชื่อว่านายสามารถทำได้” อรรวินทร์เอ่ยกับบุรุษหนุ่มด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง หญิงสาวเผลอตบบ่าของเขาอย่างลืมตัว
อรรวินทร์เดินออกไปนานแล้ว หากแต่อามันด์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำเสียงของสตรีเบื้องหน้าของชายหนุ่มชนชั้นแรงงานในเวลานี้ช่างอ่อนโยนอย่างหาตัวจับได้ยากยิ่งนัก
หญิงสาวที่ปรากฎแค่เพียงไม่กี่ชั่วยามทำให้ดวงใจของเขาไหววูบได้ขนาดนี้เชียวหรือ...อามันด์อดนิ่งคิดในใจไม่ได้
มาต่อแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามไรท์กิ๊ฟ ดวงดาหลา สรีสามัญ นะคะ
รถเก๋งสปอร์ตของอามันด์เลื่อนเข้าไปจอดยังทางรถเลี้ยวที่ไปทางรีสอร์ท เขามองอรรวินทร์ที่หลับไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนที่กำซาบอยู่ในใจ“ถึงแล้วเหรอคะอามันด์” หญิงสาวมองเห็นชายหนุ่มจอดรถเสียงดังลั่น“ยังหรอกแต่ผมไม่กล้าปลุกคุณก็เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ“อามันด์…ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ” อรรวินทร์กล่าวขณะที่ชายหนุ่มจอดรถอยู่ข้าง ๆ ต้นพญาเสือโคร่ง“อรรวินทร์ผมมีสิ่งของจะให้คุณ” ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็เดินลงมาจากรถอรรวินทร์รีบเดินตามลงไปอย่างตกใจ หล่อนทิ้งกระเป๋าสะพายของเธอไว้ในรถแล้วรีบเดินตามอามันด์ลงไปอย่างรวดเร็ว“อามันด์คะคุณจะไปไหน” หญิงสาวกล่าวพลางมองแผ่นหลังของเขาที่เดินห่างออกไปอย่างเร่งรีบดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อเวลานี้อามันด์เดินหนีเธอหายเข้าไปในชายป่าลึก หล่อนจึงวิ่งตามเขาไปอย่างรวดเร็ว“อามันด์รออรด้วย รอฉันด้วยค่ะอย่าเพิ่งไป”“อรๆ” เสียงของชายหนุ่มปลุกเขย่าเรียกหญิงสาวอย่างรวดเร็วแพขนตาของหญิงสาวกระพือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หล่อนลืมตามองไปรอบ ๆ ก็พบกับอามันด์ที่สวมเสื้อกล้ามบางเบาตัวสีขาวเพียงตัวเดียวในห้องนอน“คุณเป็นอ
เวลานี้อามันด์รู้สึกไม่ได้เลยว่าเขากำลังกลายเป็นนกตัวน้อยที่พร้อมจะโผบินเข้าไปได้ในทุกเมื่อ…มันสวยงามมากจริงๆ“อามันด์ดูนั่นซิคะ ทะเลหมอกสวยมาก ๆ เลยค่ะ”อรรวินทร์กล่าวขึ้น พลางเชิญชวนให้เขาดูทะเลหมอก ที่ลอยล้อมรอบตัวพวกเขาอย่างน่าอัศจรรย์ใจดวงตาคู่ความปลาบของอามันด์มองทะเลหมอกที่เวลานี้ค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยตัวเข้ามาปกคลุมฉาบท้องฟ้านภาที่กว้างใหญ่ไพศาล ย้อมสีฟ้าครามให้กลายเป็นสีขาวดุจหิมะช่างงดงามเหนือความคาดหมายของเขาเสียจริงอามันด์ก้มลงมองปลายรองเท้าของตนเองที่ยืนเหยียบพื้นต้นหญ้าอยู่ด้านล่าง เขาเห็นเพียงต้นหญ้าสีเขียวนั้น ค่อยๆ เลือนหายผ่านทะเลหมอกสีขาวพิสูจน์ดุจปุยเมฆ ต้นไม้สูงใหญ่สีเขียวขจีเหล่านั้นก็จางหายไปกลายเป็นทะเลหมอกสีขาวพิสุทธิ์ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจดวงน้อยของเขาอดเต้นรัวๆไม่ได้ อรรวินทร์เองก็เช่นกัน หญิงสาวเคลื่อนมือของหล่อนมาจับกับมือของเขาอย่างรวดเร็วอรรวินทร์บีบมือของเขาอย่างแรง เวลานี้เองที่อามันด์นั้นก็จับมือหล่อนเช่นกันทั้งคู่รู้สึกราวกับว่ากระแสไฟบางอย่างกำลังแล่นผ่านร่างของพวกเขาโดยที่ทั้งสองไม่ทันได้ตั้งตัว อามันด์แล้วอรรวินทร์มองหน้ากันในทันทีดวงหน้า
ในมือของอรรวินทร์เป็นนาฬิกาเรือนสวยที่อามันด์ซื้อให้เธอตั้งแต่เขาได้เจอเธอหลังจากภพชาติที่แล้วของเขา“อิ่มหรือยังคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม“อิ่มแล้ว” อามันด์กล่าวขณะปากของเขายังเคี้ยวซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดห้าลูกที่หญิงสาวซื้อมา“กินเร็วๆสิคะอามันด์ เดี๋ยวอรก็ไม่ทันไปดูทะเลหมอกหรอกค่ะ” หญิงสาวกล่าวพลางทำหน้ามุ่ยขึ้น“เดี๋ยวก็ได้ดูแล้วเดี๋ยวก็ได้ดูแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวขณะมือเรียวหยิบขวดน้ำกรอกน้ำลงไปในปากชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเวลานี้น้ำที่เขากระดกลงไปผ่านลำคอของเขา มันช่างเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็งในมหาสมุดอันกว้างใหญ่ไพศาลดวงตาของอรริวินทร์เปล่งประกายวิบวับยามเมื่อเวลานี้หญิงสาวมองเห็นดวงตะวันที่ใกล้จะทอแสงขึ้นมาเบื้องหน้าหญิงสาวไม่รอช้า หล่อนฉวยคว้าข้อมือหนาของชายหนุ่มพลางลากออกไปยังจุดชมวิวทะเลหมอกทันทีอามันด์รีบเก็บถุงซาลาเปาเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ไม่นานนักดวงตาของชายหนุ่มพลันเบิกกว้างอย่างตระหนกสุดขีดอามันด์อดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักมากมายต่างพากันมามุงดูยังที่จุดชมวิวแห่งนี้“ที่นี่เป็นจุดชมทะเลหมอกค่ะ” หญิงส
“อามันด์คะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่เอาแต่สนใจขับรถบนท้องถนนในจังหวัดเชียงใหม่ที่เริ่มจะไม่สนใจเสียงเรียกของหญิงสาวอย่างอรรวินทร์“ตรงนั้นค่ะ อามันด์” อรรวินทร์ชี้นิ้วมือให้ชายคนรักขับรถไปจอดยังบริเวณลานจอดรถที่มีช่องว่างมือหนาของอามันด์กำลังสาวพวงมาลัยถอนเข้าไปในซองที่จอดรถอย่างรวดเร็ว“จ้ะ…ที่รัก” เสียงเข้มของชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวพลางเงยหน้ามองอรรวินทร์ที่มีสีหน้าบึ้งตึงไม่น้อยเวลานี้อามันด์และอรรวินทร์มาฮันนีมูนที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากการประกาศวิวาห์อันหวานชื่นของหญิงสาวและชายหนุ่มได้จบไปอรรวินทร์ก็รบเร้าให้เขาพาหล่อนมาดูทะเลหมอกยามเช้าที่ประเทศไทยจนได้สายลมเหยียบเย็นหนาวเหน็บจับเข้าไปยังขั้วกระดูกของอรรวินทร์ หากแต่เวลานี้ใบหน้าของหญิงสาวกลับแต้มระบายรอยยิ้มอ่อนจางบนใบหน้า“หนาวไหมที่รัก” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นดึงความสนใจของหล่อนให้หันมามองยังคนตัวสูงตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยรู้สึกหนาวเย็น ขนาดนี้มาก่อน อามันด์หันมองอรรวินทร์ที่เวลานี้หนาวสั่นอยู่ข้างๆเขาด้วยความรู้สึกประทับใจในตัวของภรรยาสาวนับตั้งแต่วันที่อรวินทร์และอามันด์ได้เจอกันอีกครั้ง ราวกับว่าอามันด
อามันด์เคลื่อนใบหน้าคมคายเข้าใกล้จนชิดใบหน้าของอรรวินทร์ ลมหายใจอุ่นรดใกล้จมูกของหญิงสาวทันที...อรรวินทร์แทบลืมหายใจยามเมื่อริมฝีปากบางประกบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา...ช่างอ่อนโยนและแสนตราตรึง.... “เจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวบ้าง” เสียงเชียร์ดังสนั่นอีกครั้งจากพี่สะใภ้ของอรรวินทร์ อรรรวินทร์เคลื่อนใบหน้าของตนเองเข้าไปใกล้จมูกโด่งรั้นของชายหนุ่ม หญิงสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวอย่างอามันด์ดังฟอดใหญ่ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีในความรักอันบริสุทธิ์ของทั้งคู่ห้องหอวิมานฟ้าครามซิปหลังชุดเจ้าสาวถูกรูดลงอย่างอ้อยอิ่ง เวลานี้มือหนากำลังสั่นเทา ทว่าอรรวินทร์ที่รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย หญิงสาวเบือนหน้ากลับมาหาเขา“อามันด์คะ” อรรวินทร์เอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่บนเตียงในชุดเจ้าสาว“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด ยามเมื่อเวลานี้อรรวินทร์และเขากำลังจะเข้าหอร่วมกัน“อรรักคุณนะคะ” อรริวนทร์เอ่ยบอกสามีป้ายแดงของเธออย่างรวดเร็วพลางเอื้อมมือไปกุมมืออันสั่นเทาของชายหนุ่ม“เช่นกันครับ ผมก็รักคุณดวงใจของผม” อามันด์กล่าวแล้วสบสายตากับหญิงส
เวลานี้เป็นวันที่เขามีความสุขอย่างยิ่ง ชายหนุ่มไม่นึกไม่ฝันว่าปรากฎการณ์ทางวิทยาศาสตร์จะพาเขาเข้ามาสู่ห้วงอารมณ์แห่งรักได้เคยมีคนกล่าวว่าวิทยาศาสตร์ต้องใช้ตรรกะแต่สำหรับอามันด์แล้ว เขาเชื่อว่ามันคือพรของพระเจ้าที่ทำให้เขาและเธอได้กลับมาเจอกันอีกครั้งคนเรามีระยะเวลาของตนเองเสมอ อามันด์เชื่อมั่นเช่นนั้นมาตลอด...วันนี้เป็นวันที่พิเศษอย่างยิ่งของเขา เป็นวันที่เขาปรารถนาจะมีที่สุด “นี่ใม่ใช่ความฝัน ในที่สุดการรอคอยของนายก็สิ้นสุดลงเสียทีนะอามันด์ นายกำลังจะเริ่มต้นใหม่กับอรรวินทร์ แสงสว่างของนาย และนายเองเชื่อว่านายก็คือคำตอบในใจของหล่อนเช่นกัน” อามันด์เอ่ยออกมาบอกตัวเองอย่างลิงโลด “อรรวินทร์คุณคือสิ่งมีค่าสิ่งเดียวที่ผมมี” อามันด์เอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม[End of อามันด์ part]ห้องแต่งตัวเจ้าสาวร่างเพรียวของสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจกบานกว้าง อรรวินทร์แทบไม่เชื่อสายตาของตนเองว่า หญิงสาวจะมีวันนี้...ช่วงเวลาที่หญิงสาวทุกคนในโลกใบใหญ่เฝ้าฝัน...วันแต่งงานของเธอและอามันด์ ชายหนุ่มผู้ที่เธอรักสุดดวงใจรองเท้าส้นสูงสาวเท้าออกมาจากห้องแต่งตัวเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว เวลานี้อรรวินทร์สวมชุ