Mag-log inไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนอากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวเริ่มมีอาการตัวหนาวสั่น แหงละสิวันนี้เธอเจอทั้งแดดทั้งลม แถมยังมาโดนน้ำเย็นของน้ำตกต่ออีก ต่อให้แข็งแรงแค่ไหนถ้าไม่ฟิตจริง ใครก็สู้ไม่ไหว
“อดทนหน่อยนะคุณแถวนี้ยังไม่ปลอดภัย ต้องผ่านป่าด้านหน้าไปก่อน”
เขาบอกน้ำเสียงจริงจัง เมื่อสัมผัสไอร้อนที่เพิ่มขึ้นจากตัวหญิงสาวด้านหลัง ทั้งยังต้องเดินแข่งกับเวลา กลางป่ายิ่งดึกยิ่งอันตราย
“พวกนั้นยังตามเรามาหรือคะ”
“พวกนั้นคงตามเรามาไม่ทันแล้ว ผมหมายถึงพวกสัตว์ป่าน่ะ อดทนอีกหน่อยนะใกล้ถึงแล้ว ข้างหน้ามีที่พักที่ปลอดภัยอยู่”
“ที่พักที่ปลอดภัยหรือคะ”
คนตัวเล็กถามน้ำเสียงดีใจ แต่ต่อให้ดีใจแค่ไหนร่างกายมันก็บอกไม่ไหวอยู่ดี เนื้อตัวเปียกชื้นชุ่มไปทั้งตัว ร่างเล็กหนาวสั่น ปวดหนึบไปทั้งทั่วร่างจนแทบขยับไม่ไหว คิมหันต์เห็นอาการหญิงสาวดูไม่ดี จึงรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินให้เร็วขึ้น
“คุณมาที่นี่กับใคร”
เมื่อเห็นคนบนหลังนิ่งเงียบไปจึงเริ่มชวนคุย แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ
“คุณ คุณ ทำไมเงียบไปเป็นอะไรหรือเปล่า” อังวรีได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงของเขาจึงตอบ
“ทิ้งฉันไว้ที่นี่เถอะ ฉันว่าฉันไม่ไหวแล้ว แบกฉันไว้แบบนี้จะทำให้คุณเดินได้ช้า”
“พูดอะไรอย่างนั้น! คุณแค่เริ่มมีไข้ นั่นไงถึงแล้ว อยู่ที่นี่คุณจะปลอดภัย”
เสียงเข้มดุ ก่อนยื่นหน้าชี้ให้ดูกระท่อมด้านหน้า ร่างไร้เรี่ยวแรงถูกประคองวางลงอย่างนุ่มนวลเมื่อถึงจุดหมาย
“ที่นี่คือที่ไหน ทำไมคุณถึงมั่นใจนักว่าเราจะปลอดภัย”
“ที่นี่คือไร่คิมหันต์”
“เรามาถึงกันแล้วหรือคะ”
“ยังหรอกนี่แค่เข้าเขตไร่ ยังต้องเดินต่ออีกประมาณสิบกิโล”
คนอ่อนแรงเบิกตากว้าง เดินขึ้นเขา โดดหน้าผา เดินจนขาลากแถมโดนผลักตกเหวน้ำตกว่ายากแล้ว แต่นี่จะให้เธอเดินต่ออีกสิบกิโล แค่จะแรงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งตอนนี้ยังไม่มีเลย เธอคิดก่อนตัดสินใจหนักแน่น
“คุณไปเถอะ พูดจริงนะ ถึงยังไงกลับไปก็ต้องถูกพวกนั้นตามมาฆ่าตายอยู่ดี ปล่อยฉันตายอยู่ที่นี่ดีกว่า”
“ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายจัง อดทนมาได้ตั้งไกลจะมายอมตายเพราะระยะทางแค่สิบกิโลเหรอ”
“คุณไม่รู้หรอกว่าวันนี้ฉันเจอกับอะไรมาบ้าง นักท่องเที่ยวที่ขึ้นเขามาพร้อมกัน ทุกคนถูกพวกมันฆ่าตายต่อหน้าต่อตาฉันเลย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เพียงเพราะฉันไปบังเอิญได้ของที่ไม่ควรได้มาเท่านั้น ทุกคนเลยต้องมาตายเพราะฉันคนเดียว”
อังวรีบอกเสียงสั่นเครือพร้อมกับปล่อยโฮออกมา หากเป็นเวลาปกติเธอคงจะเข้มแข็งได้มากกว่านี้ นี่คงเพราะพิษไข้
“คุณร้องไห้เหรอ”
“ฮือ ฮือ ฮือ คุณก็อาจจะตายถ้ายังอยู่ใกล้ฉันแบบนี้ เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ฉันวันนี้ตายหมดแล้ว เหลือแค่คุณคนเดียวนี่แหละ” เธอบอกเสียงสั่นเครือร้องไห้ระบายความอัดอั้นออกมา
“มีผมอยู่ด้วย คุณจะไม่เป็นอะไร ผมสัญญา”
“ขอบคุณนะ ถึงจะรู้ว่าคุณแค่ปลอบใจ ถ้าพวกมันตามมาคุณหนีเอาชีวิตรอดไปก่อนได้เลย ฉันจะไม่เป็นภาระคุณ ไม่อยากเห็นใครตายต่อหน้าอีกแล้ว”
ภาพนักท่องเที่ยวถูกยิงตายบนเขายังติดตาไม่หาย ทำให้หญิงสาวสะเทือนใจไม่น้อย และคงจะติดตาไปตลอดชีวิตจากนี้ ต่อให้อยากลืมมากแค่ไหนก็ไม่อาจลบภาพความทรงจำนั้นไปได้
“อย่าคิดมากสิ พวกเขาแค่โชคร้ายถ้าออกจากที่นี่ไปได้ ผมจะช่วยคุณจับพวกมันมาลงโทษแก้แค้นให้คนพวกนั้นให้ได้”
เขาบอกน้ำเสียงหนักแน่น แต่อังวรีคิดว่าเป็นเพียงพูดปลอบโยนเพื่อให้เธอสบายใจขึ้นเท่านั้น
คำพูดแสนธรรมดาทำเธอสะอึก หวนนึกถึงเหตุการณ์นักท่องเที่ยวโดนยิงต่อหน้าเธอผุดขึ้นมาฉายซ้ำไปซ้ำมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
“คุณเป็นคนดีใช่มั้ย”
ใบหน้าสวยถามน้ำเสียงเธออ่อนแรงเต็มที ก่อนพูดต่อ
“ช่างเถอะยังไงฉันก็คงต้องตายอยู่ดี จะดีไม่ดีก็ไม่สำคัญแล้ว”
เธอบอกน้ำเสียงหมดหวัง
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“เพราะฉันได้ยินพวกนั้นพูด ยังไงก็ต้องเก็บฉันให้ได้ นั่นหมายถึงต้องฆ่าให้ได้ ส่วนคุณ คนดีที่ไหนจะมาอยู่ในป่ากลางดึกกลางดื่นแบบนี้จริงมั้ย”
“แล้วทำไมพวกนั้นต้องฆ่าคุณด้วยล่ะ”
“ปิดปากไง”
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงหลังอังวรีติดต่อเพื่อนสนิทได้ พริมพาก็มาปรากฏตัวที่รีสอร์ต โดยมาพร้อมผู้กำกับแทนคุณที่อาสาพาเธอมาส่ง ระหว่างทางผู้กำกับหนุ่มได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พริมพาฟังบ้างแล้ว“คุณจะรอในรถก่อนมั้ย” ผู้กำกับหนุ่มถามเพราะคุ้นชินกับคนที่นี่“ไม่ค่ะ ฉันจะลงไปด้วย”“ครับ งั้นตามผมมา”“สวัสดีค่ะผู้กำกับมาหาพ่อเลี้ยงหรือคะ” มาริสากล่าวทักทาย“ครับ พ่อเลี้ยงอยู่มั้ย”“พ่อเลี้ยงประชุมอยู่ค่ะ”“แล้วคุณอิ้งค์อยู่ที่นี่หรืออยู่ที่บ้าน”“อยู่ที่นี่ค่ะ ในห้องทำงานพ่อเลี้ยง”“ห้องไหนคะ”พอรู้ว่าเพื่อนรักอยู่ที่นี่ พริมพารีบพูดแทรกถามด้วยความร้อนใจ มาริสามองหน้าผู้กำกับหนุ่มสลับมองหน้าหญิงสาวแปลกหน้า เพื่อขอความเห็น เมื่อผู้กำกับแทนคุณพยักหน้า มาริสาจึงพาทั้งสองไปหาอังวรีที่ห้องทำงานของพ่อเลี้ยง“ยัยอิ้งค์”“พริม”สองสาวโผเข้าสวมก่อนกันด้วยความโล
การที่คิมหันต์พาอังวรีมาเปิดตัวที่รีสอร์ตทำให้เหล่าพนักงานพากันคิดไปต่าง ๆนานาส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเธอคนนี้คือผู้หญิงของพ่อเลี้ยงแน่นอน เพราะพ่อเลี้ยงไม่เคยพาหรือควงผู้หญิงคนไหนมาที่นี่แบบนี้มาก่อน ยกเว้นรตาเพื่อนสาวคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก“เห็นผู้หญิงสวยๆที่มากับพ่อเลี้ยงมั้ย พวกเธอว่าเป็นใคร”“จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็ว่าที่แม่เลี้ยงของไร่นี้ไง”“จะเป็นไปได้เหรอ”“เป็นไปได้อย่างมากเลยล่ะ พวกเธอเคยเห็นพ่อเลี้ยงพาสาวที่ไหนมาเปิดตัวแบบนี้มั่งมั้ยล่ะ นี่คนแรกเลยนะที่ได้ยืนใกล้แถมถูกพ่อเลี้ยงประคองอีกต่างหาก พูดแล้วก็อิจฉา”“พูดถึงก็ดูเหมาะสมกันดีนะ สวยน่ารัก แต่งตัวธรรมดาดูเป็นกันเองไม่ถือตัวเหมือนพ่อเลี้ยง”“แต่เห็นคนในไร่พูดกันว่าเป็นนักท่องเที่ยวในข่าวนะ”“จะเป็นใครก็ช่างอย่าไปอยากรู้กันนักเลย เรื่องของเจ้านาย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวเตือนเพื่อนร่วมงาน ให้สาวๆขี้เมาท์แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเหตุการณ์ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวถูกสังหารหมู่ บนจุดชมวิวเปิดใหม่ของไร่คิมหันต์ เป็นข่าวใหญ่โตดังไปทั่วประเทศ ออกข่าวทีวีช่องหลักทุกช่อง ถึงสำนักข่าวจะช่วยป
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่อังวรีอาศัยอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้ ตอนนี้อาการของเธอดีขึ้นจนเกือบจะหายดี วันนี้หญิงสาวตั้งใจจะเดินลงไปชมรอบ ๆบ้านด้วยตนเองเสียหน่อย“คุณอิ้งค์ ทำไมเดินลงมาเองละคะ” ป่านทองถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาเอง“อิ้งค์ดีขึ้นมากแล้วค่ะป้าป่าน เลยอยากลองเดินด้วยตัวเองบ้าง”“แล้วนี่กำลังจะไปไหนคะ”“อิ้งค์อยากเดินดูรอบ ๆบ้านหน่อยค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย”“ถ้าอย่างนั้นอย่าเดินไปไกลนะคะ เดี๋ยวหกล้มเป็นอะไรขึ้นมาพ่อเลี้ยงจะมาว่าป้าได้”“ค่ะ อิ้งค์จะระวังป้าป่านไม่ต้องกังวลไปนะคะ”เมื่อรับปากแล้วคนตัวเล็กก็เดินชมรอบ ๆบ้าน เป็นบรรยากาศที่ชาวคนเมืองอย่างเธอใฝ่หา อากาศบริสุทธิ์หายใจเข้าแล้วสดชื่นบ้านหลังนี้เป็นบ้านสวนสองชั้นครึ่ง ทรงสูงหลังไม่ใหญ่มาก ชั้นล่างมีห้องครัวเล็ก ๆ ห้องรับแขกและห้องทำงาน แต่ละชั้นเพดานยกสูงเป็นพิเศษทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย ด้านบนเป็นพื้นที่ส่วนตัวมีเพียงห้องเดียวสำหรับไว้นอนเป็นห้องกว้างๆ มีพื้นที่ส่วนกลางสำหร
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องสว่างต้อนรับวันใหม่ แสงเหลืองทองกระทบใบหน้างาม ดวงตาโตกลมตื่นลืมตาขึ้น เห็นตัวเองนอนอยู่เคียงข้างเจ้าของบ้าน ก็พอเดาได้ว่าเมื่อคืนเขาและเธอผล็อยหลับไปด้วยกันทั้งคู่บนนี้ ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นหมายจะกลับห้องไปอย่างเงียบๆ แต่ก่อนหน้านี้บิดขี้เกียจเสียงดังไปหน่อยทำให้คนนอนข้างๆตื่นไปด้วย“นั่นคุณจะไปไหน”“จะกลับห้องค่ะ”“เดี๋ยวผมไปส่ง”“ฉันว่า ฉันพอเดินเองได้แล้ว คุณไม่ต้องอุ้ม...อุ๊ย!” ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ พูดจบร่างน้อยก็ถูกคนตัวโตช้อนอุ้มขึ้นมาแล้ว“ไม่อยากหายแล้วกลับบ้านไว ๆหรือครับ เดินมากแผลจะยิ่งอักเสบเอานะ”“คุณคงอยากให้ฉันกลับแล้ว”“ผมหมายความว่า เดินมากแผลจะอักเสบ ให้ผมอุ้มดีกว่า ถ้าหายแล้วคุณจะอยู่ให้ผมอุ้มไปตลอดชีวิตเลยก็ยังได้ ผมไม่ติดอะไร”“ใครเขาจะอยู่ให้คุณอุ้มไปตลอดชีวิตกันเล่า”“ผมพูดเปิดทางไว้ เผื่อคุณสนใจ” พูดจบร่างสูงอุ้มพาคนในอ้อมกอด เดินลงไปส่งยังห้องนอน
เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปไกล คนอยากรู้ย้ำถามอีกครั้ง อังวรีมองจ้องสบตาเข้าไปในดวงตาคู่คม แววตาเขาเป็นประกายอยากรู้เรื่องเธอเสียเหลือเกิน จึงเอ่ยตอบไปให้หายสงสัย“ก็คงเพราะวันๆทำแต่งานมั้งคะ เลยไม่มีเวลาเจอใคร”“แล้วถ้าเจอคนมาจีบตอนนี้จะทำยังไงครับ”“ก็ต้องดูว่านิสัยเข้ากันได้มั้ย ที่สำคัญคนที่มาจีบต้องโสดจริง ฉันไม่อยากมีปัญหาทีหลังค่ะ”เธอเน้นในประโยคสุดท้ายน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นคนรักความสงบ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ชอบเรื่องที่ควบคุมไม่ได้“แล้วคุณชอบคนที่อายุมากกว่าหรืออายุน้อยกว่า”“ชอบผู้ชายอบอุ่นค่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปกป้องฉันได้สามารถอยู่ด้วยกันในเวลาที่ฉันต้องการได้ อายุไม่สำคัญถ้าเด็กกว่าแต่นิสัยไม่เด็กก็ใช้ได้”“แล้วมีคนมาจีบบ้างมั้ยครับ”“ก็มีบ้างค่ะ”“แล้วมีใครเข้าตาหรือยัง”“ยังค่ะ”อังวรียู่ปากใส่คนถาม คิ้วบางขมวดเพ่งมองอย่างสงสัยเมื่อคนตัวโตถามลึกเกินไปแล้ว“ถามเยอะขนาดนี้ อย่าบอกนะคะ ว่าคุณกำลังคิดจะจีบฉันน่ะ”ปากไวเท่าความคิดรู้ตัวอีกทีก็เปล่งคำถาม ถามกลับไปแล้
“สวยจังเลยนะคะ คุณคงขึ้นมาบนนี้บ่อย”“ก็ทุกครั้งที่มีเรื่องเครียด แค่ได้มาอยู่บนนี้ มันเหมือนได้หยุดเรื่องเครียดๆพวกนั้นไว้”“ถึงจะรู้ว่าปัญหาที่ทำให้เครียดยังอยู่เหรอคะ”“ครับ อย่างน้อยการได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ มันก็ทำให้มีสติในการแก้ไขปัญหามากขึ้น”“วันนี้ก็ด้วยหรือคะ”“วันนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณต่างหาก”คำตอบของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำหัวใจดวงน้อยพองโต รู้สึกซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจความรู้สึกของเธอมากถึงเพียงนี้“ขอบคุณนะคะ”“มาขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ”“ทุกเรื่องเลยค่ะ ทุกเรื่องที่พ่อเลี้ยงทำให้ ขอบคุณมากจริงๆนะคะ”“คุณนี่ไว้ใจคนง่ายจังนะครับ”“ก็ไม่ง่ายนะ”“แต่คุณกำลังไว้ใจผม”“นั่นก็เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเชื่อใจคุณได้ ถ้าคุณจะทำอะไรฉันก็คงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่แบกคนแปลกหน้าที่ไม่เห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ลงจากเขามาหรอก แถมเลี้ยงดูให้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้อีกต่างหาก”“ผมอาจกำลังทำให้คุณตายใจอยู่ก็ได้”“พูดแบบนี้คือต้องให้ฉันระวังคุณไว้ใช่มั้ย” อังวรียิ้มกรุ้มกริ่ม“แต่ฉันสัมผัสได้ว่าคุณเป็นคนดี”“แล้วถ้าผมไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดล่ะ”“ดี ไม่ดีใครเป็นคนตัดสินล่ะคะ เรื่องแบบนี้ก







