Masuk4 ปีผ่านไป กนกนารีก็ยังเดตไม่เสร็จ
มันช่างเป็นระยะเวลาดูใจที่ยาวนาน...นานจนอยากจะท้อ เวลาเดินเร็วก็จริงแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับภัทรช้าเฉื่อยเหมือนหยุดนิ่ง นอกจากเซ็กส์ที่เร่าร้อนตามสัญชาตญาณดิบ ทุกอย่างเย็นชาไปเสียหมด
It’s complicated หรือไอ้สถานะความสัมพันธ์แบบซับซ้อน อธิบายยากมันมีอยู่จริง หรือไม่ก็เป็นเธอเองที่หลีกเลี่ยงจะยอมรับความจริงว่าอยู่กับเขาแบบ ‘ไร้สถานะ’
หญิงสาวถอนหายใจมองผู้คนในโรงพยาบาลรัฐบาลที่เริ่มบางตาลงบ้างเมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ของวัน กนกนารีและเพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกันจึงมีเวลาหายใจหายคอบ้าง ปีสุดท้ายของการเรียนเภสัชศาสตร์จะเป็นการฝึกงานในสถานที่ต่าง ๆ เวียนกันไปในแต่ละผลัดเพื่อเรียนรู้จากการทำงานจริง
“เย็นนี้กินซูชิกันไหมเฟิร์น” คิรินเอ่ยปากชวนหญิงสาวเพราะสังเกตว่ากนกนารีดูไม่ค่อยร่าเริงมาพักใหญ่ เขารู้จักกับเธอมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เป็นเพื่อนร่วมเรียนกันจนมารู้ใจตัวเองตอนปีที่สอง จะสารภาพรักก็มารู้ว่าหญิงสาวกลายเป็นผู้หญิงของคนอื่นไปเสียแล้ว จึงได้แต่แอบรักแอบหวังอยู่เงียบ ๆ
“คีย์ไม่มีนัดเหรอ แปลกมาก” กนกนารีลากเสียงยาว แซวเพื่อนที่เป็นเดือนคณะคู่กันกับเธอที่เป็นดาว แต่คิรินถือว่าเป็นหนุ่มพ็อปในหมู่นักศึกษาทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเพราะบุคลิกที่โดดเด่น ยิ่งเขาเก็บตัวเหมือนเข้าถึงยาก สาว ๆ ยิ่งรู้สึกว่าเขาสูงส่งจนเก็บเอาไปเพ้อพก กนกนารีแอบยิ้มเมื่อนึกไปว่าเพื่อนคนนี้มีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกันกับภัทร ที่จริงคิรินน่ารักกว่าภัทรเยอะมาก หรือจะให้พูดตรง ๆ ก็คือผู้ชายทั้งโลกน่ารักกว่าภัทรทั้งนั้น แต่เธอดันหลงรักอยู่เพียงแค่ภัทรคนเดียว
“แปลกยังไง ก็คีย์โสด ว่างตลอด”
“งั้นแป๊บนะ” กนกนารีรีบส่งข้อความผ่านไลน์ไปหาภัทร ชวนเขาไปกินซูชิ หรือถ้าเขาจะกลับเพนต์เฮาส์เธอก็อยากไปรอกินข้าวเย็นด้วย ถึงยังไงผู้ชายคนนี้ก็เป็นที่หนึ่งในใจ แต่ภัทรตอกกลับมาจนหน้าหงายว่า ‘หยุดวุ่นวายสักที’
“จ๋อยเชียว คนนั้นเขาไม่ว่างเหรอ” คิรินถามทั้งที่แปลบปลาบอยู่ในอก
“อืม เราไปกินข้าวเย็นกับคีย์ดีกว่า”
“ดีกว่าอยู่แล้วล่ะ” ไม่ใช่แค่เรื่องกินข้าว เขาจะดีกับเธอให้มากกว่าผู้ชายคนนั้นทุกอย่าง ขอเพียงสักครั้งหากมีโอกาส คิรินได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายใน ขณะพาหญิงสาวไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลที่ทั้งคู่มาฝึกงาน
“คีย์ อยู่คนเดียวเหงาไหม” กนกนารีเอ่ยปากเมื่อสังเกตได้ว่าคิรินออกมาอยู่คอนโดเพียงลำพัง แต่เขาไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลยตั้งแต่รู้จักกันมา จนกระทั่งปีที่หกซึ่งเป็นปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา
“ก็มีบ้างนะ” นักศึกษาเภสัชปีสุดท้ายชะลอรถและเหยียบเบรกในจังหวะติดไฟแดง ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เฟิร์นล่ะ อยู่กับผู้ชายคนนั้นเบื่อบ้างไหม”
“ไม่อะ กลัวเขาจะเป็นฝ่ายเบื่อเราซะมากกว่า” คราวนี้กนกนารีหัวเราะแหะ ๆ บอกเสียงอ่อย
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น เฟิร์นน่ารักมากนะ” อย่าด้อยค่าตัวเองเลย เธอเลอค่าในสายตาเขาเสมอ คิรินบีบพวงมาลัยในมือให้แน่นขึ้น นึกสาปแช่งไอ้ไฮโซภัทร เย็นชาและร้ายลึกแบบนั้น ไม่เหมาะกับกนกนารีเลยสักนิด
“คีย์ เฟิร์นถามอะไรหน่อย”
“ว่ามาสิ”
“คีย์ว่าความพยายามมันใช้กับความรักได้หรือเปล่า” หญิงสาวรู้ว่าตัวเองธรรมดา หลายอย่างที่ไขว่คว้าไว้ในมือตอนนี้ก็มาจากความเชื่อว่าทำได้ แล้วพยายามอย่างยิ่งยวดเอาทั้งนั้น เพียงแต่พักนี้เธอเริ่มไม่มั่นใจกับอะไรเลย มีหลายสิ่งที่ทำให้ตัวตนของเธอเล็กลงเรื่อย ๆ “คีย์ว่ามันจะได้ผลไหม”
คิรินไม่ได้ตอบในทันที เขาเลือกจะเบนหน้าไปมองซูเปอร์คาร์ที่จอดติดไฟแดงขนานกันอยู่ หญิงสาวสวยจัดในชุดสีเขียวมะกอกลดกระจกลง ใช้มือซ้ายคีบบุหรี่ พ่นควันลอยขึ้นไปในอากาศและจางหายไปอย่างรวดเร็ว
วูบหนึ่งคิรินนึกสงสารทั้งกนกนารีและตัวเองพิลึก เขาอยู่ในสังคมเดียวกันกับภัทร และภัทรบอกคนทั้งโลกว่าตัวเองยังโสด ชายหนุ่มคนนั้นใช้ชีวิตอิสระ หัวหกก้นขวิด เปิดบาร์ราคาแพงไว้เป็นงานอดิเรกของคนรวย มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง โลกของภัทรเปิดกว้างเพื่อรับใครต่อใครเข้ามาได้หมด ในขณะที่โลกทั้งใบของกนกนารีมีแต่ภัทร
ส่วนเขาก็น่าจะย่ำแย่ที่สุดเพราะหลงเป็นดาวบริวารของกนกนารีอีกต่อ...หมุนรอบตัวเธอ เฝ้ามอง รอคอย แต่วงโคจรก็ยังมีระยะห่างกว้างเท่าเดิมไม่เคยเปลี่ยน...
“คีย์ภาวนาให้มันได้ผล” เขาตอบเสียงเบาลง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไร้ค่า ไร้ความหมาย
อย่าว่าแต่ได้ความรักตอบกลับมาเลย แค่จะให้กนกนารีมองเห็นหัวใจเขาบ้าง ยังฟังดูเป็นเรื่องที่เลือนรางยิ่งกว่าควันบุหรี่ที่ละลายในสายลม
หลังจากคุณหญิงรสรินทร์หอบหิ้วเด็กหญิงฟองสมุทรออกไปเล่นที่สวนหลังบ้านเพราะไม่อยากให้หนูน้อยจดจ่ออยู่กับการดูการ์ตูนอย่างเดียว ทั้งบ้านก็เงียบลง…เจ้าสัวภพและท่านผู้หญิงนวลปรางค์ถูกอัปเปหิไปใช้ชีวิตที่โคราช โดยมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด หลายครั้งที่บิดาเพียรโทร.หาภัทรในช่วงแรกให้ช่วยเกลี้ยกล่อมมารดา แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สิ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้คือพาลูกสาวและภรรยาไปเยี่ยมในช่วงวันหยุดตามแต่โอกาสสมควร ตราบใดที่บิดาและย่าของเขายังพยายามร้องขออำนาจและโหยหามันมากกว่าความเป็นครอบครัว ก็คงต้องอยู่กันแบบนี้แหละ… ภัทรถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาออเซาะภรรยาคนสวยที่เพิ่งเก็บไอแพดโปรในตำนานเข้ากล่องไว้อย่างดี“ภาพหน้าจอโทรศัพท์ผมน่ารักไหม”“น่ารักมากเลยค่ะ” ภาพที่ว่าเป็นรูปถ่ายของเธอที่กำลังนั่งเล่นทรายกับลูกสาวที่แต่งตัวเป็นเงือกตัวน้อยบนชายหาด เขาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวพัทยามาเมื่อสองวันก่อนนี่เอง“แล้วเฟิร์นใช้ภาพไหนครับ”“อืม เปลี่ยนไปเรื่อยเลยค่ะ”ภัทรหยิบเอาสมาร์ตโฟนของภรรยามาถือไว้ พร้อมกับเหลือบมอง นอกจากเปลี่ยนไอแพดใหม่ให้ลูกสาว ภัทรก็ถือโอกาสซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ภรรยาอีกครั้ง ทุกวันน
เด็กหญิงฟองสมุทรกำลังจดจ่อกับตัวเทเลทับบีส์ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมที่บิดาเพิ่งซื้อมาให้ใหม่แทนไอแพดเครื่องเดิมที่เก่าจนช้าต่อการใช้งาน ดูจบตอนเด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามารดาของตนเองกำลังเช็ดทำความสะอาดไอแพดเครื่องเก่าอยู่…“คุณแม่ขา จะเอาไปไหน” เด็กหญิงขี้สงสัยชี้ไปที่จอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่พื้นหลังของมันเป็นสีเงิน“เก็บเข้ามิวเซียมค่ะ” กนกนารีตอบพลางอมยิ้ม สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ไหวหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะหันไปมองบุคคลต้นเรื่องที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งหมด“ค่า” เด็กน้อยเออออตามมารดา ก่อนจะก้มลงกดเลื่อนคลิปต่อไปในขณะที่กนกนารีมองไอแพดในมือด้วยดวงตาที่อ่อนแสง…หลังแต่งงานได้สองวัน เธอก็เริ่มจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าบนเพนต์เฮาส์ของเขา และก็ดันเจอกับกล่องสุ่มของแพร์รี่เพิร์ลที่ถูกเก็บเข้าตู้ไว้รอเธอ“คุณภัทร ยังเก็บไว้อีกเหรอคะ” กนกนารีหันมาถามสามีป้ายแดงที่เดินตามเข้ามาและช่วยยกกล่องทั้งสองออกมาให้ที่หน้าโซฟา“แกะดูสิครับ” ภัทรเลื่อนกล่องใหญ่กว่ามาให้ตรงหน้า หน้าตาเขาดูตื่นเต้นผสมคาดหวัง“ถ้าเป็นของกินคงหมดอายุไปแล้วแน่ ๆ” หญิงสาวบ่นงึมงำพลางแกะกล่อง เพราะจากวันที่เธอซื้อกล่องสุ่มจ
เมื่อ 5 ปีก่อน“มาอีกแล้ว รูปหล่อ” หญิงวัยกลางคนหัวหน้าสถานีอนามัยทักขึ้นพร้อมกับมองลอดแว่น ภัทรรู้สึกได้ทันทีว่าคะแนนของเขาในฐานะพ่อค้าเร่คงค่อนข้างติดลบกว่าหนุ่มคนอื่นที่มาติดพันกนกนารีอยู่หลายขุมทีเดียว“ครับ” ชายหนุ่มเพียงรับคำสั้น ๆ พอหัวหน้าของหญิงสาวเดินหายลับไปแล้ว เขาก็หันมาหาเธอ ขยับจะเอ่ยปากว่าคิดถึงสักคำ รถพิกอัปสีส้มสดก็เลี้ยวเข้ามาจอดพร้อมกับชายในชุดสีกากีก้าวลงมา ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กนกนารีมาแต่ไกล“เรื่องเอกสารของเฟิร์นเรียบร้อยแล้วนะครับ”“ขอบคุณคุณปลัดมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือของข้าราชการหนุ่ม เหลือบตามองตามเมื่อนักธุรกิจชื่อดังของเมืองหลวงเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา ส่วนปลัดอำเภอคนดีก็มองหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สลับกับหันมองหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ที่สุดกนกนารีก็ต้องเอ่ยแนะนำ“คุณภัทรคะ นี่คุณปลัดตั้ม เพื่อนเฟิร์น” จบคำแนะนำของหญิงสาว ปลัดหนุ่มก็หน้าเจื่อนลง“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปลัด” ภัทรยิ้มร้ายกาจใส่ ก็แค่เพื่อนล่ะวะไอ้น้อง“ส่วนนี่ คุณภัทร…เอ่อ…พี่ชายเฟิร์นค่ะ”คราวนี้คนที่เพิ่งยิ้มร้ายคล้ายจะเห
ลู่ทางไม่มี มีแต่ไหล่ทาง…วนหาโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงกับการให้จอดรถเพื่อเข้าไปซุกหัวนอน ทว่าไม่มีเลย หมู่บ้านแห่งนี้มันเล็กและไร้ความเจริญอย่างแท้จริง สุดท้ายเขาก็มาจอดรถริมไหล่ทาง ไม่ห่างจากบ้านที่ กนกนารีอาศัยอยู่ ถึงจะนอนในรถได้ แต่คนต้องกินต้องขับถ่าย…เขาจะหาที่ซุกหัวนอนตรงไหนดี ปั๊มน้ำมันก็ยังต้องหมุนด้วยมืออีกต่างหาก…นี่มันประเทศเดียวกับประเทศกรุงเทพฯ แน่หรือ“วิณณ์ มึงไม่สนใจมาลงทุนอสังหา พัฒนาโครงการทางเหนือบ้างเหรอ” นั่งเงียบ ๆ ในรถ แง้มกระจกไว้ ดับเครื่องแล้วโทร.หาเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์“ฮะ อะไรนะ ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่ได้ยิน”“นี่มึงไม่ได้ยินจริง ๆ หรือแกล้งกู” คำตอบคือการหัวเราะลั่นของปลายสาย ภัทรกลอกตามองบน มุมปากกระตุกไปหลายที“นี่ไอ้ภัทร กูว่านะ มึงรีบจีบน้องหนูเฟิร์นกลับมาให้เร็ว ง่ายกว่ารอความเจริญไปถึงว่ะ”“แต่ตอนนี้กูไม่มีที่นอนไง” ภัทรบอกกร่อย ๆ ความจริงก็เหงาด้วย“นอนในรถสิ” เพื่อนสนิทตอบกลับส่ง ๆ“ที่ขี้กูล่ะ”“โอย ไอ้ภัทร มึงก็แกล้งปวดขี้ ไปขอน้องเฟิร์นเข้าส้วมสิโว้ย แค่นี้นะ กูจะหวานกับเบบี๋ของกูมั่ง” พูดจบก็ตัดสายไปโดยไม่รอการตอบกลับ ภ
เด็กหญิงฟองสมุทรที่เพิ่งรู้จักที่มาของชื่อ นั่งวาดรูปตนเองเป็นดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอมฟ้าแบบที่คนเป็นพ่อชี้ให้ดูในสวนรอบบ้านเที่ยวไล่ถามย่าบ้าง แม่บ้าง รวมถึงพ่อว่าตนเองสวยไหม ภัทรนัยน์ตาอ่อนแสง หัวใจยวบยาบเอนลู่ลงเหมือนไม้อ่อนที่ถูกน้ำฝน แต่ก็ชื่นฉ่ำไปทั้งร่างเช่นเดียวกัน“สวยมากเลยค่ะ”“งั้นให้คุณพ่อ เก็บรูปน้องฟองไปเลย” เด็กหญิงส่งกระดาษที่วาดด้วยตนเองให้บิดา ก่อนจะลุกขึ้นมาขดตัวบนตักอย่างออดอ้อน พอเพลียเข้าก็หลับลึกจนภัทรต้องอุ้มไปเข้านอนในห้องสีม่วงอมฟ้าที่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่รู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ชายหนุ่มกลับเข้าห้องของตนเอง อาบน้ำอาบท่าแล้วก็เดินทะลุห้องแต่งตัวกลับมาที่ห้องนอน กนกนารีนั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง สายตาจับจ้องที่สมาร์ตทีวี ภรรยาสาวสวยของเขายังคงนั่งดูไลฟ์สดของแม่ค้าคนเดิมและตั้งท่าเตรียมจะซื้อของอีกตามเคย“เฟิร์น” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีต่อการปรากฏตัวของเขา นี่กระผมกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไปแล้วหรือไร ภัทรถามตัวเองในใจขำ ๆ ลองว่าจะซื้อของแล้วล่ะก็ กนกนารีก็ไม่อยากจะสนใจอย่างอื่นทั้งนั้น แต่เขาไม่ยอม…ชายหนุ่มยกแล็ปท็อปมาวางบนตัก ทรุดนั่งด้านข้าง เหลือบตามอ
หลังแต่งงานได้หนึ่งปี เฟิร์นกนกนารีก็เริ่มออกดอก…ภัทรดีใจมากและตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวจากเพนต์เฮาส์กลับมาอยู่คฤหาสน์พงศ์พีระอีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมสนามหญ้าให้ลูกวิ่งเล่น อีกประเด็นสำคัญก็เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาด้วยเช่นกันคุณหญิงรสรินทร์ก็ยังเป็นคุณหญิงรสรินทร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาอยู่วันยังค่ำ พอกนกนารีคลอดลูกสาวให้เขา เด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวปากแดง ดวงตาดำขลับก็กลายเป็นหัวใจของบ้านไปทันที…ภัทรมองหญิงสาวผิวน้ำนมที่จูงมือลูกสาวในวัยเพิ่งเข้าโรงเรียน เดินตรงมายังโต๊ะสีขาวที่เขานั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน เพราะวันนี้ประชุมปิดไตรมาสจบได้ก่อนเวลา เขาจึงกลับมานั่งรอลูกสาวทันเวลาเลิกเรียน“คุณพ่อขา น้องฟองมาแล้ว” “ขา พ่ออยู่นี่” นั่นไงลูกสาวเขาเอง เสียงมาก่อนตัวเสมอ แถมขี้อ้อนไม่ต่างจากยายเฟิร์นเลยสักนิด คนเป็นพ่อหัวใจอ่อนยวบ แล้วอ้าแขนรอรับลูกสาวตัวน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมถ้วยฟู แต่เป็นเวอร์ชันถ้วยเล็ก ๆ “เอ้า ฮึบ ขึ้นมาเลย”ชายหนุ่มก้มตัวลง รับลูกสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก แล้วหอมไปบนศีรษะและแก้มที่มีกลิ่นแป้งเด็กอบอวลไปหมด“วันนี้กลับเร็วจังค่ะ” เป็นเสียงของคนเป็นแม่ที่ถา







