Masukเวลาเป็นนิรันดร...
กนกนารีเหมือนได้ยินตัวเองกลับไปท่องทฤษฎีทางฟิสิกส์ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพียงแค่ไม่มีใครที่จะอยู่เป็นนิจนิรันดรคู่กับเวลา
เธอเพิ่งอายุยี่สิบปี เพิ่งเคยเข้ามาในสถานบันเทิงแบบผู้ใหญ่ และก็มีเซ็กส์ครั้งแรกโดยการตัดสินใจด้วยตนเอง กนกนารีไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก แต่เธอยอมรับว่าภัทรพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเวลามักเดินเร็วกว่าที่เรารู้สึก...
กนกนารีขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแทนวงแขนที่โอบกอดรัดรึงเธออยู่ทั้งคืน พื้นที่ข้างตัวว่างเปล่าแต่ยังเหลือไออุ่นจาง ๆ จากร่างกายของภัทรที่ทิ้งไว้ เสื้อผ้าของเขาถูกพาดลวก ๆ บนพนักเก้าอี้ ในขณะที่ชุดคอสเพลย์นางเงือกและวิกผมสีแดงสดของเธอวางเป็นระเบียบอยู่ปลายเตียง
เขาคงเก็บขึ้นมาพับให้ เพราะเมื่อคืนมันถูกโยนไปคนละทิศละทาง...
การนอนกับเขาง่าย ๆ อาจจะพลาด แต่เธอเองก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขาอีกเหมือนกัน นั่นก็คือการพลาดในอีกรูปแบบหนึ่ง...ชั่งน้ำหนักดูแล้ว เธอแค่ไม่อยากย้อนกลับมาเสียดายทีหลัง ส่วนจะเสียใจในวันหน้าหรือเปล่า ก็ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
กนกนารีหยุดความวิตกของตนเองและเปลี่ยนสายตาไปมองร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวหนาแน่น กล้ามท้องเป็นลอนแบบคนออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างดี หยดน้ำเล็ก ๆ ที่เกาะปลายผมสั้นรองทรงของเขาร่วงลงที่หางคิ้ว ภัทรใช้มือปาดเช็ดแล้วเสยผมตัวเองลวก ๆ
ผู้ชายในฝันของใครหลาย ๆ คนรวมทั้งตัวเธอเองมายืนหัวเปียกอยู่ตรงหน้า กนกนารีถึงกับแอบหยิกแขนว่าไม่ได้กำลังฝันเฟื่องอยู่ และเมื่อเขาส่งยิ้มพราวมาให้ ยามเช้าในห้องเชือดของบาร์ราคาแพงก็เรื่อเรืองสว่างไสว กนกนารีเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางเงือกน้อยในนิทานปรัมปราถึงยอมตัดสินใจแลกเสียงใส ๆ เพื่อไปยืนเคียงข้างเจ้าชายแบบโง่เขลา
ความหลงใหลมันรุนแรงเหลือเกิน มากกว่านั้นคือเธอกำลังคาดหวังในตัวเขาจนถึงขั้นละโมบ...
“คุณภัทรคะ” กนกนารีเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน แสงสว่างในยามกลางวันทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงแอเรียลในนิทาน ทั้งที่วิกผมสีแดงและชุดนางเงือกถูกปลดออกจากร่างไปแล้ว คงเป็นเพราะความไร้เดียงสาและดวงตากลมโตระยับยิ้ม
ภัทรเพิ่งสังเกตลักยิ้มข้างแก้มที่บุ๋มลงและฟันกระต่ายน่ารัก สาบานได้ว่าถ้าเขาพบเธอสภาพแบบนี้มาก่อนในตอนกลางวัน เขาคงยั้งใจอย่างมากเพราะกลัวจะต้องขึ้นศาลฐานพรากผู้เยาว์...
ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียงอย่างนุ่มนวลแต่ก็ระมัดระวังตัวอยู่ในที สิ่งที่น่าปวดประสาทที่สุดหลังมีเซ็กส์กับผู้หญิงเวอร์จินคือการคาดหวังถึงความพิเศษลึกซึ้ง เขาเคยประสบมาบ้างในสมัยวัยรุ่นจึงค่อนข้างขยาด คาดไม่ถึงว่านางเงือกแสนสวยเมื่อคืนจะเพิ่งขึ้นจากท้องทะเลมาให้เขาชิมเป็นคนแรก แล้วมันก็สนุกสุดเหวี่ยงจนหยุดกลางคันไม่ลง
“ว่าไงคะนางเงือกน้อย เมื่อคืนคุณน่ารักมาก” จนกระทั่งแนบเนื้อแนบหนังนัวกันมาทั้งคืน ภัทรก็ยังไม่รู้ชื่อแซ่ และไม่คิดจะถาม แต่เขาก็ยังพอรู้ว่าผู้หญิงชอบฟังคำหวานและการเอาใจ
“เอ่อ คือว่า...”
“ไหน อยากได้อะไรบอกผมได้นะครับ” สิ่งที่ภัทรไม่ได้โกหกคือผู้หญิงคนนี้น่ารักมากจริง ๆ โดยเฉพาะหน้าตา ส่วนรูปร่างก็นุ่มนิ่มเต็มมือในส่วนที่ควรจะเต็ม และบอบบางในส่วนที่ควรจะบาง
“คือ เฟิร์น...” หญิงสาวอึกอัก ทำปากขมุบขมิบ
ชื่อเฟิร์นสินะ ภัทรอมยิ้ม ที่แท้นางเงือกน้อยไม่ได้ชื่อแอเรียลแบบในนิทาน แต่เอาล่ะ คงถึงคราวบอกลากันเสียทีนะสาวน้อย “เฟิร์นพูดมาเลยครับ ผมยินดีนะ อย่างที่บอกคนน่ารักสมควรได้รับรางวัล”
“เฟิร์นอยากรู้จักคุณภัทรให้มากขึ้น”
สิ่งที่หญิงสาวบอกทำให้คนรักสนุกแต่ไม่ผูกพันแบบภัทรเกิดอาการน้ำท่วมปาก หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยกับความมุ่งมั่น จริงจังผ่านน้ำเสียงและแววตาเปิดเผยของเธอ
“ยังไงนะครับ” ชายหนุ่มเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง อย่าบอกนะว่าสัญญาลมปากของผู้ชายที่กำลังหื่นจนหน้ามืดตามัว เด็กคนนี้ดันยึดถือ เชื่อเป็นตุเป็นตะ...เอาแล้วไงกู งานงอก ภัทรอยากจะทึ้งหัวตัวเองเสียดื้อ ๆ
“เราเรียนรู้เรื่องเซ็กส์กันไปแล้ว พรุ่งนี้เราไปเดตกันนะคะ”
หลังจากคุณหญิงรสรินทร์หอบหิ้วเด็กหญิงฟองสมุทรออกไปเล่นที่สวนหลังบ้านเพราะไม่อยากให้หนูน้อยจดจ่ออยู่กับการดูการ์ตูนอย่างเดียว ทั้งบ้านก็เงียบลง…เจ้าสัวภพและท่านผู้หญิงนวลปรางค์ถูกอัปเปหิไปใช้ชีวิตที่โคราช โดยมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด หลายครั้งที่บิดาเพียรโทร.หาภัทรในช่วงแรกให้ช่วยเกลี้ยกล่อมมารดา แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สิ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้คือพาลูกสาวและภรรยาไปเยี่ยมในช่วงวันหยุดตามแต่โอกาสสมควร ตราบใดที่บิดาและย่าของเขายังพยายามร้องขออำนาจและโหยหามันมากกว่าความเป็นครอบครัว ก็คงต้องอยู่กันแบบนี้แหละ… ภัทรถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาออเซาะภรรยาคนสวยที่เพิ่งเก็บไอแพดโปรในตำนานเข้ากล่องไว้อย่างดี“ภาพหน้าจอโทรศัพท์ผมน่ารักไหม”“น่ารักมากเลยค่ะ” ภาพที่ว่าเป็นรูปถ่ายของเธอที่กำลังนั่งเล่นทรายกับลูกสาวที่แต่งตัวเป็นเงือกตัวน้อยบนชายหาด เขาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวพัทยามาเมื่อสองวันก่อนนี่เอง“แล้วเฟิร์นใช้ภาพไหนครับ”“อืม เปลี่ยนไปเรื่อยเลยค่ะ”ภัทรหยิบเอาสมาร์ตโฟนของภรรยามาถือไว้ พร้อมกับเหลือบมอง นอกจากเปลี่ยนไอแพดใหม่ให้ลูกสาว ภัทรก็ถือโอกาสซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ภรรยาอีกครั้ง ทุกวันน
เด็กหญิงฟองสมุทรกำลังจดจ่อกับตัวเทเลทับบีส์ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมที่บิดาเพิ่งซื้อมาให้ใหม่แทนไอแพดเครื่องเดิมที่เก่าจนช้าต่อการใช้งาน ดูจบตอนเด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามารดาของตนเองกำลังเช็ดทำความสะอาดไอแพดเครื่องเก่าอยู่…“คุณแม่ขา จะเอาไปไหน” เด็กหญิงขี้สงสัยชี้ไปที่จอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่พื้นหลังของมันเป็นสีเงิน“เก็บเข้ามิวเซียมค่ะ” กนกนารีตอบพลางอมยิ้ม สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ไหวหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะหันไปมองบุคคลต้นเรื่องที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งหมด“ค่า” เด็กน้อยเออออตามมารดา ก่อนจะก้มลงกดเลื่อนคลิปต่อไปในขณะที่กนกนารีมองไอแพดในมือด้วยดวงตาที่อ่อนแสง…หลังแต่งงานได้สองวัน เธอก็เริ่มจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าบนเพนต์เฮาส์ของเขา และก็ดันเจอกับกล่องสุ่มของแพร์รี่เพิร์ลที่ถูกเก็บเข้าตู้ไว้รอเธอ“คุณภัทร ยังเก็บไว้อีกเหรอคะ” กนกนารีหันมาถามสามีป้ายแดงที่เดินตามเข้ามาและช่วยยกกล่องทั้งสองออกมาให้ที่หน้าโซฟา“แกะดูสิครับ” ภัทรเลื่อนกล่องใหญ่กว่ามาให้ตรงหน้า หน้าตาเขาดูตื่นเต้นผสมคาดหวัง“ถ้าเป็นของกินคงหมดอายุไปแล้วแน่ ๆ” หญิงสาวบ่นงึมงำพลางแกะกล่อง เพราะจากวันที่เธอซื้อกล่องสุ่มจ
เมื่อ 5 ปีก่อน“มาอีกแล้ว รูปหล่อ” หญิงวัยกลางคนหัวหน้าสถานีอนามัยทักขึ้นพร้อมกับมองลอดแว่น ภัทรรู้สึกได้ทันทีว่าคะแนนของเขาในฐานะพ่อค้าเร่คงค่อนข้างติดลบกว่าหนุ่มคนอื่นที่มาติดพันกนกนารีอยู่หลายขุมทีเดียว“ครับ” ชายหนุ่มเพียงรับคำสั้น ๆ พอหัวหน้าของหญิงสาวเดินหายลับไปแล้ว เขาก็หันมาหาเธอ ขยับจะเอ่ยปากว่าคิดถึงสักคำ รถพิกอัปสีส้มสดก็เลี้ยวเข้ามาจอดพร้อมกับชายในชุดสีกากีก้าวลงมา ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กนกนารีมาแต่ไกล“เรื่องเอกสารของเฟิร์นเรียบร้อยแล้วนะครับ”“ขอบคุณคุณปลัดมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือของข้าราชการหนุ่ม เหลือบตามองตามเมื่อนักธุรกิจชื่อดังของเมืองหลวงเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา ส่วนปลัดอำเภอคนดีก็มองหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สลับกับหันมองหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ที่สุดกนกนารีก็ต้องเอ่ยแนะนำ“คุณภัทรคะ นี่คุณปลัดตั้ม เพื่อนเฟิร์น” จบคำแนะนำของหญิงสาว ปลัดหนุ่มก็หน้าเจื่อนลง“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปลัด” ภัทรยิ้มร้ายกาจใส่ ก็แค่เพื่อนล่ะวะไอ้น้อง“ส่วนนี่ คุณภัทร…เอ่อ…พี่ชายเฟิร์นค่ะ”คราวนี้คนที่เพิ่งยิ้มร้ายคล้ายจะเห
ลู่ทางไม่มี มีแต่ไหล่ทาง…วนหาโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงกับการให้จอดรถเพื่อเข้าไปซุกหัวนอน ทว่าไม่มีเลย หมู่บ้านแห่งนี้มันเล็กและไร้ความเจริญอย่างแท้จริง สุดท้ายเขาก็มาจอดรถริมไหล่ทาง ไม่ห่างจากบ้านที่ กนกนารีอาศัยอยู่ ถึงจะนอนในรถได้ แต่คนต้องกินต้องขับถ่าย…เขาจะหาที่ซุกหัวนอนตรงไหนดี ปั๊มน้ำมันก็ยังต้องหมุนด้วยมืออีกต่างหาก…นี่มันประเทศเดียวกับประเทศกรุงเทพฯ แน่หรือ“วิณณ์ มึงไม่สนใจมาลงทุนอสังหา พัฒนาโครงการทางเหนือบ้างเหรอ” นั่งเงียบ ๆ ในรถ แง้มกระจกไว้ ดับเครื่องแล้วโทร.หาเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์“ฮะ อะไรนะ ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่ได้ยิน”“นี่มึงไม่ได้ยินจริง ๆ หรือแกล้งกู” คำตอบคือการหัวเราะลั่นของปลายสาย ภัทรกลอกตามองบน มุมปากกระตุกไปหลายที“นี่ไอ้ภัทร กูว่านะ มึงรีบจีบน้องหนูเฟิร์นกลับมาให้เร็ว ง่ายกว่ารอความเจริญไปถึงว่ะ”“แต่ตอนนี้กูไม่มีที่นอนไง” ภัทรบอกกร่อย ๆ ความจริงก็เหงาด้วย“นอนในรถสิ” เพื่อนสนิทตอบกลับส่ง ๆ“ที่ขี้กูล่ะ”“โอย ไอ้ภัทร มึงก็แกล้งปวดขี้ ไปขอน้องเฟิร์นเข้าส้วมสิโว้ย แค่นี้นะ กูจะหวานกับเบบี๋ของกูมั่ง” พูดจบก็ตัดสายไปโดยไม่รอการตอบกลับ ภ
เด็กหญิงฟองสมุทรที่เพิ่งรู้จักที่มาของชื่อ นั่งวาดรูปตนเองเป็นดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอมฟ้าแบบที่คนเป็นพ่อชี้ให้ดูในสวนรอบบ้านเที่ยวไล่ถามย่าบ้าง แม่บ้าง รวมถึงพ่อว่าตนเองสวยไหม ภัทรนัยน์ตาอ่อนแสง หัวใจยวบยาบเอนลู่ลงเหมือนไม้อ่อนที่ถูกน้ำฝน แต่ก็ชื่นฉ่ำไปทั้งร่างเช่นเดียวกัน“สวยมากเลยค่ะ”“งั้นให้คุณพ่อ เก็บรูปน้องฟองไปเลย” เด็กหญิงส่งกระดาษที่วาดด้วยตนเองให้บิดา ก่อนจะลุกขึ้นมาขดตัวบนตักอย่างออดอ้อน พอเพลียเข้าก็หลับลึกจนภัทรต้องอุ้มไปเข้านอนในห้องสีม่วงอมฟ้าที่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่รู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ชายหนุ่มกลับเข้าห้องของตนเอง อาบน้ำอาบท่าแล้วก็เดินทะลุห้องแต่งตัวกลับมาที่ห้องนอน กนกนารีนั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง สายตาจับจ้องที่สมาร์ตทีวี ภรรยาสาวสวยของเขายังคงนั่งดูไลฟ์สดของแม่ค้าคนเดิมและตั้งท่าเตรียมจะซื้อของอีกตามเคย“เฟิร์น” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีต่อการปรากฏตัวของเขา นี่กระผมกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไปแล้วหรือไร ภัทรถามตัวเองในใจขำ ๆ ลองว่าจะซื้อของแล้วล่ะก็ กนกนารีก็ไม่อยากจะสนใจอย่างอื่นทั้งนั้น แต่เขาไม่ยอม…ชายหนุ่มยกแล็ปท็อปมาวางบนตัก ทรุดนั่งด้านข้าง เหลือบตามอ
หลังแต่งงานได้หนึ่งปี เฟิร์นกนกนารีก็เริ่มออกดอก…ภัทรดีใจมากและตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวจากเพนต์เฮาส์กลับมาอยู่คฤหาสน์พงศ์พีระอีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมสนามหญ้าให้ลูกวิ่งเล่น อีกประเด็นสำคัญก็เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาด้วยเช่นกันคุณหญิงรสรินทร์ก็ยังเป็นคุณหญิงรสรินทร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาอยู่วันยังค่ำ พอกนกนารีคลอดลูกสาวให้เขา เด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวปากแดง ดวงตาดำขลับก็กลายเป็นหัวใจของบ้านไปทันที…ภัทรมองหญิงสาวผิวน้ำนมที่จูงมือลูกสาวในวัยเพิ่งเข้าโรงเรียน เดินตรงมายังโต๊ะสีขาวที่เขานั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน เพราะวันนี้ประชุมปิดไตรมาสจบได้ก่อนเวลา เขาจึงกลับมานั่งรอลูกสาวทันเวลาเลิกเรียน“คุณพ่อขา น้องฟองมาแล้ว” “ขา พ่ออยู่นี่” นั่นไงลูกสาวเขาเอง เสียงมาก่อนตัวเสมอ แถมขี้อ้อนไม่ต่างจากยายเฟิร์นเลยสักนิด คนเป็นพ่อหัวใจอ่อนยวบ แล้วอ้าแขนรอรับลูกสาวตัวน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมถ้วยฟู แต่เป็นเวอร์ชันถ้วยเล็ก ๆ “เอ้า ฮึบ ขึ้นมาเลย”ชายหนุ่มก้มตัวลง รับลูกสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก แล้วหอมไปบนศีรษะและแก้มที่มีกลิ่นแป้งเด็กอบอวลไปหมด“วันนี้กลับเร็วจังค่ะ” เป็นเสียงของคนเป็นแม่ที่ถา







